HTG2.club

CD Audio Review : รีวิว CD น่าฟัง พร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ร่วมด้วยช่วยกันครับ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Amadeus

  • *****
    • กระทู้: 915
    • เพศ:ชาย
  • Was wollen Sie damit sagen?

 :cry2  อยากได้ครับ  ขอชื่อที่อยู่ร้านชัดเจนหน่อยก็ดีครับ   พิกัดประมาณไหน...อยากได้จริง  จริ้ง..... :cry2

ผมซื้อที่ดีเจสยามครับ แต่....มันนานแล้วนะครับ ลองไปถามดูครับ  ;)
OSK115_DIY ปี2 .....ดร็อปเรียนก่อนนะ
จันทร์เจ้าขา              ขอซาวด์แรงแรง
ขอหลอดแพงแพง        ใส่แอมป์ของข้า
ขอซีขออาร์               ให้แอมป์ข้าที
ขอชั้นดีดี                  ให้แอมป์ข้าตั้ง
ขอแผ่นสองลัง            ให้แอมป์ข้าลอง...


ออฟไลน์ xthaix

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,924
    • เพศ:ชาย
  • *** ความกลมกลืนของสิ่งที่แตกต่าง ***

ออฟไลน์ p-juab

  • ****
    • กระทู้: 479
อัลบั้ม กลิ่นกุหลาบ  :)
จัดทำโดยศิษย์เก่าของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

ราคา 200 B   แหล่งซื้อ ร้านชื่อประมาณ สยามเจดีย์ อะไรนี่แหละครับ

ดูรายชื่อแล้วนับว่าไม่ธรรมดา Executive producer ยุทธนา  บุณอ้อม
นักร้อง คุณรัดเกล้า คุณป็อด โมเดอร์นด็อก  คุณโย่ง วงอาร์มแชร์ คุณตุ้ย ธีรภัทร คุณตูน บอดี้แสลม

แนวเพลงเป็นเพลงลูกกรุงมีหลายจังหวะทั้งสโลว์ แทงโก้ และอื่นๆ
ดนตรีใช้เครื่องวงใหญ๋ (orchestra) มีพระเอกเป็น ทรัมเป็ตและแซกโซโฟน
ชอบเสียงคุณ รัดเกล้า อามระดิษ มากถือเป็นนักร้องไทยที่เสียงใสจริงๆ ลีลาในการร้องเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

มีโอกาสก็หามาฟังกันนะครับ  :headphone :headphone

SOUND  :throb :throb :throb :throb :throb
SONG     :throb :throb :throb :throb :throb

 ;D 2f ขอเลียนแบบนักวิจารณ์หน่อย  ;D 2f

 :cry2  อยากได้ครับ  ขอชื่อที่อยู่ร้านชัดเจนหน่อยก็ดีครับ   พิกัดประมาณไหน...อยากได้จริง  จริ้ง..... :cry2


ออฟไลน์ JRS

  • ***
    • กระทู้: 132
สวัสดีครับ
   พอดีมีหนังสืออยู่เล่มนึง  แผ่น CD ส่วนใหญ่ผมก็ได้ข้อมูลมาจากหนังสือเล่มนี้ วางจำหน่ายใน ปี 2541 ถ้าท่านใดเจอก็ควรจะซื้อเก็บไว้อ่านเป็นข้อมูลครับ ไม่รู้ว่ามีเล่ม 2 หรือเปล่า กำลังตามหาอยู่ครับ


ออฟไลน์ SOUNDTUBE

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,451
    • เพศ:ชาย
DIZZY BIG 4  ไม่ทราบจะอธิบายไงดี  เป่าทรัมเป็ต ได้สุดยอด เล่นได้สุดยอดทุกชิ้น บันทึกมาดีมาก
ผมอยากฟังจัง เสาะหาได้ที่ไหนครับ  :help
ถ้าไม่รังเกียจแผ่นไรท์ pm มานะครับ จะจัดส่งให้ครับ แผ่นนี้เป่าทรัมเป็ตได้สุดยอด.........เหนื่อยแทนเลย  :showoff
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 พฤศจิกายน, 2008, 11:30:05 am โดย soundtube »
ข้อมูลส่วนตัว http://www.htg2.net/index.php?topic=23096.0



ออฟไลน์ hs3ggb

  • *****
    • กระทู้: 576
    • เพศ:ชาย
DIZZY BIG 4  ไม่ทราบจะอธิบายไงดี  เป่าทรัมเป็ต ได้สุดยอด เล่นได้สุดยอดทุกชิ้น บันทึกมาดีมาก
ผมอยากฟังจัง เสาะหาได้ที่ไหนครับ  :help


ออฟไลน์ Amadeus

  • *****
    • กระทู้: 915
    • เพศ:ชาย
  • Was wollen Sie damit sagen?
เคยฟัง รังสรรค์ ราศี-ดิบ น่าจะเป็นใต้ดินหรือป่าวครับ ได้รางวัลอะไรซํกอย่างอ่ะครับ

เป็นศิลปินชาวเหนือ ฟังตั้งแต่ตอนเรียนแล้วชอบมาก เชียงใหม่ยังมีไหมครับ

ที่คุณหนุ่มแนะนำก็สนใจนะครับ
OSK115_DIY ปี2 .....ดร็อปเรียนก่อนนะ
จันทร์เจ้าขา              ขอซาวด์แรงแรง
ขอหลอดแพงแพง        ใส่แอมป์ของข้า
ขอซีขออาร์               ให้แอมป์ข้าที
ขอชั้นดีดี                  ให้แอมป์ข้าตั้ง
ขอแผ่นสองลัง            ให้แอมป์ข้าลอง...


ออฟไลน์ xthaix

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,924
    • เพศ:ชาย
  • *** ความกลมกลืนของสิ่งที่แตกต่าง ***
สมัย 20ปีก่อน ผมไปเชียงใหม่ ก็ได้เทปชุดเดี่ยวพิณเปี๊ยะ มาแระครับ แต่ไม่ทราบใครบรรเลง ตอนนี้หาเทปไม่เจอ  :headphone


ออฟไลน์ sotus

  • มีเรื่องถามชมพู่
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,062
    • เพศ:ชาย
มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณๆ ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ

การที่เราจะฟังเพลง หรือชมงานศิลป์ของใครสักคน การที่เราได้ทราบประวัติความเป็นมาของบุคคลนั้นก็คงจะเป็นสิ่งที่จะทำให้เรารับฟังได้ อรรถ อารมณ์ไม่มากก็น้อยจริงไหมครับ

แนะนำปิ่น ศิลป์กวีลานนา ปี๋คำหล้า ธัญยพร

ปี๋คำหล้า ธัญยพร ผมเองก็ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากผมชอบฟังดนตรีของล้านนา และก็พยายามสืบเสาะหาเพลงของศิลปินล้านนาต่าง ๆ ฟัง ซึ่งนอกเหนือจากที่ชาวบ้านเขารู้จักและฟัง ๆ กัน และพอได้ฟังเสียงของปี๋เขา ก็รู้สึกอย่างหนึ่งคือ ปี๋เขาสามารถเป็นเงาเสียงของพี่แอ๊ด ได้ดีไม่แพ้ ปี๋อ้อม ไม้เมือง


และยิ่งได้ทราบการเดินทางบนเส้นทางสายดนตรี ต้องยอมรับว่าเป็นสาวศิลปิน "ใต้ดิน" เพียงคนเดียว ที่เดินโดยลำพัง ผ่านขวากหนามมาไม่น้อยหน้า ศิลปิน "ใต้ดิน" ผู้ชายคนอื่น ๆ  มาติดตามเรื่องราวของปี๋คำหล้ากันครับ  ต้องบอกก่อนว่า เรื่องของปี๋คำหล้านี้ ละเอียดและยาวมาก ผมขอตัดทอนนำมา re-write ใหม่ และจะติดตามโดยละเอียดได้จากลิ้งค์ด้านล่างที่ให้เครดิตไว้นะคะ


เส้นทางสายดนตรีของ คำหล้า ธัญยพร เริ่มต้นขึ้นในวัยเด็ก เมื่อครั้งที่ยังเรียนอยู่ขั้นประถม 4 ได้เริ่มหัดเล่นกีต้าร์ โดยมีเพื่อน ๆ ของพี่สาวทั้ง 3 คน แวะเวียนมาช่วยกันสอนให้  และก็ได้เล่นดนตรีมาเรื่อยจนกระทั่งเข้าเรียนที่ ม. รามคำแหง จึงได้เล่นอย่างจริง ๆ จัง ๆ


โดยเริ่มแรกเธอเล่นเพลงสมัยนิยมทั่วไป แต่เนื่องจากความที่เป็นชาวล้านนาโดยกำเนิด (เกิดที่เชียงราย แล้วย้ายไปอยู่แพร่ พะเยา (เริ่มหัดเล่นกีตาร์) ไปเรียนที่กรุงเทพฯ กลับมาอยู่ลำปาง) ทำให้เธอไม่เคยลืมตัวว่าเธอเป็นใคร และพูดสำเนียงอะไร


คำหล้าเป็นผู้หญิงเหนือที่รักศิลปและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ล้านนามาก เธอเริ่มเขียนเพลงเพื่อนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมล้านนา ใช้เวลา 3 ปี ผลิตผลงานผ่านบทเพลงโฟล์คซองคำเมือง ด้วยการใช้ดนตรีโฟล์คซองผสมเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจรัล มโนเพ็ชร จนกระทั่งวันหนึ่ง.....


