HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม Thai DIY Audio => ข้อความที่เริ่มโดย: PAIPAI ที่ 05 พฤษภาคม, 2012, 11:40:52 am
-
ท่านผู้รู้โปรดชี้แนะด้วยค้าบบ :drunk
-
ถ้ากระแสไม่มากลองตัวนี้ตัวนี้ครับ ;)
http://www.kaponk.com/node/666
-
ถ้ากระแสไม่มากลองตัวนี้ตัวนี้ครับ ;)
http://www.kaponk.com/node/666
ตัวนี้เอามาใช้ตรงๆเลยหรือว่าต้องทำตามวงจรนี้ครับ
(http://image.free.in.th/z/ia/screenshot20120505at12.07.22pm.png) (http://pic.free.in.th/id/a75156fa217c4a8c2a727810747a10a9)
ถ้าทำตามอย่างที่เห็นในภาพนี้ ผมงงมากเลย คือว่าจ่ายไฟสูงเข้าที่ขา B ของ Tip50 แล้วมันไม่บึ้มหรอครับ ดูดาต้าชีท เห็น V ขา B E มันแค่ 5 Vเอง
จากความงงดังกล่าว มันไปสอดคล้องกับวงจรนึงที่ผมงงเหมือนกัน ซึ่งก็คือวงจรตามรูปข้างล่างนี้ครับ
(http://image.free.in.th/z/iu/screenshot20120505at12.13.51pm.png) (http://pic.free.in.th/id/9ae15c30f9c395ceed27d26042d65d0c)
วงจรที่เห็นนี้ ไฟเข้าขา B ของ TIP 121 มันน่าจะเกิน 5V แน่ๆ ทีแรกผมนึกว่าวงจรเขียนมาผิด เลยไม่กล้าทำวงจรนี้ สรุปว่ามันยังไงกันครับเนี่ย :-\
สุดท้ายครับ มีวงจรภาคจ่ายไฟเพลท ลองดูหน่อยครับ ว่าวงจรผิดมั้ยครับ
(http://image.free.in.th/z/ia/screenshot20120505at12.19.47pm.png) (http://pic.free.in.th/id/d9f376b61e1c1a2dd3eb154965b75130)
ในรูปนี้ผมเห็นเค้าใช้ TL783 ซึ่งวงจรนี้เรกกูเลทไฟออกมาให้ได้ 245V ประเด็นคือ ผมดูดาต้าชีทของทรานซิสเตอร์เบอร์นี้แล้วมันรับได้แค่ 1.25-125V แล้วไหงเอามาใช้กับวงจรที่ไฟสูงถึง 245V ได้ล่ะเนี่ย รบกวนช่วยตรวจสอบหน่อยครับ จะทำก็ไม่กล้าทำ กลัวบึ้ม :cry2
-
ถ้ากระแสไม่มากลองตัวนี้ตัวนี้ครับ ;)
http://www.kaponk.com/node/666
ตัวนี้เอามาใช้ตรงๆเลยหรือว่าต้องทำตามวงจรนี้ครับ
(http://image.free.in.th/z/ia/screenshot20120505at12.07.22pm.png) (http://pic.free.in.th/id/a75156fa217c4a8c2a727810747a10a9)
ถ้าทำตามอย่างที่เห็นในภาพนี้ ผมงงมากเลย คือว่าจ่ายไฟสูงเข้าที่ขา B ของ Tip50 แล้วมันไม่บึ้มหรอครับ ดูดาต้าชีท เห็น V ขา B E มันแค่ 5 Vเอง
จากความงงดังกล่าว มันไปสอดคล้องกับวงจรนึงที่ผมงงเหมือนกัน ซึ่งก็คือวงจรตามรูปข้างล่างนี้ครับ
(http://image.free.in.th/z/iu/screenshot20120505at12.13.51pm.png) (http://pic.free.in.th/id/9ae15c30f9c395ceed27d26042d65d0c)
วงจรที่เห็นนี้ ไฟเข้าขา B ของ TIP 121 มันน่าจะเกิน 5V แน่ๆ ทีแรกผมนึกว่าวงจรเขียนมาผิด เลยไม่กล้าทำวงจรนี้ สรุปว่ามันยังไงกันครับเนี่ย :-\
สุดท้ายครับ มีวงจรภาคจ่ายไฟเพลท ลองดูหน่อยครับ ว่าวงจรผิดมั้ยครับ
(http://image.free.in.th/z/ia/screenshot20120505at12.19.47pm.png) (http://pic.free.in.th/id/d9f376b61e1c1a2dd3eb154965b75130)
ในรูปนี้ผมเห็นเค้าใช้ TL783 ซึ่งวงจรนี้เรกกูเลทไฟออกมาให้ได้ 245V ประเด็นคือ ผมดูดาต้าชีทของทรานซิสเตอร์เบอร์นี้แล้วมันรับได้แค่ 1.25-125V แล้วไหงเอามาใช้กับวงจรที่ไฟสูงถึง 245V ได้ล่ะเนี่ย รบกวนช่วยตรวจสอบหน่อยครับ จะทำก็ไม่กล้าทำ กลัวบึ้ม :cry2
ค่อตามวงจร OK ครับ :drunk
-
ค่อตามวงจร OK ครับ :drunk
ได้ยินอย่างงี้ก็อุ่นใจหน่อย ขอบคุณมากนะค้าบบ c)
ว่าแต่ว่า ยังแอบสงสัยว่าทำไมมันถึงต่อได้ครับ ทั้งที่สเป็คมันระบุไว้แค่ 125V คือสงสัยอ่ะคับ ยังไงใครทราบ ช่วยอธิบายไว้เป็นวิทยาทานหน่อยนะครับ :)
-
TL783 ใช้ได้ครับ ผมต่อได้ไฟ 250 สบายๆ แต่ R จากขา ADJ ลง ลงกราวน์ ควรใช้ 2W ขนานกัน และ R ที่ใช้ในวงนรนี้ควรใช้คาร์บอนเท่านั้นครับ ถ้าใช้ไวร์วาวเสียงจะหยาบกร้านมากๆ คาร์บอนฟิลม์ก็ได้ครับ ตอนนี้ผมใช้กับภาคปรีไดร์ฟหลอด และพาวเวอร์ของแอมป์ PP กระแส 240 mA สบายๆ ครับ และสุดท้ายต้องใส่ heatsink ด้วยครับ ไม่งั้นมันจะพังเร็วมากๆ heatsink เล็กๆก็พอครับ
-
ตามวงจรที่ใช้ TIP50 ผมก็ใช้อยู่ ยืนยัน OK ครับ
R102 อาจต้องปรับเปลี่ยนตาม Vin - Vout
;)
-
ขออธิบายวงจรทรานซิสเตอร์นะครับ วงจรไอซีผมไม่เคยใช้เบอร์นี้
ที่ว่าV ของขาBE รับได้ไม่เกิน 5 โวลต์ คือเราต้องบังคับให้ขา B-E ต่างกัน 5 V
แต่วงจร เรกกูเลเตอร์ เราป้อนไฟที่ขา B แต่ไฟออกที่ขา E เราปล่อยไป ไม่ไปบังคับ
