HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: แพร่ ที่ 13 พฤศจิกายน, 2011, 04:51:56 am
-
เอามาจาก
http://www.diy55.com/?cat=17&id=511
-
น่าสนใจครับ
มงกุฎ 2 ตัว อย่าให้ถึง 18 แล้วกันครับ ;D
-
http://www.diyaudio.com/forums/digital-source/40005-tda1541-s1-s2.html
ไม่รู้เชื่อไ้ด้แค่ไหนนะครับ
http://www.dutchaudioclassics.nl/philips-tda1541.asp
ในเว็บนี้ท่าทางมีอยู่จริงคับ
-
เอามาจาก
http://www.diy55.com/?cat=17&id=511
:) :)ไม่รู้เหมือนกันครับว่ามันมีไหม สำหรับผมแล้ว ตัว S1 มงกุฏเดียวที่ขึ้นต้นด้วยรหัส HSH มันเป็นตัว TOP สุดที่ผลิดในโรงงานในยุโรป ส่วนรหัส R1 และ S2 (ไม่ค่อยได้เจอ ;D ;D) จะผลิตที่โรงงานในไต้หวัน แต่ตัวที่ผมใช้งานอยู่ เป็น 1541 ธรรมดาเวอร์ชั่นแรกๆ ครับ สิ่งที่มันแตกต่างกันระหว่างธรรมดากับพวกมีรหัส คือ Clock ภายในตัวไอซีมันจะถูกเพิ่มให้สูงขี้นคงจะเหมือนกับการ Over Clock มั้ง ;D ;D และ ขา 2 กับ ขา 4 จะถูกจั๊มถึงกัน ตั้งแต่ เวอร์ชั่น A ขึ้นมาครับ จากสังเกตุได้จากการทำ digital fillter OverSampling ในไอซีแบบธรรมดาเสียงที่ได้ก็ไม่ต่างกันเลยครับ :) :) :) หรือ การฟังที่ 96K ระดับเสียงมันจะเท่ากับตัวรุ่น S1 ที่เปิดฟังระดับ 44.1 K ครับ :yahoo :yahoo แต่ว่าอย่าไปคิดมากกับรหัสเลยครับ เครื่องที่ระดับราคาหลักแสนเมื่อตอนสมัยไอซีนี้ออกมาใหม่ ๆ เขาก็ใช้แค่ TDA1541 แบบธรรมดา หรือว่า สมัยนั้นไอ้พวกรหัสต่อท้ายยังไม่ผลิตมั้ง ;D ;D ;D ;D แต่ก็ว่าและครับ ของอย่างงี้ชอบใครชอบมัน หูใครหูมัน เอาตามความพอใจและชอบของเราละกันครับ :yahoo :yahoo :yahoo :whistling
-
รูปแรกเหมือนของจริงครับ ส่วนรูปที่ 2 น่าจะทำมาหลอกขาย
S2 เป็น IC ที่ถูกคัดเกรดพิเศษกว่า S1 ครับ โดยดูจาก Linearity Error < 0.5LSB for all 16bit ครับ แต่เดิมผลิตมาเพื่อใช้ใน Marantz CD-7 ครับ ถ้าเรียงลำดับคุณภาพจากการคัดเกรดจะเป็นดังนี้ครับ
R1 -> เกรดอลุ่มอล่วย
TDA1541A ปกติ -> เกรดปกติ
S1 -> เกรดพิเศษ
S2 -> เกรดสูงสุด
-
+1 พี่ Mr.Tube ครับ เกรด S2 มีครับ แต่ chip ที่ซื้อมาจะเป็นเกรด S2 แท้รึเปล่านั้น คงต้องวัดดวงครับ ;)
