HTG2.club

Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 07:58:22 am

หัวข้อ: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 07:58:22 am
สวัดดีตอนเช้าครับ  คุณออดิโอแมนลบกวนลองออกแบบวงจร el 34 pp แล้วไดร์ดว้ย ef 184 และ 6sn7 ให้สักวงจรนะครับ เลคดิฟายดว้ยหลอด 5u4 ครับ

..............
จำพวกหลอดออดิโอ อย่าง el34 มีวงจรดังให้ทำอย่างแพร่หลายนะครับ
ไม่ลองค้นดู มีเพียบเลยครับ
เขาว่าทำงานในโหมด ultra linear เสียงจะดีกว่าเพนโทดโหมด และได้พละกำลังมากกว่าไตรโอดโหมด
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 04:59:43 pm
ภาคขับกำลังชอบจุดนี้หรือเปล่าครับ ใช้ OPT ระหว่าง 5K ถึง 10K ,plate to plate, UL 43% tap
ได้กำลังขับประมาณ 16W/channel
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 09:06:58 pm
EL 34 PP UL 43% Tap.
เลือก Vp 360V, Vg1 -40V , Ia 45mA
เลือก RL 2.7K , OPT = 5.3K = 5K
Rk = 40V/45mA = 889R/1.8W = 910R/5W
B1+ = 40+360+10 = 410V
Vp gnd. = 400V
Rp = 51.4V/15.4mA = 3.3V/mA = 3.3K
Gm = 50.3mA/10V = 5mA/V
u = Gm*Rp = 5*3.3 = 16.5
gain = Gm*RL = 5*2.5 = 12.5
Rk' = 1/Gm = 1/5m = 200R
Zk = Rk'//Rk = 200//910 = 182000/1110 = 164R
Ck = 1/2*3.14*10*164 = 1/10299 = 97uF
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 09:07:51 pm
6SN7 twin triode, phas splitter, differential amplifier, ground grid
VHT 380V, Imax. 19mA,
RL 20K
กึ่งกลางวงสวิง 360+110/2 = 235V = 240V
Vp 240V , Ia 7mA , Vg -8V
ใช้ Rk ร่วมกัน
Ik = 7*2 = 14mA
Rk = 8V/14mA = 571R/0.1W = 560R/2W
B2+ = 8+240+(7mA*20K) = 248+140 = 388V
Vp gnd. 248V

Rp = 250-230V/8.19-6mA = 20/2.19 = 9V/mA = 9K
RL/Rp = 20K/9K = 2.2
Gm = 13-3mA/10-6V = 10/4 = 2.5mA/V
u = Gm*Rp = 2.5*9 = 22.5
Rp eff. = Rp+Rk(u+1) = 9K+0.56K(22.5+1) = 9K+13.2K = 22.2K
gain = u*RL/Rp eff.+RL = 22.5*20K/22.2K+20K = 450K/42.2K = 10.7
แบ่งเกนซีกละครึ่ง = 5.3
การทนกำลังของ RL = (388-248V)*7mA = 1W = 5W
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 09:08:33 pm
EF184 pentode, pre-drive , plate load
VHT 350V, Imax. 23.5mA,
RL 15K
กึ่งกลางวงสวิง 283+40/2 = 161.5V  เลือก 160V
Vp 160V , Ia 12.75mA
Vg1 -2.33V
Vg2 200V
Ig2 4mA
B3+ = 2.33+160+(12.75mA*15K) = 162.33+191.25 = 353.58V = 354V
Ik = 12.75mA+4mA = 16.75mA
Rk = 2.33V/16.75mA = 139R/0.04W = 150R 1W
Gm = 19-9.75mA/2.5-2V = 9.25/0.5 = 18.5mA/V
gain = Gm*RL = 18.5*15 = 277.5  เอทำไมเกนสูงจัง
Rg2 = 354-200V/4mA = 38.5K/0.6W = 39K/3W
การทนกำลังของ RL = 191.25V*12.75mA = 2.4W = 10W
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 09:09:15 pm
วงจรสำเร็จ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างหรั่งโรงต้ม ที่ 18 พฤษภาคม, 2011, 09:37:10 pm
สวัดดีครับ  คุณออดิโอแมนรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มนี้ละครับวงจรที่ผมอยากได้เพราะได้ฟังเสียงมาแล้วครับ  แต่เจ้าของเขาบอกว่าวงจรหายไปแล้วครับ   ขอความกรุณาจัดชุดจ่ายไฟให้ดว้ยครับใช้หลอด 5u4 ครับ O0
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 19 พฤษภาคม, 2011, 08:20:39 am
วงจรจ่ายไฟ
ผมว่าไฟภาคปรี/แยกเฟส กับไฟ EL34 แยกขดกันจะดีกว่า รวมถึงไฟจุดใส้หลอดด้วย ไม่ยังงั้นจะต้องใช้สวดเส้นโตพัน

แก้ไขใหม่
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างหรั่งโรงต้ม ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 06:53:37 am
วงจรสำเร็จ
   

สวัดดีครับ   คุณออดิโอแมนช้วยลงค่าอุปกรณ์ให้ดว้ยครับ r กับ c จุดยังไม่มีค่าครับ O0
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:58:09 am
สวัดดีครับ   คุณออดิโอแมนช้วยลงค่าอุปกรณ์ให้ดว้ยครับ r กับ c จุดยังไม่มีค่าครับ O0

