HTG2.club

SATA เร็วกว่า IDEจริงหรือ????

บุคคลทั่วไป · 24 · 22816

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Zone2

  • **
    • กระทู้: 86
ขอบคุณ..หลาย... สำหรับความรู้ใหม่ๆครับ
บางช่วงวิกฤติ..ในชีวิต ก็พอเจอมาเหมือนกัน ครับ....
บางทีต้องถอดเปลื่ยน บอร์ด ฮาร์ดดิส หรือ ถอดฝาออกมาเคาะหัวอ่านกันเลยก็มี


b3344

  • บุคคลทั่วไป
ครับ ถ้าเป็นคนวงการ comก็จะรู้เลยว่า นาทีชีวิตเป็นไง เมื่อ HD ของคุณเน่า และมีแวว่าจะกู้ไม่ได้     แต่ชอบจังคำพูดท่าน santi   ชอบชีวิตที่ท้าทาย 55555  O0 c)   แต่ก่อนช่วง hd ศรีษเกด รุ่นเสื้อเกราะ นี่แทบจะต้องจุดธูปไหว้เจ้าทีเจ้าทางกัน  เพราะ ใช้วันเดียวเดี้ยงก็มี  ไม่อยากคิดเลยเวลางาน (หนัง x และรูปโป๊ ) หายไปทั้งลูก   โอ้ชีวิตนี้หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง   ทุกวันนี้ทั้ง write ลง dvd และทำ raid backup อีก เพื่องาน( หนัง x ) จะได้อยู่กับเรานานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   5555 :yahoo :bye1


ออฟไลน์ santi

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,822
    • เพศ:ชาย
  • ปล่อยให้ดนตรีนำพา
ปัญหาที่คุณ b3344 ว่ามานั่นผมเจอมากว่าครึ่งแล้วครับ
บางเรื่องเป็นวิกฤติที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

scsi hd ถ้าใช้ 24x7 ผ่านไป 3 ปีก็ต้องพิจารณาปลดประจำการแล้วครับ
ยกเว้นว่าชอบชีวิตที่ท้าทาย

ไม่ใช่ว่า scsi ไม่ดีนะครับ ทุกวันนี้ผมก็ใช้อยู่ แต่ผมไม่ไว้ใจมันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะ media ใหน


ออฟไลน์ Goda Takeshi

  • *****
    • กระทู้: 656
    • เพศ:ชาย
เรื่องการเกทับกัน ผมอ่านแล้วโดยส่วนตัวก็ไม่ได้ถืออะไร เพราะผมไม่ได้เป็นคนถือไว้ครับ   ;D

ส่วนเรื่องข้อมูลที่นำเสนอ ผมก็ว่าทั้งคู่ก็นำเสนอกันได้ไม่เพี้ยนครับ  O0


ออฟไลน์ KTK

  • ****
    • กระทู้: 337
อ่านแล้วหลังๆกลายเป็นการเกทับกันซะมากกว่าได้ความรู้แฮะ  เฮ้อ
.....:yes

งงจริงๆ  ทำไมไม่เสียตังค์โหลดจากเว็บ a เหมือนคุณ fot_ja เขา  :-X

โหลดบิทผมก็โหลดอยู่ทุกวัน อย่างที่คุณว่าแหละครับ ผมต้องเก็บหนังไว้ใน hd จนมันล้นผมเลยใช้วิธีบริจาค ให้เว็บได้ค่า ratio มาโหลดฟรีคุ้มกว่าเยอะ  2f(เว็บไทยนะ )





ออฟไลน์ Martra

  • www.vonorfivestars.com
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,390
    • เพศ:ชาย
  • "One Stop Solution for Bed and Bedding Products"
    • http://www.vonorfivestars.com
อ่านแล้วหลังๆกลายเป็นการเกทับกันซะมากกว่าได้ความรู้แฮะ  เฮ้อ
.....:yes
Vinyl Sound = Toe Tapping and Heaven on Earth...:dj


ออฟไลน์ alex2000

  • ****
    • กระทู้: 359
อ่านแล้วมันดีครับ  ของเล่นคุณ b3344 นี่สุดยอดจริงๆ

ผมเคยแต่ซื้อไม่เคยใช้ ผมเป็นคนทำ Spec พวกนี้ให้หน่วยงานเพื่อซื้อใช้งาน เช่น NAS, SAN, Server เป็นต้น

