HTG2.club

ซีดี พิญแก้ว

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Help !!!

  • Guest (บุคคลทั่วไป)
  • Superstar...
  • *
    • กระทู้: 5,866
  • Please Help Thanks
*ซีดีเพลงบรรเลงด้วยพิณแก้ว ชุด*

**

*A Wonderful Touch of Glass*

*โดย* * วีระพงศ์  ทวีศักดิ์***

หาซื้อไม่ได้ลองสอบถามไปที่

บริษัท S STACK

13/3 ซ. อรรคพัฒน์ แยกซอยต่อศักดิ์ ๑ ถ. สุขุมวิท 49 คลองตันเหนือ คลองตัน กทม
10110**

โทรศัพท์ 02 7129201-2

โทรสาร  02 7129204

*E-mail : *r_siriwong@gmail.com,
r_siriwong@hotmail.com<r_siriwong@gmail.com,%20%20r_siriwong@hotmail.com>
**

* *

**

*( อ.วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ )***

* *

*ประกอบด้วยเพลง ๑๖ เพลง*

*1 When a Chid is born* (Joy  Zacar)

*2 The One You love*(Glenn  Frey/Jack  Tempchin)

*3 Smoke gets in your eyes*(Jerome  Kern/Otto  Harbach)

*4 After The Rain*(Toshifumi  Hinata/Emi  Fujita)

*5 Daddy's  Home*(Sheppard/Miller)

*6 Yesterday Once More*(Richard  Carpenter/John  Bettis)

*7 Let It be Me*(M.  Curtis/C.  Becaud)

*8 Desperado*(Don  Henley/Glenn  Frey)

*9 Cherish*(Bell/Taylor/Kool/ & The Gang)

*10 Hana *(*ดอกไม้ให้คุณ *Copyright  Control)

*11 Season in The Rain*(Brel/Mc Kuen)

*12 Cherry Pink & Apple Blossom White*(Louigy/David  Mack)

*13 Without You*(Hamm/Evans)

*14 My Heart Will Go On*( Horner/Jennings)

*15 Unchained  Melody*(Zaret/North)

*16 She*(Charles  Aznavour/Herbert Kutzner)


* *

*พิณแก้ว (Glass Harp)*

เครื่องดนตรีโบราณที่สูญหายไปยาวนานกว่า ๕๐๐ ปี
กลับมาก้องกังวานอีกครั้งเพื่อ ร่วมสร้างสรรค์
โดย วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ ๑ ใน ๑๐ ของนักดนตรีพิณแก้ว ที่เดินทางไป ทั่วโลก
เพื่อนำเอาความไพเราะอันน่าอัศจรรย์นี้ไปแบ่งปันให้กับผู้คนมากมาย
เครื่องดนตรีชิ้นนี้เรียกกันหลาชื่อ
อาทิเช่น glass harp, musical glasses, grand harmonicon, verillon  เป็นต้น

อย่าประหลาดใจที่ชวพันธ์แนะนำเพลงฝรั่ง  เรื่องก็มีอยู่ว่า อาจารย์ วีระพงศ์
ทวีศักดิ์ มีผลงานบันทึกเสียงไว้เพียงซีดีแผ่นนี้เพียงแผ่นเดียว
ซึ่งทั้งหมดเป็นเพลงฝรั่ง

                ชาว Audiophile บ้านเราอาจจะตกใจ  ประหลาดใจ ไม่พอใจ
เพราะท่านเหล่านี้เชื่อว่า  คนไทยนั้นไม่ควรจะมีความสามารถทำเช่นนี้ได้
ผู้ที่ทำได้ต้องเป็นฝรั่งเท่านั้น

            จากความพึงพอใจโดยส่วนตัวของผม  ผมชอบซีดีแผ่นนี้
เพราะเพลงที่บรรเลงนั้นเพราะดีและไม่ต้องแปลเนื่องจากไม่มีเสียงร้อง(ก็ผมแปลไม่ออกนี่ครับ)

การบรรเลงนั้นพิณแก้วจะเป็นตัวเดินทำนอง(Melody) แต่ก็สามารถทำเสียงสั่น(vibrato)
ได้ด้วย

                ผลงานของ อาจารย์ วีระพงศ์  ทวีศักดิ์
ที่ผมชื่นชมมากก็คือท่านอาจารย์วีระพงศ์ได้เข้าไปสอนให้นักโทษได้ฝึกหัดเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ได้จนสามารถออกแสดงได้ในชื่อ
*"**วงปฐมพิณ"** *ซึ่งประกอบด้วยนักดนตรีประมาณ ๕๐ คน

                                                *       "**วงปฐมพิณ"*

* *

*พิณแก้ว บรรเลงอย่างไร*

                ที่ผมดูจาก VCD ก็คือนำแก้วที่มีก้านแบบที่เขาใช้ดื่มไวน์
ใส่น้ำลงไปในแก้วในระดับที่ต่างกันแล้งวใช้นิ้วมือี่เปียกน้ำนิ้วไหนก็ได้ที่ท่านถนัด
(นิ้วต้องเปียกเท่านั้น) ถูนิ้วที่เปียกนั้นที่ขอบปากของแก้วนั้น จะเกิดเสียง
แก้วแต่ละใบก็จะให้เสียงต่างกัน ผมรู้แค่เนี๊ยะ

*วีระพงศ์ ทวีศักดิ์** **ดนตรีพิณแก้ว*
*โดย*  *อรุณี*

*สกุลไทย ฉบับท**ี่ ๒๗๒๒** **ปีที่**  ๕๓ **ประจำวัน**  **อังคาร** **ที่** **
๑๙ **ธันวาคม**  ๒๕๔๙*

*วีระพงศ์**  ทวีศักดิ์
**ดนตรีพิณแก้ว*

*วีระพงศ์  **ทวีศักดิ์ **นักดนตรีพิณแก้ว *ไม่น่าเชื่อว่า
การได้ชมสารคดีเกี่ยวกับเครื่องดนตรีโบราณที่เรียกว่า
Glass Harp หรือ
พิณแก้วเพียงไม่กี่นาทีจะสร้างความประทับใจให้ผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมากจนถึงกับทำให้เขาต้องออกไปหาซื้อแก้วมาเล่นบ้างในวันเดียวกันนั้นเลย
แล้วตั้งแต่นั้นจนถึงวันนี้นับเวลาได้เกือบสิบปีแล้วที่
คุณวีระพงศ์ ทวีศักดิ์ ทุ่มเทให้กับการศึกษา ฝึกฝน หาวิธีการเล่นใหม่ๆ
จนทำให้พิณแก้วกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง

*พิณแก้วพลิกชีวิตผม*

ผมเห็นเครื่องดนตรีนี้ครั้งแรกเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว จากสารคดีต่างประเทศ
คนเล่นเป็นชาวอเมริกันชื่อ
เจมี่ เทอร์เนอร์(Jamey Turner) เขาเล่นแค่ ๓ เพลงสั้นๆ

                  *  Jamey Turner *(ผู้จุดประกายให้ อาจารย์ วีระพงศ์  ทวีศักดิ์
สนใจจะหัดพิณแก้ว)

แต่ในขณะที่เราดูรู้สึกว่ามันเพราะมาก แล้วบ่ายวันนั้นผมก็ออกไปซื้อแก้วเลย
โดยสุ่มเลือกแต่แก้วที่มีก้านดูว่าใบไหนถ้าเอามือจุ่มน้ำถูแล้วมีเสียงซื้อหมด
แล้วเอากลับบ้านมาลองใส่น้ำดูว่าเสียงเปลี่ยนหรือเปล่า
ในที่สุดก็พบว่า แก้วทรงบรั่นดีนี่เหมาะที่สุด
หลังจากนั้นผมก็ซื้อแต่แก้วทรงนี้มาหลายขนาดเลย
ขณะเดียวกันก็พยายามหาข้อมูลจากหนังสือและผู้รู้
แต่ว่าไม่มีเลยต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ
พอดีผมพอมีพื้นฐานดนตรีอยู่ เพราะว่าเรียนจบจากคณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกกีตาร์คลาสสิค
และโดยส่วนตัวผมเล่นเครื่องดนตรีได้หลายประเภทอยู่แล้ว
เลยลองผิดลองถูกอย่างนี้อยู่เกือบปี