เธอได้เดินเข้าหา "ค่าย" เพื่อนำผลงานอันมีค่าแก่เมืองเหนือ เพื่อออกอัลบั้มแรก ในชุด "เพลงพิณเปี๊ยะ"  แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เพลงขายไม่ได้ และโดนเอาเปรียบในเรื่องของสัญญา และเมื่อถึงที่สุดที่เธอจะต้องเลือกที่จะหาเงินเพื่อ "ใช้หนี้" เธอตัดสินใจ "ฉีกสัญญา" นั้นและนำเพลงชุด "พิณเปี๊ยะ" ออกวางขายเอง


ด้วยการออกตระเวนขี่รถเครื่องสะพายกีตาร์เล่นดนตรี ชีวิตในเวลานั้นลำบากมากต้องอดมื้อกินมื้อ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อต่อการที่จะต้องเดินทางเกือบทุกวันไปในเส้นทางลำปาง-เชียงใหม่ ที่ทั้งเปลี่ยว ทั้งน่ากลัว ขึ้นเขาลงเขา และในบางวันก็ต้องขี่รถฝ่าสายฝนเปียกโชก สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอคือ "เจ้าพ่อขุนตาล" ที่เธอมักแวะไปกราบไหว้ขอพรให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุในแต่ละวัน


เมื่อเธอออกมาขายเพลงเอง เดินทางเล่น "เปิดหมวก" อัลบั้ม "เพลงพิณเปี๊ยะ" กลับขาวได้ดี ทำให้เธอมีเงินใช้หนี้และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักขึ้นมา จึงหาเงินมาทำอัลบั้มที่ 2 ในชุด "มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร"  และทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น มีผู้ให้การสนับสนุนเธอมากขึ้น โรงเรียนต่าง ๆ นำเพลงของเธอไปใช้ประกอบการเรียนเกือบทุกโรงเรียน


และผลแห่งความพากเพียร ไม่ย่อท้อต่อการสร้างสรรค์ เผยแพร่ ความเป็นล้านนาแท้ ๆ ของเธอ ทำให้เธอได้รับรางวัล รางวัลพระพิฆเนศทอง พระราชทาน สาขา เพลงไทยพื้นบ้านภาคเหนือยอดเยี่ยม ในบทเพลง เพลงพิณเปี๊ยะ (21 พ.ค. 2548)


หลังจากได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้แล้ว มีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ข้ามาชักชวนเธอไปสังกัดค่าย โดยให้คำหล้าไปเป็นคนแต่งเพลงป้อนให้นักร้อง ส่วนเธอก็ให้เป็นคนเบื้องหลังเขียนเพลงป้อนให้ศิลปิน และสิ่งหนึ่งที่ผมได้อ่านแล้วรู้สึกภูมิใจในตัวปี๋สาวคนนี้มากก็คือ


เธอไม่ยอมเดินเข้าค่ายเพลง (ใหญ่) ที่จะทำให้เธอมีเงินใช้และมีความอยู่ที่สบายขึ้น แต่เธอเลือกที่จะเป็นศิลปิน "ใต้ดิน" และเดินทางเผยแพร่ผลงานอนุรักษ์ความเป็นล้านนา ด้วยมอเตอร์ไซด์ และ กีต้าร์คู่ชีพ จนทุกวันนี้....


ผมนำเรื่องของปี๋คำหล้ามาเสนอด้วยความชื่นชมที่เธอเป็นคนที่ต่อสู้เพื่อศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตัวเอง และหลายคนอาจจะไม่รู้จัก "พิณเปี๊ยะ" ว่ามีหน้าตา และ เสียงอย่างไร แล้วจะเอามาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ


ผมเองซื้อแผ่นชุดแรกช่วงที่ตระเวนเล่นตามที่ต่างๆ หลังจากประสบปัญหากับบริษัทใหญ่ ได้จากมือปี้คำหล้า เลยครับ มีลายเซ็นแถมมาด้วย ปกยังเป็นแบบเก่าอยู่เลย จริงๆแล้วบังเอิญไปเดินเล่นที่ศุนย์วัฒนธรรม มช. ได้ยินคนเล่นดนตรีพื้นเมืองได้มันเข้าถึงอารมณ์ของผมใน ขณะนั้น ซึ่งเป็นเพลงแรกในอัลบัมชุดที่สองที่ยังไม่ได้ออกจำหน่าย ผมขอให้พี่เขาเล่นเพลงในชุดแรกให้เพลงฟังหน่อยพี่เขาก็เล่นทั่งๆ ที่กำลังจะกลับแล้ว  โอ๋ววววว  เสียงพี่เค้าคล้าย ป้าสุนทรีเลยแฮะ แต่มีเอกลักษณ์ที่หน้าหลงไหลมันช่างได้อารมณ์ พี่เขาเล่นดนตรีที่น่าฟัง เล่นจบผมซื้อเลยครับ 1 แผ่น กลับมาบ้านเปิดฟัง ทึ่งครับ อัดมาดี น่าฟังทุกเพลง คนร่วมงาน ช่วยทำดนตรีก็มีแต่คนดังๆ มีฝีมือทั้งนั้น คิดในใจขณะนั้นว่าทำไมพี่เขาไม่ดังทั่งๆที่เพลงดีขนาดนี้ แต่ตอนนี้สุดยอดครับ เพลงของพี่เขาจะน้ำไปถูกเปิดเกือบทุกงานในภาคเหนือ ทั้ง งานบุญ งานปอย สลาก เข้าพรรษา ออกพรรษา โรงเรียน วิชาดนตรี ฟ้อนรำต่างๆ โดยเพลงที่ได้ยินบ่อย ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดแรก อย่างเช่น เพลงพิณเปียะ ลองสะเปา วิถีคนเมือง

ผมเองมี 4 ชุดแล้วครับ มีชุดใหม่ออกมาแบบนี้ยิ่งน่าสนับสนุน


ไม่ได้มาเชียร์ แต่เป็นเรื่องจริง ผมเองฟังเพลงทุกแนวครับ ยอมรับว่าผมซื้อ cd audio ทั้งหลาย มีทั้งที่เขาว่าเอาไว้เทสนั้น เทสนี้ อิมเมจ อิมเมจ อวบอิ่ม ลงลึก กังวาน ใสปิ้ง ใสปิ้ง แต่ไม่เคยฟังจบแผ่นสักที  ต้องอันนี้  คำหล้า ธัญยพร จบทุกแผ่น สงสัยเป็นจิตวิญณาณของคนเมืองในตัวผม มันถึงได้อรรถรสขนาดนี้
อยากรู้จักผมตาม link เลย
http://www.htg2.net/index.php?topic=54264.0


ออฟไลน์ san

  • *****
    • กระทู้: 542
มาคุยด้วยคนครับ วันนีเอาสัก 1แผ่นครับ ขอโทษทีไม่มีภาพประกอบ
REBECCA PIDGEON           THE RAVEN   ค่าย chesky jd115   recorded February 12th,14th,15th 1994 at mastersound studios queens NY.
แผ่นนี้มีเพลงที่ผู้เล่นเครื่องเสียงนิยมฟังกัน และเป็นที่กล่าวถึงตามหน้านิตยสาร   โดยมีเพลงที่12 spanish harlem ได้ถูกคัดเลือกมาอยู่ในแผ่น ทดสอบการฟัง THE ULTIMATE DEMONSTRATION DISC  UD95ของค่ายเดียวกัน ( หน้าปกรูปใบหู 2ข้าง )   แค่นี้ก่อนครับ


ออฟไลน์ xthaix

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,924
    • เพศ:ชาย
  • *** ความกลมกลืนของสิ่งที่แตกต่าง ***
วันก่อนดู The Godfather ภาค1 พอดีสนใจคนที่เล่นเป็น Johnny Fontane (ได้ข่าวว่าคือ Frank Sinatra ในเรื่องจริง) กลายว่าเป็นตา Al Martino เป็นคนเล่น มิน่า....  O0 :headphone
คือโดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยชอบ Frank Sinatra เท่าไหร่ครับ... เออ มาบ่นไปงั้นแระ  :kicking




ออฟไลน์ SOUNDTUBE

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,451
    • เพศ:ชาย
ขอเริ่มด้วยนักร้องรุ่นเก่ามากๆที่ร้องเพลงได้ไพเราะเสนาะโสต ฟังแล้ว ผ่อนคลาย เสียงนุ่มนวลชวนฟังมาก มีเพลงที่ดังๆหลายเพลงที่นักร้องรุ่นหลังนำมาขับร้องใหม่หลายต่อหลายคนทีเดียวครับ เช่น เพลง weelcome to my world , He'll Have to go , Am i Losing you เป็นตัน และเพลงที่เกี่ยวกับคริสต์มาสที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป เช่น เพลง Silver Bells , Blue Chrismas , An Old Christmas Card ที่เป็นที่นิยมจนถึงทุกวันนี้  นักร้องร่วมสมัยของ Jim ได้แก่ Bing Crosby , Eddy Arnold , Frank Sinata แต่เสียดายอย่างยิ่ง Jim Reeves ต้องมาเสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร มีอายุเพียง 40 ปีเท่านั้น ไม่อย่างนั้น นักร้องรุ่นเดียวกันคงไม่ได้เกิดแน่
   Jim Reeves ขับขานเสียงเพลงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลมาก ให้ความอบอุ่นและฟังได้ไม่เบื่อ อีกทั้งผู้แต่งเพลงก็สร้างทำนองเพลงได้ไพเราะประกอบด้วยเสียงประสานที่กลมกลืนอย่างยอดเยี่ยม   
สงสัยผมคงจะแก่ไปหรือเปล่าหนอ ชอบฟังแต่เพลงพวก oldie มากๆ ฟังรุ่นปู่รุ่นย่า  คงอาจเป็นเพราะพวกป้าๆลุง เมื่อตอนสมัยผมเด็กๆชอบเปิดเพลงพวกนี้ เลยมันเข้าไปในอารมณ์ ฟังทีไร ก็ทำให้ผ่อนคลาย สบายๆเหมือนตอนเป็นเด็กครับ แปลกพึลึกดีนะ  อยากให้หนุ่มน้อย(เหลือน้อย)รีวิวเพลงเก่าๆแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบ้างนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว http://www.htg2.net/index.php?topic=23096.0


ออฟไลน์ SOUNDTUBE

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,451
    • เพศ:ชาย
 :whistling :kicking :wiggle :yahoo

ไม่อยากให้กระทู้นี้ อยู่ลึกครับ  อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้อง ในบอร์ดช่วย ลงแสดง :showoff เพราะมีกันทุกคนอยุ่แล้ว นักฟัง นักสร้าง ทั้งนั้น เห็นว่าเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากครับ จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ  บางท่านให้ความรู้ดีมากๆเลยครับ ยกให้เป็นกระทู้ทีชอบมากครับ O0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ตุลาคม, 2008, 06:48:16 pm โดย soundtube »
ข้อมูลส่วนตัว http://www.htg2.net/index.php?topic=23096.0


ออฟไลน์ xthaix

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,924
    • เพศ:ชาย
  • *** ความกลมกลืนของสิ่งที่แตกต่าง ***
DIZZY BIG 4 ผมมีแผ่นเสียงครับ สังกัด Pablo เป็นสังกัดที่มีคุณภาพ ศิลปินที่ออกแผ่นในสังกัดนี้เน้นความเป็นอาร์ทมากกว่าเน้นทางพาณิชย์ครับ
แผ่นของสังกัดนี้ที่ผมมีก็  Ella Fitzgerald "Fine and Mellow" ....  Joe Pass "Virtuoso" ....
หากมีโอกาสลองหาแผ่นสังกัด Pablo มาฟังครับ อาจไม่ถูกรสนิยม .....แต่  O0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ตุลาคม, 2008, 07:31:04 am โดย xthaix »


ออฟไลน์ SOUNDTUBE

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,451
    • เพศ:ชาย
อีกแผ่นหนึ่งไม่แพ้แผ่นข้างบน  มีแค่ 4 เพลง เพลงที่2-3 ยาวมาก เล่นได้สุดยอด นักดนตรีทั้งสองแผ่นนี้ เป็นสุดยอดที่มารวมตัวกัน ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ขอรบกวนท่านอื่นช่วยด้วยครับ :help
ข้อมูลส่วนตัว http://www.htg2.net/index.php?topic=23096.0


ออฟไลน์ SOUNDTUBE

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,451
    • เพศ:ชาย
DIZZY BIG 4  ไม่ทราบจะอธิบายไงดี  เป่าทรัมเป็ต ได้สุดยอด เล่นได้สุดยอดทุกชิ้น บันทึกมาดีมาก
ข้อมูลส่วนตัว http://www.htg2.net/index.php?topic=23096.0





ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
สำหรับอัลบั้มชุดล่าสุด สำหรับท่านที่ชื่นชอบเพลงประเภทบรรเลง หรือ Instrument Song หล่ะก็ อัลบั้มชุดนี้ถือว่าเป็นชุดที่น่าฟังอัลบั้มหนึ่งที่เดียวครับ
หลายท่านที่เคยสงสัยว่าชิ้นดนตรี เวทีเสียง ความลึกของชิ้นตนตรี หรือแม้แต่ตำแหน่งของชิ้นดนตรี หล่ะก็ งานนี้ท่านได้ทดสอบเครื่องท่านได้อย่างเต็มๆ

หากคุณเคยฟังแต่กลองยี่ปุ่น กลองจีน ลองมาฟังกลองไทยๆ เรามั้งครับ กับกลองปู่จา นึกกันเล่นๆ นะครับหากคุณฟังเสียงกลองปู่จ่าลูกเท่าไห   ลำโพงของคุณเอาไปกองนอกห้องได้เลยหล่ะครับ 

อัลบั้ม ชุดลำนำแห่งภูผา


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
สืบสานงานศิลป์ เพลงพิณเปี๊ยะ

กล่าวกันว่า เปี๊ยะ เป็นเครื่องดีดตระกูลพิณที่ไพเราะ เสียงเบา และ

เล่นยากที่สุดอย่างหนึ่งในบรรดาเครื่องดนตรีทั้งหมดทั้งมวล

ช่างดนตรีทางเหนือพูดเปรียบเปรยให้เข้าใจได้ง่ายว่า

"หัดเปี๊ยะ 3 ปี หัดปี่ 3 เดือน"

ก็เพราะการจะบรรเลงให้ได้ดีนั้น ต้อง

ใช้เทคนิคและความชำนาญเป็นอย่างมากผู้หัดจำต้องมีพื้นฐานทางดนตรีที่ดีมาก่อน การดีดก็ใช่ว่าจะธรรมดา ต้องดีดด้วยเทคนิค

ต้องดีดด้วยเทคนิคพิเศษที่เรียกว่า "ป๊อก" เพื่อให้เกิดเสียง คม ใส ดังก้องกังวาลนานกว่าเสียงธรรมดา ไม่เพียงมีวิธีดีดที่พิเศษ

เปี๊ยะยังมีโครงสร้างของระบบเสียงที่พิเศษอีกด้วยคือ เสียงที่เกิดจากการ "ป๊อก" จะส่งผ่านตามสายไปยังหัวเปี๊ยะ แล้วไหลผ่าน

ตามสายมายังกล่องเสียงซึ่งทำจากกะลามะพร้าวผ่าครึ่งที่แนบอยู่กับหน้าอกผู้เล่น คลื่นเสียงจะผ่านอากาศในช่องของกล่องเสียง

ไปสะท้อนกับแผ่นอก แล้วสะท้อนออกมาทางช่องว่างระหว่างกะลากับหน้าอก ผู้เล่นต้องปรับขนาดช่องว่างนี้ด้วยมือซ้ายเพียง

มือเดียว เพื่อให้ได้น้ำเสียงที่นุ่มนวลและทุ้มแหลม หนัก-เบา หรือโทนเสียงต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง เสียงลักษณะนี้เราจะไม่พบ

ในเครื่องดนตรีอื่นเลย

หลายคนยอมรับว่า เปี๊ยะ เป็นเครื่องดนตรีที่เล่นยาก มิใช่ว่าจะเล่นได้ทุกคน แม้จะพยายามฝึกหัดแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้

ในอดีต ชายหนุ่มผู้ใดที่เล่นเปี๊ยะได้จึงดูดีกว่าหนุ่มที่เล่นเครื่องดนตรี "พื้นๆ" อย่าง ขลุ่ย ปี่ สะล้อ ซึง ยามไปแอ่วสาวที่ตนหมายปอง

นอกจากเล่นเปี๊ยะตอนไปแอ่วสาวแล้วบรรดานัก "ป๊อก" เปี๊ยะทั้งหลายก็หยิบมาเล่นเพื่อเสพสุนทรีย์ทางดนตรีอันเกิดจาก

ฝีมือของตนเองในยามว่าง เพราะแม้จะมีเสียงอันไพเราะ แต่ค่าที่เสียงของเปี๊ยะเบามากเมื่อเทียบกับเครื่องดนตรีชนิดอื่น

จึงไม่เอื้อต่อการนำไป เล่นประกอบวง

เมื่อประมาณ 100 ปีมานี้ เกิดกรณีพิพาท คู่กรณีคู่กรณีฝ่ายหนึ่งใช้คัน เปี๊ยะ ตีหัวคู่อริถึงแก่ความตาย ทางการจึงประกาศ

ห้ามถือเปี๊ยะไป "ป๊อก" หรือดีดที่ไหน ๆ อย่างแต่ก่อนความนิยมจึงลดลงไปมาก ทั้งเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ค่านิยมในการแอ่วสาว

อย่างแต่ก่อนความนิยมจึงลดลงไปมาก ทั้งเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ค่านิยมในการแอ่วสาวแบบเก่าก็เปลี่ยนไปด้วย เปี๊ยะ ดี ๆ ซึ่ง

เล่นยากอยู่แล้วก็หายาก เสียง เปี๊ยะจึงค่อย ๆ ห่างหายไปจากสังคมคนเมืองมากขึ้นตามวันเวลา.....................

ปัจจุปันดูเหมือนชีวิตของเครื่องดนตรีโบราณและคลาสสิคชิ้นนี้ใกล้จะถึงคราวสิ้นสุดเต็มที แม้ว่า....ในช่วงเวลากว่า 10 ปี

ที่ผ่านมา นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จากสถาบันต่างๆ ต่างช่วยกันฟื้นฟูอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีคนกลับมาเล่นหรือให้ความสนใจ

เครื่องดีดชนิดนี้ โดยมี พ่ออุ๊ยแปง โนจา ชาวเชียงราย(ปัจจุปันเสียชีวิตแล้ว) พ่ออุ๊ยวัน กาเกิด พ่ออุ๊ยบุญมา ไชยมะโน นักดีดชาวเชียงใหม่เป็นครูคนสำคัญ

การฟื้นฟูเรียนรู้วิธีดีดเปี๊ยะ มีอุปสรรคมากมาย เริ่มตั้งแต่ขาดแคลนนักดนตรีและผู้รู้ที่จะอบรมฝึกสอน คนที่เล่นเป็นก็อายุมาก

และหยุดเล่นไปนานกว่า 40 ปี แล้วทั้งสิ้นทำให้เล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร ความรู้ที่มีอยู่ก็ไม่เป็นระบบ เปี๊ยะที่ดีมีคุณภาพก็ขาดแคลน

การจะผลิตเปี๊ยะขึ้นมาใหม่ให้ได้คุณภาพดีเป็นเรื่องยาก ส่วนของเก่าที่ดีก็มีน้อยลงไปทุกขณะ เพราะคนเล่นมีน้อยจึงไม่เก็บรักษาไว้

หัวเปี๊ยะซึ่งทำจากสำริดหล่อเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ อันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เปี๊ยะมีเสียงไพเราะก็หายาก ราคาแพง มีอยู่ก็แต่ในร้าน

ค้าของเก่าหรือกรุของนักสะสมเสียส่วนมาก การฝึกหัดเล่นให้เป็นนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง เพียงแต่ฟังให้เข้าถึงความไพเราะก็ยากพอดู

เพราะเสียงก็เบา และท่วงทำนองก็แปลกหูคนฟังสมัยใหม่ อุปสรรคเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่ แต่ความหวัง ความพยายามในการปลุก

ชีวิตก็ยังคงไม่หมดสิ้นเช่นกัน

(สุดารา สุจฉายา. เพื่อความเข้าใจในแผ่นดิน เชียงใหม่.กรุงเทพ : สำนักพิมพ์สารคดี,กุมภาพันธ์ 2540.)

พิณเปี๊ยะ เกือบสูญหายไปจากโลกนี้แล้ว ถ้าไม่มี อุ๊ยแปง โนจา อุ๊ยวัน ถาเกิด และอุ๊ยมา ไชยมะโน ช่วยกันฟื้นฟูรักษา

เหตุที่พิณเปี๊ยะไม่แพร่หลายก็เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงเบามากเล่นรวมกับเครื่องดนตรีอื่นไม่ได้

ท่วงทำนองและลีลาการเล่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คนเล่นและคนฟังต้องมีสมาธิ เสียงพิณเปี๊ยะที่แผ่วเบาและกังวาลนั้นเปรียบประดุจ

กระแสเสียงดนตรีที่เล่นให้เทวดาฟังนั่นเทียว

(คัดจากปกเทป ม่านไหมใยหมอก6 เสียงซึงสู่พิณเปี๊ยะ จรัล มโนเพ็ชร)

ผู้จัดทำมีความหวังอย่างยิ่งว่าคงได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ให้

"พิณเปี๊ยะ" ได้มีการรู้จักมากขึ้นและยินดีที่จะถ่ายทอด สอนวิธีการเล่น ให้แก่

ผู้สนใจทุก ๆ ท่าน เป็นอย่างยิ่ง



" เด็งปันเมา " นิยามแห่งความงาม

ถึงแม้การเล่นเปี๊ยะจะยาก แต่เสียงเปี๊ยะที่ได้นั้นคุ้มกับความยากเพราะเสียงอย่าง เด็ง นั้นมีความกังวาล หวาน ระคนวังเวง ชวนให้ผู้ฟังหลงใหล จนมีเรื่องหนึ่งพาดพิงไปถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย พระครูแก้ว กาวิไล เจ้าอาวาสวัดดอนมูล ตำบลป่าถ่อน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เล่าให้ฟังว่า ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยเสด็จประพาสเชียงใหม่ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี(ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ) ได้จัดนาฏศิลป์และดนตรีล้านนาถวาย ซึ่งมีการเล่นเปี๊ยะรวมอยู่ด้วยปรากฏว่า เปี๊ยะเป็นที่โปรดปรานที่สุด ในบรรดาการแสดงดนตรีทั้งหมดในคราวนั้น พ่อครูแปง โนจา อ้างว่า ความไพเราะของเสียงเปี๊ยะนั้น คนสมัยก่อนพูดเป็นคำสั้น ๆ กล่าวสืบต่อกันมาว่า ประดุจ " เด็งพันเมา " หรือ " ระฆังที่ชวนหลงใหลในฉับพลัน " คำสั้น ๆ สามพยางค์นี้มีความหมายมากเหลือเกินเพราะครอบคลุมเนื้อหาและวิธีการของ เปี๊ยะ ไว้หลายอย่าง แรกสุด คือคำว่า " เด็ง " นั้นคือดุริยศัพท์ล้านนาในความหมายเดียวกันกับดุริยศัพท์สากลว่า " ฮาร์โมนิค " นั่นเอง เพราะฝรั่งเองก็อธิบายคุณสมบัติของเสียงนี้ที่ได้จากสายลวดว่า " เหมือนระฆัง " คำว่า " ปันเมา " ก็เป็นได้ทั้งคุณศัพท์ขยายคำว่า เด็ง และเป็นคำแสดงความซาบซึ้งของผู้ฟังด้วย เมื่อรวมกันเป็น " เด็งปันเมา " จึงเป็นนิยามแห่งความงามอย่างแท้จริง ( ปัน เป็นกริยาช่วย มีความหมายในทางเร่งให้กริยาที่ตามหลังเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ชาวล้านนานิยมใช้สำนวนเป็นคู่ ๆ เช่น " ปันใหญ่ปันสูง " หรือ " ปันมั่งปันมี " ) ประการที่สอง คำว่า " เด็งปันเมา " ใช้หมายถึง เปี๊ยะก็ได้เป็นความหมายที่อยู่ในระดับอุดมคติด้วย ขณะเดียวกันจะใช้หมายถึงเสียงของ เปี๊ยะ ก็ได้ และเป็นอุดมคติเช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้เป็นจุดมุ่งหมายของการเล่น เปี๊ยะ ได้อีกด้วย คือต้องเล่นให้เป็น " เด็งปันเมา " จึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักเล่นเปี๊ยะที่แท้จริง (ประสิทธ์ เลียวสิริพงค์. แปง โนจา ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน-พิณเปี๊ยะ ). กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2538 .)