แต่จากข้อมูลที่ Admin ที่ใช้งาน ของที่ผมเขียน Spec ให้ แจ้งมาผมยืนยันว่าข้อมูลทางด้าน Storage ของคุณ b3344

นั่นถือว่า OK ครับ  ถูกต้องงงงง นะครับ


ออฟไลน์ redbook

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,265
อ่านแล้วหลังๆกลายเป็นการเกทับกันซะมากกว่าได้ความรู้แฮะ  เฮ้อ
สไตล์เขาอ่ะ อย่าซีเรียสกันนัก เดี๋ยวต้องทำคุณไสยแบบโม 971 กันอีกรอบ   :deviled


ออฟไลน์ Night_Angel

  • *****
    • กระทู้: 823
    • เพศ:ชาย
อ่านแล้วหลังๆกลายเป็นการเกทับกันซะมากกว่าได้ความรู้แฮะ  เฮ้อ
DIY ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้


ออฟไลน์ Ultra 2

  • ***
    • กระทู้: 201
    • เพศ:ชาย
 c)หุหุ แรงๆกันทั้งน้านเลยครับ ผมยังใช้แค่sataอยู่เลยครับ ขอมาอ่านเป็นความรู้แล้วกัน ;D
Power isn't happiness


b3344

  • บุคคลทั่วไป
?? เอ่อสรุปแล้วเครื่องพี่หรือเครื่องที่ทำงานครับสงสัยจัง  ผมเองไม่อยากบอกเหตุผลอีกนะครับว่าทำไมต้องใช้ hd เยอะมาก  ถ้าคุณเคยเล่น bit ก็น่าจะทราบว่า bit ต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน  แต่ถ้าพี่ไม่เคยโหลดเองก็ไม่เป็นไรไม่มีใครว่าครับ ผมจะบอกให้ครับว่าทำไม  การโหลด bit นั้นเป็นการแชร์ไฟ และเจ้าของ web bit เองก้มีนโยบายให้ทุกคนโหลดกันได้ครบ  จึงป้องกันพวกลักไก่ที่กะจะมาโหลดอย่างเดียวไม่แบ่งชาวบ้าน เขาเลยตั้ง   ratio ระหว่าง download และ up load ว่าห้ามต่ำกว่า เท่าไหร่ และถ้าต่ำกว่าเท่าไหร่จะโหลดได้ทีละกีเรื่อง    ผมเองเลยเอาข้อมูลส่วนมากที่คนชอบโหลดตั้งจ่ายไว้เพื่อรักษา ratio ครับ เวลามีหนังใหม่ๆออก ผมก็สมารถโหลดได้ทีหลายๆเรื่อง วันสองวันก็ได้ครบ โดยไม่ต้องมากังวลเรื่อง ratio เลย อยากได้เรื่องไหนก็แค่คลิ๊กและโหลด เท่านั้นล่ะครับ  สาย net ที่บ้านเนื่องจากอยู่ขอนแก่น net แรงสุดก็ได้แค่ 2M  ของ กสท  ผมเลย เช่ามาสามเส้น แล้วใส่  loadbaland router รวมได้ 6M  ซึ่ง d/l ได้ทีละ 500-600kb/s ครับ  จ่ายค่า net เอาเรื่อง แต่เอามันส์ ดูคนเดียวมาเกียบสองปี ไม่รู้จะแบ่งใครดู เลยโหลดบ้างหยุดบ้าง แต่ตอนนี้มีคนมาแบ่งดูแล้วคงได้เวลากระหน่ำโหลดอีกแล้ว ล่าสุด หมอ tj ฝากโหลด discover และ หนัง 1080p อีกหลายเรื่อง ตามใบสั่งยาเลยครับ อิอิ  ส่วน hd scsi raid 0 6 ลูกไม่แรงหรอกครับ ถ้าได้ลอง SAS 8 port คนละเรื่อง เลย ล่าสุดมีถึง 16 port ทั้งนี้เพราะระบบของ scsi ยังต้องเสียความเร็วด้วยระบบของมันยังใช้สายร่วมกันอยู่   แต่ SAS นี่จะวิ่งใน bandwith ของใครของมันเลย ทำให้ไม่มีปัญหา คอขวด อย่าง scsi ที่ต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้ dual channal เข้ามาช่วย  สมมุติ  hd 6 ลูก ในระบบ scsi ถ้าใช้ card แบบ dual channnal scsi จะต้องต่อ channal ละสามลูก เท่ากับรถ 6 คันวิ่งบนถนน 2 เลน  เลนละ 3  คัน ยังไงก็ต้องตามกันไป เทียบกับ ระบบ sas ที่มี ถนน 6 เลน วิ่งเลนละคัน  เท่านั้นก็น่าจะเห็นแล้วว่าอะไรเร็วกว่า  จริงๆ ผมไม่อยากบอกหรอกครับ HD SAS จริงๆคือ HD ตัวเดียวกับ SCSI นั้นล่ะแต่เพียงเอามาเปลียน interface  ดังนั้น internal tranfer ก็จะเท่ากัน ที่เหลือยู่ที่ card raid และ interface แล้วว่าจะวิ่งได้เท่าไหร่   และ card ดีๆที่ต่อ hd ได้มากๆก็ต้องต่อกับ m/bที่มี PCI แบบ 64bit หรือ PCI X 133 MHz ด้วย ไม่งั้น ถ้าไปต่อกับ PCI 33MHZ ธรรมดาก็จะเป็นคอขวดส่งไม่ทันอีกเช่นกัน   ดังนั้นจะเห็นว่าระบบ I/o นั้นมีผลสำคัญต่อความเร็วทั้งหมด  ไม่ใช่ซื้อคอม หัวโตตัวลีบ ยังไงมันก็ช้าครับ 

