HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: Nun1962 ที่ 20 เมษายน, 2011, 10:11:25 pm
-
ผมแกะลำโพงออกมาดู แล้วเกิดข้อสงสัยขึ้นมาครับ
ลำโพงตู้หนึ่งสมมติว่ามี impedance 8 ohms แต่ในตู้มีลำโพงอยู่หลายดอก(วูฟเฟอร์ มิดเรนจ์ ทวีตเตอร์)ซึ่งแต่ละดอกก็ปั๊มไว้ว่า 8 โอห์มแล้วมันต่อขนานกัน
ถ้าอย่างนั้น คำนวณจากสูตรพื้นๆสำหรับคตท.ต่อขนานกันว่า 1/Rรวม = 1/R1 + 1/R2 + 1/R3... ก็จะได้ค่า Rรวม แค่ 2. กว่าๆเท่านั้นเองนี่ครับ
ทำไมเขาถึงระบุสเปกลำโพงตัวนั้นว่า 8 โอห์มล่ะครับ มีวิธีอย่างไร ?
-
เพราะ crossover network ครับ
คุณสมบัติของ crossover ที่ต่อกับลำโพงแต่ละตัว (woofer, mid, tweeter) จะทำให้ Impedance รวมของแต่ละชุดต่างกันไปตามความถี่
ยกตัวอย่างเช่น ที่ความถี่ 20Hz - 200Hz วงจร crossover ที่ต่อกับ woofer จะมี impedance ต่ำมาก ทำให้ตรง impedance รวมได้ประมาณ 8 ohm แต่สำหรับ วงจร crossover ที่ต่อกับ mid กับ tweeter ณ.ช่วงความถี่เดียวกันจะมี impedance สูงมาก ซึ่งตามสูตร 1/R = 1/r1 + 1/r2 + 1/r3 ถ้า r2, r3 มีค่ามากกว่า r1 มากๆ ก็จะทำให้ 1/R = 1/r1 ดังนั้นความถี่ช่วง 20Hz - 200Hz ก็จะได้ impedance รวมประมาณ 8 ohm
ส่วนความถี่อื่นๆที่ไปตกอยู่กับตรงที่ผู้ออกแบบต้องการให้ใช้กับ midrange หรือ tweeter ก็ใช้หลักการเดียวกันครับ
เพราะฉนั้นความถี่เฉลี่ยของลำโพงถึงเป็น 8 ohm
แต่ในโลกแห่งความเปลี่ยนจริงก็วิ่งไปวิ่งมาขึ้นๆลงๆไปตามความถี่ มากน้อยก็ขึื้นอยู่กับตัวลำโพง และตัว crossover ครับ
-
แล้วถ้าในกรณีที่ไม่มี crossover network ล่ะครับ คือลำโพงที่ผมแกะมันไม่มีครอสอ่ะครับ :o
เป็นลำโพงรุ่นเก่า แบบตั้งพื้น ข้างในประกอบด้วย ลำโพง 5 ดอก ได้แก่ woofer 10 นิ้ว 1 ดอก midrange 1 ดอก และ tweeter 3 ดอก
เดินสายข้างในแบบนี้ครับ มีสายจากขั้วต่อลำโพงด้านหลังตู้ มายังลำโพง woofer ตรงๆเลยแล้วมีสายต่อจาก woofer ไปที่ midrange กับ tweeter ดื้อๆเลยโดยไม่มีครอสใดๆทั้งสิ้น
แต่จะมี C คั่นไว้ก่อนเข้าลำโพง tweeter และ midrange แค่นี้เองครับ
-
C นั่นละครับ crossover ถ้า C มีค่าน้อยๆ ที่ความถี่ต่ำๆจะมี impedance สูงที่ความถี่ต่ำ ดังนั้น C จึงถูกใช้กรองความถี่ต่ำครับ เพราะฉนั้นจึงเห็น C ต่อกับ Tweeter
อีกอย่างหนึ่่งที่ผมไม่ได้พูดถึงคือ driver ส่วนใหญ่จะมี impedance ที่พุ่งขึ้นสูงในความถี่ที่มันไม่สามารถตอบสนองได้ ดังนั้นอาจจะไม่ต้องใช้ crossover มาต่อเลยก็ได้ครับ แต่ตรงนี้ไม่รวมถึงเรื่อง resonance นะครับ อย่าง tweeter นี่ถ้าไม่ต่อ C ไว้เลยก็ทำงานได้ แต่พอเจอความถี่ต่ำๆเข้า มัน resonance จนขาดไปเองเลย
เพราะฉนั้นนอกจาก crossover network แล้ว ยังขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของตัว driver เองด้วยครับ
-
งั้นถ้าสมมติลำโพงตัวหนึ่งเป็นแบบวางหิ้ง มีแค่ วูฟเฟอร์ 1 ดอก และทวิตเตอร์ 1 ดอก
ดังนั้นค่าอิมพีแดนซ์ของมันจะเท่ากับ อิมพีแดนซ์ของวูฟฟอร์ไปเลยเพียวๆใช่ไหมครับ ?
เพราะตัวทวิตเตอร์มันมี C กรองอยู่
ตอนนี้ผมมีลำโพงคู่หนึ่งเป็น Denon รุ่น SC-C3 สเปกตามนี้ครับ http://audio-database.com/DENON-COLUMBIA/speaker/sc-c3-e.html
System 2 ways, 2 speaker bass-reflex system, and a book shelf type
Use unit For low-pass: 16cm corn type
For high regions: 2.5cm dome shape
Frequency response 45Hz - 40kHz
Maximum permissible input 60W (program sauce)
Average output sound pressure level 91dB/W/m
Input impedance 6ohms
Crossover frequency 4kHz
ตามสเปกบอกว่าเป็นลำโพง 6 โอห์ม แต่ปัจจุบันนี้ ผมได้เปลี่ยน woofer ใหม่เป็น SEAS P17 REX/p H602
สเปกตามนี้ http://www.seas.no/images/stories/vintage/pdfdataheet/h0602_p17rexp.pdf
ซึ่งเป็นลำโพง 8 โอห์ม อย่างนี้ลำโพงตู้นี้จะเป็นกี่โอห์มครับ 6 หรือ 8 ?
-
เกือบถูกแล้วครับ impedance จะเป็นของ woofer ไปจนถึงความถี่ที่ impedance ของมันค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามคุณสมบัติของมันเอง ซึ่งถ้าลำโพงบางตัวไม่มีอะไรต่ออยู่เลย ก็อาจเป็นไปได้ว่าผู้ออกแบบอาศัยคุณสมบัติของตัว woofer เป็นตัวแบ่งความถี่
ส่วนเรื่องเปลี่ยน woofer แล้ว impedance เปลี่ยนหรือไม่ เปลี่ยนครับ เพราะอย่างที่ยกตัวอย่างมาด้านต้น อย่างน้อยช่วงความถี่ที่ woofer ตอบสนอง จะเห็น impedance ของ woofer ซึ่งเป็น 8 ohm ส่วนความถี่หลังจากนั้นไป ก็เห็นของ tweeter ครับ
แต่เรื่องการออกแบบ crossover network นี่ยังมีเรื่องอื่นที่ผู้ออกแบบเค้าจะออกแบบให้เหมาะสมกับตัว driver ด้วยครับ driver บางตัวมี resonance ที่ความถี่บางความถี่ อย่างพวกที่เป็นโลหะ ผู้ออกแบบก็ต้องออแบบ filter ไม่ให้มีความถี่ตรงนั้นหลุดไปถึง driver เป็นต้น
-
กระจ่างมากครับ ขอบคุณครับ