ความร้อนที่เป็นภาระเครื่องปรับอากาศมากที่สุดคือ ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ(ความร้อนที่ทำให้ของเหลวกลายเป็นไอ)
ส่วนความร้อนสัมผัส(ความแตกต่างของอุณหภูมิ)ที่มาจากหลอดแก้วของเรา ยังไม่หนักหนาสาหัสกับกิจกรรมที่ต้องออกเหงื่อบนที่นอน (ซิท-อัพ) อย่าคิดลึกครับ

เพราะภาระหลักคือต้องระเหยเหงื่อ(ความชื้น)ของเราไปทิ้งข้างนอกด้วยครับ
การเปิดแอร์ที่อุณหภูมิสูงๆความชื้นสัมพัทธ์ก็จะสูงด้วย เช่นเปิดแอร์ที่ 25องศาเซลเซียส จะรู้สึกผิวแห้งๆกว่าเปิดที่ 27
คนปกติจะรู้สึกสบายที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 50% ความเร็วลม 2 เมตรต่อวินาที
ส่วนผมชอบที่ 27 แล้วก็หลอกตัวเองให้รู้สึกสบายขึ้นด้วยการเปิดพัดลม เพื่อเพิ่มความเร็วลม (เพราะความเร็วลมทำให้เราสูญเสียความร้อนจากร่างกายเร็วขึ้น เราจึงรู้สึกเย็นกว่าเดิม)
ลดอุณหภูมิ 1 องศา ลดค่าไฟ 10% ลองจิ้มเครื่องคิดเลขดู ระหว่างแอร์ 1 ตันความเย็น กับพัดลม 30-60 วัตต์
แอร์บ้านทั่วไปเป็นระบบทำความเย็นและลดความชื้น หากความชื้นสัมพัทธ์ไม่ลดอุณหภูมิก็จะไม่ลด
เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการเพิ่มความชื้นให้กับห้อง เช่น การตากผ้าเช็ดตัวในห้องแอร์ (วันฝนตกแล้วต้องซักผ้าผมจะตากในห้องแอร์ ตื่นมาแห้งสนิทไม่เหม็นอับด้วย แต่ค่าไฟบาน ก็มันจำเป็น

)
ช่วยๆกันประหยัดไฟเครื่องปรับอากาศครับ หลอดใสๆของเรามีใช้ไม่กี่บ้าน แต่เครื่องปรับอากาศเกือบทุกบ้าน