ว่างไว้ให้ลงเอง มีค่า C เท่าไหร่มั่งครับ
วงจรกรองความถี่สูงผ่าน ใช้ C ค่าระหว่าง 0.1uF ถึง 0.47uF
ส่วน R ใช้ค่าระหว่า 470K ถึง 100K
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 12:07:28 pm
EL 34 PP UL 43% Tap.
เลือก Vp 360V, Vg1 -40V , Ia 45mA
เลือก RL 2.7K , OPT = 5.3K = 5K
Rk = 40V/45mA = 889R/1.8W = 910R/5W
B1+ = 40+360+10 = 410V
Vp gnd. = 400V
Rp = 51.4V/15.4mA = 3.3V/mA = 3.3K
Gm = 50.3mA/10V = 5mA/V
u = Gm*Rp = 5*3.3 = 16.5
gain = Gm*RL = 5*2.5 = 12.5
Rk' = 1/Gm = 1/5m = 200R
Zk = Rk'//Rk = 200//910 = 182000/1110 = 164R
Ck = 1/2*3.14*10*164 = 1/10299 = 97uF

(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=74305.0;attach=156625;image)

รูปนี้เขียน loadline ผิดนะครับ OPT 5k plate to plate ถ้านับ center tab to plate จะเท่ากับ 1.25k ครับ (1/4) ลองลาก Load line ใหม่ดูนะครับ

การคิดกำลังขับให้ดูเฉพาะ load line ระหว่างจุดทำงานกับจุดที่ grid = 0V ครับ แล้วคิดการ swing เป็น 2 เท่าครับ เพราะช่วงที่ grid เป็นลบมากกว่า bias เป็นช่วงที่จะไปทับการทำงานกับอีกหลอดหนึ่งครับ  :)
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 12:12:25 pm
วงจรสำเร็จ

(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=74305.0;attach=156630;image)

ถ้าจะต่อ ef184 เป็น pentode ควรจะมี c bypass จาก grid2 ไป cathode ด้วยครับ เพื่อให้แรงดัน grid2 คงที่ เทียบกับ cathode ครับ ถ้าไม่ใส่ c ไว้ เมื่อ grid swing, g2 จะ swing ตามด้วย อัตราจะเปลี่ยนไปมา ไม่คงที่ครับ และที่สงสัยว่าอัตราขยายเยอะ ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นครับ โดยมากอัตราขยายของ pentode มักจะเป็นหลักร้อยอยู่แล้วครับ  :)
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 12:14:05 pm
Rp = 250-230V/8.19-6mA = 20/2.19 = 9V/mA = 9K
RL/Rp = 20K/9K = 2.2
Gm = 13-3mA/10-6V = 10/4 = 2.5mA/V
u = Gm*Rp = 2.5*9 = 22.5
Rp eff. = Rp+Rk(u+1) = 9K+0.56K(22.5+1) = 9K+13.2K = 22.2K
gain = u*RL/Rp eff.+RL = 22.5*20K/22.2K+20K = 450K/42.2K = 10.7
แบ่งเกนซีกละครึ่ง = 5.3
การทนกำลังของ RL = (388-248V)*7mA = 1W = 5W

สงสัยว่าทำไมต้อง --แบ่งเกนซีกละครึ่ง-- ครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 05:26:04 pm
รูปนี้เขียน loadline ผิดนะครับ
OPT 5k plate to plate ถ้านับ center tab to plate จะเท่ากับ 1.25k ครับ (1/4) ลองลาก Load line ใหม่ดูนะครับ
การคิดกำลังขับให้ดูเฉพาะ load line ระหว่างจุดทำงานกับจุดที่ grid = 0V ครับ แล้วคิดการ swing เป็น 2 เท่าครับ เพราะช่วงที่ grid เป็นลบมากกว่า bias เป็นช่วงที่จะไปทับการทำงานกับอีกหลอดหนึ่งครับ

จุดทำงาน Vp 360V, Vg1 -40V ผมว่ายังทำงานที่คลาส A ผมจึงคิดครึ่งหนึ่งครับ
ซึ่งจุดไหนจึงจะทำงานคลาส AB ผมไม่ทราบ น่าจะประมาณ Vg1 -45V, -50V น้าทิ้ว ใบ้ให้ผมทราบด้วยครับ
สำหรับกำลังขับ น้าทิ้ว ประมาณได้เท่าไหร่ครับ
..................
ถ้าจะต่อ ef184 เป็น pentode ควรจะมี c bypass จาก grid2 ไป cathode ด้วยครับ เพื่อให้แรงดัน grid2 คงที่ เทียบกับ cathode ครับ
ถ้าไม่ใส่ c ไว้ เมื่อ grid swing, g2 จะ swing ตามด้วย อัตราจะเปลี่ยนไปมา ไม่คงที่ครับ
  
ผมเคยคำนวณแต่ ต่อ C จาก g2 ลงกราวน์เลย แต่ต้องมีกราฟไตรโอดโหมด จึงจะคำนวณค่า C ได้ คู่มือของ ef184 ไม่มีกราฟไตรโอดครับ
น้าทิ้ว สอนวิธีคำนวณหาค่า C จะขอบคุณมากครับ
..................
สงสัยว่าทำไมต้อง --แบ่งเกนซีกละครึ่ง-- ครับ ขอบคุณครับ

นั่นนะซิ ที่ทำมานี่ลอกเค้ามาครับ ปะติดปะต่อกัน ตามรูปแบบวงจรแยกเฟสเป็น differential amplifier
เอากริดซีกหนึ่งลงกราวน์  ใช้ Rk ร่วมกัน ผมเดาว่าถ้าคิด AC equivalent คงจะได้เกนซีกละครึ่งของการคิดเกนแบบเพลตโหลดซีกเดียว
เขาว่าครึ่งผมก็ครึ่งตามครับ
จริงๆ แล้ว วงจรแยกเฟสมีเกนเท่าไหร่ครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 06:34:19 pm
รูปนี้เขียน loadline ผิดนะครับ
OPT 5k plate to plate ถ้านับ center tab to plate จะเท่ากับ 1.25k ครับ (1/4) ลองลาก Load line ใหม่ดูนะครับ
การคิดกำลังขับให้ดูเฉพาะ load line ระหว่างจุดทำงานกับจุดที่ grid = 0V ครับ แล้วคิดการ swing เป็น 2 เท่าครับ เพราะช่วงที่ grid เป็นลบมากกว่า bias เป็นช่วงที่จะไปทับการทำงานกับอีกหลอดหนึ่งครับ

