HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: Grandpapa ที่ 06 เมษายน, 2012, 08:33:31 am
-
อยากทราบว่าถ้า spec ของลำโพงเป็น 8 โอม บอกว่าควรใช้ Power Amp ขนาด 30-200 watt
แต่ถ้าเราใช้ Power Amp ที่มีขนาด watt มากกว่า สมมุติว่าถ้าใช้เป็นที่ 500 watt
จะมีผลทำให้ลำโพงเสียหรือมีปัญหาอะไรไหมครับ
ตอนนี้ชุดผม คู่หน้ากับcenter spec ลำโพง 30-200 watt @ 8 โอม
แต่ตัว surround spec 30-120 watt @ 8 โอม
ผมควรเลือก amp ที่มีกำลังขับตามที่ spec เค้า recommend มาหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
-
amp แรงเยอะเกินตัวลำโพง หลักๆคงต้องระวังเรื่องการสปาร์คของระบบไฟ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสาย rca ไม่แน่น (น่าจะพอคุ้นกับการเสียบสาย rca ไม่แน่น จะมีเสียงตื้ด...)
ส่วนการเลือก amp คงไม่ซีเรียสมาก ลำโพงกับ amp ตลาดๆหน่อยมันไปด้วยกันได้อยู่แล้ว นอกจากท่านจะเอาอะไรประหลาดๆเกินคงต้องว่ากันอีกที....
-
ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหามั้งครับ amp 500 watts เราก็ไม่ได้ใช้ 500 watts เต็มกำลังอยู่แล้ว ขึ้นกะว่า เปิดดังแค่ไหน
สมมุติว่าถ้าเขาแนะนำว่าให้ใช้ 20-100 watts ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่า efficiency ของลำโพงมันค่อยข้างสูง แค่นี้ก็ดังลั่นแล้ว
เราใส่ amp 500 watts เข้าไป ก็คงไม่ได้ใช้เต็มกำลัง แอมป์แน่ แต่ถ้าเกิดหูตึงขึ้นมาไปเร่ง volume มันเยอะมากเกินปกติเยอะ
จนขับเกิน spec ลำโพงไปมากๆ ก็คงมีสิทธิ์พังมั้งครับ เสียงจะ match ไหมนั่ก็คงจะคนละเรื่องกันนะครับ
-
ขอบคุณครับสำหรับทุกข้อมูล
-
การเลือกแอมป์ให้กำลังวัตต์เหมาะสมเป็นเรื่องที่ไม่ยากครับ แม้ลำโพงจะระบุกำลังที่เหมาะสมมาเช่น30-120Wที่่ 8 ohm ก็พึงพิจารณาแอมป์ควรมีกำลังไม่น้อยกว่าวัตต์
ขั้นต่ำเพราะแอมป์ที่กำลังไม่พอเป็นอันตรายมากกว่าแอมป์วัตต์สูงเพราะพอวัตต์ไม่ถึงเสียงจะดังไม่พอ เรามักจะเร่งจนแอมป์จนเกินกำลังจะเกิดdistortion
ทำให้ทวีตเตอร์ขาดได้ แอมป์วัตต์สูงเกินกว่าที่ระบุไม่อันตรายนักเพราะเหตุที่เวลาปกติเราเปิดเพลงฟังพอเร่งขึ้นมากเสียงดังขึ้นหากจะเกินกำลังของลำโพง
เสียงลำโพงจะเริ่มดังจนหนวกหูและไม่ไพเพราะ มีอาการบอกให้เรารู้ว่าลำโพงไม่ไหวแล้วเช่นเสียงเริ่มพร่า เราก็จะลดวอลลุ่มลงมาเอง ผมนิยมเลือกแอมป์ที
กำลังสูงไว้ก่อนเพราะกำลังที่สูงจะเพียงพอขับโหลดต่ำๆของลำโพงได้ดีจะแสดงศักยภาพของลำโพงได้เต็มที่ ค่าอิมพิเดนซ์ของลำโพงเวลาใช้งานจริงจะเปลี่ยนไปมา
ลำโพงที่ดีมักจะบอกค่าต่างๆมาละเอียดพอเช่นค่าอิมพิเดนซ์ปกติที่ 8 ohm ค่าต่ำสุดที่ 4ohm แอมป์ที่กำลังสูงมักจะได้รับการออกแบบให้ขับโหลดต่ำๆได้ดี
ทำให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของอิมพิเดนซ์ดังกล่าวได้ดี แต่ข้อพึงระวังคือแอมป์วัตต์สูงมักจะเสียงทึบกว่าแอมป์วัตต์ต่ำเว้นแต่จะออกแบบมาดีจริงๆ แอมป์วัตต์สูง
เสียงดีไม่ทึบราคาไม่ถูกเลยครับ เป็นคำตอบอีกเรื่องหนึ่งที่ว่าทำไมลำโพงบางยี่ห้อขายมือสองไม่ไดีคนไม่นิยมทั้งที่เป็นลำโพงที่ดี ก็หากเป็นลำโพงกินวัตต์ขับยากเช่น
Thiel Magico Avalon พวกนี้ คนที่จะรับไปดูแลต่อมักมีแอมป์วัตต์ไม่สูงพอ หากต้องเปลี่ยนแอมป์ด้วยงบก็จะยิ่งบานปลาย เลยมักเลือกลำโพงที่ไม่กินวัตต์มากแทน
เอาสเปกลำโพงสองตัวมาเปรียบให้ดูครับ สองตัวนี่แต่ละตัวราคาซื้อรถญี่ปุ่นพวกแอคคอร์ด คัมรี่ได้สบายๆ สองตัวรวมกันสอยเบนซ์ Eคลาสได้สบาย
เพื่อนบางคนเห็นสเปคก็อาจจะจำตัวแรกได้ ตัวหลังใครดูแล้วจำได้ว่ายี่ห้อและรุ่นอะไรได้เก่งสุดๆครับ O0
ตัวแรกความไว(Sensitivity)86 ต่ำกว่าตัวหลังพอสมควร แถมImpedanceปกติ 4 โอห์ม ต่ำสุด 2.75 ในขณะที่่ตัวหลัง 90dB ปกติ 8 ต่ำสุด 4 ohm
ตัวแรกบอกกำลังแอมป์ต่ำสุดไว้ 50 W ตัวหลังไม่ได้บอก แต่ผมว่าตัวแรกเอา 50 W มาขับลืมๆไปได้เลยครับ เสียงออกแต่ยังไงก็ยากที่จะดีอย่างแน่นอน
ตัวแรก
Type: Four-way, five-driver, sealed-enclosure, floorstanding loudspeaker
Driver complement: Two 9" woofers, one 9" mid/bass, one 6" midrange, one 1" tweeter
Sensitivity: 86dB 1w/1m
Impedance: 4 ohms, 2.75 ohms min.
Frequency response: 18Hz-50kHz +/-3dB
Minimum amplifier power: 50W
Dimensions: 11.8" x 47" x 12.5"
Weight (net): 420 lbs. each
ตัวที่สอง
Specifications
Two 12 inch subwoofers 4 1/2" woofers four 4 1/2 " midrange
single 12" long pure ribbon driver
Dimensions: 71" H x 15" W x 22" D
Weight: 275 lbs. net per side
Frequency Range: 18 Hz to 46 kHz
Sensitivity: 90 dB @ 2.82 volts
Impedance: 8 ohm / 4 ohm minimum
:headphone