HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: ช็อต ที่ 21 เมษายน, 2011, 08:23:39 pm
-
เนื่องจากปัจจุบันหลอดไตรโอด+เพนโทด มีอยู่อย่างมากมายและก็ไม่มีราคาค่าตัว
ทั้งๆที่หลอดเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ในการใช้งานแบบ SRPP. ซึ่งดีกว่าการใช้หลอด
ไตรโอดเสียอีก แต่ปัญหาของหลอดเหล่านี้คือการออกแบบ ซึ่งผมคิดว่าหากพวกเราช่วยๆกันคงไม่ยากครับ
เมื่อก่อนผมใช้ตัวต้านทานเป็นตัวต่อไฟสูงกับเพลส แต่พอวันนึงได้ลองใช้หลอดแทนตัวต้านทาน
ก็ไม่คิดจะกลับไปใช้ตัวต้านทานเป็นเพลสโหลดอีกเลย
สิ่งที่ผมต้องการนะครับคือ
1.หลักการออกแบบและการคำนวน การใช้หลอดเพนโทดเป็นเพลสโหลด ของหลอดไตรโอด
ซึ่งเป็นหลอดที่มีสองหลอดในหลอดเดียวเช่น 6AN8 จริงๆก็ไม่อยากยกตัวอย่างเบอร์นี้หรอกครับ แต่เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ
2. หลอดเพนโทดโดยตรงเป็นเพลสโหลดหลอดไตรโอด เช่น หลอด PF... หรือหลอดอื่นๆเป็นเพลสโหลดหลอด 6SN7
3. วิธีการเลือกหลอดที่เหมาะสมกันในการออกแบบในข้อ2.
รบกานท่านผู้มีความรู้ทั้งหลายช่วยชี้แนะด้วยครับ Y] Y] Y]
-
เห็นด้วยครับน้า :clap
-
d_d
อยากรู้เหมือนกัน มีแต่ หนังสือเป็นภาษาปะกิต แปลไม่ออก เห็นแล้วก็ อยากจะรู้เหมือนกัน
ที่ รู้ ๆ ก็คือ หลอดเพนโทด ต้องจ่ายกระแส ให้กะหลอดล่างได้
อย่าง ที่ผมทำ mini Low Mu แต่ว่าให้พี่ Wchatchai ออกแบบวงจรให้
ก็แนะนำว่า หลอดเพนโทด ควรจ่ายกระแสได้เยอะกว่า ก็ เลย ไปเอาเบอร์ EL84 ส่วนหลอดล่างก็เป็น 1626
แล้วก็ น่าจะมี EF184 อีกเบอร์ นึง ส่วน วิธี คิด ก็ ลากโหลดไลน์ ให้หลอดบน จ่ายกระแสเท่าไหร่ (1) , แรงดันไฟสูงเท่าไหร่ (2)
ก็จะได้ ค่า มา 2 จุดแล้ว วิธีคำนวน ก็ อะไรหว่า จำไม่ได้แล้วแก่ รู้แต่ว่า พอจะมี 2 ค่า ก็ หา ตัวต้านทานได้อะ คนแก่จำไม่ได้ ช่วงนี้ ทิ้งๆ ซะด้วยจิ
ส่วนหลอดล่างก็ เล่นกัน แต่คิดเป็นไลน์ไตรโอด อันบน คิดเพนโทด งงปะ ผมก็ งงเหมือนกันแหละ จำได้คร่าว ๆ แค่เนี้ยะ
(http://image.ohozaa.com/im/1626el84srpp.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=4866816899eed449e0da9ec978eece70)
และสุดท้าย อย่าเพิ่ง เชื่อที่ผม บอกมานะครับ เพราะผมก็ ลืม ๆ ไปหมดแล้ว อันนี้ แค่คิด เท่าที่คิดได้คร่าว ๆ
เพื่อเอาไป ต่อ ยอด ความคิดที่ถูกต้องต่อไป หรือเป็น ข้อมูลเพื่อให้เกิดความสับสนในชีวิต เล่น ๆๆ ;D ;D
-
มึนตึ๊บเลย :black_eye
-
:(มึนด้วย
-
ของคุณ ปาท่องโก๋ ก็ใช้ได้ทีเดียวครับ เป็นการทำให้หลอดบนเป็นไตรโอดเป็นแนวคิดที่ดีครับ
และง่ายต่อความเข้าใจและออกแบบ O0
รอผู้รู้มาชี้แจงแถลงไขอีกครับ d_d
-