ว่าแล้วก็ขอรับสมัคร TDA1541A S2 ซัก 2 ตัวครับ ขอราคาเบาๆ ถ้าแพงไปก็ไม่ไหวอ่ะ :giveup
-
ดูจาก spec
R1 สเปกแย่กว่าตัวธรรมดาอีก ทำไมคนยังแนะนำว่าเสียงอีกเลยล่ะครับ
-
ดูจาก spec
R1 สเปกแย่กว่าตัวธรรมดาอีก ทำไมคนยังแนะนำว่าเสียงอีกเลยล่ะครับ
เรื่องเสียงดีนี่ ก็หูใครหูมันอย่างที่รู้ๆ กันแหล่ะครับ :)
จะสังเกตว่า R1, S1 ของ TDA1541A ช่วงปี 8X เป็นการพิมพ์เพิ่มหลังจากที่เครื่องจักรพิมพ์เบอร์ TDA1541A เสร็จแล้ว แล้วค่อยเอามาคัดเกรดแล้วพิมพ์กำกับ R1, S1 ครับ S1 คือดีพิเศษ R1 ก็น่าจะหมายถึงตก Spec ปกติ แต่ยอมรับให้เอาไปขายได้ ใน Datasheet จึงระบุเลยว่าตัวนี้ Error เยอะกว่าตัวปกตินะ ที่เหลือก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อจะไปตัดสินใจครับ
-
+1 พี่ Mr.Tube ครับ เกรด S2 มีครับ แต่ chip ที่ซื้อมาจะเป็นเกรด S2 แท้รึเปล่านั้น คงต้องวัดดวงครับ ;)
ว่าแล้วก็ขอรับสมัคร TDA1541A S2 ซัก 2 ตัวครับ ขอราคาเบาๆ ถ้าแพงไปก็ไม่ไหวอ่ะ :giveup
เนื่องจาก S2 มีมูลค่าทางการตลาดสูงมาก ได้ข่าวว่ามีของปลอมระบาดเมื่อหลายปีก่อนครับ ถ้าจะลงทุนควรต้องดูความน่าเชื่อถือตั้งแต่คนขายมาเลยครับ อีกเรื่องคือในแง่การรับฟังแล้วมันดีกว่า S1 ไม่มากครับ แนะนำว่าให้โมจนไม่มีอะไรจะโมแล้วค่อยคิดถึง S2 ครับ ถ้ายังมีที่ให้โม เอาเงินไปลงทางนั้นจะปลอดภัยและได้ผลกว่าด้วยครับ
S2 เริ่มมีตอนที่ Ken Ishiwata จะทำ Marantz CD-7 และให้ Philips คัด TDA1541A แบบพิเศษสุดให้ หลังจากนั้นก็มี CD-99 ของ Philips อีกรุ่นที่ใช้ S2 ครับ ไม่แน่ใจว่าจำรุ่นผิดรึเปล่า แต่มี CD Philips แค่รุ่นเดียวที่ใช้ S2 ครับ ถ้าจะหาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ย้อมแมว ก็คือศูนย์อะไหล่ Marantz กับ Philips ครับ อีกรายที่มี S2 ของแท้อยู่ในมือแน่ๆ ก็คือ Zanden ครับ :)
-
การคัดเกรดนี่หมายถึง การที่เครื่องจักรผลิตออกมาในล๊อตเดียวกันทุกเกรดแล้ว ทางฟิลลิปเอาไอซีทั้งหมดทุกตัวที่ผลิตออกมาในล๊อตแล้วมาวัดค่าทางไฟฟ้าทีละตัวแล้วทำการคัดเกรดก่อนค่อยพิมพ์มารค์เบอร์อย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ d_d d_d หรือ ว่าทางโรงงานฟิลลิปออกแบบพิมพ์เขียวใหม่ เพื่อการอัพเกรดไอซีตัวนี้โดยเฉพาะ แล้วค่อยผลิตไอซีที่เป็นล๊อตพิเศษครับ :D :D
