HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: ยิ้มละไม ที่ 28 มกราคม, 2011, 10:24:10 pm
-
วันนี้ได้ทราบข่าวว่า คุณธีรวัฒน์ ซึ่งเป็นวิศวกรไฟฟ้า นักเล่นเครื่องเสียง และนักเขียนวิจารย์เครื่องเสียงและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ในเรื่องการวางระบบสายไฟ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้น จะมีมาบรรายายพิเศษ เกี่ยวกับการจัดระบบไฟฟ้าในบ้าน ไฟฟ้าในห้องดูหนังฟังเพลง ที่ถูกต้อง ควรทำอย่างไร วิธีการแก้ไขระบบไฟในบ้าน เพื่อให้ได้เสียงหรือภาพที่ดีขึ้น วิธีเลือกซื้อหรือใช้เครื่องกรองไฟหรือเครื่องคุมไฟ การทำสายไฟเล่นเอง มีเทคนิคอะไรบ้าง การทำปลั๊กรางแบบ DIY เพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้น ฯลฯ โดยรวมแล้วเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าทั้งหมด เห็นว่าจะมีการทดสอบหรือเล่นของเล่นเกี่ยวกับไฟฟ้า ให้ผู้ที่เข้าฟัง ได้ยินและฟังกันจะ จะ ด้วย
คุณธีรวัฒน์จะมาบรรยายในงาน BAV นี้ วันอาทิตย์ เวลา 13.00-16.00 น. สำหรับห้องที่บรรยายจะเป็นห้องที่มีโชว์ลำโพง HARBETH ( ถ้าจำผิดขออภัยด้วยครับ แต่เวลาถูกต้องแน่นอน )
ผมคิดว่าเรื่องนี้ น่าจะเป็นประโยชน์แก่ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ใน WEB นี้ จึงขออนุญาตคุณธีรวัฒน์ นำแจ้งให้เพื่อน ๆ ใน WEB นี้ทราบ ครับ
-
ครับ คุณธี จะไปบรรยาย ที่ห้อง SOUNDBOX ชั้น 7 ครับ
มีสายไฟ เอซี DIY ไปทดสอบให้ชมกันครับ รวมถึงคงมี
การกล่าวถึง กรองไฟ ดีซี สำคัญอย่างไร อื่นๆ ตาม
พี่ยิ้มละไม ได้กล่าวไว้ครับ เสียดายไม่ได้ไปอีก
O0 ระบบไฟต้อง คุณธี เลยครับ ตอบคำถามในกระทู้
ปิยะนัส ละเอียดมากครับ :victory
-
THANK O0 O0 O0 O0 O0
-
ขอบคุณครับ ;)
-
ขอขอบคุณ คุณ WITS ที่ได้ช่วยเพิ่มเติมข้อมูลครับ ใครที่มักจะมีคำถามเกี่ยวกับไฟฟ้าหรืออยากแก้ไขระบบไฟให้ถูกต้อง น่าจะลองไปฟังบรรยายกันดูนะครับ
งานดี ๆ อย่างนี้ อย่าพลาดกันนะครับ O0 O0
-
ฝากคุณยิ้มรายงานผลด้วยครับ ไม่มีโอกาสไปรอบ 2 แล้ว
-
ขอบคุณครับ :)
-
ผมว่าจะไปฟังคุณธีนบรรยายในวันอาทิตย์ เหมือนกันครับ c)
ใครอยากได้บัตรเข้าชมงาน BAV 2011 ผมได้มาเพิ่มหลายใบ ส่งไปรษณีย์คงไม่ทัน
ในวันเสาร์ ที่ 29 นี้ ผมจะไปฟังคุณวิศัลย์ บรรยายเรื่อง มาฟังดนตรี ณ สุดเขตเทคโนโลยี ซีดี ออดิโอ เวลา 13-15 น.
