HTG2.club
Home Theater Guide webboard => มุม โฮมเธียเตอร์ (HT) => ข้อความที่เริ่มโดย: กุ้งสยาม ที่ 18 ธันวาคม, 2012, 12:45:12 pm
-
ต้องการใช้งานแค่ 4 ch. กับ เพาเวอร์แอมป์ 5 ch.
ต่อสายสัญญาณเข้า 4 ต่อ สาย ลำโพง 4 จะเหลือ 1 ch.ที่ไม่ได้ใช้
แต่เวลาเปิดก็คง ต้องเปิดทั้ง 5 ch. จะมีผลเสียไหม
-
ต้องการใช้งานแค่ 4 ch. กับ เพาเวอร์แอมป์ 5 ch.
ต่อสายสัญญาณเข้า 4 ต่อ สาย ลำโพง 4 จะเหลือ 1 ch.ที่ไม่ได้ใช้
แต่เวลาเปิดก็คง ต้องเปิดทั้ง 5 ch. จะมีผลเสียไหม
ไม่มีครับพี่กุ้ง ผมมี 5ch แต่ใช้แค่ 3ch มาระยะนึงแล้ว นานๆก็สลับ ch อื่นมาใช้บ้าง จะได้ยืดเส้น ยืดสายครับ :) :)
-
anthem P5 5 ch.ผมก็ใช้แค่ 3 ch.เองครับพี่ขับ เซนเตอร์ กับ เซอรร์ราวด์
ตอนแรกใช้ 5 ch. เต็มครับ รู้สึกได้เลยครับว่าต่อแค่ 3 ch. กำลังแรงกว่าครับ
แต่ต้องดูช่องดีๆนะครับ เพระแอมป์ ผมมีหม้อแปลง 2 ลูกครับ
-
channel ที่เหลือจับต่อ bi-amp ลำโพงเซ็นเตอร์สิครับ
-
ผมเคยใช้ 2 CH ขับ 1 CH ใช้ๆไป พอกลับมาต่อ 2 CH เสียงดังไม่เท่ากันนิดหน่อย อัตราความเสื่อมคงไม่เท่ากันครับ
แต่เล่นกับ Pre Pro ก็ปรับระดับความดังใน Pre Pro ได้ ไม่น่าจะเป็นปัญหาครับ
:D :D :D
-
ไม่มีปัญหาแน่นอน ว่าแต่ได้ power ตัวไหนมาครับพี่ :clap :clap
-
ไม่มีปัญหาแน่นอน ว่าแต่ได้ power ตัวไหนมาครับพี่ :clap :clap
ได้ avr yamaha มา เป็น 11.2 ch. ในตัวมีแอมป์มา 7 ch. ถ้าจะต่อระบบให้ครบ ต้องเพิ่ม
เพาเวอร์แอมป์ ที่ใช้ ก็เป็น magnet 5 ch.มาต่อใน ch. 8.9.10.11 ตอนนี้ต่อลองแล้ว
ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถามคนที่ได้เคยใช้งานลักษณะนี้ดู เพื่อความสบายใจ...ดีกว่า
Surround back ใช้แค่ 1 เลย ทำได้แค่ 10.2 ch. บรรยากาศดีกว่าตอนต่อ 9 หรือ 7
โดยเฉพาะ sound ดนตรี ประกอบ มีความกว้างลึก ให้รู้สึกมากกว่าเดิม เสียงเล็กๆน้อยๆ
ก็มีรายละเอียดมากขึ้น น่าจะเป็นเพราะ dynamic ของย่านความถี่ต่างๆมันกว้างขึ้น
-
ไม่มีปัญหาแน่นอน ว่าแต่ได้ power ตัวไหนมาครับพี่ :clap :clap
ได้ avr yamaha มา เป็น 11.2 ch. ในตัวมีแอมป์มา 7 ch. ถ้าจะต่อระบบให้ครบ ต้องเพิ่ม
เพาเวอร์แอมป์ ที่ใช้ ก็เป็น magnet 5 ch.มาต่อใน ch. 8.9.10.11 ตอนนี้ต่อลองแล้ว
ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถามคนที่ได้เคยใช้งานลักษณะนี้ดู เพื่อความสบายใจ...ดีกว่า
Surround back ใช้แค่ 1 เลย ทำได้แค่ 10.2 ch. บรรยากาศดีกว่าตอนต่อ 9 หรือ 7
โดยเฉพาะ sound ดนตรี ประกอบ มีความกว้างลึก ให้รู้สึกมากกว่าเดิม เสียงเล็กๆน้อยๆ
ก็มีรายละเอียดมากขึ้น น่าจะเป็นเพราะ dynamic ของย่านความถี่ต่างๆมันกว้างขึ้น
โห พี่เล่นซะ 10.2 เลย = = สุดยอด ฮ่าๆ
เยี่ยมๆ ขอบคุณมากๆ คร้าบ c) c)
-
dynamic Range Frequency เท่าเดิมที่เพิ่มเพราะมีลำโพงมากขึ้นจึงทำให้สึกว่าเสียงกว้างขวางใหญ่โตมากขึ้น
รอยต่อของลำโพงแต่ละตัวดีขึ้น เพราะช่องว่างละหว่างลำโพงน้อยลงนั่นเอง แต่ถ้าระบบเสียงใหญ่มากๆ การเพิ่มลำโพง Front High จะไปทำลายบรรยากาศของเสีย
มีคนเล่นอยู่เจ็ดบ้านสุดท้ายไม่ได้ใช้ เลยติดไว้เช่นนั้นแล....