ประเด็นคืออยากจะเอาหลอด
1 กระเทยมาทำ
2 ไม่ใช่หลอด twin มาทำ
ว่ายังงั้นเถอะ ก็ไม่ยากนะ
DC bias ไม่ยากก็ลากเส้นโหลดไลน์กันไปทั้งสองซีก หรือสองหลอด
AC bias นี้ยากจนคำนวณไม่เป็นเลยล่ะ
-
ของน้าปาท่องโก๋เอาหลอดเพาเวอร์มาทำเลยนะครับ อะจึ๋ย
มาลองเอาหลอดกระเทยมาทำดูกันไหมล่ะ ไม่อยากเอา 6AN8 ก็เอา PCL84 ทำ
ต่อแบบไตรโอดตามน้าปาท่องโก๋
ขั้นแรกดูหน้าตาของหลอดจากกราฟกันก่อน
-
ทำ DC bias ซีกล่าง ซีกที่เป็นไตรโอด
-
ทำ DC bias ซีกบน เพนโทดในโหมดไตรโอด
-
ออกมาเป็นวงจร
สำหรับ AC bias เกนสเตจ , เอ้าพุทอิมพีแดนซ์ คำนวณไม่เป็นครับ
-
ออกมาเป็นวงจร
สำหรับ AC bias เกนสเตจ , เอ้าพุทอิมพีแดนซ์ คำนวณไม่เป็นครับ
O0 O0 O0 O0
-
แหล่มครับ O0 แล้วถ้าเอาเพนโทดมาจับคู่กับ 6sn ล่ะครับ :-*
-
ทำเหมือนกันครับ ยึดกระแส Ia กับ Vg ของไตรโอดตัวล่างเป็นหลักครับ เพราะกระแสไหลผ่านวงจรเท่ากัน ถ้า Vg ของทั้งสองซีกเท่ากัน Rk ก็เท่ากัน
แต่ถ้า Vg ตัวบนไม่เท่ากับตัวล่าง Rk ก็เปลี่ยนไป
-
อยากทราบว่า ถ้าเราลองแบบนี้ ..........จะไห้ผลทางเสียงเช่นไร
ที่มาของแนวคิด...........วงจรมูสเตจ...........(อลัน คิมเมล) . หลอดบน จะนำกระแสมากกว่าหลอดล่างเท่านึง โดยผ่านกระแสไปที่ ตัวต้านทานบลีดเดอร์ ทำเป็นโหลดดีซีด้วย
จากวงจรที่น้า ออดิโอแมนออกแบบไว้ ...............แล้วบังเอิญว่า เรามีแหล่งจ่ายไฟ เหลืออยู่บ้างคือ จ่ายได้ถึง 400-440V อะไรอย่างนี้แหละ กระแสก็เหลือเฟือ
ข้าน้อยลองคิดดูเล่นๆ ทำงานจริงเป็นอย่างไร ฝากพี่น้องช่วยกันพิเคราะห์ + ทดลองกันจร้า
ไทรโอดหลอดล่างจัดจุดไบอัสตามนั้น( หรือ อาจใช้ตัวต้านทาน Rk ตัวล่าง 400 Ohms .... 430 Ohms หากใช้โวลท์สูงถึง 410 V อะไรอย่างนี้)
เพนโธดหลอดบน เพื่อใช้งานมันอย่างหนัก ลองคำนวณจุดทำงานดังนี้คือ
........... -3V , 20mA ,200V .................... ................Rk ตัวบนจะได้.....3.0V/20mA = 150 Ohms
........... -4V , 20mA ,235V .................... ................Rk ตัวบนจะได้.....4.0V/20mA = 200 Ohms
กรณีที่ เราต่อ R Bleeder Current ( R Load ) จากเพลทหลอดล่าง คือต่อจาก Plate ลงกราวนด์
""""""""""""""กระแสส่วนเกินจากที่หลอดล่างรับได้(20mA-4mA = 16mA)
..................อาร์โหลดใช้ค่า 200+1.5V / 16mA = 12,594 Ohms กำลังที่คำนวณได้ 201.5V x 16mA = 3.24W
ในทางปฏิบัติ 50k Ohms 5W = 4 pcs ขนานกัน ก็จะพออุ่นๆ มือจับได้
..................สัญญาณ เอ้าท์พุท ก็เลือกเอาว่า
กรณีที่ ๑ จะต่อจากเพลท หลอดล่าง หรือ
กรณีที่ ๒ คาโธดหลอดบน
อยากทราบว่าแบบนี้ จะเวิร์คไหมหนอ