จุดทำงาน Vp 360V, Vg1 -40V ผมว่ายังทำงานที่คลาส A ผมจึงคิดครึ่งหนึ่งครับ
ซึ่งจุดไหนจึงจะทำงานคลาส AB ผมไม่ทราบ น่าจะประมาณ Vg1 -45V, -50V น้าทิ้ว ใบ้ให้ผมทราบด้วยครับ
สำหรับกำลังขับ น้าทิ้ว ประมาณได้เท่าไหร่ครับ

วิธีที่ผมมักใช้ประจำ คือการสร้าง graph combine load ของหลอด pp ครับ ลักษณะก็ตามรูปเลยครับ รูปนี้จะเป็นตัวแทนการทำงานของคู่ pp ครับ load line ก็ลากบนรูปนี้ตามวิธีปกติครับ

วิธีการสร้างรูปนี้คือกำหนดจุดทำงานของหลอดก่อนครับ แล้วตัดเอาส่วนที่อยู่ใต้จุดทำงานออกไปเลย หมุนรูป 180 องศา แล้วเอาไปต่อกับรูปที่ไม่หมุน โดยให้จุดทำงานของหลอดซ้อนทับกัน ก็จะได้รูปที่ผมแสดงไว้ครับ load line ที่ลาก ก็ลากตามความชันของ load ตามปกติเลยครับ

การคิดกำลังขับก็แบบที่คุณออดิโอแมนคำนวณครับ รูปที่ผมยกมา รูปแรกเป็นตัวอย่างของหลอด 211 แบบ Class A1 PP ส่วนรูปที่ 2 เป็นแบบ Class B PP ครับ 2 รูปนี้ต่างกันที่จุดทำงานของหลอดครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 06:54:01 pm
วิธีที่ 2 คือ ลาก loadline บนรูปตามปกติ แต่ใช้ความชันแค่ 1/4 ของค่า plate to plate ครับ ข้อนี้คุณออดิโอแมนอาจจะสงสัยว่าทำไมเป็น 1/4 ครึ่ง prmary ก็ต้องเป็น 1/2 สิ คือจริงๆ แล้ว opt มันเป็นตัวสะท้อนค่า imp จาก secondary มา primary ครับ เพราะฉะนั้นต้องใช้กฎของหม้อแปลงว่า อัตราทด imp เท่ากับ กำลังสองของอัตราส่วนรอบ

ผมอธิบายให้เข้าใจหม้อแปลงก่อนละกัน สมมุติหม้อแปลงอัตราส่วนรอบเป็น 2:1 และมี load 1 ohm ต่ออยู่ทาง secondary คำถามคือถ้าต้องการให้แรงดันตกคร่อม load = 1V ต้องป้อนแรงดันทาง primary เท่าไหร่ คำตอบก็คือ 2V ถูกไม๊ครับ ถ้าต้องการแรงดันคร่อม Load 2V ก็ต้องป้อน 4V ก็ตามอัตราส่วนรอบ

ทีนี้ลองมองในแง่ Imp กันหน่อย และสมมุติว่าหม้อแปลงมีประสิทธิภาพ 100% ถ้าแรงดันตกคร่อม Load 1 ohm = 1V ก็จะมีกระแสไหล 1A ถูกไม๊ครับ? คิดเป็นพลังงาน 1W และในเมื่อ sec จ่ายออกมา 1W ทาง pri ก็ต้องรับเข้ามา 1W ด้วย ตามกฎทรงพลังงาน คิดกลับทาง primary ดูครับ แรงดันตกคร่อม 2V เกิดกำลัง 1W ก็คือกระแสไหล 0.5A แปรค่าเป็น imp ดูครับ R = V/I = 2/0.5 = 4 ohm อันนี้ผมพิสูจน์ประโยค --อัตราทด imp เท่ากับ กำลังสองของอัตราส่วนรอบ-- ให้ดูครับ

ทีนี้ลองดู primary ของหม้อแปลง pp ดูอีกทีครับ สมมุติ primary 5k = 1000 รอบ ถ้าแบ่งครึ่งก็คือ 500 รอบ ถูกไม๊ครับ? รอบลดลงครึ่งหนึ่ง ก็คือ imp ลดลง 1/4 เพราะฉะนั้น 5k plate to plate ก็คือ 1.25k plate to center tab ครับ

ถ้าคุณออดิโอแมนจะลองเขียน load line แค่ 1/4 ตามที่ผมแนะนำ ก็ใช้แทนรูป combine ที่ผมอธิบายไปในกระทู้แรกได้เหมือน ซึ่งถ้าพิจารณาดีๆ แล้ว ก็คือเอา combine มาตัดครึ่งให้เหลือซีกเดียวนั่นแหล่ะครับ (สรุปว่ารูปเดียวกัน) ทีนี้ก็แล้วแต่ว่าใครถนัดใช้แบบไหน ข้อดีของแบบแรกคือ เราจะเห็นก่อนว่าวงจรมัน linear มากน้อยแค่ไหนครับ ให้ดูเปรียบเทียบรูปที่ 1-2 ครับ จะเห้นว่ารูปแรกรอยต่อเนียน ไม่มีความเพี้ยนจุดตัด (Class A) ส่วนรูปที่ 2 จะมีความเพี้ยนจุดตัด เพราะคู่ pp ทำงานแตกต่างกันแถวๆ 0mA ครับ (Class B )
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:01:41 pm
ถ้าจะต่อ ef184 เป็น pentode ควรจะมี c bypass จาก grid2 ไป cathode ด้วยครับ เพื่อให้แรงดัน grid2 คงที่ เทียบกับ cathode ครับ
ถ้าไม่ใส่ c ไว้ เมื่อ grid swing, g2 จะ swing ตามด้วย อัตราจะเปลี่ยนไปมา ไม่คงที่ครับ
  