และวันอาทิตย์ 30 นี้ ของคุณธีฯ ดังกล่าวด้วย ผู้ใดต้องการบัตร ขอให้ติดต่อผมทางโทรฯมือถือ เพื่อรับหน้า lobbyโรงแรงเลย ช่วงก่อน13.00น.เล็กน้อย :secret
หมายเหตุให้คลิ๊กที่ชื่อ ดูที่รายละเอียด ผมลงเบอร์โทรฯไว้ให้ หลังงานจะลบออกครับ เวลาจะมารับช่วยแจ้งว่ามาจากเว็บไหน ใช้ชื่อว่าอะไร? เพื่อกันถูกหลอกครับ :cold
-
รอฟังด้วยเหมือนกันครับ
-
ฝากคุณยิ้มรายงานผลด้วยครับ ไม่มีโอกาสไปรอบ 2 แล้ว
ผมอยากไปมากครับ แต่ VISA ไม่ผ่าน :cry2 :cry2 :cry2
ไปได้แค่วันนี้วันเดี่ยว :giveup และก็ได้เฉพาะช่วงเช้า ยังดีที่เจอพี่วิรุฬ
ช่สงบ่าย ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ นัดมากันตรึม......
เย็น ๆ มี MEETING กันอีกต่างหาก
เสียดายที่ไม่ได้อยู่เจอพี่ ๆ เพื่อน ๆ จริง ๆ
-
รายละเอียดตามนี้เลยครับ
http://piyanas.com/forum/index.php?topic=3553.0
ขออนุญาตไว้ ณ ที่นี้ครับ
-
พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ได้ไปฟังบรรยายมาอย่างลืมมาแบ่งปันกันด้วยนะครับ.....
ขอขอบพระคุณล่วงหน้า...
-
ตามมาดูด้วยคนครับ ;D
-
รออยู่ด้วยคนครับ :victory
-
:'( ไปไม่ทัน ถึงงานก็จะบ่ายสามแล้ว เลยไปนั่งห้องปิยะนัสอีกรอบแทนครับ :D
-
วันอาทิตยย์ที่ผ่านมา ผมไปทันเริ่มบรรยายพอดี มีคนเข้านั่งฟังเต็มและทยอยมายืนฟังจนเต็มแน่นพอควร ขอเข้ามาเล่าเท่าที่พอจะจำได้
คุณธีฯ ย้ำหลายครั้ง เพราะมีคนทยอยเข้ามาฟังใหม่เรื่อยๆ ว่า "ระบบไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องยากหรือวุ่นวาย เพียงแต่เราชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยุ่งยากครับ ระบบไฟฟ้าคิดให้ง่าย คิดให้ไม่ยาก มันก็จะออกมาดีครับ"
คุณธีฯจะเปิดเพลงจาก แผ่นซีดีที่เตรียมมาให้ฟังกับชุดเดิมในห้อง แล้วค่อยเปลี่ยนสายไฟที่ทำเองแบบต่างๆ ด้วยต้นทุนที่ไม่แพง แล้วเปิดเพลงเดิมเทียบให้ฟังเสียง ถามความเห็นชอบไม่ชอบของคนเข้าฟัง (เริ่มจากเปลี่ยนเต้ารับปลั๊กไฟพร้อมสายไฟทำเองแบบถูกๆ แทนชุดกล่องรางไฟตัวใหญ่ของ VIBEX ยังใช้สายไฟท้ายแอมป์และซีดีของเดิม เสียงก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จึงย้ำกับผู้เข้าฟังว่า ดังนั้นการจะฟังคำวิจารณ์เครื่องเสียงใดว่าเสียงเป็นยังไง แม้เครื่องเดียวกัน ก็เห็นต่างกันได้ สาเหตุก็เพราะใช้สายไฟต่างกันด้วย จากนั้นมีการเปลี่ยนเพลงใหม่ให้ฟัง เพื่อไม่ให้เบื่อ แล้วค่อยเปลี่ยนสายไฟที่ ซีดี และแอมป์ตามลำดับ ด้วยสายไฟที่คุณธีฯทำเอง แบบต่างๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนลงไป เสียงก็เปลี่ยนไปทางดีขึ้นน่าฟังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นหันกลับมามีการเปลี่ยนเต้ารับไฟที่ใช้สายมีคุณภาพขึ้น เสียงก็น่าฟังขึ้นไปอีก (สายเต้ารับตัวแรกที่ถอดออก ที่ใช้สายไฟเดี่ยวแกนแข็งสีขาวเดินตามบ้าน ได้แจกฟรีให้ใครก็ได้ที่อยากได้ไปลองใช้ดู มีการแนะเทคนิคการใช้สายว่าอันไหนต้องเบิ้ลสาย เบิ้นแค่ไหนพอ สาบควรใช้ขนาดไหน และใช้สายเดี่ยวแกนแข็ง หรือสายฝอยแค่ไหนพอ ไว้จะเล่าตอนท้าย) เมื่อเปลี่ยนครบสามจุดแล้ว คุณธีถามผู้ฟังว่าพอใจเสียงแค่นี้แล้วหรือยัง ถ้ายังสามารถทำให้เสียงดีขึ้นไปอีก ก็เริ่มเปลี่ยนสายไฟที่แอมป์ ที่ดีขึ้นไปอีก พบว่าให้เสียงดีขึ้นไปอีก คุณธีฯไม่ได้บอกชื่อสายที่เปลี่ยนลงไป คาดเดาเอาว่าน่า สายเส้นผอมลงพันเทปสีดำ (หัวท้ายวัตต์เกตรุ่นถูก) น่าจะเป็นรุ่นสั่นสะเทือนลือลั่นไปทั้งบาง ส่วนสายที่เอาออกไปคือสายที่หุ้มเปลือกสีส้ม น่าจะเป็นสายรุ่นเพื่อนช่วยเพื่อน(เห็นเส้นหนึ่งใช้หัว C3 ท้ายวัตต์เกตทอง) จากนั้นได้บอกว่ายังสามารถทำให้เสียงแผ่กว้างออกไปสุดขอบของได้อีก โดยแนะนำ ตัวกรองไฟ ดีซี VIBEX รุ่น DCF (ราคา 55,000 บ. ของหมดแล้วต้องสั่งจองใหม่) ที่ใส่เพิ่มเข้าไปต้นทาง โดยบอกว่าตอนเช้าใช้มิเตอร์วัดไฟในห้องนี้มีไฟดีซีรั่วมาไม่มาก แต่ผลที่ได้ พบว่าเสียงดีขึ้นไปอีกมาก เสียงน่าฟังขึ้นไปอีก จับได้ว่าความเป็นดนตรีน่าฟังมากขึ้น ทำให้ฟังไพเราะยิ่งขึ้น เสียงเปิดขึ้น รายละเอียดเสียงยิบๆฟังออกชัดขึ้น แต่ไม่ใช่ขอบตัวโน้ตแข็งขึ้นจัดขึ้น จากนั้นได้ลองเปลี่ยนสายต้นทางจากปลั๊กไฟของโรงแรมก่อนเข้าตัวกรองไฟดีซีซึ่งเป็นสายหุ้มสีส้ม ไปเป็นสายไฟของ Vibex สีเทาๆ ที่มีตัวหุ้มสายลดแรงสั่นสะเทือน ( ราคา 65,000บ. ยาว 1.8 ม.) เสียงกระจ่างขึ้น เหมือนม่านหมอกหายไป ความน่าฟังดีขึ้นไปอีกแบบพอเพียงเลย ดีมากๆแล้ว จากนั้นได้เอาตัวกรองดีซี กับรางเต้วรับสายไฟรุ่นทำเองออก ลองเปลี่ยนกลับไปใช้กล่องรางปลั๊กไฟชนิดหลายรูเสียบ VIBEX ตัวเดิม ที่มีตัวกรองไฟดีซีอยู่ด้วย คุณธีฯว่าชอบแบบแรกมากกว่า ได้ความดิบกว่า คุณโจ้ ร้าน soundbox บอกว่า ข้างในตัวกล่องปลั๊กรางใส่ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์จำนวนน้อยกว่าตัวกรองเพียวๆ คุณฯธี แนะนำให้ ลงทุนตัวกรองดีซีร่วมกับสายไฟรุ่นถูก ว่าให้ผลดีกว่า เสียงดีกว่าการใช้ตัวกรองไฟ Ac. แพงๆครับ
