HTG2.club

ไปเจอจาก web ที่หนึ่ง

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้


ออฟไลน์ krupohn

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,770
    • เพศ:ชาย
  • ฟังเพลงร็อค ในห้องเล็ก
 :) ให้ความรู้ด้านทฤษฎี ได้ดีมากครับ  คงถูกใจคอ Solid State ไม่มากก็น้อย   O0



ออฟไลน์ monster

  • *
    • กระทู้: 28
อุ้ย..  :D มีคนไปเจอมาด้วยหรือครับ อันนี้ผมไป post ไว้นานแล้วแต่เหมือนมีผู้สนใจน้อยมากเลย  :showoff

จาก : Monster - - 16/11/05 16:08:26

ที่จริงแล้วผมไปเจอจาก web ของอาจารย์จาก ม.หมานคร ชื่ออาจารย์บุญชัย ครับ  :kicking แก่สอนวงจรเครื่องขยายเสียงที่ภาค อิเล็กทรอนิกส์ครับ
เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาผมยังเจอแก่อยู่เลย  ^-^



ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ่านแล้วคุ้นๆ ครับ สำหรับย่อหน้าแรก น่าจะให้ Credit ผู้เขียนไว้ด้วยนะครับ หรือแจ้งที่มาไว้ก็น่าจะเหมาะครับ  :)



ออฟไลน์ sukyone

  • DIY Never Die.
  • ****
    • กระทู้: 296
    • เพศ:ชาย
  • ยินดีที่ได้รู้จักครับ
    • Sukyone DIY Blog


ออฟไลน์ The Naive

  • **
    • กระทู้: 73
ในยุคสมัยที่โลกนี้ยังไม่รู้จักอุปกรณ์ขยายสัญญาณประเภทโซลิดเสตท(solid state) สมัยนั้นทุกคนใช้หลอดสุญญากาศเป็นอุปกรณ์ในการขยายสัญญาณ ต่อมาเบลล์แล็บ(Bell Laboratory) ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่สามารถใช้ขยายสัญญาณได้ซึ่งก็คือทรานซิสเตอร์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ก็ได้มีผู้กล่าวเอาไว้ว่ายุคสมัยของหลอดสุญญากาศได้จบสิ้นลงแล้ว ทุกอย่างที่หลอดทำได้เจ้าทรานซิสเตอร์ตัวน้อยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันดังนั้นไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานและต้องเสี่ยงกับอันตรายจากไฟฟ้าแรงดันสูงของหลอดสุญญากาศอีกแล้ว วิศวกรออกแบบเครื่องขยายเสียงในสมัยนั้นต่างหันมาออกแบบเครื่องขยายเสียงที่ใช้อุปกรณ์โซลิดเสตทเป็นหลักและปล่อยให้หลอดสุญญากาศถูกเก็บอย่างสงบนิ่งไปนานแสนนาน ยกเว้นแต่ในงานเครื่องส่งวิทยุกำลังสูงเท่านั้นที่ยังคงใช้กันอยู่เพราะไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ในบรรดาบริษัทผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ในขณะนั้นซึ่งส่วนใหญ่ต่างหันมาพัฒนาเครื่องเสียงที่ใช้โซลิตเสตทกันแทบทั้งหมดก็มีบริษัทเล็กๆอยู่บริษัทหนึ่งก็คือ Audio Research ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1970 ยังคงเชื่อมั่นและมีความสุขอยู่กับการพัฒนาเครื่องขยายเสียงที่ใช้หลอดสุญญากาศและสิ่งที่เป็นเรื่องน่าทึ่งก็คือผลิตออกไม่ทันกับความต้องการของตลาด ผู้ที่จับจองเป็นเจ้าของต่างก็เป็นนักฟังประเภทอนุรักษ์นิยมหูทองและมีประสบการณ์ในการเล่นเครื่องเสียงทั้งสิ้น จนถึงปัจจุบันบางท่านกล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า Audio Research เป็นเครื่องเสียงที่อันตรายสำหรับนักฟังหูทรานซิสเตอร์ สำหรับผู้เขียนเองจากประสบการณ์ที่ได้ฟังมาบ้างก็มีความรู้สึกเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น ในตอนต่อไปเราจะได้กล่าวถึงเจ้าหลอดสุญญากาศมหัศจรรย์ว่าทำไมจึงให้เสียงได้น่าหลงไหลขนาดนั้น