เพราะฉะนั้นV ของขา B เมื่อเทียบกับขา E จะอยู่ราวๆ 0.6 V
ยกตัวอย่างคือ ในวงจรเรกูเลเตอร์ถ้าเราป้อนไฟที่ขา B 100 V(เมื่อเทียบกับกราวน์) ไฟที่ขา E จะเท่ากับ 99.4 V(เมื่อเทียบกับกราวน์)
แต่ว่าV ของขาBE จะอยู่ที่แค่ 0.6 V เท่านั้นครับ
-
ขออธิบายวงจรทรานซิสเตอร์นะครับ วงจรไอซีผมไม่เคยใช้เบอร์นี้
ที่ว่าV ของขาBE รับได้ไม่เกิน 5 โวลต์ คือเราต้องบังคับให้ขา B-E ต่างกัน 5 V
แต่วงจร เรกกูเลเตอร์ เราป้อนไฟที่ขา B แต่ไฟออกที่ขา E เราปล่อยไป ไม่ไปบังคับ
เพราะฉะนั้นV ของขา B เมื่อเทียบกับขา E จะอยู่ราวๆ 0.6 V
ยกตัวอย่างคือ ในวงจรเรกูเลเตอร์ถ้าเราป้อนไฟที่ขา B 100 V(เมื่อเทียบกับกราวน์) ไฟที่ขา E จะเท่ากับ 99.4 V(เมื่อเทียบกับกราวน์)
แต่ว่าV ของขาBE จะอยู่ที่แค่ 0.6 V เท่านั้นครับ
ขอบคุณครับ เริ่มพอเห็นภาพแล้วครับ ยังมีงงๆบ้าง แต่เดี๋ยวลองไปนั่งทำความเข้าใจดู ขอบคุณมากคับบ O0
-
ดูตามวงจรแรกที่คุณให้มา คิดว่าใช้ได้ตามนั้น ถ้ายังงงหรือไม่แน่ใจลองเปิดหา datasheet ของ LR8N3 และ TIP50 แล้วจะทราบว่าสองตัวนี้ใช้ไฟได้ตั้งแต่กี่โวลต์ถึงกี่โวลต์ครับ
-
ขออธิบายวงจรทรานซิสเตอร์นะครับ วงจรไอซีผมไม่เคยใช้เบอร์นี้
ที่ว่าV ของขาBE รับได้ไม่เกิน 5 โวลต์ คือเราต้องบังคับให้ขา B-E ต่างกัน 5 V
แต่วงจร เรกกูเลเตอร์ เราป้อนไฟที่ขา B แต่ไฟออกที่ขา E เราปล่อยไป ไม่ไปบังคับ
เพราะฉะนั้นV ของขา B เมื่อเทียบกับขา E จะอยู่ราวๆ 0.6 V
ยกตัวอย่างคือ ในวงจรเรกูเลเตอร์ถ้าเราป้อนไฟที่ขา B 100 V(เมื่อเทียบกับกราวน์) ไฟที่ขา E จะเท่ากับ 99.4 V(เมื่อเทียบกับกราวน์)
แต่ว่าV ของขาBE จะอยู่ที่แค่ 0.6 V เท่านั้นครับ
O0
-
กำลังจะเริ่มทำแล้วครับ ติดอยู่นิดเดียว คือ ผมควรจะทำวงจรไหนดี แบบไหนมีข้อดีข้อเสียงอย่างไร ระหว่าง
วงจรที่ใช้ TIP50
(http://image.free.in.th/z/ia/screenshot20120505at12.07.22pm.png) (http://pic.free.in.th/id/a75156fa217c4a8c2a727810747a10a9)
กับ
วงจรที่ใช้ TL783
(http://image.free.in.th/z/ia/screenshot20120505at12.19.47pm.png) (http://pic.free.in.th/id/d9f376b61e1c1a2dd3eb154965b75130)
ผมลองมาวิเคราะห์ดู เริ่มจากวงจรที่ใช้ TIP50 เนี่ย ดูจากวงจรแล้ว ไม่มีตัว R มาคั่นระหว่าง in กับ out วงจรนี้น่าจะจ่ายกระแสได้เยอะกว่าวงจร TL783 ใช่มั้ยครับ (ไม่แน่ใจ คิดเอาเองแบบมวยวัด ) = ="
แล้วในวงจร TL783 เค้าจะเอา R33 กับ R37 มาคั่นตรง in out ไว้เพื่อจุดประสงค์อะไรครับ นอกเหนือจากทำให้วงจรจ่ายกระแสได้น้อยลง งงครับ :(
สุดท้ายคือ ไดโอด D2 ตัวนี้ใส่ไว้สำหรับวงจรที่ เอาท์พุทมากกว่าอินพุทใช่มั้ยครับ
แล้ว D3 D4 D5 ที่เป็นซีเนอร์ ตรงนี้ช่วยเรื่องอะไรครับ
ถ้าพิจารณาจากวงจรแล้ว วงจร TL783 ดูจะหาอุปกรณ์ง่ายกว่า แต่ไม่เข้าใจเรื่องตัว R ที่มาคั่นทำให้จ่ายกระแสได้น้อยลง สรุปมันทำมาเพื่ออะไร ช่วยชี้แจงแถลงไขทีครับ :)
-
TL783 R33 R37 ผมไม่ได้ต่อครับ D2 - D5 ผมก็ไม่ได้ใช้ครับ เป็นเรื่องของการโปรเทคตัว IC ครับ
-
วงจร TL783 ข้อจำกัดของ IC คือ Vขาเข้า กับ V ขาออก ต้องไม่ต่างกันเกิน 125 V ครับ
เพราะงั้นถึงใช้กับไฟเข้า 250 V ก็ใช้ได้ ถ้าเราไม่ตั้งให้ไฟขาออกจากไอซีต่ำกว่า 125 V (ต่างกันไม่เกิน 125 V) แต่ถ้าต่อวงจรจริงๆอย่าให้มันเฉียดขนาดนั้นครับ
ส่วน R33 กับ R37 ช่วยทำให้ เวลาเปิดเครื่องไฟจะชาร์จเข้า C ช้าลง เป็นวงจร soft start แบบง่ายๆ
D2 เป็นตัวโปรเท็คไอซีตามที่แนะนำไว้ใน datasheet ครับ ป้องกันเวลาตัดไฟเลี้ยง V ขาออก อาจจะมากกว่า Vขาเข้า ไอซีอาจพังได้
D3 D4 D5 เพิ่มเข้ามากันไม่ให้ Vขาเข้า กับ V ขาออก ต่างกันเกิน 117 V โปรเท็คไอซีเข้าไปอีกชั้น
-------------------------------------------------------------
ถ้าถามว่าวงจรไหน อึดกว่า คงต้องวงจรใช้ TIP50 ครับ ไอซีจะต้องดูข้อจำกัดให้ดีๆ ไม่ใช้งานเกินกำลัง
แต่วงจรใช้ ทรานซิสเตอร์เป็นตัวๆ เราเผื่อเอาไว้มากๆได้ตามที่เราต้องการครับ แต่พูดก็พูด เปลี่ยนจาก TIP50 เป็นมอสเฟ็ต ผมว่าโอเคกว่าทรานซิสเตอร์นะ
ทรานซิสเตอร์ เอามาทำเป็นเรกูเลเตอร์ ผมว่า speed ความใส สู้มอสเฟ็ตไม่ได้เลย
-
วงจร TL783 ข้อจำกัดของ IC คือ Vขาเข้า กับ V ขาออก ต้องไม่ต่างกันเกิน 125 V ครับ