ช่วงนั้นปฏิกิริยาของคนรอบข้าง เขาไม่พูดอะไรนะก็คงงงๆว่าเราทำอะไร
แต่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก เพราะว่ามันยังไม่สำเร็จ
แต่ผมพบว่าเวลาที่เราเจอสิ่งที่เรารักนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอุปสรรค
คือก็ยังเจอแต่เราจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นอุปสรรค
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามพลังจากไหนมาทำมัน
แต่ยอมรับว่ามีอุปสรรคเยอะมาก ผมต้องแก้ปัญหาทุกอย่างตลอดปี บางครั้งซื้อแก้วมา
๔ โหล แต่ทำตัวซอลไม่ได้สักใบต้องกลับไปซื้อใหม่ก็มี กว่าจะทำแก้วชุดแรกได้
ผมต้องซื้อแก้วเป็นพันใบเลย

พอทำแก้วชุดแรกสำเร็จได้มาประมาณ ๑๘ ใบ เพื่อนก็บอกให้ไปออกรายการทไวไลท์โชว์
รายการออกอากาศตอนบ่ายวันอาทิตย์ เชื่อมั้ยว่าเช้วันจันทร์กลายเป็นงานเลย
มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมาก พอดีกับว่าเป็นช่วงที่เกิดภาวะฟองสบู่แตก
ธุรกิจสไลด์มัลติมีเดียที่ผมทำกับพี่ชายมาตั้งแต่สมัยเรียนปี
๑ แล้วตอนหลังผมแยกออกมาทำเองค่อนข้างซบเซา
ช่วงนั้นบนโต๊ะทำงานผมจะมีแต่แก้วเต็มไหมด
เพราะเป็นช่วงที่เรากำลังพัฒนาในแง่ของเครื่องดนตรี
แล้วก็ตระเวนไปเล่นตามที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงไปออกรายการทีวีด้วย ธุรกิจที่ทำอยู่จึงเลิกไป

ปัจจุบันพิณแก้วคืองานประจำ แต่ผมจะไม่รับเล่นประจำ
เพราะรู้สึกว่าถ้าเราเล่นอย่างนั้นจะกลายเป็นเครื่องจักรและไม่เป็นศิลปะ
สิ่งที่มีค่าสำหรับผมมากที่สุดคือ
อิสรภาพ ผมจะเลือกรับงานเอง บางครั้งไม่ได้ค่าจ้าง แต่เป็นงานที่อาร์ตมากๆ
แล้วเราต้องเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินไปเองก็ไป

๒ ปีที่แล้ว ผมเขียนหนังสือชื่อ *พิณแก้วพลิกชีวิต*
คือมันพลิกชีวิตผมจริงๆจากคนทำงานมีชีวิตปกติ
แต่พอมาเล่นพิณแก้วก็ได้รับเชิญไปแสดงในงานต่างๆ
มีหลายเวทีที่ผมภูมิใจมาก เช่น สมัยเรียนผมไม่เคยได้รับโอกาสเล่นในงาน
ครุศาสตร์คอนเสิร์ต เลย แต่ปีที่แล้วคณะครบรอบ ๒๕ ปี เขาเชิญผมไปเล่น
หรือมีมหาวิทยาลัยดนตรีที่นิวซีแลนด์เชิญผมไปสอนและตระเวนเล่นตามอาร์ตแกลเลอรีต่างๆเป็นเวลา

เดือน อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งทุกครั้งที่ยืนต่อหน้าแก้ว ผมรู้สึกอย่างเดียวว่า
ผมเล่นแล้วมีความสุขและก็อยากจะแบ่งปันในคุณแค่นั้น
ผมไปแสดงที่ไหนไม่ว่าจะมีคนดูเป็นพันหรือว่ามีแค่
๓ คน สำหรับผมไม่แตกต่างกันและก็จะยังเล่นอย่างเต็มที่ไม่มีการลดดีกรีลงเลย

*พาผู้ต้องขังไปแสดงในระหว่างการประชุมนักแต่งเพลงนานาชาติ **ที่คณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย *

*อยากจะใช้พิณแก้วเป็นสื่อในการนำสิ่งดีๆไปถึงผู้ต้องขัง*

ตั้งแต่แรกที่เริ่มเล่น ผมมีความรู้สึกว่า เครื่องดนตรีชนิดนี้อะเมซิ่งมาก
แต่ลึกๆผมคิดว่ามันน่าจะมีคุณค่ามากกว่าแค่ความบันเทิง
ผมอยากเป็นมากกว่าเอ็นเตอร์เทนเนอร์
อย่างเวลาที่ไปตระเวนเล่นประกอบการบรรยายตามโรงเรียน
ผมจะพยายามเน้นให้เด็ๆได้ในเรื่อง
แรงบันดาลใจ มากกว่า จนเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว
สมาคมสตรีคาทอลิกแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรมเข้าไปเยี่ยมู้ต้องขังที่เรือนจำนครปฐมเป็นประจำทุกเดือน
แต่ในช่วงคริสต์มาสจะพิเศษหน่อย
เขาจึงเชิญผมซึ่งเป็นคาทอลิกเช่นกันให้ไปเล่นพิณแก้วให้ผู้ต้องขังฟัง
ครั้งแรกผมไปเล่นในแดนผู้ต้องขังหญิง
มีคนฟังประมาณ ๕๐๐ คน พอเริ่มเล่นเพลงแรก สายฝน
ผมสัมผัสได้เลยว่าตาเขามีประกายความสุข ผิดจากตอนแรกที่จะไม่ค่อยสบตาเรา
พอเล่นจบก็มีคุณยายคนหนึ่งเดินออกมาหาผมแล้วก้มลงกราบ
จากนั้นแกก็หยิบพวงมาลัยโครเชท์เล็กๆมาให้
แล้วขอบคุณผม ณ วินาทีนั้นผมคิดว่า ถ้าพิณแก้วมีผลกับพวกเขาขนาดนี้
เราก็น่าจะใช้มันทำอะไรบางอย่างให้ผู้ต้องขังได้
วันนั้นผมเลยขออนุญาตผู้บัญชาการเรือนจำว่า
ผมอยากมาสอนที่นี่ ท่านก็บอกว่ายินดี ก่อนกลับเลยบอกท่านไปว่า
ถ้าสอนแค่คนสองคนไม่น่าจะเกิดประโยชน์ งั้นผมรับสมัครเลย ๕๐ คน
โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็เลยขอเวลาไปหาแก้ว ๑ เดือน
แต่ครบกำหนดแล้วผมก็ยังหาแก้วไม่ได้จึงใช้วิธีเอาแก้วที่มีเสียงซ้ำกันที่เราเก็บๆไว้มาห้เขาถือกันคนละใบ
โดยแบ่งเป็นกลุ่มกลุ่มละประมาณ
๖ คน กะว่าจะประวิงเวลาเพื่อหาแก้วพิ่มไปด้วย

แต่พอสอนไปผมพบว่า การใช้แก้วคนละใบเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ต้องขังมาก
เพราะเขาไม่รู้โ้ต
ดังนั้นขณะเรียนผู้ต้องขังซึ่งมีหน้าที่ถือแก้วเอามือุ่มน้ำแตะรอไว้ที่ขอแก้วรอผมชี้บอก
แบบเอ็งชี้
ข้าถู (ยิ้ม) อยู่อย่างนี้เป็นชั่วโมง ชั่วขณะนั้นเขาจะจดจ่อกับเรามาก
ทำให้จิตใจเขาสงบนิ่งและมีสมาธิโดยอัตโนมัติ
เพราะผู้ต้องขังจะมีทุกข์อยู่แค่ ๒ อย่างคือ
ทุกข์เกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมากับทุกข์เกี่ยวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ดังนั้น ทุกลมหายใจเข้าออกเขาจะมีแต่ทุกข์
แต่พอมาเรียนพิณแก้วทุกข์นี้จะหายไป และเมื่อสอนเสร็จ
เขาจะรอสัปดาห์หน้าซึ่งพอมีเป้าหมายอย่านี้ เวลาจะผ่านไปเร็วมาก