ผิดตกยกเว้นต้องขออภัย พิมพ์เท่าที่พอจะนึกออกตอนนี้ ปล. สำหรับผู้อยากทำสายไฟใช้เอง คุณธีฯ ว่าให้ใช้สายเดี่ยวแกนแข็ง ขนาด 2.5 หรือ 4 พอ โดยเบิ้ล คู่ไม่เกินสองที่ L หรือ N อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น อย่าใช้สายขนาด 6 หรือ 8 สู้ใช้สายขนาดเล็กแต่เบิ้ลสองไม่ได้ ถ้าอยากได้เสียงเบสแข็งๆ แรงปะทะดีให้ใช้สายขนาด 4 เบิ้ลสอง ปกติให้ใช้ แค่ 2.5 แต่เบิ้ลสอง และถ้าต้องการเสียงนุ่มนวลขึ้น ให้เปลี่ยนไปใช้สาย N เป็นสายฝอยแทน อีกข้อหนึ่ง เวลาให้ช่างเดินสายแกนเดี่ยวในท่อตามบ้าน อย่าเดินแยกสาย L, N คนละท่อ อย่าให้ L,N อยู่ห่างกัน เพราะ N ต้องหาทางอ้างอิง L ด้วยเสมอ ส่วนสาย G ไม่มีผลเท่าไร จะเดินหรือไม่เดินระบบไฟ ใหม่เพิ่มก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้เครื่่องรุุ่นใหม่ๆ มักจะทำเป็นไฟแบบสองขากันแล้ว ขอเพียงให้ที่ไฟเมนใหญ่ต้นทางจั๊มสายไฟของชุดเครื่องเสียงที่เบรคเกอร์ย่อยตัวแรก และตัวท้ายสุดให้ใช้กับเครื่องที่กินไฟมากที่สุด คือ แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ ระบบแสงสว่าง ไล่ย้อมมาตามลำดับ
ตอนท้ายหลังจบสาธิตผมได้ถามคุณธีฯว่า เวลาทำสายได้มีการเช็คทิศทางด้วยไหม คุณธีฯบอกว่า เขาใช้วิธีอัดแรงดันไฟสูงเข้าไปในสายเพื่อกำหนดทิศทางครับ
-
ตอนท้ายหลังจบสาธิตผมได้ถามคุณธีฯว่า เวลาทำสายได้มีการเช็คทิศทางด้วยไหม คุณธีฯบอกว่า เขาใช้วิธีอัดแรงดันไฟสูงเข้าไปในสายเพื่อกำหนดทิศทางครับ
คุณธีรวัฒน์ บอกว่า เป็นการ สปา สายไฟ
ส่วนเพื่อนๆพี่ๆถ้าใครสนใจสายไฟรุ่น สะเทือนเลื่อนลั่น ติดต่อคุณธีรวัฒน์ ได้ตามกระทู้ด้านล่างนี้
http://piyanas.com/forum/index.php?topic=3490.15
-
ขอขอบพระคุณครับ.... O0 O0 O0
-
วันอาทิตยย์ที่ผ่านมา ผมไปทันเริ่มบรรยายพอดี มีคนเข้านั่งฟังเต็มและทยอยมายืนฟังจนเต็มแน่นพอควร ขอเข้ามาเล่าเท่าที่พอจะจำได้
คุณธีฯ ย้ำหลายครั้ง เพราะมีคนทยอยเข้ามาฟังใหม่เรื่อยๆ ว่า "ระบบไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องยากหรือวุ่นวาย เพียงแต่เราชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยุ่งยากครับ ระบบไฟฟ้าคิดให้ง่าย คิดให้ไม่ยาก มันก็จะออกมาดีครับ"
คุณธีฯจะเปิดเพลงจาก แผ่นซีดีที่เตรียมมาให้ฟังกับชุดเดิมในห้อง แล้วค่อยเปลี่ยนสายไฟที่ทำเองแบบต่างๆ ด้วยต้นทุนที่ไม่แพง แล้วเปิดเพลงเดิมเทียบให้ฟังเสียง ถามความเห็นชอบไม่ชอบของคนเข้าฟัง (เริ่มจากเปลี่ยนเต้ารับปลั๊กไฟพร้อมสายไฟทำเองแบบถูกๆ แทนชุดกล่องรางไฟตัวใหญ่ของ VIBEX ยังใช้สายไฟท้ายแอมป์และซีดีของเดิม