                เครื่องเสียงไฮเอ็นด์อีกแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากก็คือ Balance Audio Technology หรือที่เรียกกันว่า BAT เปิดตัวครั้งแรกในปี 1995 โดยวิศวกรที่เป็นเจ้าของและเป็นผู้ออกแบบชื่อ Victor Khomenko และ Steve Bednaski รายนี้มีชื่อเสียงมาจากเครื่องหลอดสุญญากาศ ปัจจุบันผลิตทั้งเครื่องหลอดและโซลิตเสตท


                เครื่องไฮเอ็นด์ที่เป็นที่กล่าวถึงของหลายคนคือ Mark Levinson ซึ่งนาย Mark ได้รวมตัวกับบรรดาเพื่อนฝูงทีมงานออกแบบเครื่องขยายเสียงและเปิดตัวด้วย Mark Levinson ML-2 มีกำลังขยายเพียง 25 วัตต์ทำงานในคลาสเอราคาประมาณ 8,000$ ซึ่งเป็นการสวนกระแสเครื่องขยายเสียงกำลังสูงในยุคสมัยนั้น ด้วยกำลังเอาต์พุตเพียงน้อยนิดเพียง 25 วัตต์ของ ML-2 แต่ให้เสียงเทียบเท่าเครื่องขยายเสียงขนาด 250 วัตต์ เรียกว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการเครื่องกำลังสูงเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลทางธุรกิจนาย Mark Levinson ขายกิจการให้กับบริษัท Madrigal Laboratory ซึ่งยังคงใช้เครื่องหมายการค้า Mark Levinson ในผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงไฮเอ็นด์อยู่ตลอดมาส่วนนาย Mark Levinson เองไปสร้างเครื่องหมายการค้าใหม่ในชื่อ Cello


                เมื่อกล่าวถึง Mark Levinson ก็ต้องเอ่ยถึง Krell เพราะทั้งคู่ต่างได้รับความนิยมและเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเล่นนักฟังเครื่องเสียงโซลิดเสตทไฮเอ็นด์อยู่ตลอดมา ในสมัยที่ Mark Levinson ML-2 เป็นที่กล่าวขานทั้งคุณภาพเสียงและราคาอยู่นั้น ในปี 1980 Dan และ Rondi D’Agostino ได้เปิดตัว Krell KSA-100 ขึ้นมาเป็นครั้งแรก ด้วยกำลังขนาด 100 วัตต์และวงจรขยายภาคเอาต์พุตทำงานในคลาสเอแต่ราคาถูกกว่าทำให้มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าที่ร้านเครื่องเสียงแห่งหนึ่งมีเครื่อง ML-2 กับ KSA-100 ไว้สำหรับทดลองฟัง ปรากฏว่าคุณภาพเสียงที่ได้ใกล้เคียงกัน และต่างก็มีจุดดีจุดด้อยเป็นของตัวเองจนไม่สามารถบอกได้ว่าเครื่องใดให้เสียงที่ดีกว่า นับแต่วันนั้นที่ใดมี Mark ก็ต้องไม่มี Krell เรียกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Krell คือนาย Dan D’Agostino  เป็นวิศวกรออกแบบ เป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารบริษัทซึ่งหาได้ยากที่วิศวกรจะประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและด้านบริหารได้ขนาดนี้ ด้วยความเป็นวิศวกร Dan D’Agostino จึงนำความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองอยู่เสมอ เทคโนโลยีที่น่าสนใจของ Krell เป็นเทคนิคการออกแบบวงจรในลักษณะวงจรขยายเชิงกระแสแบบสมดุล(balance current-mode amplifier) ซึ่งเป็นเทคนิคการออกแบบที่ไม่เหมือนกับวงจรขยายที่ใช้กันอยู่ทั่วไป เข้าใจว่าคงจะมีเฉพาะ  Krell เท่านั้นที่ใช้เทคนิคนี้ เมื่อโอกาสเหมาะสมเราคงได้พูดถึงการออกแบบวงจรขยายโดยใช้เทคโนโลยีเชิงกระแสแบบเดียวกับ Krell