-
การคัดเกรดนี่หมายถึง การที่เครื่องจักรผลิตออกมาในล๊อตเดียวกันทุกเกรดแล้ว ทางฟิลลิปเอาไอซีทั้งหมดทุกตัวที่ผลิตออกมาในล๊อตแล้วมาวัดค่าทางไฟฟ้าทีละตัวแล้วทำการคัดเกรดก่อนค่อยพิมพ์มารค์เบอร์อย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ d_d d_d หรือ ว่าทางโรงงานฟิลลิปออกแบบพิมพ์เขียวใหม่ เพื่อการอัพเกรดไอซีตัวนี้โดยเฉพาะ แล้วค่อยผลิตไอซีที่เป็นล๊อตพิเศษครับ :D :D
ผมคิดเอาเองว่าในปี 198X ทาง Philips ผลิต IC ออกมาเหมือนกันหมด แล้วค่อยนำมาคัดเกรดแล้วพิมพ์เกรดซ้ำลงไปครับ ใครที่มี S1 Datecode เดียวกันหลายๆ ตัว ลองสังเกต S1 กับ มงกุฎ ว่ามันไม่ซ้อนทับกันพอดีเป๊ะครับ แสดงว่าไม่ได้ใช้เครื่องจักรในการพิมพ์เหมือนอักษรชุดอื่นๆ ครับ ข้อสังเกตอีกอย่างคือ DAC ของ Burr Brown, Analog Device ในช่วงเดียวกัน ก็เป็นการพิมพ์เกรดเพิ่มลงไปทีหลังเช่นกันครับ และก็มีตัวที่เกรดเบี้ยวๆ เหมือนกันด้วย ส่วนในปี 199X เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถทดสอบการทำงานบน Die Silicon ได้เลย (อันนี้ไม่ใช่ความคิดแต่เป็นข้อเท็จจริงปัจจุบันครับ ที่ผมไม่รู้คือเค้าเริ่มทำแบบนี้กันตั้งแต่ปีไหนน่ะครับ) ก่อนที่จะวางลง Package ครับ ซึ่งผู้ผลิตสามารถ Mark เบอร์+เกรดลงไปในกระบวนการพิมพ์เบอร์ได้เลย พัฒนาการลักษณะเดียวกันเห็นได้ใน DAC ของ BB และ AD ในเวลาไล่เลี่ยกันครับ
ส่วนกรณี S2 นั้นผมมีข้อสังเกตอีกเรื่องคือ S2 ทั้งหมดที่ผมเคยเห็นผลิตในช่วง Datecode 971X ครับ (เหมือนรูปแรกจากเจ้าของกระทู้) แต่ผมไม่เคยเห็นเกรดธรรมดาที่เป็น Datacode 971X เลย ซึ่งผมคิดไว้ 2 เหตุผลคือ Philips พัฒนาความสามารถในการผลิต ให้ได้ S2 ล้วนๆ ได้ ไม่ต้องคัดเกรดอีก แค่ Process Control ก็พอ หรือ Philips ผลิต Die จำนวนมากออกมาคัดเกรด แล้วเอาเฉพาะ S2 Grade มาลง Package ในช่วง Datacode นั้น ส่วน Die ที่ตกเกรด S2 ก็เก็บไว้ก่อน แล้วค่อยเอามาลง Package ในอีกหลายปีให้หลัง เช่นพวก Datecode 98XX, 01XX หรือ 04XX ครับ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างหลังครับ
-
ถามแบบคนไม่รู้เลยครับว่า ไอ้ตัวนี้มันมีดีอะไรเหรอครับ ???