ผมเคยคำนวณแต่ ต่อ C จาก g2 ลงกราวน์เลย แต่ต้องมีกราฟไตรโอดโหมด จึงจะคำนวณค่า C ได้ คู่มือของ ef184 ไม่มีกราฟไตรโอดครับ
น้าทิ้ว สอนวิธีคำนวณหาค่า C จะขอบคุณมากครับ

คือตามหลักการแล้วต้องต่อเข้า cathode ครับ เพราะบางทีแรงดัน cathode อาจจะห่างจาก gnd มากก็ได้ แต่สำหรับวงจร cathode bias ที่แรงดัน bias ไม่มาก (1-2) บางทีก็อนุโลมว่า ลง cathode หรือ ลง gnd ก็ไม่ต่างกันครับ

C ตัวนี้ทำหน้าที่ bypass สัญญาณลง gnd เพื่อให้แรงดัน g2 คงที่ครับ การคำนวณค่าต้องทราบ imp ของหลอด ครับ สมมุติ imp หลอดเท่ากับ 100k ถ้าจะ bypass 20Hz ผ่าน c ตัวนี้ โดยไม่ให้ไปผ่านหลอด ก็ C = 1/2(pi) f R = 1/[6.28 x 20 x 100k] = 0.08uF ครับ คือถ้าจะคำนวณละเอียดก็ต้องคิด imp จุดอื่นๆ ด้วย แต่เนื่องจาก C bypass เป็นการคิดค่าขั้นต่ำเท่านั้น ไม่ต้องคำนวณให้เป๊ะ กรณี 0.08uF ผมอาจจะใช้ 1uF ไปเลยก็ได้
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:05:09 pm
สงสัยว่าทำไมต้อง --แบ่งเกนซีกละครึ่ง-- ครับ ขอบคุณครับ

นั่นนะซิ ที่ทำมานี่ลอกเค้ามาครับ ปะติดปะต่อกัน ตามรูปแบบวงจรแยกเฟสเป็น differential amplifier
เอากริดซีกหนึ่งลงกราวน์  ใช้ Rk ร่วมกัน ผมเดาว่าถ้าคิด AC equivalent คงจะได้เกนซีกละครึ่งของการคิดเกนแบบเพลตโหลดซีกเดียว
เขาว่าครึ่งผมก็ครึ่งตามครับ
จริงๆ แล้ว วงจรแยกเฟสมีเกนเท่าไหร่ครับ

วงจรแบบ longtail pair มีอัตราขยายเท่าๆ กับวงจร anode follower แหล่ะครับ แต่ละหลอดแยกกันขยายสัญญาณเฟสใครเฟสมันครับ ไม่ได้เป็นการแบ่งแรงดันครับ เพราะฉะนั้นเกนไม่ต้องหารสองครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:25:36 pm
ผมจำง่ายๆว่า
SE เป็น class A เท่านั้น  , load line RL = OPT  (แต่ก่อนเป็นครึ่งหนึ่ง หาเวบต้นฉบับไม่เจอ เลยอ้างอิงไม่ได้)
PP class A , load line RL = 1/2 OPT  เพราะหลอดอีกซีกหนึ่งยังไม่ถึงกับหยุดทำงานเสียทีเดียว
PP class AB , load line RL = 1/4 OPT  เพราะหลอดซีกหนึ่งหยุดทำงาน
ทีนี้การกำหนดจุดทำงานว่าจุดไหนจึงจะเป็นคลาส A, AB ผมไม่ชัดเจน จึงเลือกจุดทำงานไม่ให้ Vg1 ติดลบมาทางขวามือมาก เพื่อให้เป็น PP class A

น้าทิ้วยังไม่ได้ใบ้ผมเลยว่า คลาส AB อยู่ตรงไหน เลือกยังไง

หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:29:54 pm
การหาค่า Cg2 เราคิดอิมพีแดนซ์จุดไหนของหลอดครับ
เป็นเอ้าพุทอิมพีแดนซ์ ตามวงจร ซึ่งก็คือประมาณเท่ากับ RL = 15K เพราะ Rp มีค่าสูงมาก
หรือคิดรวมกับ Rg next step  เป็น 15K//220K

หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:37:12 pm
มาแล้วครับ RL 1.25K  แสดงว่าใช้ไม่ได้
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 07:50:19 pm
ลากใหม่หมดเลย RL 1.25K
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 08:33:18 pm
ผมต่อแล้วไม่สนิท
ถ้าให้เส้นโหลดไลน์ต่อกัน เส้นแบ่งแรงดันแกนนอนไม่ต่อกัน เยื้องๆ กัน
ถ้าให้เส้นแรงดันแกนนอนต่อกัน เส้นโหลดไลน์ ไม่ต่อกัน
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 20 พฤษภาคม, 2011, 08:36:05 pm
ผมต่อแล้วไม่สนิท
ถ้าให้เส้นโหลดไลน์ต่อกัน เส้นแบ่งแรงดันแกนนอนไม่ต่อกัน เยื้องๆ กัน
ถ้าให้เส้นแรงดันแกนนอนต่อกัน เส้นโหลดไลน์ ไม่ต่อกัน

หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 12:16:31 am
ผมจำง่ายๆว่า
SE เป็น class A เท่านั้น  , load line RL = OPT  (แต่ก่อนเป็นครึ่งหนึ่ง หาเวบต้นฉบับไม่เจอ เลยอ้างอิงไม่ได้)
PP class A , load line RL = 1/2 OPT  เพราะหลอดอีกซีกหนึ่งยังไม่ถึงกับหยุดทำงานเสียทีเดียว
PP class AB , load line RL = 1/4 OPT  เพราะหลอดซีกหนึ่งหยุดทำงาน
ทีนี้การกำหนดจุดทำงานว่าจุดไหนจึงจะเป็นคลาส A, AB ผมไม่ชัดเจน จึงเลือกจุดทำงานไม่ให้ Vg1 ติดลบมาทางขวามือมาก เพื่อให้เป็น PP class A

น้าทิ้วยังไม่ได้ใบ้ผมเลยว่า คลาส AB อยู่ตรงไหน เลือกยังไง

ที่อธิบายมาทั้งหมด ก็เพื่อให้เข้าใจที่ไปที่มา ทดแทนการจำเป็นสูตรน่ะครับ

อ้างถึง
SE เป็น class A เท่านั้น  , load line RL = OPT  (แต่ก่อนเป็นครึ่งหนึ่ง หาเวบต้นฉบับไม่เจอ เลยอ้างอิงไม่ได้)

Load = OPT แน่นอนครับ ที่ผมอยากทราบที่มาก็เพื่อจะได้เอามาบอกว่าเค้าผิดตรงไหนครับ

อ้างถึง
PP class A , load line RL = 1/2 OPT  เพราะหลอดอีกซีกหนึ่งยังไม่ถึงกับหยุดทำงานเสียทีเดียว


ถ้าเป็น PP Class A จริงๆ ไม่มีหลอดไหนหยุดทำงานเลยครับ ลองดู Combine curve รูปแรกที่ผมทำมาให้เป็นตัวอย่างครับ แต่จริงๆ แล้วถ้าผมดึงหลอดทิ้งไปหลอดหนึ่ง จะเห็นว่าหลอดที่เหลือ ต่อจาก plate ไป center tab เท่านั้น ก็คือ 1/2 ของจำนวนรอบ หรือ 1/4 ของ Imp plate to plate ตามที่อธิบายมาครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณออดิโอแมนจะเขียน Load line แสดงการทำงานของ 1 หลอด ก็ใช้ Imp = 1/4 ของ plate to plate ครับ

อ้างถึง
PP class AB , load line RL = 1/4 OPT  เพราะหลอดซีกหนึ่งหยุดทำงาน

อันนี้ก็ผิดนิยามครับ Class AB คือ หลอดในคู่ PP จะผลัดกันหยุดทำงาน โดยการผลัดกันหยุดนี้จะกินเวลาตั้งแต่ 0 - 1/2 ของเวลา 1 ลูกคลื่นครับ Class A หลอดจะทำงานเต็มรูปคลื่น 360 องศา, Class B คือหลอดทำงานครึ่งรูปคลื่น ก็คือ 180 องศา, Class AB ก็คือหลอดทำงาน ไม่น้อยกว่า 180 และไม่ถึง 360 องศาครับ ก็คือระหว่าง Class A กับ Class B ครับ ซึ่งถ้ามองแค่หลอดเดียว หลอดก็ยังเห็น Load = 1/4 imp plate to plate อยู่ดี ไม่ต่างกับกรณีข้างต้นนี้ครับ

ที่ถามถึงว่า Class AB อยู่ตรงไหน ลองกลับไปดูรูปที่ผมแสดงไว้ประกอบคำอธิบายข้างต้นนะครับ รูปแรกเป็นจุด Bias Class A ก็คือกระแส Plate ไหลค่อนข้างสูง, รูปที่สองเป็น Class B จะเห็นว่าที่จุดทำงานกระแสไม่ไหลเลย Class AB ก็คือทุกจุดที่อยู่ระหว่าง 2 จุดนี้ครับ คือ Class AB มันกว้างน่ะครับ สมมุติ Class A คือ 360 องศา Class B คือ 180 องศา ทุกจุดระหว่างนี้ถือว่าเป็น Class AB ทั้งหมดเลยครับ แต่จริงๆ แล้ววงจรจะทำงานเป็น Class A หรือ Class B ขึ้นกับขนาดสัญญาณที่เข้ามาครับ ถ้าสัญญาณเข้ามาเบา วงจรก็ทำงาน Class A ถ้าสัญญาณเข้ามาแรงก็จะเปลี่ยนเป็น Class B (เพราะหลอดจะถูก Swing จน Off ไงครับ)
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 12:23:13 am
การหาค่า Cg2 เราคิดอิมพีแดนซ์จุดไหนของหลอดครับ
เป็นเอ้าพุทอิมพีแดนซ์ ตามวงจร ซึ่งก็คือประมาณเท่ากับ RL = 15K เพราะ Rp มีค่าสูงมาก
หรือคิดรวมกับ Rg next step  เป็น 15K//220K

คิดที่ Equivalent Plate Resistance หรือความต้านทานเพลท ครับ ไม่ได้คิดจาก Output Imp หรือ Load Imp ครับ เพราะเรากำลังจะ bypass ไม่ให้กระแสไหลผ่านหลอด เราจะให้มาไหลผ่าน C แทน ก็ต้องคิดจากตัวที่เราจะ Bypass ก็คือ Plate Resistance (Rp) ครับ ทีนี้หลอด Pentode จะมี Rp ต่างกันได้มาก ขึ้นกับจุดทำงานและแรงดัน G2 ครับ และอย่างที่อธิบายว่าการหาค่านี้เป็นการหาค่า --ขั้นต่ำ-- เพราะฉะนั้นเราคำนวณแค่เป็นแนวทาง แล้วใส่ค่าที่ใหญ่กว่าซัก 3-10 เท่า เป็นอันใช้งานได้ครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 12:25:58 am
ผมต่อแล้วไม่สนิท
ถ้าให้เส้นโหลดไลน์ต่อกัน เส้นแบ่งแรงดันแกนนอนไม่ต่อกัน เยื้องๆ กัน
ถ้าให้เส้นแรงดันแกนนอนต่อกัน เส้นโหลดไลน์ ไม่ต่อกัน