ข้าน้อยมองว่า สัญญาณจากเพลท หลอดล่าง มีขนาดโตขึ้น แล้วส่งไปป้อนกริดของหลอดบน ขยายกระแส ออกที่คาโธด หรือึ้าต่อจากเพลทของหลอดล่าง หลอดบนก็จะคล้ายกับว่าเป็น CCS Load
หากเรากำหนดจุดทำงาน ของหลอดบน ให้รับสัญญาณขนาดใหญ่ขึ้น ทำงานที่กระแสสูงขึ้น จุดทำงานที่เหมาะเจาะขึ้น.................เสียงที่ได้ จะเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า
ขอเชิญช่วยกันวิเคราะห์ด้วยฮัปป๋ม
-
ผมยังไม่เคยทำปรีสเตจแบบ SRPP จึงไม่รู้ว่าเสียงเป็นยังไง แต่หนังสือเขาว่า เขาว่านะครับ เสียงคมกว่าต่อแบบอื่น
ส่วนการจัดวงจรนั้นแล้วแต่ลีล่า ผมรู้น้อยก็ได้แต่ลอกเขามา ฉีกแนวออกไปจากเดิมไม่ได้ มันมีข้อจำกัดอยู่ครับ
-
ผมยังไม่เคยทำปรีสเตจแบบ SRPP จึงไม่รู้ว่าเสียงเป็นยังไง แต่หนังสือเขาว่า เขาว่านะครับ เสียงคมกว่าต่อแบบอื่น
ส่วนการจัดวงจรนั้นแล้วแต่ลีล่า ผมรู้น้อยก็ได้แต่ลอกเขามา ฉีกแนวออกไปจากเดิมไม่ได้ มันมีข้อจำกัดอยู่ครับ
เรามาลองเล่นกันดีไหมเอ่ย
ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป........ขอให้ท่านลองวาดวงจร / ดัดแปลงวงจร ของท่านข้างบน + สิ่งที่ข้าน้อย อุตริ ลองคิดๆดู สักหน่อยไหม
เดี๋ยวคงมีท่านผู้รู้ ตามมาร่วมแจม ฮับป๋ม
คิดจากจากประเด็นที่ว่า.......
.......ทำไมต้องกระแสเท่ากัน เท่านั้นหรือ................หลอดบน นำกระแสสองเท่า (มูสเตจ ใช้อาร์โหลด บลีดเดอร์ กระแส) ก็มีคนลองคิดมาแล้ว ข้าน้อยลองทำแล้ว ... เสียงดีใช้ได้เลยจร้า
(ซึ่งอลัน คิมเมล เขาก็บอกว่า หลอดบน ต้องมีกำลังมากกว่า หลอดล่าง หลายเท่าเสมอ)
.......หากเราจะลองแบบหลายๆเท่าดูมั่ง ..............หลอดบนใช้งานเต็มที่ มันจะได้ไหมหนอ
-
น้า wat12(คุ้ม) อ้อนจริง ลองดูก็ได้ครับ
ตัวล่างใช้ 6SN7 ตามน้าช็อต
เพนโทดตัวบนเลือกมาซักหลอดนะครับ
-
6SN7 ตัวล่าง
เลือก V cut-off 300V ,I sat. 15mA
RL = 300V/15mA = 20K
กึ่งกลางวงสวิง 284+90/2 = 187V
เลือก Vp 186V ที่ตัดกับเส้น Vg1 -6V
Ia = 5.7mA
Rp = 200-180V/7.3-4.95mA = 20/2.35 = 8.5 V/mA = 8.5K
RL/Rp = 20K/8.5K = 2.4 เท่า
Gm = 11.3-1.95mA/8-4V = 9.35/4 = 2.3mA/V
u = Gm*Rp = 2.3*8.5 = 19.55
Rk = 6V/5.7mA = 1.1K = 1K
Vp gnd. = 6+186V = 192V
ไม่ใช้ Ck
Rp eff. = Rp+Rk(u+1)
= 8.5K+1K(19.55+1) = 8.5K+22.61K = 31.11K = 31K
gain = u*RL/Rp eff.+RL = 19.55*20K/31K+20K = 391K/51K = 7.66 = 7.7
นับเฉพาะ 6SN7 มีเกน 7.7
-
จะเอาเพนโทดเบอร์ไหนก็บอกมาเลยครับ
-
:drive1 :drive1 :drive1 :drive1
ว้าว น้าออดิโอแมน มา ช่วยสอนให้เลย นะเนี้ยะ
เดี๋ยวขอ ลอกกเอาไปทำการบ้าน หน่อย ก็ว่าจะหัดคิดเอง ทำเองบ้าง ;D ;D