ประเด็นที่ว่า HD SCSi ก่อนพังจะแจ้ง  ตรงนี้ผมยืนยันนั่งยันนอนยัน ได้เลยว่าไม่จริง  เรื่องของ HD นี่ถ้าถามคนวงการคอมทุกคนที่เล่นมานาน ก็จะตอบเหมือนกันหมดครับว่า  "แล้วแต่ดวง ซวยไม่ซวย " จริงอยู่ที่ hd แบบ scsi ถูกออกมาให้ทำงาน 7x24 และทนกว่า IDE  แต่ตริงนี้ไม่ได้บอกว่า HD scsi เสียไม่เป็น  ที่ของคุณอยู่ได้ 5  ปี นี่อาจะเป็นเพราะเครื่องไม่ได้รัน 24 ชม x365  เพราะที่ผมเจอมา server  7x24x365 ส่วนมาก  เข้าปีที่ 3 ก็เริ่ม bad หรือไม่ detect  และ "ไม่เคยเจอตัวไหนมีไฟเตือนเลยว่า มันจะมี bad แล้วนะ หรือจะไม่ detect แล้วนะ หรือจะพังแล้วนะ "  อย่างดีอาจจะมีเสียงลูกปืนมอร์เตอร์ของ hd เริ่มหลวมหรือแตก  ซึ่งจริงๆข้อมูลใน hd ลูกนั้นอาจจะพังหมดแล้ว แต่บางลูกก็ใช้ได้อีกเป็นปีทั้งๆที่มีเสียง  และก็ไม่สามารถแจ้งได้ว่าวันไหน ชม ไหน นาทีไหน ที่มันจะพัง และถ้า hd หลายๆลูกจะรู้ได้ไงลูกไหน เพราะเวลาอยู่รวมกันหลายๆลูกเสียงมันดังมากๆ บางลูกพังไปดื้อๆ บางลูกหยุดหมดเฉยๆ  บางลูก bad ตรงไหน มันไม่เตือนนะครับ และส่วนมาก ข้อมูลก็จะเดียงไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่ความสามารถของ ADMIN มาคอยตรวจสอบ   และ HD ยิ่งรอบสูง ยิ่งร้อน ยิ่งพังไว  หลายบริษัทที่ใช้ hd 15000 รอบมาทำ server  เปิดแบบไม่ปิด พบว่าพอเข้าปีทีสองสามจะเริ่มมีอาการเสียให้เห็นเกือบทุกที่   ทั้งๆที่อยู่ห้องแอร์อย่างดี   ดังนั้น เขาจึงออกแบบระบบ raid ใช้ในการแก้ปัญหาข้อมูลหายครับ  อีกอย่าง 15000 รอบนี่จัดเป็น hd ที่มีเสียงการทำงานดังที่สุด เมื่อเทียบกับ hd ทุกรุ่นนะครับ
ในงาน server ระบบ raid 0 แทบจะไม่มีใครใช้เลย โดยเฉพาะระบบ บัญชี  แต่ในงานตัดต่ออาจจะมีบ้าง แต่มืออาชีพจริงก็จะมี hd สำรองไว้ save งาน หรือไม่ก็ทำระบบ raid ที่มี backup เช่น raid 5  raid 10 เป็นต้นครับ  ทั้งนี้อยู่กับประเภทงาน ถ้างาน บันทึกเทปก็จะใช้ hd พท มาก  งานตัดต่อโฆษณาก็จะใช้ hd ที่เร็วหน่อย และส่วนมากจจะมีระบบ back up ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ ใช้วิธีการเขียนลง dvd rw หรือ hd external  ถ้าคุณเป็นคนทำงานด้านนี้จริงๆ คุณจะรู้ว่า งานที่ทำเสร็จแล้ว ส่งงานลุกค้าแล้ว เขาก็จะไม่ค่อยลบกันหรอกครับ  ส่วนมากจะเก็บไว้เป็น reference และความภูมิใจส่วนตัว หรือเก็บไว้ขายลูกค้าต่อไปครับ