รูปนี้ต่อถูกแล้วครับ
(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=74305.0;attach=156769;image)

ไม่จำเป็นว่าเส้น grid (ที่บอกค่าแกน X) จะต้องต่อกันพอดีครับ จุดสำคัญแค่วางให้จุดทำงานของ 2 รูปอยู่จุดเดียวกันครับ ที่คุณออดิโอแมนทำมาถูกแล้วครับ ใช้คำนวณกำลังขับและแทนการทำงานของวงจรได้เลยครับ สังเกตดูครับ จะเห็นเส้น Grid Voltage (เส้นแรงดัน Grid) ต่อกันเสมือนเป็นหลอดๆ เดียวครับ นี่คือ Curve ที่แสดงการทำงานของวงจรครับ เยี่ยมมากครับ เรียนรู้เร็วมาก ขอชมจริงๆ O0 O0
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 06:15:01 am
ผมต้องอ่านและทำความเข้าใจอย่างน้อยเป็นเดือน
วันนี้ไปส่งลูกที่โคราช

อีกหนึ่งคำถามครับ  ถ้าเป็น PP จะคลาส A, B, AB ก็แล้วแต่  แล้ว load line RL ต้องเป็น 1/4 ของ OPT สถานเดียว
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Eak-tubeamp ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 08:16:39 am
 มาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคน  ;D
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: duang53 ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 09:18:21 am
มาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคน  ;D
ผมว่าทำเป็นตำราออกมา(ตำราการออกแบบหลอด)ช่วยกันออกค่ากระดาษดีเหมือนกันครับ  :victory
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 10:36:16 am
ผมต้องอ่านและทำความเข้าใจอย่างน้อยเป็นเดือน
วันนี้ไปส่งลูกที่โคราช

อีกหนึ่งคำถามครับ  ถ้าเป็น PP จะคลาส A, B, AB ก็แล้วแต่  แล้ว load line RL ต้องเป็น 1/4 ของ OPT สถานเดียว

ตอบว่าใช่ครับ แต่ไม่ควรจะสรุปสั้นๆ แบบนี้ครับ ผมอธิบายในรายละเอียดละกัน

คือถ้าคำถามสั้นๆ แค่ว่า หลอด 1 หลอดในคู่ PP จะมองเห็น Load เท่าไหร่ ก็ตอบว่าใช่ครับ 1/4 ของ plate to plate เหตุผลเพราะรอบเป็นครึ่งหนึ่งของ plate to plate ครับ Imp จึงเป็น 1/4 plate to plate ไปด้วย แต่ผมอยากให้ปรับมุมมองครับ ว่าหลอดในคู่ PP มันจะทำงานได้ ก็ต้องมีทั้ง 2 หลอด ถ้าดึงออกไปหลอดหนึ่งก็ไม่เรียกว่า PP ครับ จึงไม่ควรไปมองทีละครึ่ง รูปที่คุณออดิโอแมนทำมาและผมบอกว่าถูกแล้วก็คือ curve ที่แทนการทำงานของ 2 หลอดร่วมกันครับ ผมอธิบายจากรูปนี้ละกัน

(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=74305.0;attach=156760;image)

รูปนี้เป็นการทำงานใน Class B ครับ ผมขอเรียกหลอดบนว่าเฟสบวก และ ใช้กราฟครึ่งบนแทนการทำงานนะครับ ส่วนอีกหลอดหนึ่งเรียกว่าเฟสลบ และ ใช้กราฟครึ่งล่างแทนการทำงานครับ มองทั้ง 2 หลอดนะครับ จะเห็นว่าจุดทำงานสงบไม่มีกระแสไหลเลยครับ เพราะฉะนั้นถ้าสัญญาณเข้ามาเป็น + หลอดเฟสบวกถูก bias เป็นลบน้อยลง กระแสก็ไหลได้ ส่วนหลอดเฟสลบถุก bias เป็นลบมากขึ้น กระแสไม่ไหลเลย และจะกลับกันเมื่อสัญญาณเข้ามาเป็น - ครับ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าในแต่ละครึ่งรูปคลื่น จะมีกระแสไหลผ่าน primary แค่ครึ่งเดียว ก็คือรอบเป็น 1/2 plate to plate และ imp เป็น 1/4 plate to plate ครับ

ถ้าเข้าใจ Class B แล้ว ลองกลับมาดูรูป Class A ครับ จะเห็นว่าเมื่อสัญญาณเข้ามาเป็น + หลอดเฟสบวกจะนำกระแสมากขึ้น ในขณะที่หลอดเฟสลบจะนำกระแสน้อยลง แต่ไม่มีหลอดใดกระแสหยุดไหลเลย สมมุติว่ามีสัญญาณเข้ามา 50V ทำให้กระแสแต่ละหลอดเปลี่ยนไป 50mA จะเห็นว่าในขณะที่หลอดเฟสบวกมีกระแสไหลเพิ่มขึ้น 50mA หลอดเฟสลบก็มีกระแสไหลน้อยลง 50mA เช่นกัน และเมื่อมองจากมุมของ primary ก็จะเห็นว่า รวมกันเป็นความเปลี่ยนแปลง 100mA ครับ กรณี PP Class A (รวมถึง AB ด้วย) จึงไม่นิยมการมองทีละหลอด เพราะในขณะที่หลอดหนึ่ง swing อีกหลอดหนึ่งก็ swing อยู่ด้วยพร้อมๆ กัน แค่กลับทิศกันเท่านั้น เราจะทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ครับ เพราะหลอดทั้งคู่กำลังช่วยกันขับ Load ไปพร้อมๆ กันอยู่ ต่างจาก Class B ที่มันผลัดกันทำงานอย่างสมบูรณ์ จึงพอจะมองทีละหลอดได้ครับ แต่ไม่ว่าจะ Class อะไร การใช้ combine curve จะช่วยให้เห็นการทำงานที่แท้จริงได้ชัดเจนกว่าครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างหรั่งโรงต้ม ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 02:29:20 pm
มาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคน  ;D
ผมว่าทำเป็นตำราออกมา(ตำราการออกแบบหลอด)ช่วยกันออกค่ากระดาษดีเหมือนกันครับ  :victory