เสียงก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จึงย้ำกับผู้เข้าฟังว่า ดังนั้นการจะฟังคำวิจารณ์เครื่องเสียงใดว่าเสียงเป็นยังไง แม้เครื่องเดียวกัน ก็เห็นต่างกันได้ สาเหตุก็เพราะใช้สายไฟต่างกันด้วย จากนั้นมีการเปลี่ยนเพลงใหม่ให้ฟัง เพื่อไม่ให้เบื่อ แล้วค่อยเปลี่ยนสายไฟที่ ซีดี และแอมป์ตามลำดับ ด้วยสายไฟที่คุณธีฯทำเอง แบบต่างๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนลงไป เสียงก็เปลี่ยนไปทางดีขึ้นน่าฟังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นหันกลับมามีการเปลี่ยนเต้ารับไฟที่ใช้สายมีคุณภาพขึ้น เสียงก็น่าฟังขึ้นไปอีก (สายเต้ารับตัวแรกที่ถอดออก ที่ใช้สายไฟเดี่ยวแกนแข็งสีขาวเดินตามบ้าน ได้แจกฟรีให้ใครก็ได้ที่อยากได้ไปลองใช้ดู มีการแนะเทคนิคการใช้สายว่าอันไหนต้องเบิ้ลสาย เบิ้นแค่ไหนพอ สาบควรใช้ขนาดไหน และใช้สายเดี่ยวแกนแข็ง หรือสายฝอยแค่ไหนพอ ไว้จะเล่าตอนท้าย) เมื่อเปลี่ยนครบสามจุดแล้ว คุณธีถามผู้ฟังว่าพอใจเสียงแค่นี้แล้วหรือยัง ถ้ายังสามารถทำให้เสียงดีขึ้นไปอีก ก็เริ่มเปลี่ยนสายไฟที่แอมป์ ที่ดีขึ้นไปอีก พบว่าให้เสียงดีขึ้นไปอีก คุณธีฯไม่ได้บอกชื่อสายที่เปลี่ยนลงไป คาดเดาเอาว่าน่า สายเส้นผอมลงพันเทปสีดำ (หัวท้ายวัตต์เกตรุ่นถูก) น่าจะเป็นรุ่นสั่นสะเทือนลือลั่นไปทั้งบาง ส่วนสายที่เอาออกไปคือสายที่หุ้มเปลือกสีส้ม น่าจะเป็นสายรุ่นเพื่อนช่วยเพื่อน(เห็นเส้นหนึ่งใช้หัว C3 ท้ายวัตต์เกตทอง) จากนั้นได้บอกว่ายังสามารถทำให้เสียงแผ่กว้างออกไปสุดขอบของได้อีก โดยแนะนำ ตัวกรองไฟ ดีซี VIBEX รุ่น DCF (ราคา 55,000 บ. ของหมดแล้วต้องสั่งจองใหม่) ที่ใส่เพิ่มเข้าไปต้นทาง โดยบอกว่าตอนเช้าใช้มิเตอร์วัดไฟในห้องนี้มีไฟดีซีรั่วมาไม่มาก แต่ผลที่ได้ พบว่าเสียงดีขึ้นไปอีกมาก เสียงน่าฟังขึ้นไปอีก จับได้ว่าความเป็นดนตรีน่าฟังมากขึ้น ทำให้ฟังไพเราะยิ่งขึ้น เสียงเปิดขึ้น รายละเอียดเสียงยิบๆฟังออกชัดขึ้น แต่ไม่ใช่ขอบตัวโน้ตแข็งขึ้นจัดขึ้น จากนั้นได้ลองเปลี่ยนสายต้นทางจากปลั๊กไฟของโรงแรมก่อนเข้าตัวกรองไฟดีซีซึ่งเป็นสายหุ้มสีส้ม ไปเป็นสายไฟของ Vibex สีเทาๆ ที่มีตัวหุ้มสายลดแรงสั่นสะเทือน ( ราคา 65,000บ. ยาว 1.8 ม.) เสียงกระจ่างขึ้น เหมือนม่านหมอกหายไป ความน่าฟังดีขึ้นไปอีกแบบพอเพียงเลย ดีมากๆแล้ว จากนั้นได้เอาตัวกรองดีซี กับรางเต้วรับสายไฟรุ่นทำเองออก ลองเปลี่ยนกลับไปใช้กล่องรางปลั๊กไฟชนิดหลายรูเสียบ VIBEX ตัวเดิม ที่มีตัวกรองไฟดีซีอยู่ด้วย คุณธีฯว่าชอบแบบแรกมากกว่า ได้ความดิบกว่า คุณโจ้ ร้าน soundbox บอกว่า ข้างในตัวกล่องปลั๊กรางใส่ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์จำนวนน้อยกว่าตัวกรองเพียวๆ คุณฯธี แนะนำให้ ลงทุนตัวกรองดีซีร่วมกับสายไฟรุ่นถูก ว่าให้ผลดีกว่า เสียงดีกว่าการใช้ตัวกรองไฟ Ac. แพงๆครับ