ส่วนเรื่องเครื่องตัดต่อ ผมเองก็มีเพื่อนทำ vcd ขายรวมถึง music vdo ของหมอลำขายแถวนี้ ก็ไม่เห็นเขาจะใช้อะไรมากมายเลย กล้อง beta ธรรมดา  hd บางทียัง IDE ด้วยซ้ำไป เขาก็หากินได้  ถ้าหรูหราหน่อยส่วนมาก็จะลงบน mac หมดซึ่งก็เป็น scsi นั่นล่ะ   แต่อย่างว่าล่ะครับ หมอลำจะเอาไรมาก ศิลปินเล็กๆอยางแม่นกน้อยอุไรพร คงไม่เน้นเท่าไหร่ครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ตุลาคม, 2006, 05:27:46 am โดย b3344 »


ออฟไลน์ fot_ja

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • *****
    • กระทู้: 236
จริงๆเเล้ว  15000 รอบนั้นไม่ดังเลย ครับ ถ้าเคยใช้เเล้ว จะรู้ว่าเงียบมาก เเละทนมากๆ ส่วนใหญ่อาการของ scsi นั้นเวลามันจะเสียมันจะฟ้องการการเราก่อน ครับ  เมื่อเจอเเบบนั้นเเล้ว ค่อย เอาลูกใหม่ใส่ ครับเพราะที่ใช้อยู่ นั้น ยังไม่เคยเสียเลย ครับ เข้าปีที่4เเล้ว ครับ  เเต่ในความคิดผมนั้น หนังทีมีนั้น เก็บเข้าไปไว้ใน dvd ผมว่าน่าจะประหยัดที่สุดเเล้ว ครับ เเต่ต้องใช้เเผ่นที่คุณภาพน่าเชื่อถือหน่อย ครับ เเล้ว เวาลาเขียนเเล้ว ต้องเอามาเช็กด้วย nero อีกรอบเพื่อความชัวร์  เพราะเราไม่ได้เรียกข้อมูลเเบบเวป หรือเเบบสํานักงานครับ เราเก็บเเค่ backup เท่านั้น ครับ ตั่งเเต่เก็บมานั้นเเทบที่จะไม่ได้เรียกข้อมูลออกมาใช้เลยครับ เก็บอย่างเดียว เพียงเเค่ทํารายการเอาไว้ว่าเก็บไว้ในส่วนไหนเเล้ว เวลาหยิบใช้กสามารถเอามาเรียกใช้ได้เลย จะมีหน่อย คือการลุงทุนประกอบเครื่อง เอาไว้มาตัดต่อครับ เพราะใช้ทํางานที่ต้องการเรียกข้อมูลบ่อยๆครับ เลยต้องทําเเบบ จัดเก็บข้อมูลครับ เพราะเวลาเรียกข้อมูลมันจะได้รวดเร็วเเละทันใจ ครับ  เพราะในการใช้งานปรกกติเราคงไม่ได้ใช้ข้อมูลทั้งหมด 5 tb ตลอดเวลา ครับ เพราะขนาดพี่ๆในสตูดิโอที่เขารับงานมาจากเมือง นอก เขายังไม่ได้ใช้ข้อมูล มากมายขนาดนั้นเลยผมเคยถามเขาว่าจะเก็บลงhdd ไว้จะดีไหม เขาบอกว่าถ้ารวย ก็เอา ครับ   ผมเลยใช้เเค่เฉพาะงานเท่านั้นในที่ทํางาน  เช่นการตัดต่อวิดีโอ  raid 0  scsi 15000  6ลูก เร็วสุดๆ เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ลอง ครับ ส่วนคอมนั้น เป็นฟารม์วัว ครับ เอาเครื่อง หลายๆตัวมาช่วยกันคํานวนเหมือน กับเมือง นอกครับ  ส่วนผมเเค่นั่งทํางานอยู่ในสนามบินดูเเลระบบการออกอาการรายการ ทั่วประเทศใช้เครื่อง dual server  ก็พอเเล้ว ครับ