 เห็นดว้ยครับให้อาจารย์เซียนๆชว้ยกันทำแล้วไครอยากได้ก็ลงชื่อกัน ผมเอา 1 เล่มละว่าแต่ไครจะทำครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ช็อต ที่ 21 พฤษภาคม, 2011, 09:50:53 pm
คิดการณ์ใหญ่ด้วยคน มั่วๆนะ :-X
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 22 พฤษภาคม, 2011, 05:10:29 am
การหาค่า Cg2 เราคิดอิมพีแดนซ์จุดไหนของหลอดครับ
เป็นเอ้าพุทอิมพีแดนซ์ ตามวงจร ซึ่งก็คือประมาณเท่ากับ RL = 15K เพราะ Rp มีค่าสูงมาก
หรือคิดรวมกับ Rg next step  เป็น 15K//220K

คิดที่ Equivalent Plate Resistance หรือความต้านทานเพลท ครับ  ไม่ได้คิดจาก Output Imp หรือ Load Imp ครับ เพราะเรากำลังจะ bypass ไม่ให้กระแสไหลผ่านหลอด เราจะให้มาไหลผ่าน C แทน ก็ต้องคิดจากตัวที่เราจะ Bypass ก็คือ Plate Resistance (Rp) ครับ ทีนี้หลอด Pentode จะมี Rp ต่างกันได้มาก ขึ้นกับจุดทำงานและแรงดัน G2 ครับ และอย่างที่อธิบายว่าการหาค่านี้เป็นการหาค่า --ขั้นต่ำ-- เพราะฉะนั้นเราคำนวณแค่เป็นแนวทาง แล้วใส่ค่าที่ใหญ่กว่าซัก 3-10 เท่า เป็นอันใช้งานได้ครับ
กรณีที่ไม่มี C bypass, Ck ค่า Rp ก็คือ Rp effective = Rp+Rk(u+1) ใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 22 พฤษภาคม, 2011, 05:13:11 am
จากกราฟของ PP class B ที่น้าทิ้วยกมาเป็นตัวอย่าง แกน X = 0mA
class B นี่เลือกจุดไบอัสบนแกน X เลยหรือครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 22 พฤษภาคม, 2011, 08:36:54 am
จุดไบอัส ประมาณนะครับ
Vp 310V , Ia 30mA , Vg1 -40V
เอามาต่อกลับหัวแล้ว เส้นสีเขียว คือจุดไบอัส และก็เป็นจุดแบ่งการทำงานของหลอด
นั่นคือตอนเราเปิดสวิทช์ จะมีกระแสและแรงดัน เท่ากับจุดไบอัส
1 เมื่อมีอินพุท +35V เข้ามา ครึ่งบวก 0-180 องศา หลอดบนทำงาน
   1.1 แรงดันกริดจะสวิงจากจุดไบอัส จาก Vg -40V ไปบนเส้นโหลดไลน์  ไปทางซ้ายมือ ไปสุดที่ Vg = -40+35 = -5V
   1.2 ซึ่งขณะเดียวกัน แรงดันคร่อมหลอดจะสวิงลดลงจากจุดไบอัส 310V ไปสุดที่ 30V สวิงลดลง = 310-30 = 280V
   1.3 กระแสเพลต จะสวิงเพิ่มขึ้นจาก 40mA ไปสุดที่ 230mA สวิงไป = 230-40 = 190mA
   1.4 แล้วก็สวิงกลับมาที่จุดไบอัส Vp 310V , Ia 30mA , Vg1 -40V เหมือนเดิม

2 เมื่อมีอินพุท -35V เข้ามา ครึ่งลบ 180-360 องศา อีกหลอด, หลอดล่างทำงาน
   2.1 แรงดันกริดจะสวิงจากจุดไบอัส จาก Vg -40V ไปบนเส้นโหลดไลน์  ไปทางขวามือ ไปสุดที่ Vg = -40-35 = -75V
   2.2 ซึ่งขณะเดียวกัน แรงดันคร่อมหลอดจะสวิงเพิ่มขึ้นจากจุดไบอัส 310V เพิ่มขึ้นอีก = 280V ไปสุดที่ 590V
   2.3 กระแสเพลต จะสวิงลดลงจาก 40mA ลดลง 190mA ไปสุดที่ -230mA
   2.4 แล้วก็สวิงกลับมาที่จุดไบอัส Vp 310V , Ia 30mA , Vg1 -40V เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 22 พฤษภาคม, 2011, 08:38:13 am
พูดก็พูดเถอะ ผมว่าแต่ละหลอดทำงานที่ไฟบวก กระแสบวก
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างหรั่งโรงต้ม ที่ 22 พฤษภาคม, 2011, 09:32:14 am
สวัดดีครับ   คุณออดิโอแมนตกลงวงจรเสร็จเรียบรอ้ยแล้วใช้ไหมครับ  ตอ้งแก้ไขอะไรอีกไหมครับ :secret
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 22 พฤษภาคม, 2011, 11:18:24 am
ทำได้เลยครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 23 พฤษภาคม, 2011, 12:36:15 am
กรณีที่ไม่มี C bypass, Ck ค่า Rp ก็คือ Rp effective = Rp+Rk(u+1) ใช่ไหมครับ