-
การคัดเกรดนี่หมายถึง การที่เครื่องจักรผลิตออกมาในล๊อตเดียวกันทุกเกรดแล้ว ทางฟิลลิปเอาไอซีทั้งหมดทุกตัวที่ผลิตออกมาในล๊อตแล้วมาวัดค่าทางไฟฟ้าทีละตัวแล้วทำการคัดเกรดก่อนค่อยพิมพ์มารค์เบอร์อย่างนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ d_d d_d หรือ ว่าทางโรงงานฟิลลิปออกแบบพิมพ์เขียวใหม่ เพื่อการอัพเกรดไอซีตัวนี้โดยเฉพาะ แล้วค่อยผลิตไอซีที่เป็นล๊อตพิเศษครับ :D :D
ผมคิดเอาเองว่าในปี 198X ทาง Philips ผลิต IC ออกมาเหมือนกันหมด แล้วค่อยนำมาคัดเกรดแล้วพิมพ์เกรดซ้ำลงไปครับ ใครที่มี S1 Datecode เดียวกันหลายๆ ตัว ลองสังเกต S1 กับ มงกุฎ ว่ามันไม่ซ้อนทับกันพอดีเป๊ะครับ แสดงว่าไม่ได้ใช้เครื่องจักรในการพิมพ์เหมือนอักษรชุดอื่นๆ ครับ ข้อสังเกตอีกอย่างคือ DAC ของ Burr Brown, Analog Device ในช่วงเดียวกัน ก็เป็นการพิมพ์เกรดเพิ่มลงไปทีหลังเช่นกันครับ และก็มีตัวที่เกรดเบี้ยวๆ เหมือนกันด้วย ส่วนในปี 199X เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถทดสอบการทำงานบน Die Silicon ได้เลย (อันนี้ไม่ใช่ความคิดแต่เป็นข้อเท็จจริงปัจจุบันครับ ที่ผมไม่รู้คือเค้าเริ่มทำแบบนี้กันตั้งแต่ปีไหนน่ะครับ) ก่อนที่จะวางลง Package ครับ ซึ่งผู้ผลิตสามารถ Mark เบอร์+เกรดลงไปในกระบวนการพิมพ์เบอร์ได้เลย พัฒนาการลักษณะเดียวกันเห็นได้ใน DAC ของ BB และ AD ในเวลาไล่เลี่ยกันครับ
ส่วนกรณี S2 นั้นผมมีข้อสังเกตอีกเรื่องคือ S2 ทั้งหมดที่ผมเคยเห็นผลิตในช่วง Datecode 971X ครับ (เหมือนรูปแรกจากเจ้าของกระทู้) แต่ผมไม่เคยเห็นเกรดธรรมดาที่เป็น Datacode 971X เลย ซึ่งผมคิดไว้ 2 เหตุผลคือ Philips พัฒนาความสามารถในการผลิต ให้ได้ S2 ล้วนๆ ได้ ไม่ต้องคัดเกรดอีก แค่ Process Control ก็พอ หรือ Philips ผลิต Die จำนวนมากออกมาคัดเกรด แล้วเอาเฉพาะ S2 Grade มาลง Package ในช่วง Datacode นั้น ส่วน Die ที่ตกเกรด S2 ก็เก็บไว้ก่อน แล้วค่อยเอามาลง Package ในอีกหลายปีให้หลัง เช่นพวก Datecode 98XX, 01XX หรือ 04XX ครับ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างหลังครับ
c) c) c) c) c) c) งั้นเกรดธรรมดาของผมปี 86 ก็น่าจะเป็นเวอร์ชั่นเริ่มแรกครับ :yahoo :yahooตั้งแต่ปี 85-86-87-(88 น่าจะหยุดผลิดแล้วสำหรับเกรดธรรมดา)จากโรงงานในยุโรบ สำหรับรหัส HSH สำหรับตัว S1 ตัวแรกน่าจะเกิดประมาณปี