b3344

  • บุคคลทั่วไป
และนี่ scsi เครื่องเก่าถ่ายรูปไว้เมื่อปีก่อน ทำ riad 5 อีกเช่นกัน แต่เนื่องด้วย hd  scsi มีความจุน้อย   ผมเลยเริ่มทยอยถ่ายออกโดยเอามาเก็บไว้ใน hd wd rapter  sata  ความเร็ว 10000 ที่เร็วจน scsi หลายตัวอายครับ จากนั้นได้ย้ายไปใส่ใน nas intel -นาด 1.2 tb แต่ก็ยังไม่วายเต็มจนต้องหา hd ไปยัดไว้ในเครื่องที่ให้โหลดอีก 8 ลูก  สุดท้ายเลยต้องมาต่อ server ไว้เก็บอีกเครื่องครับ


b3344

  • บุคคลทั่วไป
ใช้เก็บ hidef ครับ ที่ทำแค่ riad 5 เพราะต้องการ พท. ไว้เก็บหนังไงครับ ถ้าทำ riad 10 ได้ความเร็วและ security ในการ bakcup แต่ความจุจะเหลือแค่ ครึ่งเดียวของความจุทั้งหมด ถึงจะเร็วแต่ก็เกินความจำเป็นสำหรับ hidef  เพราะ riad 5 ก็เหลือเฟือแล้วและมี back up เหมือนกัน อีกทั้งตัว card riad เองก็มี ram buffer ในตัว 256m ช่วยในการทำงานอยู่แล้วครับ เลย เน้นแค่ความจุเป็นหลักครับ

ส่วน รูปต่อมาเป็นเครื่องโหลด ที่ใช้ load bit และมี nas ของ intel อีกไว้เก็บหนังครับครับ


ออฟไลน์ redbook

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,265
ผมเองก็เลิกใช้ scsi นานแล้วครับ ตอนนี้ใช้แค่ SAS ครับ ใส่ card SAS  8 port แบบ pci 64 bit ทำ riad 5 เพราะ riad 0 hd พัง ลูกเดียวขู้มูลหายหมดครับ เร็วจริงและ มี back up ด้วย
:o :o :o เครื่องนี้ไว้ทำอะไรคับผม ที่ทำงานผมเขาไว้ในดาต้าเซ็นเตอร์ทำ RAID 10 เร็วและปลอดภัย เปิดแอร์คุมไฟตลอดวัน ท่าทางจะเล่นกันแรงๆทั้งน้าน  ;)


b3344

  • บุคคลทั่วไป
server ตัวใหม่ไว้โหลด bit ครับ xeon core 2 LV x2    ram 2G   ครับ  power suppy 3 ตัวครับ สำหรับโหลดทั้งวันทั้งคืน 7x24


b3344

  • บุคคลทั่วไป
ผมเองก็เลิกใช้ scsi นานแล้วครับ ตอนนี้ใช้แค่ SAS ครับ   ใส่ card SAS  8 port แบบ pci 64 bitทำ riad 5  เพราะ riad 0 hd พัง ลูกเดียวขู้มูลหายหมดครับ   เร็วจริงและ มี back up ด้วย    ว่าแต่ fj คุณเอา p3 500 ต่อกับ scsi  15000 rpm cpu วิ่งทันหรือครับ


ออฟไลน์ redbook

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,265
ส่วนตัวผมเลิกใช้ไปเเล้ว sata เพราะหันไปครบกับ scsi 15000 rpm raid 0 เลยไม่คบกับ sata เเล้ว
นี่โปรตัวจริง  O0 ที่ไม่แน่ใจคือเรื่องเสียงดังกะความร้อนของฮาร์ดิกส์ 15000 rpm พวกนี้ มันเอามาทำ slient pc ไม่ได้แหงะ  ???