เพราะงั้นถึงใช้กับไฟเข้า 250 V ก็ใช้ได้ ถ้าเราไม่ตั้งให้ไฟขาออกจากไอซีต่ำกว่า 125 V (ต่างกันไม่เกิน 125 V) แต่ถ้าต่อวงจรจริงๆอย่าให้มันเฉียดขนาดนั้นครับ
ส่วน R33 กับ R37 ช่วยทำให้ เวลาเปิดเครื่องไฟจะชาร์จเข้า C ช้าลง เป็นวงจร soft start แบบง่ายๆ
D2 เป็นตัวโปรเท็คไอซีตามที่แนะนำไว้ใน datasheet ครับ ป้องกันเวลาตัดไฟเลี้ยง V ขาออก อาจจะมากกว่า Vขาเข้า ไอซีอาจพังได้
D3 D4 D5 เพิ่มเข้ามากันไม่ให้ Vขาเข้า กับ V ขาออก ต่างกันเกิน 117 V โปรเท็คไอซีเข้าไปอีกชั้น
-------------------------------------------------------------
ถ้าถามว่าวงจรไหน อึดกว่า คงต้องวงจรใช้ TIP50 ครับ ไอซีจะต้องดูข้อจำกัดให้ดีๆ ไม่ใช้งานเกินกำลัง
แต่วงจรใช้ ทรานซิสเตอร์เป็นตัวๆ เราเผื่อเอาไว้มากๆได้ตามที่เราต้องการครับ แต่พูดก็พูด เปลี่ยนจาก TIP50 เป็นมอสเฟ็ต ผมว่าโอเคกว่าทรานซิสเตอร์นะ
ทรานซิสเตอร์ เอามาทำเป็นเรกูเลเตอร์ ผมว่า speed ความใส สู้มอสเฟ็ตไม่ได้เลย
LIKE LIKE LIKE LIKE LIKE !!!!!!!!!!!!!! O0 O0 O0 O0 O0
ขอบคุณมากครับตอบซะเคลียร์เลย ชักลังเลแล้วว่าจะทำวงจรไหนดี
มีคำถามมาถามครับ
1.วงจร soft start มีไว้เพื่ออะไรครับ ลดเสียง ปุๆ เวลาเปิดเครื่อง อย่างงั้นรึเปล่าครับ
2. ถ้า TL783 มีเงื่อนไขคือ ไฟขาเข้ากับขาออกต่างกันไม่เกิน 125V เราสามารถนำ IC ตัวนี้ไปเรกกูเลตไฟสูงเท่าไรก็ได้ ขอให้ขาเข้าขาออกต่างกันไม่เกิน 125V ใช่มั้ยครับ (สมมุติเอาไปเรกกูเลตไฟสูง 600V หรือ 800V)
3.ถ้าผมจะใช้วงจร TIP50 ผมสามาถทำ soft start แบบรูปนี้ได้มั้ยครับ
(http://image.free.in.th/z/im/screenshot20120506at6.32.59am.png) (http://pic.free.in.th/id/c06a29ea84aa388260b049ebe7a9663f)
4.พอแนะนำวงจรที่ใช้มอสเฟสในการเรกกูเลตได้มั้ยครับ ต่อยังไง ใช้มอสเฟตเบอร์อะไร
ขอบคุณมากนะครับ d_d
-
1.วงจร soft start มีไว้เพื่ออะไรครับ ลดเสียง ปุๆ เวลาเปิดเครื่อง อย่างงั้นรึเปล่าครับ
- ใช่ครับ แต่เอ หลอดต้องวอร์มก่อนสักพักถึงจะทำงานได้อยู่แล้วนี่ครับ รึยังไง พอดีผมคอโซลิต เลยงงๆกับหลอดนิดหน่อย มันก็อาจจะช่วยกรองไฟให้เรียบขึ้นบ้างตามประสาวงจร RC ฟิลเตอร์มั้ง แต่เห็นปรีของเนลสัน พาสก็ต่อ R เอาไว้อย่างนี้เหมือนกันนะครับ
2. ถ้า TL783 มีเงื่อนไขคือ ไฟขาเข้ากับขาออกต่างกันไม่เกิน 125V เราสามารถนำ IC ตัวนี้ไปเรกกูเลตไฟสูงเท่าไรก็ได้ ขอให้ขาเข้าขาออกต่างกันไม่เกิน 125V ใช่มั้ยครับ (สมมุติเอาไปเรกกูเลตไฟสูง 600V หรือ 800V)
- ใช่ครับ
3.ถ้าผมจะใช้วงจร TIP50 ผมสามาถทำ soft start แบบรูปนี้ได้มั้ยครับ
-ได้ครับ แต่ปรับตำแหน่ง R ตัวหลังตามรูปนะครับ
-
วงจรที่ใช้มอสเฟ็ตครับ เบอร์ตามรูปได้เลย ค่าของอุปกรณ์ผมปรับตามวงจรเดิมนะครับ
R4 , 1N4742 เป็นโปรเท็คของมอสฟ็ต พยายามต่อไว้ให้ใกล้ขามอสเฟ็ตที่สุดนะครับ
V ที่ได้จากวงจร คำนวนจาก (V outจากไอซี) - 3 โวลต์
แต่ต่อจริงค่าที่ได้จะไม่เป๊ะอย่างนี้นะครับ เป็นธรรมชาติของตัวมอสเฟ็ตเอง ค่าที่เอามาลบจะอยู่ในช่วง 2-4 โวลต์
ถ้าจะเอาค่าแม่นๆ R5 จะต้องใช้เป็น R ปรับค่าได้ แต่ใช้กับวงจรหลอด ไฟสูงซะขนาดนี้ คงไม่ต้องตรงเป๊ะๆก็ได้มั้งครับ
-
ขอบคุณคุณ Ohm มากครับ สรุปตกลงปลงใจทำวงจรที่คุณ Ohm ให้มาเนี่ยแหละ :clap
ถามนิดนึงครับ ตรง C2 ตรงนี้ถ้าผมใส่คามากขึ้นเป็น 100Uf จะส่งผลดีหรือเสียอย่างไรมั้ยครับ พอดีหาค่า 40UF ไม่ได้ ปรกติไฟสูงไม่ค่อยกินกระแสเท่าไร กลัวอัดC ค่าเยอะๆไปแล้วมันจะไม่ดี (ไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แค่รู้สึกไม่ดี) :P
-
ไม่มีปัญหาครับ ปกติผมหาค่าไหนได้ก็ใส่ๆเข้าไป 220uF - 470 uF นี่ยังสบายๆ ค่าของ R1 R2 เนลสัน พาส ก็ใช้แค่ 100 โอห์มเอง
เพราะมอสเฟ็ตเป็นตัวๆอย่างนี้อึดกว่าไอซีหลายเท่าครับ แค่อย่าลืมติด heat sink ให้มอสเฟ็ตเท่านั้นล่ะครับ
-
ขอบคุณคับ O0
-
ลองวาดวงจรขึ้นมา ช่วยตรวจสอบหน่อยครับว่ามีจุดผิดมั้ย ถ้าผ่านจะได้ออกแบบลายวงจรเลย d_d
มีคำถามครับ
1.R2 เอาไว้ทำอะไรครับ ห็นวงจร tip50 ไม่มีตัวนี้
2.ถ้าไฟขาเข้า 220V พอแปลงเป็นกระแสตรงจะได้ 311.8V ตัว R4 ควรใช้ค่าเท่าไรครับ output ถึงจะออกเป็น 245V (ตรงนี้ผมเอา Trimer มาต่อแทน R4 แล้วหมุนหาค่าได้มั้ยครับ ถ้าหมุนจน R4 เป็น ศูนย์โอหม์ เสมือนจิ้มลงกราวน์ จะอันตรายมั้ยครับ กรณีคำนวนค่า R ไม่เป็น ใช้หมุนหาค่าแล้วเอามิเตอร์วัดเอา)