หลังจากนั้นเมื่อกรมราชทัณฑ์เห็นว่ากิจกรรมนี้เกิดประโยชน์จึงเชิญผมไปสอนอีกที่คือบางบอน
ซึ่งต่างกันเลยเพราะที่นครปฐมจะเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติดและส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น
แต่ที่บางบอนเขาเลือกมาแต่ผู้ต้องขังชายคดีอุกฉกรรจ์อย่างเดียว
แต่ผมจะมีวิธีในการเป็นมิตรกับเขาด้วยมุกตลก
แล้วที่บอกว่าการเรียนพิณแก้วทำให้เขาใจเย็นลง
สำหรับผู้ต้องขังคดีอุกฉกรรจ์นี่ผมสัมผัสได้เลย
มีผู้ต้องขังคนหนึ่งชื่อ ?ขวัญ? ต้องคดีฆ่าคนตาย เขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง
วันหนึ่งขณะที่ผมสอน จู่ๆเขาก็โวยวายขึ้นมา
ผมตกใจเลยแต่เผอิญว่าสิ่งที่เขาโวยวายนั้นดี
คือเขาโวยเพื่อนอีกด้านว่า เวลาอาจารย์สอนทำไมไม่ตั้งใจเรีน ผมก็บอกเขาว่า ?
ขอบคุณนะครับ เพราะถ้าพวกคุณไม่ตั้งใจเรียน ผมจะไม่กล้าเตือน
แต่คราวหน้าถ้าคุณจะเตือนช่วยเตือนเบาๆ
เพราะผมตกใจ? (หัวเราะ) คือผมจะใช้หลายวิธี แต่สังเกตว่าขวัญนี่จะค่อยๆดีขึ้น
จนตอนหลังเจอกัน เขากลายเป็นคนยิ้มง่ายแล้วเขายิ้มหานด้วยนะครับ

อีกคนเคยเป็นมือปืนรับจ้างชื่อ ?เสือ? ตอนจบโครงการ เขาทำให้ผมแปลกใจมาก
เพราะเขาเป็นคนยืนขึ้นกล่าวขอบคุณและบอกว่า
เมื่อพ้นโทษ
เขาอยากจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเหยื่อของเขาซึ่งหนึ่งในนั้นมีลูกเล็กๆด้วย
เขาก็คิดว่าอยากจะทำงานแล้วส่งเงินไปให้เด็กคนนั้นเป็นการชดเชย
มันทำให้เห็นเลยว่าจิตใจเขาดีขึ้น
เพราะผมจะมีจุดประสงค์ว่า ไม่ได้สอนเพื่อให้เขาเป็นักดนตรีที่เก่ง
แต่ผมชัดเจนว่า อยากจะใช้ดนตรีพิณแก้วเป็นสื่อในการนำสิ่งดีๆไปถึงผู้ต้องขัง
โดยที่ไม่เป็นลักษณะยัดเยียดหรือสอนโดยตรง
อย่างครั้งหนึ่งมีผู้ต้องขังคนหนึ่งเป็นโน้ตตัวลา
เขาบอกว่า อาจารย์ครับผมขอย้ายโน้ตไม่อยาเล่นตัวลาแล้ว
เพราะเพลงที่เล่นเมื่อกี้ไม่มีตัวลาเลย
ผมก็เออ?ลืมไป สัปดาห์ถัดมาเลยหาเพลงใหม่ซึ่งมีครบทุกโน้ต
แต่สอนๆไปคนเดิมยกมืออีกบอก อาจารย์ผมขอย้ายโน้ต เพราะเพลงนี้มีตัวลาครั้งเดียว
(หัวเราะ) ผมเลยให้เขาเล่นใม่ แต่คราวนี้ตัวลาไม่ต้องถู
พอเล่นจบผมถามเขาว่ารู้สึกอย่างไร เขาตอบว่าเพลงมันไม่สมบูรณ์
ผมก็ถือเป็นโอกาสที่จะสอนเขาว่า ในหนึ่งบทเพลง ตัวลาถูครั้งเดียวกับตัวโดถู ๖
ครั้ง ทุกตัวมีค่าเท่ากันเพื่อทำให้เขาได้เห็นคุณค่าของแต่ละคน

*วงปฐมพิณแก้ว **ร่วมแสดงในคอนเสิร์ต ราชทัณฑ์ไทย นำไทยสู่สากล **
ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย*

ผมสอน ๓ เดือนแรก เขาเล่นกันได้ ๓ เพลง คือ หนูมาลี แมงมุมลาย และ The Lover
Concerto
วันหนึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมมาทำพิธีเปิดโครงการในเรือนจำและวงพิณแก้วก็ได้เล่นโชว์ด้ว
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นผู้สื่อข่าวเอาเรื่องนี้ไปลงเกือบทุกฉบับ
ผมอยากให้เขาภูมิใจก็เอาข่าวไปให้ดู
แต่ตามกฎหมายกำหนดว่าเวลาถ่ายรูปผู้ต้องขังห้ามเห็นหน้า
ทีนี้มีรูปหนึ่งที่ปิดหน้าทุกคนเลยยกเว้นผม
พอดูเสร็จเขาก็บอกว่า อาจารย์ครับคราวหน้าถ้ามีหนังสือพิมพ์มาสัมภาษณ์อีก
เราขอเปิดหน้าได้มั้ย (หัวเราะ) ผมว่านี่เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า
เขาเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองและพร้อมที่จะบอกสังคมว่าเขาติดคุกอยู่แต่ว่าก็เป็นสมาชิกวงพิณแก้วนะ
หลังจากนั้นผู้บัญชาการเรือนจำต้องอนุญาตด้วยการให้ทุกคนลงชื่อยินยอม
เพื่อป้องกันปัญหาตามมาภายหลังที่มีการตีพิมพ์ภาพผู้ต้องขังไปแล้ว

และผลอีกอย่างที่ผมไม่คาดคิดเลยคือ ๒ ปีที่แล้ว
วงพิณแก้วได้รับเชิญไปเล่นในคอนเสิร์ตของกรมราชทัณฑ์ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยด้วย
หลังจากนั้นทางเรือนจำถือว่า
ผู้ต้องขังชุดนี้ได้ทำชื่อเสียงให้กับกรมและดูเหมือนว่าเขาพร้อมแล้วที่จะกลับสู่สังคม
ซึ่งหลังจากทำการตรวจสอบต่างๆแล้วปรากฏว่ามีอยู่
๑๕ คน ที่ได้รับการอภัยโทษเป็นกรณีพิเศษ เรียกว่า อภัยโทษพิเศษ พิณแก้ว
วันนั้นผมก็เข้าไปสอนตามปกติ
แต่ที่พิเศษคือ ได้ออกมาพร้อมกับ ๑๕ คนนี้ด้วย บางคนออกมาปุ๊บบอกว่า
อาจารย์ตบหน้าหนูหน่อย เพราะหนูอยากจะรู้ว่านี่มันฝันหรือเรื่องจริง
*
**ถ้าผมเจอเด็กที่มีความสนใจจริงๆก็แอบสอนไปหลายคนแล้วเหมือนกัน*