การเล่นเปี๊ยะ : การส่งดนตรีจากดวงใจ

เปี๊ยะเป็นเครื่องดนตรีที่ชาวบ้านในล้านนาไทยนิยมเล่นกันในสมัยหนึ่ง ปัจจุปันได้สูญหายไปจนเกือบหมด เปี๊ยะเป็นเครื่องดนตรีที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะของผู้ประดิษฐ์และผู้เล่นเป็นอย่างมาก เป็นเครื่องดนตรีระดับชาวบ้านที่ทำยากและราคาแพงที่สุด เสียงของเปี๊ยะก็มีลักษณะไพเราะและโอ่อ่าอลังการกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน แม้ว่าเสียงของเปี๊ยะที่ได้รับการบันทึกเอาไว้และนำมาเปิดสู่กันฟังก็ไม่ได้หมายมาจากยอดฝีมือในการเปี๊ยะ ก็สามารถสะกดคนฟัง ให้หลงใหลติดอกติดใจในเสียงของเปี๊ยะได้ไม่น้อย เปี๊ยะจึงสะท้อนภาพเอกลักษณ์ของสังคมล้านนาได้ค่อนข้างจะพิเศษ และชัดเจนกว่าเครื่องดนตรีที่ชาวบ้านนิยมกันโดยทั่วไป อาจกล่าวได้ว่าเปี๊ยะเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นยากมากที่สุดชนิดหนึ่ง ยากกว่าการเล่นกีตาร์คลาสสิค เพราะเสียงของเปี๊ยะเป็นเสียงแบบเสียง overtone ซึ่งทำให้เกิดตรงตามความตั้งใจได้ยาก การเล่นเปี๊ยะของล้านนาเท่าที่พบและจากการสัมภาษณ์ ไม่ปรากฏว่ามีการขับร้องประกอบ และไม่ค่อยจะผสมวง ความไพเราะของเสียงเปี๊ยะเป็นสิ่งที่เด่นอยู่มากแล้ว ดล้ายกับการเล่นดนตรีคลาสสิคอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีการขับร้องประกอบ ( สุรสิงห์สำรวม ฉิมพะเนาว์. แปง โนจา ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน-พิณเปี๊ยะ ). กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2538 . ) ในอดีตกาล โอกาสที่จะเล่นเปี๊ยะ เป็นการเล่นของพวกชายหนุ่มในยามออกไปเกี้ยวสาว การเกี้ยวสาวเป็นประเพณีของบ่าวหรือหนุ่มทางเหนือพอตกค่ำหลังจากเสร็จไร่นา บรรดาหนุ่ม ๆ มักไปหาสาวที่ตนกำลังหมายปองอยู่ ถ้าชายหนุ่มใดถือเปี๊ยะ ไปเล่นแล้ว จะมีภาษีดีกว่าหนุ่มที่เล่นเครื่องดนตรี " พื้น ๆ " อย่าง ขลุ่ย ปี่ หรือสะล้อ อีกอย่างเวลาเล่นเปี๊ยะ จำต้องถอดเสื้อทอนบนออกแล้วเอากระโหลกของเปี๊ยะ ครอบไว้บริเวณหัวใจด้วย และนี่คือที่มาของคำว่า " การส่งดนตรีจากดวงใจ "


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
งามหนอไหนมาเปรียบปาน....สายลมพลิ้วพัดผ่าน กาสะลองดอกน้อยกลีบบาน หอมนวลกรุ่นอวลซาบซ่าน ดังวิมานเพลงพิณ ใจข้าเจ้าถวิล โบกโบยบินคิดถึง บอกเมฆขาว ลมหนาวตราตรึง เสียงพิณปานสายซาบซึ้ง เฝ้ารำพึงถึงเธอ...”

ส่วนหนึ่งจากบทเพลง “เพลงพิณเปี๊ยะ” ที่แต่งคำร้อง/ทำนอง โดย “คำหล้า ธัญยพร” ซึ่งเป็นบทเพลงไทยพื้นบ้านภาคเหนือยอดเยี่ยม “รางวัลพระพิฆเนศทอง พระราชทาน” ครั้งที่ 6...(สามารถคลิกฟังบทเพลง "เพลงพิณเปี๊ยะ" ได้ที่มุมขวาบน)

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในงาน “เซรามิกแฟร์” แห่งเมืองรถม้า “ลำปาง” ในขณะที่ผมกำลังเดินเลือกซื้อแก้วกาแฟตราไก่อยู่เพลินๆ หูก็แว่วเสียงเพลงล้านนาที่มีเสียงเกากีตาร์ใสๆ และเสียงร้องใสๆ ของนักร้องสาวดังมาจากที่เวทีหน้าทางเข้า

งานนี้ผมรีบเลือกซื้อแก้วกาแฟ พร้อมกับเดินตามไปดูว่าเจ้าของเสียงเพลงกลิ่นอายล้านนาอันไพเราะเพราะพริ้งที่ “โดนใจ” (ผม) นั้นเป็นฝีมือของใครกัน

“คำหล้า ธัญยพร” เธอคือเจ้าของบทเพลงคนนั้น ที่เธอทั้งร้องและเล่นกีตาร์ (คนเดียว) สอดประสานกันไปได้อย่างไพเราะและลงตัว แถมภาษาที่ใช้ในบทเพลงนั้นสละสลวยน่าฟังมากๆ

ครั้นพอเธอเล่นจบด้วยความที่ยังติดใจในบทเพลงของเธอ ผมจึงเดินเข้าไปซื้อซีดีเพลงของเธอ พร้อมๆ กับถือโอกาสพูดคุยกับคำหล้าไปในตัว ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมทึ่งก็คือบทเพลงทั้ง 2 อัลบั้มนั้นเธอทำเองขายเอง แถมยังแต่งเนื้อร้องและทำนองเองกว่า 90 %

แต่กับสิ่งที่ทำให้ผมทึ่งยิ่งกว่าก็คือ เส้นทางชีวิตของเธอที่อุทิศให้กับดนตรีล้านนา ที่แม้ว่าจะต้องประสบกับอุปสรรคมากมาย แต่ว่าคำหล้าก็ยังคงสู้ไม่ถอยเพื่อดนตรีล้านนาที่เธอรัก ซึ่ง ณ วันนี้ดนตรีล้านนาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเธอไปแล้ว...

คำหล้า หรือ “ธัญยพร อุตธรรมชัย” ได้เล่าถึงเส้นทางดนตรีของเธอให้ผมฟังหลังจากที่เราพูดคุยกันว่า เธอหัดเล่นกีตาร์เพราะความบังเอิญในสมัยเมื่อยังเป็นเด็กประมาณ ป.4 ที่บ้านของเธอเป็นร้านตัดผม โดยช่วงนั้นพี่สาวของคำหล้า 3 คนกำลังเข้าสู่วัยแรกรุ่น อันเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ในหมู่บ้านหลายๆ คน

หนุ่มๆ เหล่านั้นต่างก็แวะเวียนเทียวไล้เทียวขื่อมาจีบพี่สาว ซึ่งมีบางคนเลือกใช้วิธีการเข้าทางน้องสาวคือคำหล้า ด้วยการทำทีหาเรื่องมาสอนกีตาร์ให้ พอได้จังหวะก็โดดไปจีบพี่สาว ซึ่งมีคนใช้วิธีนี้กัน 2-3 คน ทำให้อานิสงส์การจีบพี่สาวของหนุ่มๆ ตกมาถึงคำหล้า คือแทบทุกเย็นจะมีหนุ่มๆ มาสอนเธอเล่นกีตาร์ และทำให้เธอเล่นกีตาร์เป็นขึ้นมาอย่างไม่ยากเย็น

“เพลงแรกที่คำหล้าหัดเล่นก็คือเพลง “Why do I Love You so” จากนั้นก็เล่นดนตรีเรื่อยมา จนไปเรียนอยู่ที่มหา'ลัยรามคำแหง คำหล้าก็ได้เล่นดนตรีหากินอย่างเป็นจริงเป็นจัง” คำหล้าเล่าให้ผมฟัง

สมัยนั้น (10 กว่าปีที่แล้ว) คำหล้าเล่นเพลงทั่วไปตามสมัยนิยม แต่ว่าด้วยความที่เธอมีสายเลือดล้านนาโดยกำเนิด (คำหล้าเกิดที่เชียงราย แล้วย้ายไปอยู่แพร่ พะเยา (เริ่มหัดเล่นกีตาร์) ไปเรียนที่กรุงเทพฯ กลับมาอยู่ลำปาง) ทำให้วิถีแห่งล้านนากับวิถีชีวิตเธอผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก

นอกจากนี้คำหล้ายังเป็นคนที่หลงใหลในเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมล้านนา รวมถึงเธอยังชื่นชอบบทเพลงของ “จรัล มโนเพ็ชร” ผู้ล่วงลับเป็นพิเศษ ซึ่งคำหล้านับถือจรัลเป็นหนึ่งในครูเพลงล้านนาคนสำคัญ โดยสิ่งที่เธอยังภาคภูมิใจอยู่จนทุกวันนี้ก็คือเธอได้มีโอกาสร่วมร้องเพลง “น้อยใจยา” กับจรัลในคอนเสิร์ต “พ่อจ๋าแม่จ๋าหนูหนาวจัง” ในวันที่ 1 ธันวาคม 2543 ซึ่งคำหล้าถือเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่ร้องเพลงน้อยใจยา คู่กับจรัล มโนเพ็ชร