(http://image.free.in.th/z/is/hvsupplyrz2.png) (http://pic.free.in.th/id/e7e7e72c482271affc33c4bfdc1f2d9c)
-
แอบใจร้อน เลยเขียนลายวงจรไว้ก่อน ด้วยความคาดหวังว่า วงจรคงจะไม่ผิดมั้ง ;D
(http://image.free.in.th/z/is/otbhv.png) (http://pic.free.in.th/id/3b0050afff4400a8241f80f83ee329b6)
-
วิธีคำนวน R4 ครับ
http://www.antiquewireless.org/otb/resto0504.htm
จาก link ( R4 ควรจะนำ R ที่ปรับค่าได้ (500K) มา ต่ออนุกรมกับ R 75K ohm)
แต่ในความเป็นจริงต่อยังไงก็ได้ให้ได้ค่า R ตามตารางครับ
Output Voltage R-k ohms
350V 572K
325V 531K
300V 490K
275V 449K
250V 408K
225V 367K
200V 326K
175V 285K
150V 244K
ถ้าหมุนจน R4 เป็น ศูนย์โอหม์ เสมือนจิ้มลงกราวน์ จะอันตรายมั้ยครับ - เป็นครับ ผมเคย ปรับเป็นศูนย์โอหม์ LR8N3 เสียครับ
-
วิธีคำนวน R4 ครับ
http://www.antiquewireless.org/otb/resto0504.htm
จาก link ( R4 ควรจะนำ R ที่ปรับค่าได้ (500K) มา ต่ออนุกรมกับ R 75K ohm)
แต่ในความเป็นจริงต่อยังไงก็ได้ให้ได้ค่า R ตามตารางครับ
Output Voltage R-k ohms
350V 572K
325V 531K
300V 490K
275V 449K
250V 408K
225V 367K
200V 326K
175V 285K
150V 244K
ถ้าหมุนจน R4 เป็น ศูนย์โอหม์ เสมือนจิ้มลงกราวน์ จะอันตรายมั้ยครับ - เป็นครับ ผมเคย ปรับเป็นศูนย์โอหม์ LR8N3 เสียครับ
ขอบคุณมากครับคุณหมูซอย9 ^ ^
ถามนิดนึงครับ คือจากวงจรผมเนี่ย มันมี R2 เข้ามาอีกตัวนึง ตรงนี้มันจะทำให้ค่า R ในตารางคำนวนผิดไปรึเปล่าครับ อันนี้ถามเพราะสงสัยเฉยๆ แต่พอรู้วิธีปรับจาก pot แล้วคราวนี้ง่ายและ ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ O0
อีกนิดนึง ใครก็ได้ ช่วยเช็ควงจรหน่อยสิครับ ว่ามันมีอะไรผิดตรงไหนรึเปล่า ถ้าไม่มี ผมจะได้สั่งเค้ากัดปริ้นเลย กับไฟสูงไม่ค่อยกล้าเสี่ยง :P
-
ผมเคยทำวงจรลักษณะนี้ไม่รู้เป็นไรเฟตช๊อตบ่อยมาก แต่ที่วงจรของคุณ R2 กับ D6 น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เฟตช๊อตได้ครับ R2 ไม่มีผลต่อการคำนวณครับ
-
ผมเคยทำวงจรลักษณะนี้ไม่รู้เป็นไรเฟตช๊อตบ่อยมาก แต่ที่วงจรของคุณ R2 กับ D6 น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เฟตช๊อตได้ครับ R2 ไม่มีผลต่อการคำนวณครับ
โดยรวม ต่อตามวงจรนี้ใช้ได้ใช่มั้ยครับ
สรุป R2 มีหน้าที่ทำอะไรครับ
-
ผมเคยทำวงจรลักษณะนี้ไม่รู้เป็นไรเฟตช๊อตบ่อยมาก แต่ที่วงจรของคุณ R2 กับ D6 น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เฟตช๊อตได้ครับ R2 ไม่มีผลต่อการคำนวณครับ
โดยรวม ต่อตามวงจรนี้ใช้ได้ใช่มั้ยครับ
สรุป R2 มีหน้าที่ทำอะไรครับ
ตามวงจรเลยครับ R 2 เป็น R Stopper ครับ
-
ผมเคยทำวงจรลักษณะนี้ไม่รู้เป็นไรเฟตช๊อตบ่อยมาก แต่ที่วงจรของคุณ R2 กับ D6 น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เฟตช๊อตได้ครับ R2 ไม่มีผลต่อการคำนวณครับ
โดยรวม ต่อตามวงจรนี้ใช้ได้ใช่มั้ยครับ
สรุป R2 มีหน้าที่ทำอะไรครับ
ตามวงจรเลยครับ R 2 เป็น R Stopper ครับ
แม่นแล้วครับ R Stopper เหมือนกับที่ใส่ในวงจรหลอดนั่นล่ัครับ :clap :clap :clap :clap :clap :clap :clap :clap :clap :clap :clap
-
เรื่องเฟ็ตเสียนี่เท่าที่ผมเคยลองใช้มานะครับ
1. ซื้อมาให้เกินๆไว้ก่อน เช่นใช้ 2 ซื้อมา 3-4 ไปเลย เพราะมอสเฟ็ตมันเสียได้แม้แต่การเก็บรักษาไม่ดี
2.ซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ อันนี้ผมว่าสำคัญทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ก็ซื้อร้านใหญ่ๆไว้ก่อน เช่น สหรุ่งโรจน์ อิเล็กโทรนิกซอร์ส เวสเท็ค ฯลฯ
ถ้าซื้อตามต่างจว.ก็ดูร้านใหญ่ๆ เปิดมานานๆ
เท่าที่ผมเล่นกับมอสเฟ็ตมาซื้อร้านดีๆ ซื้อมาเกินซักหน่อย จัดวงจรป้องกันมอสเฟ็ตเอาไว้ ทำเสร็จ มอสเฟ็ตเหลือประจำครับ ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D
-
ขอถามอย่างคนไม่รู้จริงๆนะครับ R Stopper มันมีหน้าที่อะไรครับ ไม่ทราบจริงๆ (._. )........
-
ขอถามอย่างคนไม่รู้จริงๆนะครับ R Stopper มันมีหน้าที่อะไรครับ ไม่ทราบจริงๆ (._. )........
