ครวานี้เรามาดูวงจรแรก จากหนังสือ MJ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เรามาดูปํญหาก่อน
1. Negative Feedback ถ้าเราเอากำลังขยายของ 6SN7ภาคแรก +Driver Tube 6SN7 + 6336 = 12x12x2 = 288 โดยไม่มี Negative Feedback เราจะพบว่ากำลัง
ขยายมากมาย มหาศาลเกินความต้องการ เลยมีการใช้ Negative Feedback ( R 70K/ R2.2K) ทำให้กำลังขยายรวมเหลือ =32 ที่มีสัญญาณเข้า 0.5Vrms ก็เพียง
พอให้เกิดกำลังสูงสุด Negative Feednack Improve Total Harmonics Distortion เนื่องจากในโลกการค้าในยุค 70-80-90 เชื่อว่า Distortion 0.001% ดีกว่า 0.1%
ทั้งที่หูเราฟังไม่ออกแม้ว่า Distortion 2%-5%. ข้อดีของ Negative Feedback คือลด Output Impedance หรือนัยนึงความต้องการได้ Output Transformer Primary
Inductance (Henry ) ลดลง ยุคสงครามไม่ว่าสงครามโลกคั้งที่สอง สงคราวเกาหลี สงครามเย็น แร่ Nickel , Cobolt ราคาแพงมาก เอาไปคิดต่อนะครับผมไม่บอกหมด
เส้นหยักในสมองจะได้งอกงามขึ้น Negative Feedbackมีข้อเสียมาก เพราะว่าลดรายละเอียดของเสียงเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีย์ที่มีเสีงหลายตัวโนตหลายความถี่มา
พร้อมกัน เช่น Big Band Symphony ST-70 or Williamson Stlyle เลยฟังไม่ได้เรื่องเลย ต่างกับ Altec มีการใช้ Negative Feedback น้อย (ยกเว้น 811PP

?)
ส่วน Western Electric PP แทบไม่มีการใช้เลย วงจรรุ่นใหม่ๆของนักออกแบบที่เข้าใจจึงออกแบบเช่น K.Heuvelan ตามวงจรที่คุณ ตนหระรียกมา จึงไม่มี Feedback
ผมได้ทดลอง None Negative Feedback Pushpull มาสามวงจร สามเครื่องต่างกันในเวลาสามปี ในความเห็นส่วนตัวของผมในการฟังดนตรีหลายชนิดต่างกันค่อนข้างดี
ผมอยากถามคนอ่านทุกท่านว่าในวงจรของ K.Heuvelanใช้ OPT Plitorn ( Toroid PP OPT)= 8K/5ohm =?

วงจรโบราญใช้ Tango FW50-3.5 นั้นเพราะอะไร
อันไหนจะดีกว่ากัน ใครตอบได้ใก้ลเคียงมีรางวัล