87 แล้วเลิกผลิตในโรงงานยุโรบ ส่วนพวก R 1 หรือ S2 หรือ S1 ที่ไม่ได้ขึ้นโค๊ดโรงงาน HSH จะถูกผลิตที่โรงงานในได้หวัน เป็นรหัสโรงงาน RSH แต่ผมหาข้อมูลไม่เคยเจอไอซีรหัส HSH85XX เลยทั้งดาต้าชีทมันออกมาปี 85 เจอแต่ไอซีปี 86-87 ส่วนมากครับ งั้นสำหรับไอซีปี 86 คงเป็นล๊อตแรก และเป็นพีใหญ่ของไอซีเบอร์นี้มั้ง ดูจากเครื่องระดับสูงยี่ห้อดัง ๆ ก็ใช้ปีรหัส HSH86xx ;D ;D คงยังไม่มี S1 ;D ;D งั้นเกรดสูงสุดของไอซีเบอร์นี้คือ S1 (ที่ผลิตจากโรงงานในยุโรป HSH) และ S2 (ผลิตจากโรงงานได้หวัน RSH)สำหรับท่านที่มีมงกุฏมากกว่านี้ ถือว่าเป็นรุ่น 18 มงกุฏ :victory :victory ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ผมเข้าใจอย่างนั้นครับ สำหรับ PCM มันถูกคัดเกรดทีหลังแน่ ๆ สังเกตุได้จากการพิมพ์เกรด ตามที่ท่านอาจารย์บอกน่ะครับ :yahoo :yahoo :yahoo
-
+1 พี่ Mr.Tube ครับ เกรด S2 มีครับ แต่ chip ที่ซื้อมาจะเป็นเกรด S2 แท้รึเปล่านั้น คงต้องวัดดวงครับ ;)
ว่าแล้วก็ขอรับสมัคร TDA1541A S2 ซัก 2 ตัวครับ ขอราคาเบาๆ ถ้าแพงไปก็ไม่ไหวอ่ะ :giveup
TDA1541A S2 ราคาเท่าไหร่ต่อตัวถึงเรียกว่าแพงครับ
-
ตามหลักแล้ว IC กับ Datasheet ควรจะออกพร้อมกันครับ เนื่องจาก IC ออกมาช่วงปลายปี 1985 ผมคิดว่า Datecode ปี 85 น่าจะมีน้อยมากๆ และถูกขายเข้าผู้ผลิตทั้งหมด (ก็คือ CD ของ Philips เองนั่นแหล่ะ) ยังไม่เข้าตลาดอะไหล่น่ะครับ ส่วน S1 เพิ่งจะมาคัดเกรดตอนที่ออก Revision A มาครับ ราวๆ ปลายปี 87 น่าจะได้
เรื่องแหล่งการผลิตนั้น บางที IC ตัวหนึ่งอาจจะไม่ได้ผลิตจากโรงงานเดียวครับ บางที Die อาจจะผลิตจากโรงงานในยุโรปหรืออเมริกา และส่งเฉพาะ Die มาลง Package ที่ไต้หวันหรือแม้แต่ประเทศไทยครับ ก็เหมือนเสื้อผลิตเมืองไทยแล้วส่งไปอเมริกาใส่กล่องแล้ว Stamp Made in USA เมื่อก่อนนั้นแหล่ะครับ ;D ;D
c) c) c) c) c) c) งั้นเกรดธรรมดาของผมปี 86 ก็น่าจะเป็นเวอร์ชั่นเริ่มแรกครับ :yahoo :yahooตั้งแต่ปี 85-86-87-(88 น่าจะหยุดผลิดแล้วสำหรับเกรดธรรมดา)จากโรงงานในยุโรบ สำหรับรหัส HSH สำหรับตัว S1 ตัวแรกน่าจะเกิดประมาณปี
87 แล้วเลิกผลิตในโรงงานยุโรบ ส่วนพวก R 1 หรือ S2 หรือ S1 ที่ไม่ได้ขึ้นโค๊ดโรงงาน HSH จะถูกผลิตที่โรงงานในได้หวัน เป็นรหัสโรงงาน RSH แต่ผมหาข้อมูลไม่เคยเจอไอซีรหัส HSH85XX เลยทั้งดาต้าชีทมันออกมาปี 85 เจอแต่ไอซีปี 86-87 ส่วนมากครับ งั้นสำหรับไอซีปี 86 คงเป็นล๊อตแรก และเป็นพีใหญ่ของไอซีเบอร์นี้มั้ง ดูจากเครื่องระดับสูงยี่ห้อดัง ๆ ก็ใช้ปีรหัส HSH86xx ;D ;D คงยังไม่มี S1 ;D ;D งั้นเกรดสูงสุดของไอซีเบอร์นี้คือ S1 (ที่ผลิตจากโรงงานในยุโรป HSH) และ S2 (ผลิตจากโรงงานได้หวัน RSH)สำหรับท่านที่มีมงกุฏมากกว่านี้ ถือว่าเป็นรุ่น 18 มงกุฏ :victory :victory ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ผมเข้าใจอย่างนั้นครับ สำหรับ PCM มันถูกคัดเกรดทีหลังแน่ ๆ สังเกตุได้จากการพิมพ์เกรด ตามที่ท่านอาจารย์บอกน่ะครับ :yahoo :yahoo :yahoo
-
รูปแรกเหมือนของจริงครับ ส่วนรูปที่ 2 น่าจะทำมาหลอกขาย