R stopper ทำหน้าที่จำกัดการทำงานของ mosfet ครับ เอาไปต่อกับหลอดก็ทำหน้าที่เดียวกัน เช่น กรณีนี้เราเอา 200 ohm ไปต่อกับ input ของ IRF840 ที่มีinput capacitance 1300pF ก็จะจำกัดการทำงานของมันที่ 1.2MHz เป็นการป้องกันการเกิดออสซิเลสครับ
-
R stopper ทำหน้าที่จำกัดการทำงานของ mosfet ครับ เอาไปต่อกับหลอดก็ทำหน้าที่เดียวกัน เช่น กรณีนี้เราเอา 200 ohm ไปต่อกับ input ของ IRF840 ที่มีinput capacitance 1300pF ก็จะจำกัดการทำงานของมันที่ 1.2MHz เป็นการป้องกันการเกิดออสซิเลสครับ
อ่ออ ขอบคุณคับ เก็ทเลย :clap
-
(http://image.free.in.th/z/is/hvsupplyrz2.png) (http://pic.free.in.th/id/e7e7e72c482271affc33c4bfdc1f2d9c)
ภามหน่อยครับ R2 R3 R4 ในวงจร จำเป็นต้องใช้ R วัตต์เยอะๆมั้ยครับ หรือว่า 1/4 W ก็เอาอยู่
-
ภามหน่อยครับ R2 R3 R4 ในวงจร จำเป็นต้องใช้ R วัตต์เยอะๆมั้ยครับ หรือว่า 1/4 W ก็เอาอยู่
ไม่ต้องใช้พวกวัตต์สูงๆครับ แต่ใช้พวก 1/2 W ดีกว่ามั้งครับ อ่านโค๊ดสีก็ดูง่ายดี 1/4 W มันเล็กนิ๊ดเดียว ยิ่งถ้าใช้ R 1% นะ 5 แถบสีในขนาด 1/4 W :giveup :giveup :giveup :giveup :giveup :giveup :giveup
-
อัพเดทหน่อยครับ ในที่สุดก็ไปกัดปริ้นมาเรียบร้อย
(http://image.free.in.th/z/iz/_mg_4186.jpg) (http://pic.free.in.th/id/acd7219dd1a884bb1632519525921330)
ปัญหาที่พบคือ
- รูเสียบขาอุปกรณ์บางจุดเล็กไป ต้องไปเจาะขยายรูเพิ่ม ( สัพเพร่าเอง ไม่ยอมวัดขาให้ละเอียดตอนออกแบบ pcb )
- ตอนออกแบบ ออกแบบให้เป๊ะทุกอย่าง แต่พอเอาไปสั่งกัดแผ่น ปรากฎว่า ขนาดมันเล็กลงจากที่ออกแบบนิดหน่อย เลยมีหลายจุดที่ต้องเจาะรูขยายเพิ่ม
(http://image.free.in.th/z/ig/_mg_4191.jpg) (http://pic.free.in.th/id/7bbcb069eb387fe8f26194a51bf0ded0)
ลงมือประกอบ เสร็จเรียบร้อย ก็เสียบไฟ พร้อมจะเปิดเครื่อง ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ตื่นเต้นทุกทีที่ทำงานไฟฟ้า
ทำสมาธิ 3 2 1 เปิด ฟรึ่บบ!!! ควันขึ้นขโมงเลย ชิบหายยแล้วว!! เลยรีบปิดสวิทช์
ส่งเจ้า IRF 840 ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว1ตัว ดีที่ซื้อเผื่อมา4ตัว
มานั่งไล่สาเหตุ ตอนนี้ดึงเอา irf840 กับเจ้า IR8N ออกจากบอร์ดไปก่อน แล้วลองเปิดเครื่อง (ลุ้นนะเนี่ย..)
กดสวิทช์!! ..... ...... .. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากหม้อแปลงครางหึ่งๆ ลองเช็คไฟขาเข้า ได้แค่ 120Vac ปรกติตามสเป็คหม้อแปลงที่พันมามันต้องได้ 220 Vac
สงสัยหม้อแปลงคงเสื่อมสภาพ ถึงครางหึ่งแบบนี้ เพราะซื้อมาตั้งสามปีแล้วตั้งทิ้งไว้เฉยๆ อาจโดนแมวเยี่ยวใส่
ลองเช็คไฟกระแสตรง ปรากฎว่า ได้ตั้ง 290V ชักแปลกๆแถมหม้อแปลงร้อนจี๋เลย ชักไม่ใช่และ เลยปิดเครื่อง
ไล่หาสาเหตุ แล้วก็เจอจนได้ มีไดโอดตัวนึงใส่สับขั้ว จ๊าดง่าวแท้... - - " สุดท้ายเลยดึงไดโอดทุกตัวมาเช็คเลยว่าเสียหายตรงไหนมั้ย
จากนั้นก็ใส่กลับเข้าไปให้ถูกต้อง แล้วเปิดเครื่องอีกที กดสวิทช์เปิดเครื่อง!!........ นิ่ง เงียบ หม้อแปลงเงียบมาก
เป็นสัญญาณที่ดีว่ามันน่าจะโอเคแล้วนะ ลองเช็คไฟขาเข้า ได้ 220vac โอเค มันต้องแบบนี้สิจอร์จ!
จากนั้นเช็คไฟ dc ได้ 310V เป๊ะมาก! เริ่มใจชื้น เลยจับเอา IRF กับ IR8 มาบัดกรี จากนั้นเปิดอีกครั้ง
ทุกอย่างเงียบ ปรกติดี ลองวัดไฟขาออก ได้ 306 V ลองหมุน pot ไปๆมาๆ ไฟไม่เปลี่ยนแปลง ชักงง
เลยกลับมาเปิดดูดาต้าชีทเทียบกับลายวงจร ง่าวอีกจนได้... ดันออกแบบ IR8 ขา 1 กับ 3 สับข้างกัน
สรุปเลย ต้องเอาันมาัดกรีข้างใต้แทน สภาพก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ ;D
(http://image.free.in.th/z/ih/_mg_4193.jpg) (http://pic.free.in.th/id/ac8ac0b5eecc924742dd0167d89f119e)
จากนั้นเปิดเครื่องอีกที วัดไฟขาออก ได้ 90V โอเคและ ค่อยหมุน pot ไปเรื่อยๆ จนได้โวลต์ที่ต้องการ
กว่าจะได้ยากมาก หมุนไปนิดนึงค่าก็มากไป แตะลงมาหน่อย ค่าดันต่ำไปอีก ง่วนกับมันพักใหญ่ สุดท้ายโอเคและ
ก็เอา pot ออกมาแทนที่ด้วย ตัวR ที่เราหาค่าให้มันเป๊ะแล้ว
นี่ครับสภาพตัว R ต้องเอามาอนุกรมกันถึงจะได้ค่าที่ต้องการ ^ ^
(http://image.free.in.th/z/ic/sam_1181.jpg) (http://pic.free.in.th/id/25bd6826517cdcebaaf1b40f3334e3be)
ส่วนนี่คือสภาพ pot ที่ใช้หมุนหาค่า ต้องเอาเทปพันสายไฟมาพันกันมือไปโดน เดี๋ยวไฟดูด
(http://image.free.in.th/z/ia/sam_1190.jpg) (http://pic.free.in.th/id/2d5f294b33c61f5d145bef5557c13240)
ใส่ R ลงไปในบอร์ดเสร็จ เปิดเครื่อง! ปรกติดี วัดไฟขาออก ดันได้ 265V ซะงั้น โวลต์ที่ต้องการคือ 245V เซ็งเป็ด ต้องถอด R มาหาค่าใหม่อีก
แต่ไหนๆก็ไหนๆ ลองยึดฮีทซิงค์กับตัวเคสให้สวยงามดูหน่อย ยึดแผงยึดซิ้งเรียบร้อง เปิดเครื่อง เปรี๊ะๆๆๆ!! ไฟแลบ ควันขโมง กลิ่นเคมีออกมาเพียบ ตกใจเลย
สุดท้ายก็ส่งเจ้า IRF ตัวที่สองไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย
(http://image.free.in.th/z/ic/_mg_4201.jpg) (http://pic.free.in.th/id/8b80cfbcde4fc87944b7f6033e4be740)
คาดว่าน่าจะมาจากตัวเหล็กระบายความร้อนของ IC มันดันไปเชื่อมถึงกับฮีทซิงค์ ซึ่งฮีทซิงค์เองก็ต่อลงกราวน์ มันเลยบึ้มเละเลย เซ็งมาก อุส่าคิดว่ากันมาดีแล้ว
นี่เป็นปัญหาระดับชาติของผมเลย เวลาจะยึด IC กับซิงค์เนี่ย ทำยังไงไม่ให้มันช๊อต ส่วนตัวผมก็ทำตามที่เค้ามีให้ทำ คือเอาแผ่นซิลิโคนแปะขั้นไว้เอาพลาสติครองน๊อต แต่สุดท้ายมันก็ไม่ชัวร์
เวลาขันน๊อตยึดแน่นๆ แผ่นซิลิโคนชอบขาด นำพาให้เวลาเปิดแล้วมีระเบิดเกือบทำให้หัวใจวาย - -"
ประเด็นคือ เรกกูเลตตัวนี้ ผมเอามาจ่ายไฟเพลตให้หลอด 12au7 สองตัว ผมใช้ฮีทซิ้งตัวเล็กๆแปะกับ IRF840 ได้มั้ยครับ ถ้าได้ก็ง่ายเลย แปะมันตรงๆ แล้วให้มันขี่อยู่บนบอร์ด
ไม่ต้องไปสัมผัสกับกราวน์
สรุปตอนนี้เลยเอา IRF ตัวใหม่ใส่เข้าไป แต่ไม่แปะซิ้ง เอามาลองดูก่อนว่าใส่แล้วทุกอย่างโอเคมั้ย ใส่เสร็จเปิดเครื่อง โอเคครับ ทุกอย่างปรกติ เหลือแค่ไฟมันดันสูงไปหน่อย ต้องหา R ค่าใหม่มาปรับ
แล้วก็หาทางแปะซิ้งแบบปลอดภัย แค่นี้ครับ ไว้มีอะไรจะมาอัพเดทอีกที ^ ^
(http://image.free.in.th/z/ix/_mg_4206.jpg) (http://pic.free.in.th/id/8fdadf66b034d1987a6af93862bfb756)
-
แผ่นซิลิโคนผมไม่เคยใช้ ใช้แต่แผ่นไมก้าครับ เจ้าแผ่นไมก้าเนี่ยแข็งดีมาก เพราะงั้นเลยขันน๊อตให้แน่นได้โดยไม่ขาด
แผ่นไมก้าจะแข็ง เปราะ ซื้อมาก็เก็บระวังหน่อย บางร้านจะเอาไมล่ามาขาย เนื้อจะออกเป็นพลาสติก อ่อนตัวได้มากกว่า อย่าซื้อผิดนะครับ
อ้อ แต่ถ้าใช้แผ่นไมก้า ต้องทาครีมซิลิโคนบางๆ(เน้นว่าบางๆ) ให้ด้วยทั้ง 2 ด้าน แต่ครีมซิลิโคนหาไม่ยาก ร้านอิเล็กฯทั่วไปก็มี ถ้าไม่มีแบ่งขายก็หาตามร้านอุปกรณ์คอมก็ได้
ขันน๊อตเสร็จ ก็เช็คซักรอบว่ามีการช๊อตระหว่าง ฮีทซิงค์ กับมอสเฟ็ตรึเปล่า โดยใช้มิเตอร์วัดความต้านทานระหว่างโลหะบนตัวมอสเฟ็ต กับ ฮีทซิงค์
เหลืออีกนิดเดียวแล้วครับ สู้ๆ c) c) c) c) c) c) c) c) c) c) c) c) c) c)
ปล. ฮีทซิงค์ในรูป อลังการเกินไปครับ ลดลงเหลือครึ่งนึงยังได้เลยครับ แต่จะแผ่นเล็กแผ่นใหญ่ก็ต้องไม่ให้ช๊อตกับมอสเฟ็ตครับ
ไหนๆก็ซื้อมาแล้วด้วยใช้แผ่นเดิมไปเลยครับ
-
อ้อ สังเกตุเห็นอีกอย่าง แผ่นซิลิโคนที่ใช้เป็นของตัวถัง TO3P ที่มีขนาดใหญ่กว่ามอสเฟ็ตที่ใช้นี่ครับ
เวลาซื้อแผ่นไมก้า เอาขนาดที่ใช้กับตัวถัง TO220 นะครับ จะตรงกับมอสเฟ็ตที่ใช้
-
ที่คุณ PAIPAI ว่าออกแบบปรินต์พลาดก็ดี ติดมอสเฟตกับแผ่นระบายความร้อนแล้วมันไปสวรรค์ก็ดี ผมคิดว่านี่เป็นความรู้อย่างสำคัญสำหรับคุณและคนที่ได้อ่านข้อความที่คุณโพสต์ โบราณว่าผิดเป็นครู แล้วมันเป็นครูจริงๆด้วย ถ้าจำไม่ผิดเล่ากันว่านักข่าวสัมภาษณ์เอดิสันคนคิดหลอดไฟทำนองว่า "คุณทดลองล้มเหลวตั้ง 2,000 ครั้ง ไม่เบื่อความผิดพลาดบ้างหรือ" เอดิสันตอบทำนองว่า "การทดลองทุกครั้งประสบความสำเร็จทุกครั้ง" นี่แกมองในด้านการได้ความรู้
เวลาซื้อแ่ผ่นไมก้า ซื้อแหวนพลาสติก(มีชื่อเรียกเฉพาะแต่ผมจำไม่ได้)รองน๊อตที่ลงรูโลหะระบายความร้อนของมอสเฟตมาด้วย ก่อนขันน็อตใส่แหวนพลาสติกลงรูนั้นก่อนแล้วใส่น็อตขันมอสเฟตติดกับแผ่นระบายความร้อน(หมายความว่าใส่แผ่นไมก้ารองก่อนแล้วด้วย) แล้วเช็คตามที่คุณ ohm บอก ถ้ามอสเฟตไม่ช็อตกับแผ่นระบายความร้อน และถ้าต่ออุปกรณ์ถูกต้องดังเล่ามา ทีนี้มอสเฟตตัวที่ 3 ไม่ไปเฝ้าพระอินทร์แน่นอน
คุณออกแบบแผ่นปรินต์สวย ทำงานฝีมือดี ช่วยเล่าความก้าวหน้ามาอีกนะครับ
-
งานสวยมากๆ O0 O0 :clap :clap
-
ทำตัวสมบูญแล้วลงปริ้นด้วยนะครับ จาลอกการบ้าน
-
ทุกเหตุการณ์คือ "ครู" ครับ ;D
-
ขอบคุณคับสำหรับกำลังใจ d_d
ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้วครับไฟออกตามสเป็คที่ต้องการแล้ว แต่ตัว IRF 840 ยังยืนโด่ๆตัวเดียวไม่แปะฮีทซิ้งค์ ลองเอามาจ่ายไฟให้กับปรีไมค์โครโฟน ใช้หลอด 12au7 สองหลอด
เปิดไปประมาณ 5 นาที ก็ลองเอามือมาจับ IRF ดู สรุปว่าไม่ค่อยร้อนเท่าไร พออุ่นๆละมุนละไม นี่ขนาดไม่แปะซิงค์
เลยสรุปเอาเองว่า ใช้ซิงค์ตัวเล็กๆก็น่าจะเอาอยู่ ตอนนี้เลยออกแบบ pcb ใหม่อีกรอบนึง เอาให้ irf มีซิงค์ขี่อยู่บนบอร์ดเลย จะได้หมดปัญหาเรื่องหาฉนวนมากันระหว่าง ic กับซิ้งค์
แล้วก็ลดขนาดตัว R2 R3 R4 จาก 2W เหลือแค่ 1/2W เพื่อที่บอร์ดจะมีเนื้อที่เพิ่มสำหรับซิ้งครับอีกอย่าง 2Wมันเกินความจำเป็นไปเยอะเลยสำหรับจุดนี้
บอร์ดที่ออกแบบใหม่ ขนาดเท่าเดิม แต่เป็นสองเลเยอร์นะครับ แค่เสียบอุปกรณ์ไปแล้วบัดกรีให้ครบทุกจุดก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องไปร้อยสายให้ทรูโฮลบนกับล่างเชื่อมถึงกัน
อันนี้เลเอาท์ด้านบน
(http://image.free.in.th/z/ih/fulltop.png) (http://pic.free.in.th/id/09493a93b3a38ce78537e723ee77e6ab)
อันนี้เลเอาท์ด้านล่าง
(http://image.free.in.th/z/ig/fullbottom.png) (http://pic.free.in.th/id/d9e92e35863f2606bd3e31ddb490b2c7)
ลายวงจรด้านบน
(http://image.free.in.th/z/if/toplayerrz.png) (http://pic.free.in.th/id/eede702e2772c9bcbc3e2ab19540a36e)