หลังจากวงพิณแก้วที่เรือนจำนครปฐมดังไปทั่วก็มีเรือนจำอีกเป็นสิบๆแห่งที่ติดต่อมา
ซึ่งผมยินดีนะครับ
แต่เท่าที่ทำตอนนี้ก็นับว่าหนักมากแล้ว
เคยมีเพื่อนโทรศัพท์มาต่อว่าว่าทำไมไม่สอนให้ลูกเขาบ้าง
จริงๆผมก็อยากสอน แต่ที่ผมเลือกมาสอนให้ผู้ต้องขัง
เพราะผมรู้สึกว่าเขาอยู่ในภาวที่ด้อยโอกาส เราจึงต้องให้โอกาสเขาก่อน
และอีกอย่างคือเด็กข้างนอกมีโอกาสเยอะอยู่แล้วเยทำให้เขาไม่ค่อยเ็นคุณค่าของโอกาสที่มี
ดังนั้นถ้าใครที่อยากเรียนเพราะพ่อแม่อยากให้เรียน
ไปไกลๆผมไม่สอน
แต่ถ้าผมไปเจอเด็กที่มีความสนใจจริงก็มีแอบสอนไปหลายคนแล้วเหมือนกัน
อย่างผมเคยเจอเด็กคนหนึ่งโทรศัพท์มาตื้อว่าอยากเรียนมาก
คือปกติเวลาผมออกโทรทัศน์จะมีคนโทรศัพท์มาเป็นร้อยเลย
แต่คนนี้ตื้อจนผมแปลกใจก็เลยตะล่อมคุยไปเรื่อยจนรู้ว่า
เขาโกหกที่บอกว่า เห็น ผมในโทรทัศน์ เพราะจริงๆแล้วเขา ได้ยิน
คือน้องเขาตาบอด ผมเห็นเขามีแรงบันดาลใจอย่างนี้ก็คิดว่าต้องสอน
เลยขอไปสอนให้ที่บ้านเกือบ ๒ ปีแล้ว แต่จะเป็นแบบนานๆไปดูทีซึ่งเขาก็ทำได้ดี

          **

*                                             อัดรายการเกม** **๑๐๐๐ หน้า*

อีกคนเป็นลูกชายชาวสวนผักที่สุพรรณบุรี คนนี้ผมเจอเพราะเคยปทำกิจกรรมแถวนั้น
เขามาขอลองเล่น ถามหาตัวโดอยู่ตรงไหน
พอผมบอกเขาก็เล่นเป็นเพลงเลยทั้งที่อ่านโน้ตไม่เป็น
ซึ่งน่าประหลาดใจมาก ผมเลยทำแก้วชุดเล็กๆให้
ล่าสุดได้ข่าวว่าเขาเขามาเรียนที่รามคำแหงโดยที่ไม่ได้ขอเงินทางบ้านเลย
เพราะเขาหาเงินเรียนเองด้วยการไปเล่นพิณแก้วที่ตลาดนัดสวนจุตจักร

ตอนนี้ถ้าถามว่าอยากสอนเด็กอื่นอีกไหม? อยากสอน
แต่การจะสอนเป็นเรื่องเป็นราวกำหนดเวลาตายตัวสำหรับผมมันยากมากๆ
ทำให้จนบัดนี้ก็ยังไม่โอกาสเปิดสอนเลย
ก็หวังไว้ครับว่า ในอนาคตจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้สักที

http://www.sakulthai.com/dsakulcolumnDetailsql.asp?stcolumnid=5271&stissueid=2722&stcolcatid=2&stauthorid=139

*หนังสือน่าอ่านแกล้มซีดี*

หนังสื*อ **"พิณแก้ว พลิกชีวิต"* พร้อม VCD สอนการบรรเลงพิณแก้ว โดยวีระพงศ์
ทวีศักดิ์  ในราคา ๑๙๕ บาท จัดจำหน่ายโดย บริษัท เคล็ดไทย โทร ๐๒  ๒๒๕๙๖๓๖-๙

*บทเพลงอิสระหลังกำแพงหนาม**  ***

*วลัญช์ สุภากร*

บุคคลที่อยู่หลังกำแพงคุก คือคนที่หมดสิ้นซึ่งอิสรภาพ
หลังจากผ่านกระบวนการยุติธรรม พวกเขาถูกตัดสินว่า "มีความผิด"
และเปลี่ยนสถานภาพสู่การเป็นนักโทษ แต่วันนี้
พวกเขาได้รับโอกาสให้พิสูจน์ตนเองได้อย่างหนึ่งว่า
พวกเขาเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงได้

สิ่งที่พวกเขาซึ่งได้ชื่อว่าเปนนักโทษกำลังจะทำก็คือ
การเปิดคอนเสิร์ตคริสต์มาส
ขับร้องเพลงประสานเสียงร่วมกับผู้ต้องขังอีกส่วนหนึ่ง
ที่จะบรรเลงเครื่องดนตรีที่เรียกว่า พิณแก้ว ในวันพฤหัสฯ ที่ ๑๖ ธันวาคมนี้
ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนักร้องรับเชิญชื่อ อัญชลี
จงคดีกิจ ความมหัศจรรย์นี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง กรมราชทัณฑ์ และ
พันธกิจเรือนจำคริสเตียนในประเทศไทย

***********************

*เริ่มที่พันธกิจเรือนจำคริสเตียน *

องค์การพันธกิจเรือนจำคริสเตียนในประเทศไทย เป็นหน่วยงานคริสเตียนในสังกัด
มูลนิธิคริสตจักรคณะแป๊บติสต์โปรแตสแตนท์ ภายใต้การรับรองจากกรมศาสนา
ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๒ โดยศาสนาจารย์แจ๊ค

มาติน วิทยากรด้านการอบรมจริยธรรม ร่วมกับวิทยากรและศาสนาจารย์คนไทยจำนวน ๕
ท่าน และได้รับอนุญาตจากกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย
ให้เข้าดำเนินการจัดกิจกรรมอบรมคุณธรรมให้แก่ผู้ต้อขังเป็นครั้งแรกในเรือนจำกลางบางขวาง
เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๓

ปัจจุบันมี อาจารย์สุนทร สุนทรธาราวงศ์
เป็นผู้อำนวยการพันธกิจเรือนจำคริสเตียนแห่งนี้ และนำ
การขับร้องเพลงประสานเสียง มาเป็นนวัตกรรมการบำบัดด้านจิตใจผู้ต้องขังเมื่อ ๔
ปีก่อน ที่ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นนักโทษในคดียาเสพติด

"เรามองเห็นว่าคนที่เป็นนักโทษมักมีภาวะทางจิตใจอ่อนแอ กระวนกระวาย
ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ขาดสมาธิ
การจะอบรมให้คนเหล่านี้มีคุณธรรมมีพฤติกรรมที่ดี การใช้ภาษาพูดคุยกันตามปกติ
การแจกเอกสาร เป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่ประสความสำเร็จ
ก็เลยนึกถึงการใช้ดนตรีและเสียงเพลงเข้าไปสอน เพื่อให้การอบรมเป็นผ"

***********************

*ความเปลี่ยนแปลง *

อาจารย์สุนทรเล่าว่า
เมื่อนักโทษเข้ามาร่วมกิจกรรมเล่นดนตรีและร้องเพลงเพื่อขัดเกลาชีวิต
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือสีหน้าของนักโทษชุ่มชื่นขึ้นเป็นอันดับแรก
จึงตัดสินใจคัดเลือกนักโทษจำนวน ๑๒๐ คน มาเป็นคณะนักร้อง
ฝึกการร้องเพลงประสานเสียงโดยเฉพาะ และมี อาจารย์สถิต สุกจงชัยพฤกษ์
รับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนคณะนักร้องผู้ต้องขังตั้งแต่วันนั้น

จากการมีโอกาสฝึกสอนนักโทษเหล่านั้นในระยะเวลาเพยง ๔-๕ เดือนพบว่า
การร้องเพลงประสานเสียงช่วยนักโทษได้มากขึ้น หลายคนเริ่มมีสมาธิ
จากความก้าวร้าวก็จะมีความสุภาพมากขึ้น เริ่มควบคุมตัวเองดีขึ้น
ตอบสนองการพูดจาดีขึ้น คิดอะไรที่ดีขึ้น