S2 เป็น IC ที่ถูกคัดเกรดพิเศษกว่า S1 ครับ โดยดูจาก Linearity Error < 0.5LSB for all 16bit ครับ แต่เดิมผลิตมาเพื่อใช้ใน Marantz CD-7 ครับ ถ้าเรียงลำดับคุณภาพจากการคัดเกรดจะเป็นดังนี้ครับ
R1 -> เกรดอลุ่มอล่วย
TDA1541A ปกติ -> เกรดปกติ
S1 -> เกรดพิเศษ
S2 -> เกรดสูงสุด
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ :)
-
รูปแรกเหมือนของจริงครับ ส่วนรูปที่ 2 น่าจะทำมาหลอกขาย
S2 เป็น IC ที่ถูกคัดเกรดพิเศษกว่า S1 ครับ โดยดูจาก Linearity Error < 0.5LSB for all 16bit ครับ แต่เดิมผลิตมาเพื่อใช้ใน Marantz CD-7 ครับ ถ้าเรียงลำดับคุณภาพจากการคัดเกรดจะเป็นดังนี้ครับ
R1 -> เกรดอลุ่มอล่วย
TDA1541A ปกติ -> เกรดปกติ
S1 -> เกรดพิเศษ
S2 -> เกรดสูงสุด
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ :)
อันนี้เป็น การจัด Rank ตาม THD+N ที่ 0 dB ครับ
-
Philips ใช้วิธีการวัด Linearity Error ไม่ได้วัด THD ครับ ข้อมูลนี้มาจากเอกสารชุดใดของ Philips ครับ ลักษณะเหมือน Capture มา หรือมาจาก Website ใดครับ
ผมอยากจะบอกว่า ข้อมูลลักษณะนี้ผมเห็นมาตลอดครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจาก Philips ครับ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงใน Datasheet คนคัดเกรดเค้าบอกว่า R1 Error มากกว่า A ปกติครับ
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ :)
-
Philips ใช้วิธีการวัด Linearity Error ไม่ได้วัด THD ครับ ข้อมูลนี้มาจากเอกสารชุดใดของ Philips ครับ ลักษณะเหมือน Capture มา หรือมาจาก Website ใดครับ
ผมอยากจะบอกว่า ข้อมูลลักษณะนี้ผมเห็นมาตลอดครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจาก Philips ครับ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงใน Datasheet คนคัดเกรดเค้าบอกว่า R1 Error มากกว่า A ปกติครับ
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ :)
มาจาก NXP ครับ :)
http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf (http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf)
-
Philips ใช้วิธีการวัด Linearity Error ไม่ได้วัด THD ครับ ข้อมูลนี้มาจากเอกสารชุดใดของ Philips ครับ ลักษณะเหมือน Capture มา หรือมาจาก Website ใดครับ
ผมอยากจะบอกว่า ข้อมูลลักษณะนี้ผมเห็นมาตลอดครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจาก Philips ครับ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงใน Datasheet คนคัดเกรดเค้าบอกว่า R1 Error มากกว่า A ปกติครับ
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ :)
มาจาก NXP ครับ :)
http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf (http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf)
เป็น Digital designer's guide ของ Philips ปี 1997 ครับ :)
-