ออฟไลน์ fot_ja

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • *****
    • กระทู้: 236
ส่วนตัวผมเลิกใช้ไปเเล้ว sata เพราะหันไปครบกับ scsi 15000 rpm raid 0 เลยไม่คบกับ sata เเล้ว ครับ ช้ากว่าพอสมควร เเถม seek time ยังช้ากว่ามากพอสมควร เเต่มีขี้อจํากัดตรงที่ว่ามัน มีขนาดที่เล็กกว่าเเละราคาเเพงมากๆเมื่อเทียบกับความจุ ตก1 Gb จะเท่ากับ 435 บาท ครับ เเต่ได้ความเร็วที่ พอใจมากๆ ครับ


ออฟไลน์ redbook

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,265
การส่งข้อมูลก้มีแค่ 2 แบบก็คือ paralell กับ serial เท่านั้นเอง ในคอมพิวเตอร์ผมเห็นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบแระ จริงๆแล้วความเร็วมันก็ไม่ต่างอย่างที่ว่าหละครับ

สมัยโบราณสายแบบ parallel ส่งข้อมูลได้ทั้ง 8-bit ในคล๊อกเดียวดีกว่าการส่งแบบ serial ซึ่งต้องใช้หลายคล๊อกจึงทำให้ใช้เวลาในการส่งมากกว่า แต่เทคโนโลยีมันไปโลด สมัยนี้การส่งข้อมูลแบบ serial มันเร็วกาฉูด ชิปวิ่งกันได้อย่างกับรถ F1 และนับวันจะมีแต่เร็วขึ้นไปอีก ในการส่งแบบ parallel ถ้าคล๊อกที่มาในแต่ละเส้นไม่พร้อมกัน จำเป็นต้องแจ้งกลับให้ส่งข้อมูลมาใหม่ทำให้ประสิทธิภาพต่ำลงโดยเฉพาะ เมื่อทำงานที่ความเร็วสูงขึ้น

อยากให้ต่างต้องเปลี่ยนระบบ machanic ของ HDD แล้ว แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าเค้าเ่้น้่้น SATA เพราะมัน plug and play ด้วย ประหยัดสาย แล้วอีกอย่าง RAID กันได้หลายลูกมากมายซึ่งเค้าจะเน้นกันเหลือเกิน ( เพื่อความแรง )

กลไกของฮาร์ดดิกส์มันเป็นข้อจำกัดประสิทธิภาพของดิกส์ จึงใช้หลายลูกทำ RAID มาอ่านเขียนข้อมูลพร้อมกัน เลียนแบบ parallel นั่นอง ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น เรื่อง Plug & Play เป็นคนละเรื่องกันคับผม

สุดท้ายผมว่าการพัฒนาแบบนี้มันมีเหตุผลทางการค้ามาเกี่ยวซ่ะมากด้วย ซึ่งบางทีความสามารถจริงๆอาจเปลี่ยนไำปไม่เท่าไหรเอง... :'( ล่อเราเสียเงินซ่ะง้าน
ชัวร์คับทั่น  :secret ที่มายั่วน้ำลายคือ solid-state ดิกส์ Samsung ทำได้ 32 GB เท่ากะอาร์ดดิกส์ลูกนึงเลยอะ




ออฟไลน์ xtronic

  • *
    • กระทู้: 38
    • เพศ:ชาย
เ่อ่อ......ข้อแสดงวามคิดเห็นด้วยความไม่รุ้ด้วยครับ ^^

การส่งข้อมูลก้มีแค่ 2 แบบก็คือ paralell กับ serial เท่านั้นเอง ในคอมพิวเตอร์ผมเห็นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบแระ จริงๆแล้วความเร็วมันก็ไม่ต่างอย่างที่ว่าหละครับ อยากให้ต่างต้องเปลี่ยนระบบ machanic ของ HDD แล้ว แต่สำหรับผมแล้วคิดว่าเค้าเ่้น้่้น SATA เพราะมัน plug and play ด้วย ประหยัดสาย แล้วอีกอย่าง RAID กันได้หลายลูกมากมายซึ่งเค้าจะเน้นกันเหลือเกิน ( เพื่อความแรง )

 :secret สุดท้ายผมว่าการพัฒนาแบบนี้มันมีเหตุผลทางการค้ามาเกี่ยวซ่ะมากด้วย ซึ่งบางทีความสามารถจริงๆอาจเปลี่ยนไำปไม่เท่าไหรเอง... :'( ล่อเราเสียเงินซ่ะง้าน