-
:headphone :headphone
ส่วนเรื่องเสียง ของกระป๋ม ก็ บอกได้ แบบ ตามความรุ้สึก เปรียบเทียบกะตัวอื่น ๆ นะครับ
หลอด เพาวเวอร์ เอามาทำปรีฯ จะมีไมโครโฟนิค ครับ เคาะแท่น เสียงดัง ก๊อง ๆ ออกมาเลย เท่ห์ดี ;D ;D
ส่วนน้ำเสียง เท่าที่ฟังกะ 6DJ8 รู้สึก ถึงความ ยืด ของน้ำเสียง ติดหวาน ๆ หน่อย สงสัยจะเป็นเพราะเพลทใหญ่ เสียง เลยยืด หน่อย มั่่วอีกเหมือนเดิม ((
แล้วก็ เมื่อฟังแล้ว ไม่รุ้สึกอัดอั้น สะอาด ปลอดโปร่งดี และ ที่สำคัญ ยิ่งกว่าสำคัญ คือ ฟังปรีฯหลอดให้ ความรู้สึก เหมือนฟัง ปรีฯหลอด
เพราะเสียงยืด ๆ หวาน ๆ นี่แหละ :-* :-* :-*
แล้วก็สุดท้าย ท้ายสุด ตอนนี้ ปรีฯ ไม่อยู่แล้ว เอาไปขายกิน :drunk :drunk :drunk
-
จะเอาเพนโทดเบอร์ไหนก็บอกมาเลยครับ
6AU5 จร้า เฮ่ๆๆ
-
6AU5 pentode ตัวบน
Vg2 150V
เลือก Vp 160V, Vg1 -25V, Ia 32mA
ประมาณค่า Ig2 = 5mA
Ik = Ia+Ig2 = 5+32 = 37mA
Rk = 25V/37mA = 676R/0.93W = 680R/2W
VRk2 gnd. = 192V+25V = 217V
B+ = Vp2 gnd. = 217+160 = 377V
Rg2 = 377-150V/5mA = 227/5 = 113.5K/1.1W = 100K/2W
IRbleed = 32mA-5.7mA = 26.3mA
Rbleed = 192V/26.3mA = 7.3K/5W = 6.8K/10W
-
:drive1 :drive1
คุณน้าครับ R 100K ตรงที่ ต่อเป็นไตรโอดโหมดนะ มันไม่มากเกินไปเหรอครับ เอาแค่ 100 - 470 ohm ก็ น่าจะพอ อะนะครับ
:showoff :showoff :showoff
-
:drive1 :drive1
คุณน้าครับ R 100K ตรงที่ ต่อเป็นไตรโอดโหมดนะ มันไม่มากเกินไปเหรอครับ เอาแค่ 100 - 470 ohm ก็ น่าจะพอ อะนะครับ
:showoff :showoff :showoff
ไม่ใช่ไตรโอดโหมดครับ แต่เป็นเพนโทดโหมด เพียงแต่ใช้ไฟร่วมกันกับไฟเลี้ยงวงจร เลยต้องดร็อปแรงดันลงมามาก
-
K] K] K] K] K]
อ้าว หน้าแตก อีก เรา ขอบคุณครับ
-
จบหลักสูตรครับ ทีนี้ใครมีหลอดไตรโอดดีๆไม่อยากใช้หลายหลอดก็เอามาใช้ได้แล้ว c) c) c)
ปรี SRPP 2 เสตจ + power SRPP อีก 1 ถ้าใช้ 6sn + 6sl = ข้างละ 3 หลอด
สองข้าง 6 หลอด 3000 บาท :cold แต่ถ้าใช้เพนโทดช่วย ลดครึ่งราคาครับ c) c) c)
-
ลืมไปอย่าง หลอดตัวบน V ที่ แคโทดจะสูง 217V ถ้าเกินค่า Vkf (แรงดันระหว่างแคโทดกับแรงดันจุดใส้หลอด) ที่คู่มือให้มา ต้องทำ elevate supply
ผมถึงไม่ทำ SRPP เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ
-
SRPP นี่ PP มาจากคำว่า Push Pull นะครับ Concept ของวงจรคือหลอดบนกับหลอดล่างทำงานด้วยคุณสมบัติเดียวกัน Output มันถึงจะสมมาตรครับ ถ้าหลอดบนกับล่างมีคุณสมบัติต่างกัน Output มันก็ไม่สมมาตร หรือก็คือความเพี้ยนอย่างหนึ่งครับ ที่อธิบายมานี้ ไม่ได้หมายความว่าวงจรที่คุยๆ กันมามันทำงานไม่ได้นะครับ มันทำงานได้ครับ แต่มันไม่ใช่ SRPP ทั้งตัววงจรและผลของมันครับ