"เราก็เลยคิดว่าโครงการนี้มาถูกทางแล้ว ในการช่วยบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิตใจ
การเปลี่ยนแปลงที่เขาแสดงออกมาเห็นชัด ก็เลยตกลงใจว่าจะเอาเขาออกมาแสดง
ท่านศิวะ แสงมณี เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์สมัยนั้น มีการคุยกัน
ท่านมาดูการซ้อมเพลง เปิดไฟเขียวให้นักโทษกลุ่มนี้
ที่เป็นนักร้องประสานเสียงชุดแรก ออกมาร้องเพลงที่หอประชุม กรมราชทัณฑ์
เดือนมีนาคม ๒๕๔๓ เป็นครั้งแรกที่คนเหล่านั้นซึ่งเป็นนักโทษออกมาประกาศคุณภาพ
และการเปลี่ยนแปลงของเขา ต่อสังค" อาจารย์สุนทรกล่าว

เช่นเดียวกับอาจารย์สถิตที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
ซึ่งเกิดจากการขับร้องเพลงประสานเสียง ตรงที่การร้องเพลงประเภทนี้คือ
การอยู่ร่วมกัน ทำให้นักโทษบางคนที่มาจากคนละแดน ไม่รู้จักกันมาก่อน แรกๆ
แต่ละคนตัวสูงใหญ่ ไม่ยิ้ม แต่พอสักพักได้คลุกคลีกันแล้ว
ใบหน้าแต่ละคนจะเปลี่ยน พูดจาดีขึ้น เพราะมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น

***********************

*จาก ๑ **กลายเป็น **๖ *

การบำบัดขัดเกลาชีวิตด้วยการขับร้องเพลงประสานเสียงประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
พันธกิจเรือนจำคริสเตียนได้รับอนุญาตให้นำโครงการนี้อบรมในเรือนจำอื่น
จากเรือนจำแรก ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ขยายสู่เรือนจำอีก ๕ แห่งคือ
ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ทัณฑสถานหญิงกลาง ทัณฑสถานหญิงธนบุรี
ทัณฑสถานหญิง (จังหวัดเชียงใหม่)
และ เรือนจำกลางนครปฐม ทำให้ผู้ต้องขังคดีนอกเหนือคดียาเสพติด
มีโอกาสเป็นนักร้องเพลงประสานเสียงมากขึ้น

แต่นักโทษที่จะเข้าร่วมโครการนี้ได้
เจ้าหน้าที่เรือนจำจะเป็นผู้พิจารณาเลือกให้
โดยต้องเป็นนักโทษที่อยู่ในเกณฑ์สามารถออกไปข้างนอกคุกได้
เป็นนักโทษที่อยู่ในเกณฑ์ชั้นดี หรือจำคุกต่ำกว่า ๕ ปี "คนเหล่านี้เรามั่นใจว่า
เขาพร้อมจะรับการฝึกฝนและพร้อมจะออกไปสู่อนาคตข้างหน" อาจารย์สุนทรกล่าว

***********************

*ขัดเกลาด้วยบทเพลง *

บทเพลงที่พันธกิจเรือนจำคริสเตียนเลือก ส่วนใหญ่สอดคล้องต่อโครงการที่ทำ เช่น
ถ้าจัดคอนเสิร์ตเกี่ยวกับความรักชาติ เพลงก็ต้องมีเนื้อหาส่งเสรมให้รักชาติ
หรือไม่ก็เป็นบทเพลงเกี่ยวกับการสอนชีวิต เช่น เพลงเก็บตะวัน เพลงกำลังใจ
เพลงที่ให้ความหมายของชีวิต มีคุณธรรม
เพราะคนที่อยู่ในคุกบางทีเขาไม่คิดว่าตนเองมีอนาคตไม่มีความหวัง
จึงต้องเลือกเพลงที่ร้องแล้วเกิดความหวังเกิดกำลังใจ
รวมทั้งเพลงที่เกี่ยวกับพ่อแม่

***********************

*ติวเข้มประสานเสียง*

หลังจากเรือนจำแต่ละแห่งคัดเลือกนักโทษ
ที่จะเข้าร่วมโครการขับร้องเพลงประสานเสียงมาให้แล้ว งานแรกของอาจารย์สถิตคือ
การคัดเสียง การร้องประสานเสียงจำเป็นต้องคัดคนที่มีความพร้อม
ความพร้อมในที่นี้หมายความว่า ทุกคนจะไม่มีพื้นฐานเลย
ไม่เคยร้องเพลงประสานเสียง ไม่รู้ว่าอะไรคือประสานเสียง

"ผมก็จะคัดโดยดูว่าเขาร้องบันไดเสียงได้ไหม อย่างน้อยเขาร้องโด เร มี ฟา ซอล
ถูกต้องไหม ไล่เสียงขึ้นลงมีปัญหาระหว่างร้องหรือไม่ ร้องให้เขาฟัง
หรือให้เขาฟังจากคีย์บอร์ด เขาตอบสนองถูกต้องไหม เช่น กดโน้ตโด เร มี ฟา ซอล
แล้วให้เขาไล่เสยงร้องด้วยคำว่าลา ดูว่าเขาปรับเสียงสูงเสียงต่ำได้ไหม
ถ้าเขามีความพร้อมตรงนี้ ก็เริ่มฝึก เพราะการฟังสำคัญมาก บางคนจับเสียงไม่อยู่
พอร้องประสานเสียงก็จะตามเสียงหลักไป ถ้าตรงนี้ไม่ดี เขาจะร้องตามคนอื่นไปหมด
เนื่องจากเขาอ่านโน้ตไม่ได้ สมองเขาต้องใช้ท่องจำอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นต้องมีหูที่ดี ถึงจะช่วยตรงน"

จากนั้นปูพื้นฐานการร้องเพลงด้วยการฝึกสอนการหายใจที่ถูกต้อง
การเปล่งเสียงต้องอ้าปากอย่างไร กล้ามเนื้อตรงท้องน้อยต้องใช้อย่างไร

"สอนเหมือนกับที่ผมสอนที่มหาวิทยาลัย เราสอนเต็มที่ ไม่ใช่บอกว่าเขาเป็นนักโทษ
แค่ร้องได้ก็พอแล้ว ไม่ใช่แบบนั้น เราทุ่มเทกันเต็มที่ ไม่ได้ดูว่า
เขาแตกต่างจากคนอื่น ถือว่าเขาเป็นนักเรียนของเราเหมือนกัน เราให้สิ่งที่ดี
ถ้าวันหลังเขาสนใจ เขาสามารถเอาไปเป็นวิชาชีพได้ด้วย
เพราะเป็นการออกเสียงที่ถูกต้องทุกอย่าง"

"สิ่งหนึ่งที่ต้องชมคือ ในนั้น
มีระเบียบกว่าเด็กข้างนอกที่มีโอกาสซึ่งกลับไม่ค่อยสนใจ สมาธิไม่ค่อยเยอะ แต่
ข้างใน ทุกคนสนใจ ตั้งใจ เราเปิดคอนเสิร์ตสำเร็จเพระทุกคนตั้งใจ
แม้อ่านโน้ตไม่ได้เลย แต่สามารถร้องประสานเสียงได้ แรกๆ
มาเสียงเขาได้แต่ดังอย่างเดียว ทุกคนร้องเต็มที่เหมือนกับร้องเดี่ยว
ฟังไม่ได้เลย ต้องค่อยๆ จับเสียงให้เขา แล้วพวกเขาก็ท่องทุกเพลง ตั้งใจมาก
ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ผมภูมิใจในตัวพวก"

( อ.วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ กำลังนำวงปฐมพิณแก้ว บรรเลงเพลงอันไพเราะ ) วงปฐมพิณแก้ว
ณ เรือนจำกลาง นครปฐม อีกทั้งยังเป็นวงพิณแก้ววงแรกของโลกอีกด้วย

***********************
*คริสต์มาสคอนเสิร์ต*

นักโทษในคณะนักร้องประสานเสียงครั้งนี้
ไม่มีใครจบเกินมัธยมและอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้
คนสอนต้องใช้วิธีสอนให้อ่าน แล้วแต่ละคนจะจด ตามที่ตนเองเข้าใจ เพื่อจำไว้ร้อง
โดยมีอาจารย์สถิตกับอาจารย์บางท่านเข้าไปช่วยการออกเสียงของภาษาอังกฤษให้พวกเขาดีขึ้น