ออฟไลน์ redbook

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,265
ตกไปอย่างนึงอะคับ

IDE เป็นอินเตอร์เฟสแบบราคาถูกที่ให้ consumer ใช้โดยทำให้ต้นทุนเครื่องคอมต่ำ สำหรับชาวบ้านตาดำๆอยากเล่นคอมที่บ่มีตังค์มาก  :) โดยเจียดเวลาของ CPU ส่วนกลางมาใช้ในการรับส่งข้อมูลจากดิกส์ไปในเมมโมรี่ของเครื่องหรือทางกลับกัน ดังนั้น CPU จึงต้องเจียดเวลามาทำงานรับส่งข้อมูลนี้ ทำให้โปรแกรมที่รันอยู่ถูกทำให้ช้าลงด้วย  ใครมี IDE ลองดูได้คับ เขียนอ่านดิสก์แล้วดูกราฟของ CPU ใน Task Manger มันขึ้นแหลกเลย

ใครอยากได้ performace ดีๆต้องลงทุนใช้การ์ดฮาร์ดดิสก์แยก สมัยก่อนมีแต่ SCSI ให้เลือก แค่ค่าการ์ดก็ครึ่งแสนแล้วยังไม่รวมดิกส์ พวกนี้เป็นของโปรใช้ ด้วยความที่ว่า SCSI อินเตอร์เฟสมันมีค่า License ที่แพงอยู่นั่นเอง จำบ่ได้ว่า Apple หรือป่าวที่เป็นคนทำ

ด้วยขอด้อยของ IDE และความแพงของ SCSI ข้างต้น บริษัทจึงรวมตัวกันทำมาตรฐานใหม่โดยใช้ SATA ที่มีคอนโทรเลอร์ชิปแยกต่างหากแบบ SCSI ค่า License ไม่แพง การส่งข้อมูลแบบ Serial พรู๊พแล้วว่าสามารถเพิ่มความเร็วรับส่งข้อมูลและให้ระยะทางเชื่อมต่อได้ดีกว่า IDE มาก นอกจากนี้หนึ่งคอนโทรเลอร์ยังรองรับจำนวนดิกส์ที่มากกว่า ใครอยากทำ RAID ก็สะดวกและค่าใช้จ่ายต่ำกว่า การทำ RAID ด้วย IDE มีข้อจำกัดทางด้านวิศวกรรมมากจึงไม่มีคนนิยมเท่าไหร่  มีอินเตอร็เฟสแบบใหม่มาแทน SCSI แล้วคับเรียกว่า SAS (Serial Attached SCSI) บัส Serial ยังไงก็แรงกว่า Parallel คับ พวกดิกส์ตัวละหลายร้อนล้านอย่างที่ AIS, DTAC ใช้มันเชื่อมกันด้วย บัส Serial คับผม

อ่านเล่นได้ที่ http://www.digit-life.com/articles2/sas-and-sata/index.html

ถ้าอยากให้คอมแรงที่สุดต้องติดดิกส์ SATA ซัก 3-4 ลูก ทำ RAID แล้วจารู้ว่าแรงเป็นอย่างไร แต่ถ้าเบี้ยน้อยแบบผม ลูกเดียวก็รอไหวคับ ว่าแร้วก็รอต่อปาย ตอนนี้เน้นทำสำรองข้อมูล ดิกส์เจ้งไปหลายทีแร้วข้อมูลหายเรียบ ต้องมาฟังเพลงแก้เศร้าไปหลายวัน :secret


ออฟไลน์ TONSON

  • *****
    • กระทู้: 624
ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูลดีๆ :clap ปกติเรามุ่งเน้นแต่ SATA แต่ไม่ได้ดูส่วนประกอบอื่นๆ  K)