อีกประการหนึ่ง กรณีใช้หลอด Triode-Pentode มาทำ SRPP เช่นพวก ECL... ระวังเรื่องความสามารถในการทนแรงดัน heater to cathode ของหลอดด้วยนะครับ ถ้าแรงดัน Plate ของหลอดล่างสุดมากๆ เช่น 250V ในขณะที่หลอดทนได้ 100V ถ้าแบบนี้ต่อให้ยกแรงดันขึ้นไปยังไงก็ไม่ลงตัวครับ
-
SRPP นี่ PP มาจากคำว่า Push Pull นะครับ Concept ของวงจรคือหลอดบนกับหลอดล่างทำงานด้วยคุณสมบัติเดียวกัน Output มันถึงจะสมมาตรครับ ถ้าหลอดบนกับล่างมีคุณสมบัติต่างกัน Output มันก็ไม่สมมาตร หรือก็คือความเพี้ยนอย่างหนึ่งครับ ที่อธิบายมานี้ ไม่ได้หมายความว่าวงจรที่คุยๆ กันมามันทำงานไม่ได้นะครับ มันทำงานได้ครับ แต่มันไม่ใช่ SRPP ทั้งตัววงจรและผลของมันครับ
อีกประการหนึ่ง กรณีใช้หลอด Triode-Pentode มาทำ SRPP เช่นพวก ECL... ระวังเรื่องความสามารถในการทนแรงดัน heater to cathode ของหลอดด้วยนะครับ ถ้าแรงดัน Plate ของหลอดล่างสุดมากๆ เช่น 250V ในขณะที่หลอดทนได้ 100V ถ้าแบบนี้ต่อให้ยกแรงดันขึ้นไปยังไงก็ไม่ลงตัวครับ
ต้องแยกขดจุดใส้หลอด แล้วจึงยกไฟขึ้นไป พอช่วยได้ไหมครับผม
-
ต้องแยกขดจุดใส้หลอด แล้วจึงยกไฟขึ้นไป พอช่วยได้ไหมครับผม
พวก ECL / PCL มันไม่แยกขาไส้หลอดน่ะสิครับ ถ้าแยกคนละหลอดก็จัดการได้ครับ
-
ยังงั้นต้องเรียกชื่อใหม่เป็น constant current source ได้ไหมครับ
-
เคยอ่านหนังสือของ อ.สารัตน์ ว่าหลอด Pentode ด้านบนเป็นตัวจ่ายกระแสให้หลอดล่าง คงทำนอง CCS ครับ
ถามเพิ่มครับ เรากำหนด Gain ของ SRPP ได้หรือไม่อย่างไรครับ
-
ถามเพิ่มครับ เรากำหนด Gain ของ SRPP ได้หรือไม่อย่างไรครับ
กำหนดได้ โดยขึ้นกับคุณสมบัติของหลอดเป็นหลักครับ Gain ของ SRPP เกือบจะเท่า mu ครับ และค่า mu จะขึ้นกับหลอดเป็นหลัก แต่จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้จากจุดทำงานครับ เช่น 12AU7 SRPP อาจจะมี Gain ระหว่าง 17-20 ขึ้นกับจุดทำงาน แต่ไม่สามารถทำให้เหลือ 10 ได้ครับ ถ้าจะทำก็ต้อง Atten Input หรือ Output เอาครับ
-
ถามเพิ่มครับ เรากำหนด Gain ของ SRPP ได้หรือไม่อย่างไรครับ
กำหนดได้ โดยขึ้นกับคุณสมบัติของหลอดเป็นหลักครับ Gain ของ SRPP เกือบจะเท่า mu ครับ และค่า mu จะขึ้นกับหลอดเป็นหลัก แต่จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้จากจุดทำงานครับ เช่น 12AU7 SRPP อาจจะมี Gain ระหว่าง 17-20 ขึ้นกับจุดทำงาน แต่ไม่สามารถทำให้เหลือ 10 ได้ครับ ถ้าจะทำก็ต้อง Atten Input หรือ Output เอาครับ
มาร่วมยืนยันจากผลการปฏิบัติด้วยจร้า