"สิ่งที่เราค้นพบคือ นักโทษเหล่านี้มีความจำที่มหัศจรรย์มาก จำเพลงนับสิบๆ
เพลงได้ และเป็นเพลงคริสต์มาสด้วย แต่ละเรือนจำต้องจำอย่างน้อย  ๖ เพลง
และเป็นเพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด"
อาจารย์สุนทรกล่าว

บทเพลงคริสต์มาสที่จะร้องในคอนเสิร์ตวันที่ ๑๖ ธันวาคมนี้ ประกอบด้วย The First
Noel, Deck the Halls, Silent Night, It Came Upon the Midnight Clear, Angles
We Have Heard on High, Away in A Manger, The Little Drummer Boy, Shepherds
go Tell, O Holy Night, Joy to the World, Good Tiding to You และ Christmas is
a Time

เปิดการแสดง ๒ รอบ รอบ ๑๔.๐๐ น. เป็นรอบเยาวชน ได้รับการติดต่อจากโรงเรียนต่างๆ
เต็ม ๑,๘๐๐ ที่นั่งแล้ว และรอบบุคคลทั่วไปเวลา ๑๙.๓๐ น. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จทอดพระเนตรการแสดง
ซื้อบัตรราคา ๔๐๐ /๖๐๐ /๑,๐๐๐ บาทได้ที่มูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต (โทร. ๐๒
๙๓๐๔๐๐๔) และร้านน้องท่าพระจันทร์ รายได้นำทูลเกล้าฯ
สมทบกองทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิกในพระอุปถัมภ์ และโครงการคืนคนดีสู่สังคม

***********************

*นักโทษพิณแก้ว*

พิณแก้ว (Glass Harp) คือ แก้วไวน์แล้วเติมน้ำเข้าไป
วิธีเล่นคือการใช้นิ้วจุ่มน้ำแล้วปาดไปบนปากแก้ว ปกติ อาจารย์วีรพงศ์ ทวีศักดิ์
นักดนตรีพิณแก้วหนึ่งเดียวในเอเชีของเรามักเล่นเดี่ยว
แต่ครั้งนี้อาจารย์วีรพงศ์สอนนักโทษ ๕๒ คน เล่นพิณแก้วในลักษณะประสานเสียง
คอนเสิร์ตครั้งนี้จะบรรเลง เพลงสรรเสริญพระบารมี ด้วยพิณแก้ว รวมทั้งเพลง The
First Noel และ Deck the Halls

แก้วที่ใช้ในการแสดงครั้งนี้ต้องคัดสรร
เนื่องจากแก้วแต่ละใบมีความหนาแตกต่างกัน เสียงจะไม่เหมือนกัน
อาจารย์วีรพงศ์ต้องหาแก้วใบที่ใกล้เคียงกัน เสียงเข้ากันได้ กว่าจะได้ครบ ๕๒
ใบใช้เวลานานพอสมควร และความพิเศษของการเล่นพิณแก้วครั้งนี้
ยังอยู่ที่เสียงหนึ่งใช้แก้วถึงหกใบ คือหกคนเล่นในโน้ตตัวเดียวกัน

***********************

*บันทึกกินเนสส์บุ๊ค*

การแสดงครั้งนี้มีการบันทึกเทปส่งไปกินเนสส์บุ๊ค ที่ประเทศอังกฤษ
ในรูปแบบของคณะนักร้องนักโทษที่ใหญ่ที่สุดคณะแรกของโลก
เพราะคอนเสิร์ตคริสต์มาสครั้งนี้
มีนักโทษ ๓๐๐ คน ร้องเพลงประสานเสียงร่วมกัน
ไม่มีกรมราชทัณฑ์ประเทศไหนที่ทำอย่างนี้

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

http://cc.correct.go.th/forum/display_topic_threads.asp?ForumID=55&TopicID=581&PagePosition=1


*รวมพลัง "นัก"** **จัดคอนเสิร์ตสร้างสถิติโลก*

เสียงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ "สายฝน" จากแก้วน้ำที่เรียกว่า "พิณ"
ดังกังวานก้องอาคารกระทรวงยุติธรรม
สะกดให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล
"ราชทัณฑ์ไทย นำไทยสู่สาก" และผู้คนรอบข้าง ต่างต้องหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียงนั้น
นอกจากความนุ่มลึกที่ซึมเข้าไปในโสประสาทแล้ว
หากใครได้รู้ถึงสถานภาพของผู้สร้างเสียงนั้นก็อาจจะต้องยิ่งเพิ่มความชื่นชมและปลาบปลื้มในความสามารถ
ด้วยนักดนตรีกว่า
๖๐ ชีวิตนั้นล้วนเป็นผู้ต้องขังทั้งสิ้น
ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นรอยยิ้มาทาบบนใบหน้าของพวกเขา
หลังจากเหล่าผู้ฟังปรบมือให้เกรียว

"พอได้มาเล่นก็รู้สึกว่าได้อะไรเยอะมก ถือเป็นโอกาสที่ดี
ทำให้เราได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคม เหมือนเราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
เรามีคอนเสิร์ตที่รอเราอยู่ข้างหน้า ญาติของเราก็ภูมิใจที่จะได้ดูเราเล่
สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือการได้รับการยอมรับ
หลังจากที่เข้ามาเล่นแล้จิตใจก็เย็นลง
เมื่อก่อนติดยาเสพติด ทำให้สมาธิสั้น แต่มาเล่นอันนี้ก็มีสมาธิดีขึ้นมาก" บิ๊ก
ผู้ต้องขังคดีค้ายาเสพติด วัย ๓๑ ปี จากเรือนจำกลางจังหวัดนครปฐม เล่าความในใจ
หลังโชว์ฝีมือการเล่นพิณแก้วให้ฟังหมาดๆ
ก่อนจะเท้าความถึงการเข้ามาเล่นดนตรีของเขาครั้งนี้ว่า
ด้วยความรักในเสียงดนตรีและเกิดแรงบันดาลใจเมื่อได้เห็
อ.วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ นักดนตรีพิณแก้ว 1 เดียวในเอเชีย
มาแสดงพินแก้วให้ดูในเรือจำ

นัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงวงดนตรีพิณแก้วของผู้ต้องขัง
และการนำดนตรีมาใช้ในการบำบัดผู้ต้องขังว่า "ภายหลังเข้าสู่โปรแกรมดนตรี
ผู้ต้องขังสภาพจิตใจอ่อนโยนลง โดยเฉพาะคนที่โดนคดีด้านความรุนแรง
เขาจะซึมซับความเยือกเย็นจากเสียงของแก้ว แล้วการจัดคอนเสิร์ตสู่สาธารณชน
เป็นการแสดงให้เห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของผู้ต้องขัง
ทำให้เขาเห็นคุณค่าของตัวเอง
และเสียงปรบมือจากผู้ฟังจะช่วยสร้างกำลังให้กลับไปเป็นสุจริตชนของสังคม
แสดงให้เห็นถึงการยอมรับเขามากข"
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว

ด้าน พงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.กระทรวงยุติธรรม
กล่าวถึงการจัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า
นอกจากจะมีการแสดงพิณแก้ววง ๕๒ คน ครั้งแรกในโลกแล้ว
ยังมีการแสดงการขับร้องเพลงประสานเสียงของผู้ต้องขังที่ต้องโทษคดีกระทำผิดทางเพศ,
กระทำผิดด้านความรุนแรง และคดียาเสพติด ทัณฑสถาน  ๕ แห่งทั่วประเทศ
จากทัณฑสถานหญิงกลาง, ทัณฑสถานหญิงธนบุรี, ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง
จังหวัดปทุมธานีและเรือนจำกลางนครปฐม
รวมแล้วกว่า ๓๐๐ คน ซึ่งจะมีการเสนอให้บันทึกเป็นสถิติในหนังสือกินเนสส์ บุ๊ค
ว่าเป็นการแสดงขับร้องเพลงประสานเสียงของผู้ต้องขังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