                ชื่อที่เป็นตำนานของวงการเครื่องขยายเสียงไฮเอ็นด์นอกจาก Mark Levinson และ Dan D’Agostino แล้วคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก Nelson Pass ซึ่งเป็นนักออกแบบเครื่องขยายเสียงที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก Nelson Pass เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการออกแบบเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ให้กับหลายแบรนด์เนมตัวอย่างเช่น Threshold ก็เป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับ Nelson Pass เป็นอย่างมาก เมื่อออกแบบให้กับบริษัทอื่นมาพอสมควรก็ได้โอกาสสร้างเครื่องหมายการค้าเป็นของตนเองในชื่อ Pass Labs ซึ่งออกแบบวงจรใช้ทรานซิสเตอร์แบบมอสเฟตที่มีโครงสร้างเรียบง่าย ให้สัญญาณผ่านอุปกรณ์น้อยที่สุดและทางเดินสัญญาณสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะมีความเชื่อว่า ยิ่งสัญญาณผ่านอุปกรณ์มากเท่าใดก็จะทำให้สูญเสียความถูกต้องเที่ยงตรงมากขึ้นเท่านั้น  ผลงานที่สร้างชื่อเป็นอย่างมากให้กับ Nelson Pass ในชื่อ Pass Labs คือเครื่องขยายเสียงตระกูล Aleph โดยเฉพาะ Aleph 3 เครื่องขยายเสียงทรงลูกเต๋าซึ่งมีกำลังเอาต์พุตเพียง 30 วัตต์ที่วารสาร Stereophile จัดให้อยู่ในระดับ Class A เช่นเดียวกับ Krell FPB600 ซึ่งมีกำลังเอาต์พุตถึง 600 วัตต์ เรียกว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากที่เครื่องขยายเสียงกำลังเพียง 30 วัตต์แต่ให้เสียงได้ระดับเดียวกับเพาเวอร์แอมป็ขนาด 600 วัตต์

                จากตัวอย่างของเครื่องขยายเสียงไฮเอ็นด์ที่ยกตัวอย่างมาจะพบว่าโครงสร้างวงจรบ้างก็ใช้หลอดสุญญากาศ บ้างก็ใช้ทรานซิสเตอร์แบบไบโพลาร์หรือบางเครื่องก็ใช้ทรานซิสเตอร์แบบมอสเฟต เครื่องเหล่านี้อยู่ในระดับเครื่องคลาสเอของวารสารสเตอริโอไฟล์(Stereophile) ทั้งสิ้นซึ่งเครื่องที่อยู่ในระดับนี้หมายความว่าเป็นเครื่องที่ให้เสียงระดับที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีอยู่บนโลกนี้(ตามความเห็นของผู้ทดสอบ) มาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านที่จะประกอบสร้างเครื่องเสียงขึ้นเองคงได้คำตอบแล้วว่า หลอดสุญญากาศ ทรานซิสเตอร์ไบโพลาร์และทรานซิสเตอร์แบบมอสเฟต อุปกรณ์ชนิดใดดีที่สุดสำหรับงานเครื่องเสียง คำตอบก็คือไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชนิดใดก็สามารถสร้างเครื่องเสียงที่เสียงดีให้เสียงได้ที่สุด ถูกต้องที่สุด สวยงามที่สุดและแพงที่สุดได้ถ้าทีมวิศวกรมีความสามารถพอ