ปรี 6N6p ..(ค่ามิวยี่สิบบวกลบ)...เมื่อใช้กับ CD or DAC ต้องใช้วงจรแบ่งแรงดัน ลดลงไปอีกเพียบเลย ไม่งั้นสัญญาณมันจะแร๊งส์เกินไป เร่งนิดเดียวก็ดังลั่น
ข้าน้อยใช้ 50k+10k ที่อินพุทแล้วจับเอาสัญญาณที่คร่อม ตัวต้านทาน10k ส่งไปที่กริดให้หลอดขยายต่อ
-
เคยอ่านหนังสือของ อ.สารัตน์ ว่าหลอด Pentode ด้านบนเป็นตัวจ่ายกระแสให้หลอดล่าง คงทำนอง CCS ครับ
ถามเพิ่มครับ เรากำหนด Gain ของ SRPP ได้หรือไม่อย่างไรครับ
เกนของ SRPP ให้คิดเอา R ตัวที่ต่อหลัง C ตรง output เป็นโหลดที่เพลท เพราะคิดทางสัญญาน AC R ตัวนี้จะต่อขนานกับ CCS
แต่ CCS มีอิมพีแดนซ์สูงมากเมื่อเทียบกับ R เลยไม่ต้องนำมาคิด ใช้แต่ค่า R คำนวนอย่างเดียว
ถ้าเกนของวงจรมากไปก็ลดค่าR ตัวนี้ลง ถ้าน้อยไปก็เพิ่มค่าขึ้น
-
12AX7 ก็ทำเกน 10 เท่าได้ครับ
-
12AX7 ก็ทำเกน 10 เท่าได้ครับ
ค่าที่ระบุจากวงจรนี้ ได้จุดตัด fT ย่านต่ำประมาณเท่าไหร่ครับผม
-
12AX7 ก็ทำเกน 10 เท่าได้ครับ
ค่าที่ระบุจากวงจรนี้ ได้จุดตัด fT ย่านต่ำประมาณเท่าไหร่ครับผม
จากกราฟคงได้จุด -3 dB ที่ต่ำกว่า 5 Hz ล่ะครับ
-
เกนของ SRPP ให้คิดเอา R ตัวที่ต่อหลัง C ตรง output เป็นโหลดที่เพลท เพราะคิดทางสัญญาน AC R ตัวนี้จะต่อขนานกับ CCS
แต่ CCS มีอิมพีแดนซ์สูงมากเมื่อเทียบกับ R เลยไม่ต้องนำมาคิด ใช้แต่ค่า R คำนวนอย่างเดียว
ถ้าเกนของวงจรมากไปก็ลดค่าR ตัวนี้ลง ถ้าน้อยไปก็เพิ่มค่าขึ้น
SRPP เป็น PP ครับ หลอดทั้ง 2 รับสัญญาณและถือว่าเป็น Voltage Source ทั้งคู่ ไม่ใช่หลอดหนึ่งเป็น V Source อีกหลอดเป็น CCS ครับ และเนื่องจากเป็น V Source ที่ Imp สูง ความสามารถในการขับ Load จึงต่ำ การลด R Load ลง ลด Gain ในภาพรวมได้ก็จริงแต่ไม่มากครับ และถ้าลด R Load ลงมากจนเกินความสามารถของ Source จะขับได้ ความเพี้ยนก็จะสูงครับ
กรณีรูปวงจรที่คุณ ohm simulated มา ซึ่งใช้ 12AX7 ขับ Load 10k อันที่จริงแล้วมันขับ Load ไม่ได้จริงครับ เพราะว่า R internal ของ 12AX7 สูงถึง 80k แต่ที่ simulation แสดงตามรูปที่แนบมา ผมคิดว่าเป็นเพราะความสามารถของ Simulation ตัวนี้มีจำกัด หรืออาจจะไม่ได้คำนวณในเรื่องนี้ครับ
-
เกนของ SRPP ให้คิดเอา R ตัวที่ต่อหลัง C ตรง output เป็นโหลดที่เพลท เพราะคิดทางสัญญาน AC R ตัวนี้จะต่อขนานกับ CCS
แต่ CCS มีอิมพีแดนซ์สูงมากเมื่อเทียบกับ R เลยไม่ต้องนำมาคิด ใช้แต่ค่า R คำนวนอย่างเดียว
ถ้าเกนของวงจรมากไปก็ลดค่าR ตัวนี้ลง ถ้าน้อยไปก็เพิ่มค่าขึ้น