ผิดตกยกเว้นต้องขออภัย พิมพ์เท่าที่พอจะนึกออกตอนนี้ ปล. สำหรับผู้อยากทำสายไฟใช้เอง คุณธีฯ ว่าให้ใช้สายเดี่ยวแกนแข็ง ขนาด 2.5 หรือ 4 พอ โดยเบิ้ล คู่ไม่เกินสองที่ L หรือ N อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น อย่าใช้สายขนาด 6 หรือ 8 สู้ใช้สายขนาดเล็กแต่เบิ้ลสองไม่ได้ ถ้าอยากได้เสียงเบสแข็งๆ แรงปะทะดีให้ใช้สายขนาด 4 เบิ้ลสอง ปกติให้ใช้ แค่ 2.5 แต่เบิ้ลสอง และถ้าต้องการเสียงนุ่มนวลขึ้น ให้เปลี่ยนไปใช้สาย N เป็นสายฝอยแทน อีกข้อหนึ่ง เวลาให้ช่างเดินสายแกนเดี่ยวในท่อตามบ้าน อย่าเดินแยกสาย L, N คนละท่อ อย่าให้ L,N อยู่ห่างกัน เพราะ N ต้องหาทางอ้างอิง L ด้วยเสมอ ส่วนสาย G ไม่มีผลเท่าไร จะเดินหรือไม่เดินระบบไฟ ใหม่เพิ่มก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้เครื่่องรุุ่นใหม่ๆ มักจะทำเป็นไฟแบบสองขากันแล้ว ขอเพียงให้ที่ไฟเมนใหญ่ต้นทางจั๊มสายไฟของชุดเครื่องเสียงที่เบรคเกอร์ย่อยตัวแรก และตัวท้ายสุดให้ใช้กับเครื่องที่กินไฟมากที่สุด คือ แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ ระบบแสงสว่าง ไล่ย้อมมาตามลำดับ
ตอนท้ายหลังจบสาธิตผมได้ถามคุณธีฯว่า เวลาทำสายได้มีการเช็คทิศทางด้วยไหม คุณธีฯบอกว่า เขาใช้วิธีอัดแรงดันไฟสูงเข้าไปในสายเพื่อกำหนดทิศทางครับ
O0
-
:victory :clap :headphone O0
-
ขอบคุณ คุณ ZAX ครับ ที่สรุปได้ละเอียดจริงๆ :thumb
-
ไปมาเหมือนกันครับ ไปช้าไปหน่อย คนเต็มห้องแบบเบียดอยู่หน้าๆประตูเลย พี่ที่ไปด้วยกันเลยชวนออก :'(
เห็นบางท่านเอาสมุดไปจดด้วย บางท่านก็เอากล้องมาอัดคลิป ถ้าเอาคลิปมาปล่อยอย่าลืมมาบอกกันนะครับ จะได้โหลตมาดูบ้าง d_d
-
O0 :clap c)
บรรยายซะเห็นภาพเลยครับ
-
เห็นว่าจะมีจัดรอบ2นะครับ
http://piyanas.com/forum/index.php?topic=3598.msg39172#new
-
วันอาทิตยย์ที่ผ่านมา ผมไปทันเริ่มบรรยายพอดี มีคนเข้านั่งฟังเต็มและทยอยมายืนฟังจนเต็มแน่นพอควร ขอเข้ามาเล่าเท่าที่พอจะจำได้
คุณธีฯ ย้ำหลายครั้ง เพราะมีคนทยอยเข้ามาฟังใหม่เรื่อยๆ ว่า "ระบบไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องยากหรือวุ่นวาย เพียงแต่เราชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยุ่งยากครับ ระบบไฟฟ้าคิดให้ง่าย คิดให้ไม่ยาก มันก็จะออกมาดีครับ"