สำหรับคอนเสิร์ตดังกล่าวจะจัดขึ้นจำนวน 2 รอบ เวลา 14.00 น. และ 19.30 น.ในวันที่
16 ธ.ค. ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ร้านน้อง
ท่าพระจันทร์ มูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต โทรศัพท์  ๐๒ ๙๓๐๔๐๐๔, ๐๒ ๕๔๑๘๖๖๔
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ในราคา ๑,๐๐๐, ๖๐๐, ๔๐๐ บาท

วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗

http://cc.correct.go.th/forum/display_topic_threads.asp?ForumID=50&TopicID=493&PagePosition=1


*รายการคิดได้ไง**
**ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ ๘** **มกราคม ๒๕๔๙** *

*" **แก้วที่ไม่มีวันเต็ม** **" *

การเรียนรู้มักจะเป็นประตูที่นำเราไปสู่การ้นพบสิ่งใหม่ ๆ
ที่น่าทึ่งและอัศจรรย์ใจอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับเรื่องราวการเรียนรู้ของอาจารย์วีรพงศ์
ทวีศักดิ์ นักดนตรีพิณแก้วหนึ่งเดียวในเอเชี ผู้เปลี่ยนแก้วธรรมดา ๆ
ให้กลายมาเป็นเคื่องดนตรีที่สามารถบรรเลงได้อย่างไพเราะ
และสร้างเป็นองค์ความรู้ศิลปดนตรีแขนงใหม่ขึ้นมา

เครื่องดนตรีที่อาจารย์วีระพงศ์ คิดค้นวิธีการบรรเลง ก็คือ พิณแก้ว
ซึ่งประกอบขึ้นจากแก้วใส่น้ำที่ตั้งเรียงรายกัน
พิณแก้วนั้น เป็นเครื่องดนตรีที่มีต้นกำเนิดเมื่อกว่า ๕๐๐ ปีมาแล้ว
แต่ทุกวันนี้ แทบจะไม่มีใครรู้จักแล้ว เพราะผู้บรรเลงดนตรีพิณแก้วทั่วโลก
ในเวลานี้มีเหลืออยู่เพยงไม่ถึง
๒๐ คน

ถ้าเปรียบการเรียนรู้เหมือนการเดินทาง ก้าวแรกในการเดินทางของอาจารย์วีระพงศ์นั้น
เริ่มขึ้นจากความสงสัย ว่าแก้วใส่น้ำธรรมดา ๆ
จะสามารถบรรเลงให้เกิดเสียงที่ไพเราะงดงามน่าอัศจรรย์ใจได้อย่างไร

อาจารย์วีระพงศ์ไม่ยอมให้คำถามและความสงสัยนั้นค้างคาอยู่ในใจ
หลังจากเสาะแสวงหาแก้วมาได้จำนวนหนึ่งแล้วก็เริ่มต้นเรียนรู้ด้วยตัวเอง
มีเพียงแก้วหลากหลายขนาดอยู่ตรงหน้า
กับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในใจ แต่ปลายทางของการเรียนรู้คือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่

หลังจากได้ลองผิดลองถูกจากแก้วมากมายหลายชนิด อาจารย์วีระพงศ์ก็ได้เรียนรู้ว่า
เสียงกังวานใสนั้น เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของตัวแก้ว
เพียงถูนิ้วมือที่เปียกน้ำลงบนขอบแก้ว โดยกดเบา ๆ แล้วถูวนรอบ ๆ ขอบแก้ว
แรงเสียดทานจากความฝืดของนิ้วมือที่ถูกับผิวขอบแก้ว
ก็จะทำให้เนื้อแก้วสันสะเทือนด้วยความถี่
ซึ่งแก้วที่ถูแล้วมีเสียง ก็จะต้องเป็นแก้วชนิดที่มีก้านเท่านั้น
เพราะตัวแก้วจะเกิดการสั่นสะเทือนและมีเสียงได้ง่ายที่สุด

การถูแก้วให้เกิดเสียงนั้นเป็นเพียงก้าวแรกของการเรียนรู้เท่านั้น
โจทย์ที่ยากกว่านั้น
อยู่ที่ว่าจะนำแก้วหลาย ๆ ใบมารวมกันให้เป็นเสียงดนตรีได้อย่างไร
อาจารย์วีระพงศ์ได้เรียนรู้และทดลองหลากหลายวิธี
จนพบว่า เคล็ดลับในการปรับเสียงโน้ตดนตรีที่กังวานใสของพิณแก้วนั้น
อยู่ที่ความแตกต่างของระดับน้ำและขนาดของแก้วแต่ละใบ

นอกจากตัวอาจารย์เองจะเรียนรู้และพัฒนาการบรรเลงพิณแก้วอยู่ตลอดแล้ว
ก็ยังทำหน้าที่ถ่ายทอดศิลปะพิณแก้วอีกด้วย
สถานที่แห่งหนึ่งที่อาจารย์มาสอนวิชาดนตรีพิณแก้วเป็นประจำก็คือ
เรือนจำ ซึ่งอาจารย์วีระพงศ์ เข้าออกเรือนจำแห่งนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์
เพื่อสอนบรรเลงพิณแก้วให้กับผู้ต้องขังเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว

จากความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของทุกคน
วงดนตรีพิณแก้วที่มีสมาชิกกว่า
๕๐ คน ชื่อวง " ปฐมพิณแก้ว "  จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
ทำหน้าที่สร้างความสุขและความประทับใจให้ผู้ฟังด้วยเสียงพิณแก้วอันไพเราะ
พลังแห่งการเรียนรู้นั้น นำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ได้มากมาย
อย่างการเรียนรู้ดนตรีพิณแก้ว
ที่อาจารย์วีระพงศ์ใช้เป็นสื่อถ่ายทอดสาระเรื่องแรงบันดาลใจ
ความเพียร ความอดทน และความสงบ ซึ่งซ่อนอยู่ในความไพเราะของพิณแก้ว
และที่สำคัญ การศักยภาพการเรียนรู้ของคนเรานั้น สามารถพัฒนาได้ไม่มีที่สิ้นสุด
เปรียบเหมือนแก้วที่ไม่มีวันเต็ม

http://www.onec.go.th/news46/pr/sala/s_490307.htm


VCD การแสดงคอนเสิร์ต "เสียงชีวิต" (Voice of Life)

ประกอบด้วยการบรรเลงทั้งแบบ Solo และ Chamber Music
คือบรรเลงเดี่ยวและบรรเลงร่วมกันของเปียโน
ไวโอลิน กีตาร์ ดนตรีแก้ว พบกับนักดนตรีฝีมือระดับอาจารย์ Azusa Hokugo (เปียโน)
Hisana Dohi (ไวโอลิน) สุภัทรา อินทรภักดี โกราษฎร์ (
กีตาร์คลาสสิค)นักดนตรีนักร้องจากไหมไทยออร์เคสตร้า
ร่วมกันนักดนตรีแก้วคนเดียวของประเทศไทย
*วีระพงศ์ ทวีศักดิ์* คัดเลือกบทเพลงตั้งแต่ยุคคลาสสิกจนถึงปัจจุบัน
ทั้งเพลงบรรเลงและเพลงร้อง
รวมทั้งบทเพลงศาสนาจากบทเรียบเรียงดั้งเดิมและเรียบเรียงใหม่
ร้องเรียงเป็นเรื่องราวผสมผสานกับการแสดงนำเสนอบนเวทีพร้อมฉาก
แสง สีตระการตา

ราคา ๑๕๐ บาท ที่โบสถ์ ซอยร่วมฤดีโทร ๐๒ ๒๕๖๖๐๗๖

http://www.issara.com/product/vcd/voice-of-life.html


*The Glass Harp***

The first musician to revitalize the art of glass music was *Bruno
Hoffman*of Stuttgart, Germany.  His "glass harp" was related to the
ancient
verrillon: sound was produced by moving wet fingers along the rims of glass
bowls mounted upright on a wooden base.