Philips ใช้วิธีการวัด Linearity Error ไม่ได้วัด THD ครับ ข้อมูลนี้มาจากเอกสารชุดใดของ Philips ครับ ลักษณะเหมือน Capture มา หรือมาจาก Website ใดครับ
ผมอยากจะบอกว่า ข้อมูลลักษณะนี้ผมเห็นมาตลอดครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจาก Philips ครับ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริงใน Datasheet คนคัดเกรดเค้าบอกว่า R1 Error มากกว่า A ปกติครับ
ข้อมูลจาก Product data ของ Philips ครับ :)
มาจาก NXP ครับ :)
http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf (http://www.classic.nxp.com/acrobat_download2/various/DIGITAL.pdf)
สำหรับคนที่ไม่รู้นะครับ NXP เข้าซื้อในส่วนของ Semiconductor ของ Philips ได้หลายปีแล้วครับ แต่ datasheet, product sheet ต่างๆของ Philips ยังสามารถดาวน์โหลดได้จากเวปของ NXP ครับ :)
ค่า LSB error (ค่าที่ได้จากการวัดโดยวิธี Differential Linearity Error) นี้ก็จะส่งผลกับ THD โดยตรงครับ คิดว่าในส่วนงานที่เกี่ยวกับ Audio ยังไงก็ต้องมีการวัดค่า THD + N นี้ออกมาครับ :)
ไม่ทราบว่าส่วนในการวัดค่าที่ท่าน Mr.Tube อ้างอิงมาพอจะเอามาแชร์เพื่อเป็นความรู้อีกซักครั้งได้มั้ยครับ :) ขอบคุณครับ :)
-
Differntial Linearity Error เป็นส่วนหนึ่งของ THD และ THD ทั้งหมด ไม่ได้มาจาก Differential Linearity Error แต่เพียงอย่างเดียวครับ
Datasheet ของ TDA1541A แสดงไว้ดังนี้ครับ
สำหรับคนที่ไม่รู้นะครับ NXP เข้าซื้อในส่วนของ Semiconductor ของ Philips ได้หลายปีแล้วครับ แต่ datasheet, product sheet ต่างๆของ Philips ยังสามารถดาวน์โหลดได้จากเวปของ NXP ครับ :)
ค่า LSB error (ค่าที่ได้จากการวัดโดยวิธี Differential Linearity Error) นี้ก็จะส่งผลกับ THD โดยตรงครับ คิดว่าในส่วนงานที่เกี่ยวกับ Audio ยังไงก็ต้องมีการวัดค่า THD + N นี้ออกมาครับ :)
ไม่ทราบว่าส่วนในการวัดค่าที่ท่าน Mr.Tube อ้างอิงมาพอจะเอามาแชร์เพื่อเป็นความรู้อีกซักครั้งได้มั้ยครับ :) ขอบคุณครับ :)
-
ถ้า < 1 LSB ก็จะเป็น Grade A ปกติ ถ้า < 2 LSB ก็เป็น Grade R1 เพราะฉะนั้น R1 แย่กว่า A ปกติในแง่ Linearity Error ครับ ส่วน THD เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้ซื้อจะตัดสินใจซื้อเกรดไหน ผมไม่ได้เข้าร่วมการตัดสินใจด้วยครับ
-
เอกสารที่แนะนำมาน่าสนใจดีครับ มีอธิบายเทคนิค DEM กับ CC ไว้ด้วย เอกสารพวกนี้หายากเต็มทีแล้ว ขอบคุณมากครับ :)
-
ถ้า < 1 LSB ก็จะเป็น Grade A ปกติ ถ้า < 2 LSB ก็เป็น Grade R1 เพราะฉะนั้น R1 แย่กว่า A ปกติในแง่ Linearity Error ครับ ส่วน THD เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้ซื้อจะตัดสินใจซื้อเกรดไหน ผมไม่ได้เข้าร่วมการตัดสินใจด้วยครับ