แล้วด้วยความที่วิถีความเป็นล้านนาได้ซึมลึกเข้าในสายเลือด คำหล้าจึงใช้เวลา 3 ปีตั้งหน้าตั้งตาเขียนเพลงเพื่อนำเสนอเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว และวิถีชีวิตแห่งล้านนา ผ่านบทเพลงโฟล์กซองคำเมืองที่มีความงดงามในภาษา ตลอดจนดนตรีใสๆ ผสมผสานกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนาอย่างขลุ่ยหลิบ ปี่จุม พิณเปี๊ยะ กลองปู่จา ก่อนที่คำหล้าจะตัดสินใจเดินเข้าหานายทุนเพื่อออกอัลบั้มแรกของตัวเอง ในชื่อชุด “เพลงพิณเปี๊ยะ”

แต่ก็เหมือนดังนรกชัง สวรรค์แกล้ง อัลบั้ม “เพลงพิณเปี๊ยะ” ขายไม่ออก แถมนายทุนยังเอาเปรียบเธอเรื่องสัญญาอีก

เมื่อความอดทนถึงขีดสุด คำหล้าเลือกฉีกสัญญายอมหาเงินใช้หนี้ โดยเธอขอนำงานเพลงชุดพิณเปี๊ยะออกวางขายเอง

“ชีวิตช่วงนั้นมี 2 ทางเลือก คือจะทำต่อหรือจะเลิก แต่คำหล้าเลือกที่จะทำต่อเพราะว่านี่คือความฝันของเรา และก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว คำหล้าจึงออกตระเวนขี่รถเครื่องสะพายกีตาร์เล่นดนตรี สำหรับชีวิตช่วงนี้ลำบากมากนอกจากต้องอดมื้อกินมื้อแล้วยังต้องระหกระเหินเดินทางเกือบทุกวันไปในเส้นทางลำปาง-เชียงใหม่ ที่ทั้งเปลี่ยว ทั้งน่ากลัว ขึ้นเขาลงเขา บางวันก็ต้องขี่รถฝ่าสายฝนเปียกโชก และทุกครั้งที่พอถึงดอยขุนตานก็จะแวะกราบไหว้เจ้าพ่อขุนตาน ขออย่าให้เกิดอุบัติเหตุ ขอให้งานสำเร็จไปด้วยดี และขอให้งานเพลงขายได้ด้วย” คำหล้าเล่ามรสุมชีวิต

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นมา สวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ อัลบั้มเพลงพิณเปี๊ยะขายได้เรื่อยๆ ทำให้เธอมีเงินมาใช้หนี้ และมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างในภาคเหนือ และด้วยความที่คำหล้าได้กำลังใจจากพี่ๆ เพื่อนๆ ในแวดวงเพลงล้านนา เธอจึงหาเงินมาทำอัลบั้มที่สองต่อ นั่นก็คือ อัลบั้ม “มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร” ที่นำเอาเรื่องราวน่าสนใจของเมืองลำปางมาเรียงร้อยเป็นบทเพลง ไม่ว่าจะเป็น นิราศพระธาตุลำปางหลวง รถม้าม่วนใจ๋ ถ้วยก๋าไก่ เอื้องหลวงขุนตาน แอ่วเขลางค์นคร

ดูเหมือนว่าชีวิตหลังการทำอัลบั้มที่ 2 ของคำหล้าจะดีขึ้น เพราะว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่และหลายหน่วยงานในลำปางเริ่มเห็นคุณค่าให้การสนับสนุนสปอนเซอร์คำหล้ามากขึ้น ส่วนตามโรงเรียนต่างๆ ในภาคเหนือก็นิยมนำงานเพลงของเธอไปใช้ประกอบการเรียนการสอน ในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในภาคเหนือ

ซึ่งในช่วงที่ผมเจอกับคำหล้าเมื่อ 2 ปีที่แล้วนั้น เธอเริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงภาคเหนือพอสมควร แต่ว่าชีวิตของคำหล้านั้นก็ยังคงตระเวนขี่มอเตอร์ไซค์เล่นดนตรีขายแผ่นซีดีเหมือนเดิม...

หลังจากซื้อเพลงของคำหล้ามาฟังได้ไม่นานผมก็แทบลืมซีดีเพลงของเธอไปเลย และยิ่งในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาผมถูกทีวี วิทยุ เปิดเพลง “ไว้ใจได้กา” ของ “ลานนา คัมมินส์” กรอกหูอยู่เป็นประจำ ทำให้ผมลืมเพลงของคำหล้าไปเสียสนิท

จนเมื่อในคืนวันนัดชิงเอฟเอคัพระหว่างแมนฯ ยู กับอาร์เซนอล เมื่อคืนวันที่ 21 พ.ค. ในขณะที่รอชมการถ่ายทอดสดทางทีวีช่องหนึ่ง ผมก็เปลี่ยนทีวีไปอีกช่องแก้เซ็ง ซึ่งช่องนั้นกำลังเริ่มถ่ายทอดการประกาศผล “รางวัลพระพิฆเนศทอง พระราชทาน” อยู่พอดี

โดยในช่วงที่ผมเปลี่ยนช่องไปดูนั้น ผมเห็นคำหล้าเธอเดินขึ้นไปรับรางวัล “เพลงไทยพื้นบ้านภาคเหนือยอดเยี่ยม” ในบทเพลง “เพลงพิณเปี๊ยะ” ซึ่งเพลงของเธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลนี้ถึง 3 เพลง คือ เพลงพิณเปี๊ยะ (ได้รับรางวัล) ล่องสะเปา และ วิถีคนเมือง

และนั่นก็เป็นการจุดอารมณ์ให้ผมไปหยิบเพลงของคำหล้ามาฟังอีกครั้ง

ครั้นเมื่อได้โอกาสเหมาะผมก็โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับเธอ ซึ่งคำหล้าได้บอกว่านี่คือรางวัลสูงสุดในชีวิตของเธอที่ได้รับเป็นรางวัลที่เธอภูมิใจมาก นับว่าสิ่งที่เธอทุ่มเททำไปนั้นไม่สูญเปล่า

ส่วนสิ่งที่ผมฟังแล้วรู้สึกหัวร่อไม่ได้ ร่ำไห้มิออก ก็คือพอคำหล้าได้รางวัลก็มีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเล็งเจาะตลาดเพลงภาคเหนือเข้ามาชักชวนเธอไปสังกัดค่าย โดยจะให้คำหล้าไปเป็นคนแต่งเพลงป้อนให้นักร้อง ซึ่งทางค่ายนั้นได้ส่งแมวมองหานักร้องไว้แล้ว ส่วนคำหล้านั้นเมื่อเธอเกิดมาไม่สวยก็ให้เป็นคนเบื้องหลังก็แล้วกัน

แต่กับสิ่งที่น่ายินดีก็คืองานนี้คำหล้าเธอไม่ยอมเดินเข้าค่ายเพลง (ใหญ่) ซึ่งถึงแม้ว่าจะมันจะทำให้เธอมีเงินใช้และมีความอยู่ที่สบายขึ้น แต่คำหล้าเลือกที่จะมาใช้ชีวิตลำบากทำเพลงเอง ตระเวนขายเพลงเองมากกว่า โดยล่าสุดช่วงที่ผมคุยกับเธอ คำหล้าเพิ่งประสบอุบัติเหตุขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งซีดีเพลงแล้วพอดีถูกรถเก๋งเปิดประตูเข้ามาชน ทำให้เธอต้องไปนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเสียหลายวัน แต่กระนั้นเธอก็ยังยืนยันการทำเพลงที่ไม่อิงกับกระแสธารธุรกิจอย่างบ้าคลั่งจนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม

“เมื่อเข้าค่ายเพลงเราจะถูกนายทุนกำหนดชีวิตและการทำงานของเรา สู้อยู่อย่างนี้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องอดบ้างแต่ว่าคำหล้าก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราฝัน สิ่งที่เรารัก”

นั่นคือสิ่งที่คำหล้าบอกกับผม นอกจากนี้คำหล้ายังบอกอีกว่า ส่วนหนึ่งที่วงการเพลงล้านนามีการพัฒนาช้า ก็เพราะว่านักดนตรีเก่งในภาคเหนือหลายๆ คนติดสังกัดค่ายเพลง ซึ่งทำให้ไม่สามารถนำความรู้และฝีมือไปพัฒนาวงการเพลงล้านนาได้เท่าที่ควร เนื่องจากว่าหากจะทำอะไร อาทิ แค่เพียงช่วยเล่นดนตรีให้ก็ไม่ได้ถ้าค่ายเพลงไม่อนุญาต ทำให้วงการเพลงล้านนาไม่เดินหน้าไปเท่าที่ควร...

ณ วันนี้แม้ว่าผลพวงจากรางวัลจะทำให้เพลงของคำหล้าขายได้มากขึ้น และเธอมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ว่าเธอก็ยังคงขี่ตระเวนขี่มอเตอร์ไซค์เล่นดนตรีขายแผ่นซีดีเหมือนเดิม นอกจากนี้คำหล้ากับกลุ่มเพื่อนๆ นักดนตรีล้านนายังได้รวมตัวกันถ่ายทอดดนตรี และศิลปวัฒนธรรมแก่เยาวชนที่สนใจ เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้จิตวิญญาณความเป็นล้านนาถูกกระแสบริโภคนิยมกลืนกินหายไปจากผืนแผ่นดินไทย

ซึ่งสำหรับผมแล้วเห็นว่าคนประเภทคำหล้าหรือคนเล็กๆ ที่ต่อสู้เพื่อศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตัวเอง เป็นบุคคลที่กระทรวงวัฒนธรรมน่าจะส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเยาวชนคนรุ่นใหม่รัก หวงแหน และเห็นคุณค่าในท้องถิ่นของตัวเอง ก็จะนำไปสู่สำนึกรักบ้านเกิด รักท้องถิ่น รักจังหวัดของตัวเอง อันนำไปสู่ความรักชาติที่ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดให้ร้องเพลงชาติใน 6 เวอร์ชันแต่อย่างใด?!?


๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ คอลัมน์ท่องเที่ยว โดย ปิ่น บุตรี


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณๆ ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ

การที่เราจะฟังเพลง หรือชมงานศิลป์ของใครสักคน การที่เราได้ทราบประวัติความเป็นมาของบุคคลนั้นก็คงจะเป็นสิ่งที่จะทำให้เรารับฟังได้ อรรถ อารมณ์ไม่มากก็น้อยจริงไหมครับ

แนะนำปิ่น ศิลป์กวีลานนา ปี๋คำหล้า ธัญยพร

ปี๋คำหล้า ธัญยพร ผมเองก็ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากผมชอบฟังดนตรีของล้านนา และก็พยายามสืบเสาะหาเพลงของศิลปินล้านนาต่าง ๆ ฟัง ซึ่งนอกเหนือจากที่ชาวบ้านเขารู้จักและฟัง ๆ กัน และพอได้ฟังเสียงของปี๋เขา ก็รู้สึกอย่างหนึ่งคือ ปี๋เขาสามารถเป็นเงาเสียงของพี่แอ๊ด ได้ดีไม่แพ้ ปี๋อ้อม ไม้เมือง


และยิ่งได้ทราบการเดินทางบนเส้นทางสายดนตรี ต้องยอมรับว่าเป็นสาวศิลปิน "ใต้ดิน" เพียงคนเดียว ที่เดินโดยลำพัง ผ่านขวากหนามมาไม่น้อยหน้า ศิลปิน "ใต้ดิน" ผู้ชายคนอื่น ๆ  มาติดตามเรื่องราวของปี๋คำหล้ากันครับ  ต้องบอกก่อนว่า เรื่องของปี๋คำหล้านี้ ละเอียดและยาวมาก ผมขอตัดทอนนำมา re-write ใหม่ และจะติดตามโดยละเอียดได้จากลิ้งค์ด้านล่างที่ให้เครดิตไว้นะคะ


เส้นทางสายดนตรีของ คำหล้า ธัญยพร เริ่มต้นขึ้นในวัยเด็ก เมื่อครั้งที่ยังเรียนอยู่ขั้นประถม 4 ได้เริ่มหัดเล่นกีต้าร์ โดยมีเพื่อน ๆ ของพี่สาวทั้ง 3 คน แวะเวียนมาช่วยกันสอนให้  และก็ได้เล่นดนตรีมาเรื่อยจนกระทั่งเข้าเรียนที่ ม. รามคำแหง จึงได้เล่นอย่างจริง ๆ จัง ๆ


โดยเริ่มแรกเธอเล่นเพลงสมัยนิยมทั่วไป แต่เนื่องจากความที่เป็นชาวล้านนาโดยกำเนิด (เกิดที่เชียงราย แล้วย้ายไปอยู่แพร่ พะเยา (เริ่มหัดเล่นกีตาร์) ไปเรียนที่กรุงเทพฯ กลับมาอยู่ลำปาง) ทำให้เธอไม่เคยลืมตัวว่าเธอเป็นใคร และพูดสำเนียงอะไร


คำหล้าเป็นผู้หญิงเหนือที่รักศิลปและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ล้านนามาก เธอเริ่มเขียนเพลงเพื่อนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมล้านนา ใช้เวลา 3 ปี ผลิตผลงานผ่านบทเพลงโฟล์คซองคำเมือง ด้วยการใช้ดนตรีโฟล์คซองผสมเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจรัล มโนเพ็ชร จนกระทั่งวันหนึ่ง.....


เธอได้เดินเข้าหา "ค่าย" เพื่อนำผลงานอันมีค่าแก่เมืองเหนือ เพื่อออกอัลบั้มแรก ในชุด "เพลงพิณเปี๊ยะ"  แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เพลงขายไม่ได้ และโดนเอาเปรียบในเรื่องของสัญญา และเมื่อถึงที่สุดที่เธอจะต้องเลือกที่จะหาเงินเพื่อ "ใช้หนี้" เธอตัดสินใจ "ฉีกสัญญา" นั้นและนำเพลงชุด "พิณเปี๊ยะ" ออกวางขายเอง


ด้วยการออกตระเวนขี่รถเครื่องสะพายกีตาร์เล่นดนตรี ชีวิตในเวลานั้นลำบากมากต้องอดมื้อกินมื้อ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อต่อการที่จะต้องเดินทางเกือบทุกวันไปในเส้นทางลำปาง-เชียงใหม่ ที่ทั้งเปลี่ยว ทั้งน่ากลัว ขึ้นเขาลงเขา และในบางวันก็ต้องขี่รถฝ่าสายฝนเปียกโชก สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอคือ "เจ้าพ่อขุนตาล" ที่เธอมักแวะไปกราบไหว้ขอพรให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุในแต่ละวัน


เมื่อเธอออกมาขายเพลงเอง เดินทางเล่น "เปิดหมวก" อัลบั้ม "เพลงพิณเปี๊ยะ" กลับขาวได้ดี ทำให้เธอมีเงินใช้หนี้และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักขึ้นมา จึงหาเงินมาทำอัลบั้มที่ 2 ในชุด "มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร"  และทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น มีผู้ให้การสนับสนุนเธอมากขึ้น โรงเรียนต่าง ๆ นำเพลงของเธอไปใช้ประกอบการเรียนเกือบทุกโรงเรียน


และผลแห่งความพากเพียร ไม่ย่อท้อต่อการสร้างสรรค์ เผยแพร่ ความเป็นล้านนาแท้ ๆ ของเธอ ทำให้เธอได้รับรางวัล รางวัลพระพิฆเนศทอง พระราชทาน สาขา เพลงไทยพื้นบ้านภาคเหนือยอดเยี่ยม ในบทเพลง เพลงพิณเปี๊ยะ (21 พ.ค. 2548)


หลังจากได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้แล้ว มีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ข้ามาชักชวนเธอไปสังกัดค่าย โดยให้คำหล้าไปเป็นคนแต่งเพลงป้อนให้นักร้อง ส่วนเธอก็ให้เป็นคนเบื้องหลังเขียนเพลงป้อนให้ศิลปิน และสิ่งหนึ่งที่ผมได้อ่านแล้วรู้สึกภูมิใจในตัวปี๋สาวคนนี้มากก็คือ


เธอไม่ยอมเดินเข้าค่ายเพลง (ใหญ่) ที่จะทำให้เธอมีเงินใช้และมีความอยู่ที่สบายขึ้น แต่เธอเลือกที่จะเป็นศิลปิน "ใต้ดิน" และเดินทางเผยแพร่ผลงานอนุรักษ์ความเป็นล้านนา ด้วยมอเตอร์ไซด์ และ กีต้าร์คู่ชีพ จนทุกวันนี้....


ผมนำเรื่องของปี๋คำหล้ามาเสนอด้วยความชื่นชมที่เธอเป็นคนที่ต่อสู้เพื่อศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตัวเอง และหลายคนอาจจะไม่รู้จัก "พิณเปี๊ยะ" ว่ามีหน้าตา และ เสียงอย่างไร แล้วจะเอามาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ตุลาคม, 2008, 09:32:53 am โดย PajoneC »


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
การเปลี่ยนแปลงของดนตรีพื้นเมือง

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ชาวล้านนามีโอกาสรับอิทธิพลจากต่างถิ่นโดยเฉพาะไทยภาคกลาง ทำให้วิถีชีวิตต่างๆ พลอยเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยเฉพาะทางด้านดนตรีแล้วก็นับว่าได้รับผลกระทบส่วนนี้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย เช่น

๑. การเปลี่ยนแปลงลักษณะของเครื่องดนตรี

เครื่องดนตรีที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ก็คือเครื่องดนตรีที่รู้จักกันดีคือสะล้อและซึง ส่วนเครื่องดนตรีชนิดอื่นนั้นไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก บางอย่างก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย เช่น ปี่ การเปลี่ยนแปลงตัวเครื่องดนตรีนั้นพอจะแบ่งได้สองอย่าง คือการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรีแต่ดั้งเดิมมาใช้วัสดุอื่นๆ แทน และอีกข้อหนึ่งก็คือการเปลี่ยนรูปร่างสัดส่วนของเครื่องดนตรี มีเครื่องดนตรีล้านนาที่พอจะอธิบายได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ได้แก่

ซึง เป็นเครื่องดนตรีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากของเดิมมากที่สุดในบรรดาเครื่องดนตรีพื้นเมือง แต่เดิมนั้นไม้ที่ใช้ทำซึงส่วนมากนิยมที่จะใช้ไม้สัก แต่ต่อมาเนื่องจากไม้สักเป็นไม้ที่มีราคาแพงและห้ามตัด จึงหันมานิยมที่จะใช้ไม้แดงแทนเพราะราคาถูก ส่วนเรื่องคุณสมบัติของไม้แดงก็ใกล้เคียงกันอีกทั้งยังเป็นไม้ที่หาง่ายกว่าไม้สักอีกด้วย รูปร่างของซึงแต่เดิมนั่นมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากเท่าใดนัก ซึงใหญ่ยังมีขนาดเล็กกว่ากีตาร์เสียด้วย แต่ปัจจุบันถูกดัดแปลงให้มีขนาดเท่ากีตาร์ก็มี มีการเสริมแต่งโดยการวาดลวดลาย ลงสี หรือแกะสลัก ตลอดจนการทาชะแล็กบนซึงเพื่อให้สวยงาม ทั้งนี้เพราะซึงมักถูกนำขายไปเป็นเครื่องประดับบ้านแทนที่จะนำไปเล่นดนตรี ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ของซึงที่ถูกนำวัสดุอื่นๆ ใช้แทนของเดิม ได้แก่ สายซึง ซึ่งแต่เดิมสายซึงนั้นนิยมที่จะใช้สายห้ามล้อจักรยานเท่านั้น แต่ปัจจุบันนิยมที่จะใช้สายกีตาร์แทน ลูกบิดที่ใช้ตั้งสายซึงที่เคยทำจากไม้ ก็เปลี่ยนมาใช้ลูกบิดของกีตาร์แทนเพราะสะดวกกว่าในการตั้งสายซึง ที่ใช้สำหรับดีดซึงจะใช้เขาสัตว์ดีด แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีแล้วหันมาใช้พลาสติกดีดแทน
สะล้อ รูปร่างของสะล้อโดยทั่วๆไปแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือยังใช้กะลามะพร้าวและไม้สักที่เป็นองค์ประกอบสำคัญทำอยู่ แต่ส่วนมีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ สายสะล้อแต่เดิมนิยมที่จะใช้สายห้ามล้อจักรยานเท่านั้น ปัจจุบันบางคนหันมาใช้สายกีตาร์แทน สายคันชักก็เช่นกันนิยมที่จะใช้หางม้าหรือไม่ก็ใช้สายไนลอน แต่ปัจจุบันจะนิยมใช้สายไนลอนเกือบทั้งหมด

๒. การประยุกต์วงดนตรีแห่กลองเต่งถิ้งมาเป็นวงดนตรีแห่ประยุกต์

วงแห่กลองเติ่งถิ้งเป็นวงดนตรีปี่พาทย์ของล้านนาใช้เล่นในงานศพ และงานฟ้อนผีมอ-ผีเมง ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ยังเป็นการเปลี่ยนในลักษณะที่ยังคงของเก่าก็ยังมีอยู่ เดิมเครื่องดนตรีประกอบด้วย กลองเต่งถิ้ง กลองตัด แนหลวง แนน้อย พาทย์เอก พาทย์ทุ้ม พาทย์เหล็ก ฆ้องวง ฉิ่ง และสว่า(ฉาบ) เพลงที่เล่นจะเล่นทั้งพื้นเมืองของล้านนาเองและเพลงไทยเดิมของทางภาคกลางเป็นเวลานานแล้ว จนทำนักดนตรีของล้านนาบางคนเกิดความเข้าใจผิดว่าเพลงที่ตนเองเล่นนั้นเป็นเพลงพื้นเมืองหรือเป็นเพลงไทยเดิมกันแน่ และที่สำคัญที่สุดคือการเรียกชื่อเพลงตามความเข้าใจของตนเอง บางครั้งเพลงเดียวอาจมีหลายชื่อก็ได้