ลายวงจรด้านล่าง
(http://image.free.in.th/z/in/bottomlayerrz.png) (http://pic.free.in.th/id/5588281a67b4bbd7e2625289df0bb4cd)
ตัวนี้ผพึ่งออกแบบเมื่อเช้าเอง ยังไม่ได้สั่งกัดแผ่นปริ้นเลย แต่คิดว่าไม่น่ามีอะไรผิดพลาดนะครับ ไว้ถ้าได้แผ่นมาแ้วจะมารายงานว่าเวิร์คไม้เวิร์ตครับ
-
น้า R4 น่าจะเปลี่ยนเป็น R4 อนุกรมกับ Rปรับค่าได้
วงจรได้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
-
น้า R4 น่าจะเปลี่ยนเป็น R4 อนุกรมกับ Rปรับค่าได้
วงจรได้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
จัดไปครับ ^ ^
(http://image.free.in.th/z/ia/fulllayout.png) (http://pic.free.in.th/id/34c80b7e9fdc245a27ffa4540ff7a9fe)
top layer
(http://image.free.in.th/z/iw/11top.png) (http://pic.free.in.th/id/398fe84a026d5e8296cdb8026219c970)
bottom layer
(http://image.free.in.th/z/ir/bottom.png) (http://pic.free.in.th/id/b7cb3f030d23957c6856fddb49c9c262)
-
ลืมมมมมมมๆๆๆๆๆ ลืมไปว่าต้องมี R 70k มาขั้นไว้ตัวนึงก่อนจะจิ้มลงกราวน์ ไม่งั้นเผลอหมุน vr จนเป็น 0 โอหม์ เดี๋ยวเจ้า IR8 เจ๊ง เดี๋ยวขอไปแก้ไขแป๊ปนะครับ
-
คราวนี้ชัวร์และครับ ^ ^
layout
(http://image.free.in.th/z/ih/fulllayout.png) (http://pic.free.in.th/id/e2da10cfc310ba67f98d667931b79b50)
top layer
(http://image.free.in.th/z/iy/s7top.png) (http://pic.free.in.th/id/64dfdcbc55d789631cb60389547e4772)
bottom layer
(http://image.free.in.th/z/ik/bottom.png) (http://pic.free.in.th/id/ae9964752e69affee72b8d11c7dfdfcd)
schematic
(http://image.free.in.th/z/ib/schematic.png) (http://pic.free.in.th/id/78bc5100f78d2ea5d1c4900692ff6077)
-
ผมมองลักษณะลาย PCB แล้วนึกถึงวงจรประเภท RF "ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้" แต่ระว้ง capacitance อาจจะทำให้หม้อแปลงไหม้ได้ ไฟ(แรงดัน)มันสูงนะครับไม่ใช่ความถี่สูง
-
ผมมองลักษณะลาย PCB แล้วนึกถึงวงจรประเภท RF "ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้" แต่ระว้ง capacitance อาจจะทำให้หม้อแปลงไหม้ได้ ไฟ(แรงดัน)มันสูงนะครับไม่ใช่ความถี่สูง
ยังไงอ่ะครับ ช่วยขยายความทีครับ จะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไข :headphone
-
คงหมายถึงลายทองแดงที่มีกราวน์ล้อมรอบเต็มไปหมดน่ะครับ
ถ้าไฟสัก 2-3 ร้อยโวลต์คงไม่เท่าใหร่ แต่ถ้าจะใช้กับไฟสูงๆกว่านี้มันก็น่าเสียวอยู่เหมือนกันล่ะครับ
ให้มันห่างๆกันอีกก็ดีนะครับ หรือไม่งั้นกราวน์ก็ออกแบบให้เป็นเส้นๆไปเลยดีกว่า จะได้อยู่ห่างจากไฟสูงไว้เยอะๆหน่อย
-
คงหมายถึงลายทองแดงที่มีกราวน์ล้อมรอบเต็มไปหมดน่ะครับ
ถ้าไฟสัก 2-3 ร้อยโวลต์คงไม่เท่าใหร่ แต่ถ้าจะใช้กับไฟสูงๆกว่านี้มันก็น่าเสียวอยู่เหมือนกันล่ะครับ
ให้มันห่างๆกันอีกก็ดีนะครับ หรือไม่งั้นกราวน์ก็ออกแบบให้เป็นเส้นๆไปเลยดีกว่า จะได้อยู่ห่างจากไฟสูงไว้เยอะๆหน่อย
ขอบคุณครับ ประเด็นนี้ลืมนึกถึงไปเลย แหะๆ สรุปแก้มาเป็นเวอร์ชันี่ 4 และ ^ ^
ปรกติเวลาออกแบบชอบเทกราวเพลนเพราะง่ายดีครับ ไม่ต้องมาคำนึงถึงลายวงจรเส้นกราว พอเดินเส้นสัญญาณเสร็จก็เทกราวเพลนตูมเดียวเสร็จ สวยด้วย ;D
ลืมเรื่องค่าปะจุแฝงเวลาใช้กับไฟสูงๆเลย ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยแนะนำแก้ไขให้งานสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เวอร์ชันที่ 4 แล้วค้าบบ แก้ปัญหาลายวงจรไฟสูงกับกราวน์ไกล้กัน
(http://image.free.in.th/z/if/fulllayout.png) (http://pic.free.in.th/id/5399e03f08c46a25c44b9ad9f8f2e2f0)
top
(http://image.free.in.th/z/il/4etop.png) (http://pic.free.in.th/id/65fba98a894d10e525eda45ccf0ead8f)
Bottom
(http://image.free.in.th/z/ig/bottom.png) (http://pic.free.in.th/id/567d36186dc4b4049cc3cecbddc71c28)
-
แชร์ความเห็นเล่นๆนะครับ จากประสพการ์ณผม ถ้าเอาไปใช้ในวงจรหลอด เช่นเป็น B+ ของหลอดปรี หรือ หลอด drive การregulate ไฟไม่ค่อยมีประโยชน์นักครับ 240, 245, 250V หลอดแทบจะไม่สน และก็ฟังไม่ค่อยออกว่าเสียงต่างกัน แต่ถ้าทำให้ noise ต่ำๆ ripple ต่ำๆ อันนี้ฟังออกง่ายครับ ได้เสียงดีฟังสบายหู หลังๆผมมักใช้พวก Vbe หรือ C multiplier แทนมากกว่า หรือไม่ถ้ากระแสน้อยๆ ผมจะเล่น shunt regulate ไปเลย
-
แชร์ความเห็นเล่นๆนะครับ จากประสพการ์ณผม ถ้าเอาไปใช้ในวงจรหลอด เช่นเป็น B+ ของหลอดปรี หรือ หลอด drive การregulate ไฟไม่ค่อยมีประโยชน์นักครับ 240, 245, 250V หลอดแทบจะไม่สน และก็ฟังไม่ค่อยออกว่าเสียงต่างกัน แต่ถ้าทำให้ noise ต่ำๆ ripple ต่ำๆ อันนี้ฟังออกง่ายครับ ได้เสียงดีฟังสบายหู หลังๆผมมักใช้พวก Vbe หรือ C multiplier แทนมากกว่า หรือไม่ถ้ากระแสน้อยๆ ผมจะเล่น shunt regulate ไปเลย
Vbe C Multipier Shunt regulate คืออะไรอ่ะครับ ไม่รู้จักเลย (._. )....