SRPP เป็น PP ครับ หลอดทั้ง 2 รับสัญญาณและถือว่าเป็น Voltage Source ทั้งคู่ ไม่ใช่หลอดหนึ่งเป็น V Source อีกหลอดเป็น CCS ครับ และเนื่องจากเป็น V Source ที่ Imp สูง ความสามารถในการขับ Load จึงต่ำ การลด R Load ลง ลด Gain ในภาพรวมได้ก็จริงแต่ไม่มากครับ และถ้าลด R Load ลงมากจนเกินความสามารถของ Source จะขับได้ ความเพี้ยนก็จะสูงครับ
กรณีรูปวงจรที่คุณ ohm simulated มา ซึ่งใช้ 12AX7 ขับ Load 10k อันที่จริงแล้วมันขับ Load ไม่ได้จริงครับ เพราะว่า R internal ของ 12AX7 สูงถึง 80k แต่ที่ simulation แสดงตามรูปที่แนบมา ผมคิดว่าเป็นเพราะความสามารถของ Simulation ตัวนี้มีจำกัด หรืออาจจะไม่ได้คำนวณในเรื่องนี้ครับ
ผมไม่ใช่คอหลอดครับ แต่วงจรอย่างนี้ผมเองคิดว่า ก็น่าจะจัดให้ได้อัตราขยาย ที่ต้องการได้ จริงๆใช้ 12ax7ก็ออกจะเกินไป
ทีนี้ถ้า R โหลด 10K น้อยไป แล้วถ้า จัด R โหลด สัก 100K ล่ะ หรือโหลดที่ 12AX7ขับได้ พร้อมกันนั้นก็จัดให้ R คาโทดสูงขึ้น จนได้อัตราขยายที่ต้องการ ผมก็ยังคิดว่าอยู่ในวิสัยที่น่าจะทำได้
-
ผมไม่ใช่คอหลอดครับ แต่วงจรอย่างนี้ผมเองคิดว่า ก็น่าจะจัดให้ได้อัตราขยาย ที่ต้องการได้ จริงๆใช้ 12ax7ก็ออกจะเกินไป
ทีนี้ถ้า R โหลด 10K น้อยไป แล้วถ้า จัด R โหลด สัก 100K ล่ะ หรือโหลดที่ 12AX7ขับได้ พร้อมกันนั้นก็จัดให้ R คาโทดสูงขึ้น จนได้อัตราขยายที่ต้องการ ผมก็ยังคิดว่าอยู่ในวิสัยที่น่าจะทำได้
ที่คุณ ohm จะจัดให้ R cathode สูงขึ้นนี่ คือสูงขึ้นเป็นเท่าไหร่ครับ เป็นกี่เท่าของค่าเดิม คือ R cathode เป็นตัวกำหนด bias ให้หลอด ถ้าเพิ่ม R cathode ขึ้น กระแสก็ไหลน้อยลง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ R internal ของหลอดจะสูงขึ้นครับ เมื่อ R internal สูงขึ้นความสามารถในการขับ Load ก็ลดลง ก็ต้องไปเพิ่ม R load อีก มันจะเป็นงูกินหางครับ
อีกประการที่สำคัญคือการกำหนดจุดทำงานจะทำให้เรารู้ว่า Max Input เป็นเท่าไหร่ด้วยครับ ผมยกตัวอย่างจากวงจรที่คุณ ohm ทำมาคือ 12AX7 SRPP ไฟเลี้ยง 300V R cathode 600 ohm ถ้าเทียบกับจุดทำงานของ 12AX7 แล้ว วงจรนี้จะมี I plate ราว 1.5mA และ Bias ราวเกือบ 0.9V ซึ่งจะเห็นว่ามันรับ Input ได้เต็มที่ 1.8Vp-p เท่านั้น ไม่สามารถรับ 2Vp-p อย่างที่คุณ ohm simulated มาได้ครับ
วิธีการออกแบบ SRPP ที่ถูกต้อง คือให้กำหนดจุดทำงานของหลอดก่อนครับ เพื่อให้ได้ Linearity สูงสุด และรู้ว่า Max Input เป็นเท่าไหร่ แล้วค่อยคำนวณความสามารถในการขับ Load เพราะเมื่อกำหนดจุดทำงาน เราก็จะรู้ว่า R internal เป็นเท่าไหร่ครับ พอกำหนดค่า R Load แล้ว ก็ค่อยคำนวณหาอัตราขยาย และถ้าอัตราขยายมากไปก็ค่อยใส่ Atten ครับ ทั้งนี้เพื่อให้วงจรมีความสามารถในการขยายโดยที่มีความเพี้ยนต่ำก่อนครับ กรณีถ้าไม่ต้องการใช้ Atten ก็กลับไปเลือกหลอดที่ mu เหมาะสมกับอัตราขยายที่ต้องการ แล้วก็เริ่มใหม่จากขั้นตอนแรกครับ :)