คุณธีฯจะเปิดเพลงจาก แผ่นซีดีที่เตรียมมาให้ฟังกับชุดเดิมในห้อง แล้วค่อยเปลี่ยนสายไฟที่ทำเองแบบต่างๆ ด้วยต้นทุนที่ไม่แพง แล้วเปิดเพลงเดิมเทียบให้ฟังเสียง ถามความเห็นชอบไม่ชอบของคนเข้าฟัง (เริ่มจากเปลี่ยนเต้ารับปลั๊กไฟพร้อมสายไฟทำเองแบบถูกๆ แทนชุดกล่องรางไฟตัวใหญ่ของ VIBEX ยังใช้สายไฟท้ายแอมป์และซีดีของเดิม เสียงก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จึงย้ำกับผู้เข้าฟังว่า ดังนั้นการจะฟังคำวิจารณ์เครื่องเสียงใดว่าเสียงเป็นยังไง แม้เครื่องเดียวกัน ก็เห็นต่างกันได้ สาเหตุก็เพราะใช้สายไฟต่างกันด้วย จากนั้นมีการเปลี่ยนเพลงใหม่ให้ฟัง เพื่อไม่ให้เบื่อ แล้วค่อยเปลี่ยนสายไฟที่ ซีดี และแอมป์ตามลำดับ ด้วยสายไฟที่คุณธีฯทำเอง แบบต่างๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนลงไป เสียงก็เปลี่ยนไปทางดีขึ้นน่าฟังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นหันกลับมามีการเปลี่ยนเต้ารับไฟที่ใช้สายมีคุณภาพขึ้น เสียงก็น่าฟังขึ้นไปอีก (สายเต้ารับตัวแรกที่ถอดออก ที่ใช้สายไฟเดี่ยวแกนแข็งสีขาวเดินตามบ้าน ได้แจกฟรีให้ใครก็ได้ที่อยากได้ไปลองใช้ดู มีการแนะเทคนิคการใช้สายว่าอันไหนต้องเบิ้ลสาย เบิ้นแค่ไหนพอ สาบควรใช้ขนาดไหน และใช้สายเดี่ยวแกนแข็ง หรือสายฝอยแค่ไหนพอ ไว้จะเล่าตอนท้าย) เมื่อเปลี่ยนครบสามจุดแล้ว คุณธีถามผู้ฟังว่าพอใจเสียงแค่นี้แล้วหรือยัง ถ้ายังสามารถทำให้เสียงดีขึ้นไปอีก ก็เริ่มเปลี่ยนสายไฟที่แอมป์ ที่ดีขึ้นไปอีก พบว่าให้เสียงดีขึ้นไปอีก คุณธีฯไม่ได้บอกชื่อสายที่เปลี่ยนลงไป คาดเดาเอาว่าน่า สายเส้นผอมลงพันเทปสีดำ (หัวท้ายวัตต์เกตรุ่นถูก) น่าจะเป็นรุ่นสั่นสะเทือนลือลั่นไปทั้งบาง ส่วนสายที่เอาออกไปคือสายที่หุ้มเปลือกสีส้ม น่าจะเป็นสายรุ่นเพื่อนช่วยเพื่อน(เห็นเส้นหนึ่งใช้หัว C3 ท้ายวัตต์เกตทอง) จากนั้นได้บอกว่ายังสามารถทำให้เสียงแผ่กว้างออกไปสุดขอบของได้อีก โดยแนะนำ ตัวกรองไฟ ดีซี VIBEX รุ่น DCF (ราคา 55,000 บ. ของหมดแล้วต้องสั่งจองใหม่) ที่ใส่เพิ่มเข้าไปต้นทาง โดยบอกว่าตอนเช้าใช้มิเตอร์วัดไฟในห้องนี้มีไฟดีซีรั่วมาไม่มาก แต่ผลที่ได้ พบว่าเสียงดีขึ้นไปอีกมาก เสียงน่าฟังขึ้นไปอีก จับได้ว่าความเป็นดนตรีน่าฟังมากขึ้น ทำให้ฟังไพเราะยิ่งขึ้น เสียงเปิดขึ้น รายละเอียดเสียงยิบๆฟังออกชัดขึ้น แต่ไม่ใช่ขอบตัวโน้ตแข็งขึ้นจัดขึ้น จากนั้นได้ลองเปลี่ยนสายต้นทางจากปลั๊กไฟของโรงแรมก่อนเข้าตัวกรองไฟดีซีซึ่งเป็นสายหุ้มสีส้ม