ต่อมามีการนำเพลงลูกทุ่งโดยยังใช้เครื่องดนตรีเท่าที่มีอยู่บรรเลง ปัจจุบันนอกจากจะได้รับอิทธิพลเพลงสมัยใหม่ได้แก่ เพลงลูกทุ่งแล้ว ยังมีเพลงอีกประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ได้แก่ เพลงสตริง ซึ่งก็นำมาบรรเลงด้วยการนำเพลงเหล่านี้มาเล่นทำให้วงดนตรีพื้นเมืองประเภทนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสูงมากเพราะเริ่มมีการนำเครื่องดนตรีสากลเข้ามาประสมวงด้วย ได้แก่ กีตาร์ เบส กลองแจ๊ส (กลองชุด) กลองทอม แทมบูลีน เป็นต้น การประยุกต์เช่นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนชื่อที่เรียกไปอีกเป็น “ วงดนตรีแห่พื้นเมืองประยุกต์ ”

เท่าที่สำรวจข้อมูลมาได้ทราบว่า วงดนตรีที่มีการประยุกต์เป็นวงแรกคือ “ วงกู่เสือสามัคคี ” โดยมีแนวความคิดว่าถ้านำเครื่องดนตรีสากลมาเล่นด้วยคงดี เพราะขณะนั้นก็มีการนำทำนองเพลงสมัยใหม่มาเล่นบ้างแล้ว จึงคิดว่า ถ้าหากนำมาประสมวงแล้วอาจจะทำให้การเล่นทำนองเพลงสมัยใหม่ไพเราะยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าการประยุกต์ได้เริ่มจากการเล่นในทำนองสมัยใหม่ แต่ยังใช้เครื่องดนตรีพื้นเมืองบรรเลงอยู่ ต่อมาได้มีการเพิ่มเครื่องขยายเสียงและเครื่องดนตรีสากลเข้ามาร่วม(ดูเพิ่มเติมจากเรื่องที่มีชื่อเครื่องดนตรีต่าง ๆ เช่น กลอง ซึง ปี่ สะล้อ)


ที่มาอ้างอิง
http://lanna.mju.ac.th/lannaunique_station_detail.php?recordID=3
(ปรับปรุงจาก ข้อมูลในโครงการข้อสนเทศล้านนาคดีศึกษา โครงการศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2531)


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ประเภทของบทเพลงพื้นบ้าน

บทเพลงพื้นบ้านของล้านนาก็มีเป็นบทเพลงเก่าแก่ของชาวล้านนาเอง เป็นบทเพลงที่มีนิยมกันมานานดังปรากฏในวรรณคดีโบราณ เพลงพื้นบ้านภาคเหนือจัดแบ่งเพลงตามรูปการแสดงออก โดยคำนึงถึงองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือดนตรีและเนื้อร้อง ซึ่งจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ๓ ประเภท ดังนี้

•  เพลงที่ไม่มีเนื้อร้องหรือเพลงบรรเลง

•  เพลงที่มีเนื้อร้องโดยไม่มีดนตรีประกอบ

•  เพลงผสมหรือเพลงที่มีทั้งเนื้อร้องและดนตรีประกอบ

ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

๑. เพลงที่ไม่มีเนื้อร้องหรือเพลงบรรเลง หมายถึง เพลงที่เกิดจากการบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีล้วนๆ โดยไม่มีการขับร้อง เพลงประเภทนี้มีทั้งการบรรเลงเดี่ยวๆ และการเล่นประสมวง โอกาสในการเล่นดนตรีมีทั้งการเล่นขับกล่อมอารมณ์ในยามว่าง การเล่นดนตรีของชายหนุ่มเวลาไปแอ่วสาวในตอนกลางคืน และการเล่นในงานฉลองรื่นเริงหรือในพิธีกรรมต่างๆ เป็นต้น

เพลงบรรเลงเก่าแก่ของภาคเหนือที่สืบทอดมาแต่โบราณมีอยู่ไม่มากนัก มักจะมีลักษณะเรียบง่าย เป็นทำนองสั้นๆ บรรเลงกลับไปกลับมา นอกจากนั้นก็จะพบว่าชื่อทำนองเพลงเดียวกัน แต่ผู้เล่นอาจจะบรรเลงแตกต่างกันออกไปคนละทางก็ได้ หรือบางทีเพลงเดียวกันแต่ถูกเรียกชื่อต่างกันอันเป็นลักษณะธรรมดาของเพลงพื้นบ้าน เพลงบรรเลงเหล่านี้ ได้แก่ เพลงปราสาทไหว เพลงขงเบ้ง เพลงฤาษีหลงถ้ำ เพลงกุหลาบเชียงใหม่ เพลงล่องแม่ปิง เพลงพม่า เพลงเงี้ยว (ไทใหญ่) เพลงจะปุ เป็นต้น ส่วนการจดบันทึกนั้น แต่เดิมแล้วเพลงล้านนาจะไม่มีการจดบันทึกเป็นตัวโน้ต (เพิ่งมามีภายหลัง) การสืบทอดจะใช้วิธีที่ต้องฟังเพลงบ่อยๆ จนจำทำนองให้ได้ก่อนแล้วจึงไปฝึกทักษะการเล่นเพิ่มเติมทีหลังซึ่งวิธีสืบทอดแบบนี้ก็ยังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน

เพลงบรรเลงบางเพลงเป็นเพลงที่ใช้ให้จังหวะประกอบในการฟ้อนต่างๆ เช่น เพลงประกอบการฟ้อนแห่ครัวทาน (ฟ้อนเล็บ) ฟ้อนเชิง ฟ้อนดาบ ฟ้อนนางนก (กิงกะหร่า) ฟ้อนผีมด-ผีเมง เป็นต้น

•  เพลงที่มีเนื้อร้องแต่ไม่มีดนตรีประกอบ คือ ลักษณะของการขับร้องเพลงพื้นบ้นที่จดจำ

ทำนองและเนื้อร้อยสืบทอดกันต่อๆมา ใช้ร้องกันเล่นคือ ช้อย (อ่าน “ จ๊อย ” ) หรือบทขับทำนองเสนาะ ซึ่งเมื่อขับจากเนื้อความที่เป็นคำประพันธ์ประเภทคร่าว-ค่าว (อ่าน “ ค่าว ” ) ก็จะเรียกว่า ช้อย แต่หากขับจากขับจากเนื้อความที่เป็นคำประพันธ์ประเภทโคลง จะเรียกว่า ช้อยโคลง (อ่าน “ จ๊อยกะโลง ” )

ทั้งการช้อยคร่าวและช้อยโคลงนั้น หากเป็นการขับเพื่อความสนุกสนานอย่างง่ายๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีดนตรีประกอบ แต่หากเป็นการขับที่ต้องการแสดงออกถึงความประณีตแล้ว ในการช้อยจากคร่าวนั้น นิยมใช้สะล้อคลอประกอบ แต่หากเป็นการช้อยโคลงแล้ว ถือว่าหากคลอด้วยเพียะ ก็จะสอดคล้องกันได้ดีอย่างยิ่ง

การช้อยคร่าว คือลำนำเพลงที่ขับร้อง เป็นการขับร้องเดี่ยว ทอดเสียงยาวตามลีลา โดยมากหนุ่มมักจะขับเวลาไปแอ่วสาวในตอนกลางคืนตามประเพณีโบราณ ซึ่งในปัจจุบันจะหาฟังได้ยาก แต่ก็ยังมีอยู่บ้างตามงานต่างๆ ที่มีการนำซอไปแสดงในงาน โดยช่างซอจะเป็นผู้ขับ มีลักษณะคล้ายการขับเสภาในภาคกลาง ช้อยมีหลายทำนองด้วยกัน คือ

๑) ทำนองโก่งเฮียวบง นิยมช้อยตามงานศพ ทำนองธรรมดา จังหวะช้า แสดงถึงความอาลัย โศกเศร้า

๒) ทำนองม้าย่ำไฟ นิยมช้อยเนื้อความที่ยาวแต่ต้องการเก็บข้อความได้มากๆ แต่เอื้อนไปทางปลาย ทำนองนี้นิยมช้อยเวลาหนุ่มไปแอ่วสาวตอนกลางคืน

๓) ทำนองวิงวอน หรือช้อยเชียงแสน หรือช้อยกะโลง นิยมช้อยในตอนที่ตัวละครถึงบทโศกเศร้าสลด ต้องการให้คนฟังมีความโศกสลดตามไปด้วย นับเป็นทำนองที่ใช้เสียงมากที่สุด หากคนขับเก่งและเสียงเพราะ จะทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความวังเวง

ทำนองทั่วไปของช้อยคือร้องติดต่อกันไป ส่วนดนตรีก็คลอไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ในการอ่านคำประพันธ์ประเภทคร่าวหรือคร่าวซอ นั้น เรียกว่าการเล่าคร่าว ซึ่งผู้เล่าหรือผู้อ่านก็จะอ่านเป็นทำนองเสนาะเพื่อให้น่าฟังตามลีลาที่กำหนด ซึ่งแนวคิดก็ไม่ต่างจากการเทศน์ด้วยลีลาทำนองเสนาะนั่นเอง

การเล่าคร่าวนั้นจัดเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในล้านนายุคก่อน ที่จะจัดหาผู้ที่มีเสียงดีมาเป็นผู้เล่าคร่าวหรืออ่านคำประพันธ์ที่แต่งด้วยฉันทลักษณ์คร่าวเป็นทำนองเสนาะให้ชาวบ้านฟังทั้งในงานมงคลและงานอวมงคล โดยมากในงานมงคล เช่น บวชนาคหรือขึ้นบ้านใหม่ นิยมเล่าคร่าวในคืนวันสุกดิบ หรือวันที่จัดเตรียมงาน ซึ่งเป็นการสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาช่วยงาน ส่วนในงานศพนั้น พบว่ามีการเล่าคร่าวทั้งในช่วงเตรียมปลงศพและหลังปลงศพแล้ว คำประพันธ์ที่นำมาอ่านมักเรียกว่าคร่าวหรือคร่าวซอซึ่งมักจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากชาดกเรื่องต่างๆ เช่น หงส์หิน เจ้าสุวัตร-นางบัวคำ ก่ำกาดำ อ้ายร้อยขอด ฯลฯ ทั้งนี้ ในการเล่าคร่าวนี้จะไม่มีการเล่นดนตรีประกอบ

๓. เพลงผสมหรือเพลงที่มีทั้งเนื้อร้องและดนตรีประกอบ เพลงประเภทนี้ก็คือ ซอ ซึ่งคำว่า ซอ ในภาษาพื้นบ้านล้านนาหมายถึงเพลงพื้นบ้านที่จัดอยู่ในลักษณะ เพลงปฏิพากย์ คือมีผู้ขับชายหญิงซึ่งเรียกว่า ช่างซอ (อ่าน “ จ้างซอ ” ) ขับโต้ตอบกัน เรียกว่าเป็น คู่ถ้อง (ถ้อง-โต้ตอบกัน) ช่างซอจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างดี มีความเชี่ยวชาญและมีปฏิภาณตลอดจนน้ำเสียงที่ไพเราะ ดนตรีที่ใช้ประกอบซอก็คือวงปี่ชุม แต่ในท้องถิ่นบางแห่ง เช่น ที่จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จะใช้สะล้อ-ซึง (พิณ) ประกอบ ไม่ใช้ปี่จุม