-
ชัดเจนในทุกประเด็น แง่่มุมครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยแสดงความคิดเห็น O0 O0 O0 O0 O0
ที่ผมอ่านๆจับใจความ SRPP ที่ดีควรจะเป็นหลอดไตรโอดทั้งคู่จึงจะดี
แต่ถ้าใครจะลองแบบแพนโทด ไตรโอดก็ไม่ว่ากันใช่ใหมครับ Y]
-
ชัดเจนในทุกประเด็น แง่่มุมครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยแสดงความคิดเห็น O0 O0 O0 O0 O0
ที่ผมอ่านๆจับใจความ SRPP ที่ดีควรจะเป็นหลอดไตรโอดทั้งคู่จึงจะดี
แต่ถ้าใครจะลองแบบแพนโทด ไตรโอดก็ไม่ว่ากันใช่ใหมครับ Y]
ถ้าพูดถึง SRPP นะครับ จะ triode หรือ pentode ก็ได้ แต่ 2 หลอดต้องเหมือนกันครับ เพราะมันเป็น Push pull ประเด็นคือจุดทำงานของ pentode จะขึ้นกับการแรงดันและกระแสที่ Screen Grid ด้วย และการจัดให้ 2 หลอดทำงานเหมือนกันเป็นเรื่องยากครับ triode จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมกว่าครับ
ส่วนการต่อ triode/pentode ผสมกันเป็น SRPP ถ้า 2 หลอดทำงานไม่เหมือนกันก็เป็นการสร้างความเพี้ยนครับ คุณช็อตแยกออกมาก่อนว่าวงจรไหนเป็น SRPP วงจรไหนไม่ใช่ SRPP ครับ บางวงจรดูคล้าย SRPP แต่การทำงานของหลอดบนเป็น Active Load หรือ CCS ก็มีครับ ดูคล้ายแต่ไม่ใช่ SRPP ครับ :)
-
แยกออกมาก่อนว่าวงจรไหนเป็น SRPP วงจรไหนไม่ใช่ SRPP ครับ บางวงจรดูคล้าย SRPP แต่การทำงานของหลอดบนเป็น Active Load หรือ CCS ก็มีครับ ดูคล้ายแต่ไม่ใช่ SRPP ครับ
....
ดูยังไงว่าใช่ ไม่ใช่ครับ มืออ่อนดูไม่ออกครับ ผมดูกระแส กับ Rk ถ้าเท่ากันทั้งสอง เป็น SRPP
-
ดูยังไงว่าใช่ ไม่ใช่ครับ มืออ่อนดูไม่ออกครับ ผมดูกระแส กับ Rk ถ้าเท่ากันทั้งสอง เป็น SRPP
ที่ post ไว้เช่นนั้น เพราะผมเห็นว่าหลายๆ คนเข้าใจว่าวงจรที่มี cathode ของหลอดบน ต่อให้กระแสผ่านมาที่ plate ของหลอดล่าง เป็นประเภท SRPP ทั้งหมด ซึ่งก็ไปเหมาเอาวงจรที่ต่อคล้ายๆ กัน แต่ไม่ใช่ SRPP มารวมด้วย จุดหลักก็อย่างที่อธิบายว่าหลอดทั้ง 2 ทำงานตามสัญญาณที่เข้ามา อันนี้ก็เข้าข่าย SRPP ซึ่งการทำ SRPP ให้ความเพี้ยนต่ำ หลอดทั้ง 2 จะต้องทำงานเหมือนกัน ก็คือรูปที่เราเห็นๆ กันทั่วไป
(http://www.euronet.nl/~mgw/background/tubes/figure_1.6_aikido_srpp.gif)
แต่มันจะมี SRPP แบบดัดแปลงอีกหลายแบบ ลองหาตัวอย่างดูใน tubecad journal ครับ แต่ถ้าเห็นหลอดใดหลอดหนึ่งถูก Bias ไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำงานตามสัญญาณ ก็ไม่ใช่ประเภท SRPP ครับ
-
Y] Y]
-
O0 O0 O0
d_d