ไม่ทราบครับ ผมไม่เคยใช้สูตรคำนวณสำเร็จรูป โดยมากจะประเมินเอาจากกราฟ และอย่างที่ผมบอกว่าเนื่องจากเราคำนวณค่าขั้นต่ำ ผมจึงไม่ได้สนใจความแม่นยำนัก ผมแค่ได้ค่าเป็นแนวทางแล้ว x3, x10 เข้าไปเลย ทำนองนี้ครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 23 พฤษภาคม, 2011, 12:41:23 am
จากกราฟของ PP class B ที่น้าทิ้วยกมาเป็นตัวอย่าง แกน X = 0mA
class B นี่เลือกจุดไบอัสบนแกน X เลยหรือครับ

แกน X คือแกนตามแนวนอนใช่ไม๊ครับ ถ้างั้น 0mA เป็นค่าบนแกน Y ครับ ลองดูเปรียบเทียบ 2 รูปที่ผมยกตัวอย่างมาอีกทีครับ ทั้ง 2 รูปนี้มี Plate Voltage 1000V เท่ากันครับ แต่รูป Class B bias ที่แรงดัน Grid ที่ทำให้กระแส Plate ไม่ไหลเลย ก็คือ 0mA ส่วนรูป Class A bias ที่แรงดัน Grid ที่ทำให้กระแสไหล 50mA ครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. Tube ที่ 23 พฤษภาคม, 2011, 12:54:19 am
จุดไบอัส ประมาณนะครับ
Vp 310V , Ia 30mA , Vg1 -40V
เอามาต่อกลับหัวแล้ว เส้นสีเขียว คือจุดไบอัส และก็เป็นจุดแบ่งการทำงานของหลอด
นั่นคือตอนเราเปิดสวิทช์ จะมีกระแสและแรงดัน เท่ากับจุดไบอัส
1 เมื่อมีอินพุท +35V เข้ามา ครึ่งบวก 0-180 องศา หลอดบนทำงาน
   1.1 แรงดันกริดจะสวิงจากจุดไบอัส จาก Vg -40V ไปบนเส้นโหลดไลน์  ไปทางซ้ายมือ ไปสุดที่ Vg = -40+35 = -5V
   1.2 ซึ่งขณะเดียวกัน แรงดันคร่อมหลอดจะสวิงลดลงจากจุดไบอัส 310V ไปสุดที่ 30V สวิงลดลง = 310-30 = 280V
   1.3 กระแสเพลต จะสวิงเพิ่มขึ้นจาก 40mA ไปสุดที่ 230mA สวิงไป = 230-40 = 190mA
   1.4 แล้วก็สวิงกลับมาที่จุดไบอัส Vp 310V , Ia 30mA , Vg1 -40V เหมือนเดิม

2 เมื่อมีอินพุท -35V เข้ามา ครึ่งลบ 180-360 องศา อีกหลอด, หลอดล่างทำงาน
   2.1 แรงดันกริดจะสวิงจากจุดไบอัส จาก Vg -40V ไปบนเส้นโหลดไลน์  ไปทางขวามือ ไปสุดที่ Vg = -40-35 = -75V
   2.2 ซึ่งขณะเดียวกัน แรงดันคร่อมหลอดจะสวิงเพิ่มขึ้นจากจุดไบอัส 310V เพิ่มขึ้นอีก = 280V ไปสุดที่ 590V
   2.3 กระแสเพลต จะสวิงลดลงจาก 40mA ลดลง 190mA ไปสุดที่ -230mA
   2.4 แล้วก็สวิงกลับมาที่จุดไบอัส Vp 310V , Ia 30mA , Vg1 -40V เหมือนเดิม

แนะนำให้มองพร้อมๆ กันทั้ง 2 หลอดครับ คือจริงๆ แล้วถ้าแรงดัน Input เข้าที่หลอดบน +35V หลอดล่างก็จะได้รับ -35V ด้วยพร้อมๆ กัน หลอดเฟสบวกจะ swing ตามที่คุณเข้าใจครับ แต่ในขณะเดียวกันหลอดเฟสลบก็จะได้รับ Input -35V ด้วย กลายเป็น -75V ซึ่งหลอดมัน Off ไปก่อนหน้านี้แล้วครับ

(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=74305.0;attach=156768;image)

ผมเอารูปนี้มาให้ดู เพราะรูปที่ต่อกันแล้วมันถูกตัดส่วนที่ทับกันออกไป ลองคิดว่าหลอดนี้เป็นหลอดเฟสลบ ในสถานการณ์ตามข้อ 1 ครับ จะเห็นว่าก่อนที่ Input จะไปถึง -75 หลอดมันก็ Off ไปก่อนซะแล้วครับ คือที่ Input +/-35V มันกลายเป็น Class B ครับ ลองดูรูปอีกรอบหนึ่ง ถ้า Input เป็น +/-10V ล่ะ จะเห็นว่าหลอดเฟสลบจะไม่ Off เลย ซึ่งก็คือ Class A ครับ

ที่คุณว่า
อ้างถึง
ผมว่าแต่ละหลอดทำงานที่ไฟบวก กระแสบวก

ก็ตามนั้นครับ ไม่มีหลอดไหนทำงานด้วยไฟลบนี่ครับ
หัวข้อ: Re: ช่างหรั่งโรงต้ม el 34 pp แล้วไดร์ด้วย ef 184 และ 6sn7
เริ่มหัวข้อโดย: ออดิโอแมน ที่ 24 พฤษภาคม, 2011, 08:07:44 pm
http://www.htg2.net/index.php?topic=74417.new

ย้านไปตั้งกระทู้ใหม่ครับ