ครับเห็นด้วยตามนั้นครับ R1 แย่กว่าถ้าอ้างอิงที่ค่า Diff. Linearity Error แต่ค่า THD ของ R1 จะดีกว่า เพราะฉนั้นในวงการ diyaudio จะ discuss กันอยู่ตลอดเกี่ยวกับสองตัวนี้ สรุปก็บางคนชอบแบบนั้น บางคนชอบแบบนี้แตกต่างกันไป :)
ส่วน S1, S2 กลุ่ม Hard core DAC ก็จะสรรหามาเล่นกันเสมอครับ ทั้งที่มูลค่าในตลาดสูงมากๆๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความนิยมครับ :) :)
-
จริงๆ แล้วถ้า IC ผลิตด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน Diff Linearity Error ควรจะสะท้อนค่า THD ในทิศทางเดียวกันครับ ไม่ควรจะแหกกันไปแบบนี้ ข้อสังเกตนึงของผมก็คือ TDA1541A กับ A/R1 ที่ถูกนำมาวัดค่าและลงไว้ในเอกสารที่คุณ Baby_Tube ยกมานั้น อาจจะผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ต่างกันครับ เช่น เอา A จากปี 1988 มาวัดเทียบกับ R1 ที่ผลิตในปี 1993 อะไรทำนองนี้ครับ แต่ผมก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบมาจากไหนเหมือนกัน :D :D
-
ผมมี R1 เก่า อยุ่ 1 ตัว รุ่น ไม่มี A ครับ ซื้อจาก ท่านสมาชิกในเวปเรานี่แหละ ฟังแล้ว ชอบกว่า ธรรมดา ครับ (ส่วนตัวครับ) ก็เลยคิดว่า มันน่าจะดีกว่า ธรรมดา
เพิ่งรู้ข้อมูล ทาง เทคนิค ขอบคุณน้า Mr. Tube และ น้า Baby Tube ครับ (กะจะเปลี่ยนเป็น Lumnum Tube แล้ว จะได้เก่งอย่างเค้าบ้าง) :headphone :headphone
-
จริงๆ แล้วถ้า IC ผลิตด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน Diff Linearity Error ควรจะสะท้อนค่า THD ในทิศทางเดียวกันครับ ไม่ควรจะแหกกันไปแบบนี้ ข้อสังเกตนึงของผมก็คือ TDA1541A กับ A/R1 ที่ถูกนำมาวัดค่าและลงไว้ในเอกสารที่คุณ Baby_Tube ยกมานั้น อาจจะผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ต่างกันครับ เช่น เอา A จากปี 1988 มาวัดเทียบกับ R1 ที่ผลิตในปี 1993 อะไรทำนองนี้ครับ แต่ผมก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบมาจากไหนเหมือนกัน :D :D
การทดสอบตามความเห็นผมควรจะทดสอบของที่ Lot ใกล้เคียงกันและจากแหล่งและสภาพแวดล้อมเดียวกันครับ ถ้าใช้เทคโนโลยีต่างกัน ผู้ทดสอบเองก็จะ prove ไม่ได้ว่าข้อแตกต่างจากการเกิดจากอะไร
ซึ่งผมเองคิดว่า ระดับมาตรฐานในการทดสอบของ R&D ของ Philips น่าจะอยู่ในมาตรฐานที่สูงพอสมควร และจากการระบุข้อมูลลงไปในเอกสาร นั่นหมายถึงผู้ทดสอบได้รู้ถึงสาเหตุของความแตกต่างแล้ว
ซึ่งส่วนนั้นอาจจะเป็นการ Layout หรือ ออกแบบที่ต่างกันในแผ่น Wafer จึงทำให้เกิดผลการทดสอบที่แตกต่าง แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็สงสัยเช่นกันครับ จะลองหาคำตอบจาก Supplier ดูครับ :)
-
:) ขอบคุณครับได้ความรู้มากๆๆๆครับ มงกุฏมากกว่า 2 นี้ ถือว่าเป็นรุ่น 18 มงกุฏ :black_eye