ยิ่งมากลำโพงยิ่งต้องเอาใจใส่ในการติดตั้ง ตำแหน่งลำโพงสำคัญมากกับลำโพงที่มากขึ้น
-
dynamic Range Frequency เท่าเดิมที่เพิ่มเพราะมีลำโพงมากขึ้นจึงทำให้สึกว่าเสียงกว้างขวางใหญ่โตมากขึ้น
รอยต่อของลำโพงแต่ละตัวดีขึ้น เพราะช่องว่างละหว่างลำโพงน้อยลงนั่นเอง แต่ถ้าระบบเสียงใหญ่มากๆ การเพิ่มลำโพง Front High จะไปทำลายบรรยากาศของเสีย
มีคนเล่นอยู่เจ็ดบ้านสุดท้ายไม่ได้ใช้ เลยติดไว้เช่นนั้นแล....
ยิ่งมากลำโพงยิ่งต้องเอาใจใส่ในการติดตั้ง ตำแหน่งลำโพงสำคัญมากกับลำโพงที่มากขึ้น
ใช่อย่างที่ว่าครับ ไดนามิคเร้นก์ มันก็เท่าเดิม แต่ถูกเฉลี่ยกระจายออกไป ลำโพงที่มากตัวขึ้น
พอตำแหน่งลำโพงที่ติดตั้งเพิ่มขึ้น วางตำแหน่งสูงขึ้น กว้างขึ้น ทั้งหน้าและหลัง ก็สร้างพื้นที่
ของเสียงได้มากขึ้น ก็จะรู้สึกมันใหญ่ และลึกมากกว่าเดิม
ที่สำคัญในการปรับระบบ และทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นก็คือ EQ. จะเป็นตัวเชื่อมเสียงของลำโพงทั้งระบบ
ให้ต่อเนื่องกันในความถี่ต่างๆ yamaha ให้มาครบดี รวมทั้งพวก dsp. ก็ช่วยเพิ่มอรรถรส สร้างบรรยากาศ
แวดล้อมได้มากกว่าโหมดมาตรฐาน ก็คงต้องฟังและปรับให้มันลงตัว ฟังไปซักพักคงมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง
มันมีเรื่องน่าสนใจหลายอย่าง ห้องที่ใช้ ขนาด 4x4 ม. เพดานสูงประมาณ 2.3 ม. เล่น 5.1 ก็น่าจะพอ
มันก็พอแหละครับ แต่ระบบมันมีมาให้ ก็อยากจะลองซะหน่อย set ไปมึนไป...ฮิฮิ
-
dynamic Range Frequency เท่าเดิมที่เพิ่มเพราะมีลำโพงมากขึ้นจึงทำให้สึกว่าเสียงกว้างขวางใหญ่โตมากขึ้น
รอยต่อของลำโพงแต่ละตัวดีขึ้น เพราะช่องว่างละหว่างลำโพงน้อยลงนั่นเอง แต่ถ้าระบบเสียงใหญ่มากๆ การเพิ่มลำโพง Front High จะไปทำลายบรรยากาศของเสีย
มีคนเล่นอยู่เจ็ดบ้านสุดท้ายไม่ได้ใช้ เลยติดไว้เช่นนั้นแล....
ยิ่งมากลำโพงยิ่งต้องเอาใจใส่ในการติดตั้ง ตำแหน่งลำโพงสำคัญมากกับลำโพงที่มากขึ้น
ใช่อย่างที่ว่าครับ ไดนามิคเร้นก์ มันก็เท่าเดิม แต่ถูกเฉลี่ยกระจายออกไป ลำโพงที่มากตัวขึ้น
พอตำแหน่งลำโพงที่ติดตั้งเพิ่มขึ้น วางตำแหน่งสูงขึ้น กว้างขึ้น ทั้งหน้าและหลัง ก็สร้างพื้นที่
ของเสียงได้มากขึ้น ก็จะรู้สึกมันใหญ่ และลึกมากกว่าเดิม
ที่สำคัญในการปรับระบบ และทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นก็คือ EQ. จะเป็นตัวเชื่อมเสียงของลำโพงทั้งระบบ
ให้ต่อเนื่องกันในความถี่ต่างๆ yamaha ให้มาครบดี รวมทั้งพวก dsp. ก็ช่วยเพิ่มอรรถรส สร้างบรรยากาศ
แวดล้อมได้มากกว่าโหมดมาตรฐาน ก็คงต้องฟังและปรับให้มันลงตัว ฟังไปซักพักคงมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง
มันมีเรื่องน่าสนใจหลายอย่าง ห้องที่ใช้ ขนาด 4x4 ม. เพดานสูงประมาณ 2.3 ม. เล่น 5.1 ก็น่าจะพอ
มันก็พอแหละครับ แต่ระบบมันมีมาให้ ก็อยากจะลองซะหน่อย set ไปมึนไป...ฮิฮิ
O0 O0
-
อาจจะดีขึ้นเพราะ power แต่ละ ch มันใช้กำลังในการขับน้อยลง ลำโพงแต่ละตัวทำงานน้อยลง เพื่อให้เสียงที่ผู้ฟังได้ยินดังเท่าเดิมด้วยน่ะครับ (amp 1 ลำโพง 2 อาจจะเปิด 10น. แต่พอเพิ่มเป็น amp 2 ลำโพง 4 อาจจะเหลือแค่ 9น. โดยที่ผู้ฟังยังได้ยินดังเท่าเดิม)
:)
-
มาสวัสดีพี่กุ้งครับ like