The glass harp has some striking advantages when compared to the simple
"musical glasses". First, the glasses are arranged in rows, making chords
much easier to play: a simple major chord can be played with one hand.
Second, the harp is not tuned by adding or removing water. Like the
armonica<http://www.glasharfe.de/glasharfe/texte/History.htm#armonica>bowls,
the bowls of the glass harp are blown and ground until they are
perfectly in tune, and, once tuned, they never need tuning again. The
absence of water also improves the sound of the singing glasses, as the
tuning water of the "musical glasses" attenuates sound.

Although the voice of a wine glass is familiar to everyone, the sound of the
glass harp is always a surprise to the audience. People are "charmed by the
sweetness of its tones", as was young* Benjamin Franklin* when he first
heard glass music. Some compare it to a flute, a celesta, or a viola da
gamba, and the sound is often described as "celestial" or as "music of the
spheres" which I think means that it is not comparable to anything at all.

What music can be played on a glass harp? Well, depending on the player's
skill, quite a lot is possible. Some of the classical glass music pieces,
such as *Mozart*'s K617a, can be performed as written, but in "concertos"
like the K617 Quintet or* Reichardt*'s "Rondeau", difficulties arise from
the large diameters of the lower-toned bowls (a problem that does not occur
on the verrophone <http://www.glasharfe.de/glasharfe/texte/verrophn.htm>).

Certainly the best music for the glass harp is music written for this
instrument by contemporary composers.  *Harald Genzmer* used it in his
"Variations on an Ancient Folk Song",* Fred Schnaubelt* wrote some
fascinating solo and ensemble pieces, best exemplified by his "Concertino"
for glass harp accompanied by an entire symphony orchestra.

Music written for other instruments may also be arranged for the glass harp.
Best are those pieces that display the harp's ability to produce tones very
quickly, so that a virtuoso performance is possible when playing only one or
two parts (my favorite is an arrangement of *Bach*'s Cello Suite No. 1).

At the beginning of the nineteenth century the Euphone was invented by
.F.Fr.Chladni. From 1929 Bruno Hoffmann from Stuttgart started arranging
musical glasses which he referred to as "glass harp". In 1983 S.Reckert
invented the Tube-Verrophone <http://www.glasmusik.com/verren.htm>
(made of glass tubes).


*Some history*

Glassmaking dates back some 3500 years to early Mesopotamia, the tradition
growing and improving with techniques and tools of ancient Egyptian and
Phoenician artisans. Blowpipes were used later in Rome, and by the 16th
century, fine, clear blown glass vessels were being manufactured all over
Europe. Glass instruments developed during this time, although in Asia the
practice of water-tuning porcelain or glass bowls and striking them with
sticks had already been established. In the 1700's the German composer
Gl?ck, and an Irishman named Richard Pockritch popularized the use of wet
fingers and friction to coax music out of an array of tuned glasses. Skilled
glassmakers could also vary the sizes and thickness of cups to sound exact
pitches, eliminating the need for tuning water. As it grew in renown, the
instrument now referred to as glass harp or 'musical glasses' had a host of
names: "Seraphim" (perhaps a reference to the ethereal sound), "Grand
Harmonicon," Verillon," even "Angelic Organ."


This instrument has been called by different names:

   - glass harp
   - musical glasses
   - grand harmonicon
   - verillon

This instrument is the pre-desessor of Benjamin Franklin's glass armonica
(sometimes called by mistake 'glass harmonica').

*Glass Harp*



These glasses are sometimes referred to as 'dry glasses' - each glass is
ground at the
bottom for tuning and therefore there is no need to fill the glasses with
water This instrument comes in different sizes. Mine, pictured above, has 25
chromatic glasses, from C to
C 2 octaves above.

The wood case holding the glasses is 41" by 22"
The largest glass has a diameter of 5.25"
The smallest glass has a diameter of 2.5"
The height of the glasses and their thickness are all the same throughout
the set

The glasses are arranged in a "reverse" keyboard order: the sharps /flats
are below the naturals,
whereas with the piano, they are above the naturals. All have the bottom
foot of the stemware ground into a triangle, with three ground edges
separated
by unground arcs between. This is so the feet can be inserted into little
wooden pieces on the
stretcher, formed in a right-angle V shape. On the third side (the rear)
there is a wooden chock
held at one end with a screw into the stretcher. That piece is L-shaped,
like an L fallen over to
its right. The thickest part of the base of the L is where the screw goes
through, and thus sits on
the wooden platform below. The thinner part is made thus to extend up and
over the foot of the glass.
The piece pivots over the glass foot at right angles to that third side,
holding the glass in place. I always keep in the case for playing times, a
small plastic cup (a glass or china one might hit and
break one of the note glasses) with water in it. The previous owner also
kept a piece of rough
wallboard insulation material about 3"x5". The purpose is to help the player
clean his or her fingertips
of natural oil, grease and soil, as one's fingers must be totally clean to
produce the required friction I got these glasses in Virginia. The previous
owner purchased them 40 years ago, in the mid-1960's in
San Francisco from what was then one of the finest antique shops there.
For a portion of this time (1971-1977) these glasses were exhibited in the
'Yesteryear' museum in NJ, as he was the director there. At the museum this
set was featured directly below Benjamin Franklin's "John Paul
Jones/Bonhomme Richard" (Texel, or Serapis) flag on the wall behind.
Tours at themuseum were treated to a solo on the glasses, either by the
director or his associates, nationally-known music box and bell collectors
George and Madeleine Brown.
In honor of Franklin they usually played the song known as "All Through the
Night", which is a Traditional Welsh melody. (Benjamin Franklin I understand
was at least partially of Welsh attraction, as were the directors of the
museum). The words most known were written by Sir Harold Boulton in
1884.with the glass. It helps the finger to slid on the rim if it is wet.



Musician History:
Since its discovery, scientists and musicians alike have been fascinated by
the tonal and light transmitting qualities of glass. They realized that
different densities of glass produce different vibrations and tones. As
early as 1492, scientists used the vibrations emitted from glass bowls to
test the theories of Pythagoras.ns, too, seized the opportunity to tune
glass and invented various instruments using tuned glass bowls. Over the
years, inventors such as Ben Franklin and composers such as Mozart were
fascinated by the glass harp and contributed to its refinement and
popularization.

To begin with, glasses were filled with water to different levels to obtain
the different pitches. That is quite a nuisence, especially when water
evaporates so one has to keep refilling the glasses, and even more so when
travelling to perform - one has to constantly retune the instrument!
Musical glasses were popularized in England in the 1740s through
performances given by Irishman Richard Puckeridge, and by the famed opera
composer Christolph Willibald Glueck. Both Puckeridge and Glueck tuned their
glasses by partially filling them with water.

Grand Harmonicons were accompanied by instruction books containing specially
scored music for popular Scottish, Irish, English secular tunes, hymns, and
even a portion of the Mozart Requiem. One popular tune entitled "French Air"
is today better known as "Twinkle, Twinkle Little Star".

Francis Hopkinson of Baltimore, Maryland manufactured galss harps back in
the early 1800's. Approximately  30 of his pieces have survived.


Who were the glass harp players of yore?
Well, it appears W.C. Fields did...

The lost double-ac

t:
W.C. Fields and Chester Conklin
in 'Two Flaming Youths'.

**

*Jamey Turner**
 Glass Harp*

Jamey Turner is one of only a few musicians in the world who play the glass
harp. This universally-appealing instrument has a clear, pure sound which
brings forth wonder, even astonishment, in everyone who hears it.  How can
such delightful sounds come from ordinary glasses?!!! Jamey's glass harp
is beautiful both to listen to and to look at.- it has sixty
stemmed-glasses, which he fills with water to varying levels for tuning.  He
plays them by dipping his fingers into bowls of water and going around the
rims, up to six glasses at a time, producing both melody and harmony, just
like a keyboard.  The glass harp, though unique, is not a mere novelty, but
a real musical instrument, able to hold its own as a solo instrument  with
symphony orchestras.
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เพื่อนๆที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิกฝากถามมา ก็ขอความอนุเคราะห์จากเพื่อนๆสมาชิก ช่วยตอบให้ด้วยนะคร๊าบผม...ขอบคุณมั่กๆครับ...