b3344

  • บุคคลทั่วไป
คนส่วนมากจะคิดว่า SATA เร็วกว่า IDE แต่ความเป็นจริง
ide  ATA 133  DMA 6  ควมเร็วในการรับส่ง 133Mb/s
sata 1  ความเร็วในการรับส่ง  150Mb/s
sata 2  ความเร็วในการรับส่ง   300Mb/s
ทั้งหมดนี้เป็นความเร็วที่ interface ของ hd แต่ไม่ใช่ความเร็วจริงในการรับส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง   ถ้าเจาะลึกลงไปถึงหลักการ การส่งข้อมูลของ interface แบบ sata น่าจะช้ากว่าแบบ ide ด้วยซ้ำ เพราะข้อมูลจะถูกรวมเป็น ลักษณะคล้าย packet หรือ zip แล้วไปแตกที่ปลายทาง ทำให้มีค่า latency สูงกว่า  แต่ด้วยความเร็วของ interface ที่สูงกว่าเลยทำให้ค่า latency ที่เกิดขึ้น ไม่ค่อยมีผลต่อระบบเท่าไหร่  อีกทั้งปัจจุบัน ทางผู้ผลิต
chip set อย่าง intel ได้ทำการออกแบบ sata controller ให้รวม chipset เลย ( แต่ก่อนต้องมี chip sata controller แยกออกมาแปลงก่อนส่งต่อไปที่ chip set)
ตามหลัก sata2 จะรองรับการ tranfer ได้เร็วที่สุด  แต่เนื่องจากปัจจุบันความจริงที่หลายคนไม่รู้ คือ  hd 7200 ที่มีอยู่ในท้องตลาดทั้งหมดสามารถอ่านเขียนและส่งข้อมูลออกมาได้เพียง  40-60M เท่านั้น  แม้แต่ hd แบบ scsi 320 ความเร็ว 15000 รอบ ที่เร็วที่สุดในท้องตลาด ยังส่งได้แค่ 98Mb/s เท่านั้น  ดังนั้นผมเลยอยากบอกว่า  ถ้าเป็น hd รุ่นที่ใช้จานเดียวกัน ความจุเท่ากัน หมุนเท่ากันและมี cache buffer เท่านกัน แต่ต่างกันแค่ interface IDE กับ SATA ผมบอกได้เลยว่าเร็วไม่ต่างครับ   ทั้งนี้ได้ทดสอบด้วย program ทดสอบหลายรูปแบบแล้ว แม้ทาง web เมืองนอกก็เคนเอาประเด็นนี้มาทดสอบครับ ทั้งนี้เพราะข้อมูลที่ออกมาจาก hd ยังเร็วไม่เกิน speed ของ interface นั้นเอง
แต่เนื่องจาก m/b ใหม่ๆ ทุกวันนี้หันมาใช้ sata กันหมด ซื้อเผื่ออนาคตก็ได้ แต่คุ้มหรืแปล่าอีกเรื่องเพราะกล่อง ide กับ sata ต่างกันเยอะ  ส่วนจะเร็วไม่เร็วอยู่ที่คุณภาพของกล่องและ chip usb controller ที่กล่องใช้ครับ ว่าดีแค่ไหน กล่องถูกก็จะ tranfer และสะดุดหน่อย กล่องแพงก็จะสะดุดน้อยหน่อย กล่องที่ใช้กับ hd sata ก็อาจจะวิงช้ากว่าหรือเร็วกว่าก็ได้  แต่โดยมากจะเร็วกว่า เพราะ ship usb controller ใหม่กว่า chip  usb ที่ใช้กับ ide ทั้งนี้อยู่ที่รุ่นและยี่ห้อด้วย
ส่วนตัวผมว่า ide จะตายก็ต่อเมื่อ 
1 ผู้ผลิตเลิกใช้ slot ide บน m/bซึ่งปัจจุบันก็เริ่มลดเหลือ 1 ช่องแล้วและใน chip set รุ่นใหม่ๆของ intel ต้องใช้ ide controller ข้างนอกแทนแล้ว
2 hd 7200 สามารถ  tranfer ได้ถึงระดับเกิน  133 mb/s ซึ่งผมคาดว่า hd จะต้องมีความจุของจานใหญ่มากๆ  อาจจะ plater ละ 500-1000 G  หรือ  hd 1 ลูกมีความจุถึง 2000g และ หมุนที่ 10000 รอบ  เมื่อนั้นเรก็จะไม่เห็น hd ide ในท้องตลาด รวมถึง hd แบบ sata 1 ก็ตาม ซึ่งน่าจะใช้เวลา 2-3 ปีในการพัฒนาให้ hd ใหญ่ขนาดนั้นขายในราคา ปกติ 4-5000 บาท / 1000 G   ตอนนี้มี hd ขนาด 750G แล้ว ราคา 2 หมื่นกว่า คิด พทต่อความจุแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 ตุลาคม, 2006, 08:06:42 am โดย b3344 »