ไปเป็นสายไฟของ Vibex สีเทาๆ ที่มีตัวหุ้มสายลดแรงสั่นสะเทือน ( ราคา 65,000บ. ยาว 1.8 ม.) เสียงกระจ่างขึ้น เหมือนม่านหมอกหายไป ความน่าฟังดีขึ้นไปอีกแบบพอเพียงเลย ดีมากๆแล้ว จากนั้นได้เอาตัวกรองดีซี กับรางเต้วรับสายไฟรุ่นทำเองออก ลองเปลี่ยนกลับไปใช้กล่องรางปลั๊กไฟชนิดหลายรูเสียบ VIBEX ตัวเดิม ที่มีตัวกรองไฟดีซีอยู่ด้วย คุณธีฯว่าชอบแบบแรกมากกว่า ได้ความดิบกว่า คุณโจ้ ร้าน soundbox บอกว่า ข้างในตัวกล่องปลั๊กรางใส่ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์จำนวนน้อยกว่าตัวกรองเพียวๆ คุณฯธี แนะนำให้ ลงทุนตัวกรองดีซีร่วมกับสายไฟรุ่นถูก ว่าให้ผลดีกว่า เสียงดีกว่าการใช้ตัวกรองไฟ Ac. แพงๆครับ
ผิดตกยกเว้นต้องขออภัย พิมพ์เท่าที่พอจะนึกออกตอนนี้ ปล. สำหรับผู้อยากทำสายไฟใช้เอง คุณธีฯ ว่าให้ใช้สายเดี่ยวแกนแข็ง ขนาด 2.5 หรือ 4 พอ โดยเบิ้ล คู่ไม่เกินสองที่ L หรือ N อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น อย่าใช้สายขนาด 6 หรือ 8 สู้ใช้สายขนาดเล็กแต่เบิ้ลสองไม่ได้ ถ้าอยากได้เสียงเบสแข็งๆ แรงปะทะดีให้ใช้สายขนาด 4 เบิ้ลสอง ปกติให้ใช้ แค่ 2.5 แต่เบิ้ลสอง และถ้าต้องการเสียงนุ่มนวลขึ้น ให้เปลี่ยนไปใช้สาย N เป็นสายฝอยแทน อีกข้อหนึ่ง เวลาให้ช่างเดินสายแกนเดี่ยวในท่อตามบ้าน อย่าเดินแยกสาย L, N คนละท่อ อย่าให้ L,N อยู่ห่างกัน เพราะ N ต้องหาทางอ้างอิง L ด้วยเสมอ ส่วนสาย G ไม่มีผลเท่าไร จะเดินหรือไม่เดินระบบไฟ ใหม่เพิ่มก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้เครื่่องรุุ่นใหม่ๆ มักจะทำเป็นไฟแบบสองขากันแล้ว ขอเพียงให้ที่ไฟเมนใหญ่ต้นทางจั๊มสายไฟของชุดเครื่องเสียงที่เบรคเกอร์ย่อยตัวแรก และตัวท้ายสุดให้ใช้กับเครื่องที่กินไฟมากที่สุด คือ แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ ระบบแสงสว่าง ไล่ย้อมมาตามลำดับ
ตอนท้ายหลังจบสาธิตผมได้ถามคุณธีฯว่า เวลาทำสายได้มีการเช็คทิศทางด้วยไหม คุณธีฯบอกว่า เขาใช้วิธีอัดแรงดันไฟสูงเข้าไปในสายเพื่อกำหนดทิศทางครับ
โดยปกติทั่วไปแล้ว การเดินสายไฟฟ้าร้อยท่อก็ไม่เดินแยกกันนะครับ ระหว่างสาย L และสาย N เนื่องจากหากเดินแยกกันจะทำให้ยิ่งมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีกครับผม แต่หากมีการเดินสายไฟในจำนวนที่มากก็จะใช้ขนาดของท่อ ที่ใช้ในการร้อยสายให้มีขนาดใหญ่ขึ่นไปอีกครับ (ขอร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในบ้านด้วยคน นะครับผม Y])