-
แชร์ความเห็นเล่นๆนะครับ จากประสพการ์ณผม ถ้าเอาไปใช้ในวงจรหลอด เช่นเป็น B+ ของหลอดปรี หรือ หลอด drive การregulate ไฟไม่ค่อยมีประโยชน์นักครับ 240, 245, 250V หลอดแทบจะไม่สน และก็ฟังไม่ค่อยออกว่าเสียงต่างกัน แต่ถ้าทำให้ noise ต่ำๆ ripple ต่ำๆ อันนี้ฟังออกง่ายครับ ได้เสียงดีฟังสบายหู หลังๆผมมักใช้พวก Vbe หรือ C multiplier แทนมากกว่า หรือไม่ถ้ากระแสน้อยๆ ผมจะเล่น shunt regulate ไปเลย
Vbe C Multipier Shunt regulate คืออะไรอ่ะครับ ไม่รู้จักเลย (._. )....
เท่าที่ผมลองระหว่าง series regulator กับ shunt regulator ผมว่ามีผลต่อเสียงแตกต่างกันพอสมควรเลยครับ shunt นี่ได้เสียงที่อวบขึ้นมาอย่างเห็นได้ขัดถ้าเทียบกับ series อย่างตามวงจรนี้เท่าที่ผมลองมันเปลี่ยนไปตามภาคจ่ายไฟจริง ๆ ครับ
-
คราวนี้มาทั้ง series regulate ทั้ง shunt regulate เลย มึนตึ๊บ :o
คือว่า ตามความเข้าใจผม อย่างที่ผมทำเรียกว่า ซีรีย์เรกกูเลท ส่วนแบบที่คุณ Mr.Q คือแบบ shunt รึเปล่าครับ
แล้วรูปที่โพสมา รูปทางขวามือคือแบบ shunt ใช่มั้ยครับ
ตัว R25 , 26 , 27 , 28 ทำหน้าที่อะไรครับ
แล้วตัวหลอด 12DW7 ทำหน้าที่อะไรครับ
ชักเริ่มลึกซึ้งขึ้นแล้ว แต่น่าสนใจครับ เดี๋ยวออกแบบ pcb วงจรนี้มั่งดีกว่า แล้วลองเอามาเทียบกันดู
ปล.วงจรที่ให้มา ทางขวามือ ดูแล้วไม่น่าจะจ่ายกระแสได้เยอะเท่าไร มันจะพอเพียงสำหรับจ่ายไฟเพลทให้หลอด 12AU7สองหลอดมั้ยครับ
ปล2. วงจรทางซ้ายมืออันนี้ไม่เกีี่ยวอะไรใช่มั้ยครับ
-
C Multiplier ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วครับว่ามันเป็นตัวคูณ C
ในวงจรภาคจ่ายไฟ เราอยากให้มันมีripple ต่ำที่สุด และ จ่ายกระแสได้ไม่มีที่จำกัด และ output impedance ต่ำ ซึ่งถ้าเราเอา Cค่าเยอะๆมาใช้ มันก็จะได้ประมาณนึง แต่ถ้าเอา C ค่า 100,000 uF มาใส่ในวงจร คงได้หมดตัวกัน ก็เลยมีคนคิดวงจรว่า ถ้าเราเอา transistor มาขยาย C ให้เอ้าพุทเป็นเหมือนมี C ค่ามากๆ ก็ประหยัดไปเยอะ เช่น C 100uF แต่ transistor มีค่าขยาย 1000 เท่า ก็เท่ากับว่าได้ C 100,000 โดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ ลองอากู๋อ่านดูครับ หรือไม่ก็อ่านอันนี้ก็พอได้
http://sound.westhost.com/project15.htm
-
ทำแล้วเอามาแชร์กันบ้างนะครับว่าเป็นยังไง series กับ shunt
สำหรับที่ผมทำมา series regulator นี่ มอสเฟ็ตดีที่สุดแล้วครับ เทียบกันระหว่าง IC ทรานซิสเตอร์ มอสเฟ็ต ยังขาดไม่ได้ลองก็ IGBT ;D ;D ;D ;D ;D ;D
น่าสนใจว่าเทียบกับ shunt regulator แล้วจะเป็นไง
-
ตอนนี้ไปนั่งหาอ่านบทความเกี่ยวกับ series regulator กับ shunt regulator มาบ้างแล้วครับ เริ่มพอเข้าใจภาพรวมมากขึ้นแล้ว แต่ในเชิงลึกยังมึนอยู่เลย :black_eye
ยังเหลือบทความเรื่อง C multiplier ที่คุณ Withaya ส่งลิ้งมาให้อีก
แต่ต้องยอมรับว่า ความรู้ภาษาอังกฤษของผมนั้นอ่อนด้อยมากครับ ถ้ามีใครพอจะอธิบายเป็นเวอร์ชันภาษาไทยได้ จะขอบคุณมากเลยครับ> <
จริงๆแล้วตัวจ่ายไฟตัวนี้ ผมตั้งใจทำมาให้สำหรับ วงจร Pre Microphone ไม่รู้ว่ามันจะเห็นผลมากน้อยขนาดไหนนะครับ
คือส่วนตัวเชื่อว่าถ้าทำมาให้พวกปรีแอมป์ แล้วเล่นเพลงออกลำโพง มันจะฟังออกง่ายมากกว่าพวกปรีไมค์ แต่เดี๋ยวถ้าทำเสร็จแล้วจะอัดเสียงมาให้ฟังแล้วกันครับว่าเปลี่ยนภาคจ่ายไฟแล้วเสียงต่างกันมั้ย
-
แจ่มมากครับ :clap c) :clap c)
-
คราวนี้มาทั้ง series regulate ทั้ง shunt regulate เลย มึนตึ๊บ :o
คือว่า ตามความเข้าใจผม อย่างที่ผมทำเรียกว่า ซีรีย์เรกกูเลท ส่วนแบบที่คุณ Mr.Q คือแบบ shunt รึเปล่าครับ
แล้วรูปที่โพสมา รูปทางขวามือคือแบบ shunt ใช่มั้ยครับ
ตัว R25 , 26 , 27 , 28 ทำหน้าที่อะไรครับ
แล้วตัวหลอด 12DW7 ทำหน้าที่อะไรครับ
ชักเริ่มลึกซึ้งขึ้นแล้ว แต่น่าสนใจครับ เดี๋ยวออกแบบ pcb วงจรนี้มั่งดีกว่า แล้วลองเอามาเทียบกันดู
ปล.วงจรที่ให้มา ทางขวามือ ดูแล้วไม่น่าจะจ่ายกระแสได้เยอะเท่าไร มันจะพอเพียงสำหรับจ่ายไฟเพลทให้หลอด 12AU7สองหลอดมั้ยครับ
ปล2. วงจรทางซ้ายมืออันนี้ไม่เกีี่ยวอะไรใช่มั้ยครับ
ข้างหน้าคือ TL783 ทำหน้าที่เป็น current regulator ส่วนหลอด 12DW7 ทำหน้าที่เป็น shunt regulator R25 , 26 , 27 , 28 เป็นลด Ripple ย้อนกลับไปที่หม้อแปลง Feddforward Error ประมาณนั้นครับ