เนื้อร้องในบทซอนั้น จะมีเนื้อหาที่เป็นการกล่าวถึงความรักระหว่างหนุ่มสาว ชมธรรมชาติ กล่าวถึงเรื่องสนุกสนานไปจนถึงเรื่องเพศ และมีทั้งการซอเรื่องนิทานชาดก คำสอนประวัติบุคคลหรือเหตุการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ช่างซอยังเลือกสรรเนื้อร้องให้เหมาะสมกับโอกาส เช่น การซอในงานบวชลูกแก้ว หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ลักษณะการประสมวงดนตรีพื้นเมืองล้านนา


 
การเล่นดนตรีพื้นเมืองล้านนานั้น สามารถใช้เครื่องดนตรีบรรเลงได้ทั้งเดี่ยวและประสมวง ในยุคก่อนนั้นลักษณะการเล่นทั้งสองประเภทต่างก็มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจและใช้ประกอบงานต่างๆ ก็มีซึ่งแต่เป็นงานพอย (อ่าน “ ปอย ” ) คืองานฉลองต่างๆ และงานศพเท่านั้น ซึ่งลักษณะการรวมตัวจะเป็นคนที่มีบ้านอยู่ใกล้เคียงกันหรือเป็นคนที่มีศรัทธาในวัดเดียวกัน ซึ่งจะมีการรวมตัวกันเพื่อจะได้มีวงดนตรีที่เล่นเมื่อมีงานภายในหมู่บ้านของตนเอง เมื่อวงใดที่มีความสามารถในการเล่นได้ดีก็จะมีคนมาจ้างให้ไปเล่นตามงานต่างๆ ด้วยซึ่งเป็นผลพลอยได้ มาในสมัยปัจจุบันจุดประสงค์ของการเล่นดนตรีได้แปรไปเป็นแนวอื่นอีก คือ เป็นการเล่นดนตรีเป็นอาชีพตามการว่าจ้างอีกด้วย
ลักษณะการประสมวงของล้านนา มีดังนี้

•  วงสะล้อ-ซึง การประสมวงลักษณะนี้มักจะถูกเรียกว่า วงสะล้อ ซอ ซึง

•  วงปี่ชุม

•  วงแห่กลองแอว

•  วงกลองสะบัดชัย (ไม่มีการประสมวงก็มี)

•  วงกลองมองเซิง

•  วงกลองปูเจ่

•  กลองเต่งถิ้ง หรือพาทย์ค้อง (อ่าน “ ป้าดก๊อง ” )

•  วงดนตรีแห่พื้นเมืองประยุกต์ (เพิ่งประยุกต์ขึ้นมาใหม่ภายหลังนี้)

•  วงดนตรีไทใหญ่

•  วงดนตรีไทใหญ่ประยุกต์

•  วงสะล้อ-ซึง เป็นวงที่มีเสียงจากเครื่องสายเป็นหลัก นิยมใช้เล่นกันตามท้องถิ่น

ภาคเหนือทั่วไป จำนวนเครื่องดนตรีที่ใช้ประสมวงไม่แน่นอนแต่จะมีสะล้อและซึงเป็นหลักเสมอ มีเครื่องดนตรีอื่นๆที่เข้ามาประกอบ เช่น ปี่ก้อยหรือขลุ่ย กลองตัด(ตะโพน) ฉิ่ง ฉาบ ใช้บรรเลงเพลงพื้นบ้านที่ไม่มีการขับร้อง เช่น เพลงปราสาทไหว เพลงล่องแม่ปิง เป็นต้น และสามารถใช้บรรเลงเพลงสมัยใหม่ก็ได้

๒. วงปี่ชุม เป็นวงดนตรีที่ใช้เล่นประกอบการแสดง “ ซอ ” ของภาคเหนือ มีปี่เป็นชุด ซึ่งมี ๓ แบบ คือ ปี่ชุม ๓ ปี่ชุม ๔ และปี่ชุม ๕

ปี่ชุม ๓ หมายถึง การใช้ปี่ ๓ ขนาด เป่าประสานเสียงกัน ได้แก่ ปี่แม่ ปี่กลางและปี่ก้อย

ปี่ชุม ๔ หมายถึง การใช้ปี่ ๔ ขนาด เป่าประสานเสียงกัน ได้แก่ ปี่แม่ ปี่กลาง ปี่ก้อยและปี่ตัด(ปี่เล็ก)

ปี่ชุม ๕ หมายถึง การใช้ปี่ ๕ ขนาด เป่าประสานเสียงกัน โดยเพิ่มปี่ขนาดเล็กสุดเข้ามาอีกหนึ่งเลา แต่โดยปกติไม่ค่อยนิยมกัน เพราะใช้ปี่ชุม ๓ หรือ ชุม ๔ ก็ได้เสียงประสานกันที่ไพเราะอยู่แล้ว

วงปี่ชุมอาจใช้สะล้อ – ซึง ประสมวงด้วย เพื่อเพิ่มความไพเราะ นอกจากนี้ก็อาจใช้ปี่แม่เลาเดียวกันเล่นประกอบวงสะท้อ-ซึงก็ได้

๓. วงกลองแอว หรือ วงตึ่งนง ประกอบด้วย กลองแอว กลองตะหลดปด ฆ้องอุ้ย ฆ้องโหย้ง ฉาบใหญ่ แนหลวง และแนน้อย นิยมใช้บรรเลงประกอบการฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียนหรือฟ้อนแห่ครัวทานและบรรเลงในขบวนแห่ต่างๆ


๔. วงกลองสะบัดชัย มีลักษณะการบรรเลง ๒ แบบ



แบบที่ ๑ คือกลองสะบัดชัย มีกลองใหญ่ ๑ ใบ มีกลองเล็กเรียกว่า “ ลูกตุบ ” อีก ๓ ใบ ใช้ผู้ตีคนเดียว มือซ้ายถือไม้แสะ มือขวาถือไม้ตีที่หุ้มด้วยผ้าพันหลายๆ รอบ ตีสลับกันไปและมีคนตีฆ้องโหม่ง ๑ ใบ ตีประกอบจังหวะ ต่อมามีการเพิ่มเป็นฆ้อง ๒ ใบ และมีฉาบอีก ๑ คู่

แบบที่ ๒ เป็นกลองสะบัดชัยแบบครูคำ กาไวย์ ซึ่งมีกลองใหญ่ใบเดียวไม่มี “ ลูกตุบ ” มีคานหาม ใช้ผู้หาม ๒ คน มีคนตีฆ้อง ๒ คน และคนตีฉาบอีก ๑ คน ตีประกอบ การตีกลองต้องให้เข้าจังหวะกับฆ้องและฉาบ เริ่มตีจากจังหวะช้าและเร็วขึ้นตามลำดับ ผู้ตีกลองจะแสดงท่า “ ฟ้อนเชิง ” พลิกแพลงผาดโผนต่างๆ รวมทั้งใช้ศีรษะ ไหล่ ศอก เข่า และเท้า แทนการใช้ไม้ตีอีกด้วย

๕. วงกลองปูเจ่ ประกอบด้วยกลองปูเจ่ ฉาบใหญ่และฆ้องชุด ซึ่งมีขนาดต่างๆ กัน ๓ ใบ มีเสียงได้ระดับกัน วงกลองปูเจ่ เป็นวงดนตรีแบบของชาวไทใหญ่ นิยมใช้บรรเลงประกอบการแห่ครัวทาน ประกอบการฟ้อนดาบ ฟ้อนโต ถ้าเป็นการบรรเลงโดยที่ไม่ได้ใช้ประกอบการแสดงอะไร มักมีลีลาการตีโดยใช้ทั้งศอก เข่า และเท้า พร้อมกับแสดงท่าทางหยอกล้อระหว่างผู้ที่ตีฉาบกับกลอง

๖. วงมองเซิง คำว่า “ มองเซิง ” เป็นภาษาไทใหญ่ แปลงว่าฆ้องชุด ประกอบด้วยฆ้องขนาดต่างๆ ๓ ใบขึ้นไปและฉาบใหญ่ ๑ คู่ วงมองเซิงมีลักษณะการประสมวงและใช้แสดงคล้ายกับวงกลองปูเจ่ แต่ใช้กลองมองเซิงประกอบวงแทนกลองปูเจ่

๗. วงกลองเต่งถิ้ง หรือมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อว่า วงพาทย์ วงพาทย์ค้อง (อ่าน “ ป้าดก๊อง ” ) หรือ วงแห่ (ศพ) เป็นต้น สามารถเปรียบได้กับ “ วงปี่พาทย์มอญ ” แบบของภาคกลางนั่นเอง เครื่องดนตรีประกอบด้วย พาทย์เอก (ระนาดไม้เอก) พาทย์ทุ้ม (ระนาดไม้ทุ้ม) พาทย์เหล็ก (ระนาดเหล็ก) พาทย์ค้อง (ฆ้องวง) กลองเต่งถิ้ง (ตะโพนมอญ) หรือกลองโป่งป้ง กลองตัด (กลองขนาดเล็ก) แนหลวง แนน้อย ฉิ่ง สว่า (ฉาบ) และกรับ นิยมบรรเลงในการชกมวย งานศพ งานทรงเจ้า และในงานฟ้อนผีมด-ผีเมง

๘. วงแห่พื้นเมืองประยุกต์ เป็นวงที่มีการประสมวงแบบวงกลองเต่งถิ้งแต่มีการเพิ่มเครื่องดนตรีสากลเข้าไป ได้แก่ กีตาร์เบส กลองทอม กลองแจ๊ส บางแห่งอาจมีแซกโซโฟน และนอกจากนี้ยังต้องเพิ่มการใช้เครื่องขยายเสียงเข้าไปด้วย นิยมบรรเลงในงานศพ งานทรงเจ้า และงานฟ้อนผีมด-ผีเมง แต่นิยมบรรเลงต่อจากการบรรเลงโดยวงกลองเต่งถิ้งที่ประสมวงเฉพาะเครื่องดนตรีพื้นเมืองล้วนๆ


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ประเภทเครื่องตี



เรียกตามกิริยาอาการที่ใช้มือหรือวัตถุตีกระทบกับวัตถุทำให้เกิดเสียง ล้านนามีทั้งเครื่องตีที่ทำด้วยไม้ เช่น เกราะพาทย์ (อ่าน “ ป้าด ” ) คือ ระนาด เครื่องตีที่ทำด้วยโลหะ เช่น ฆ้อง กังสดาล ฉิ่ง สว่า (ฉาบ) และเครื่องตีที่ทำด้วยการขึงหนังสัตว์ให้ตึงเป็นแผ่น ได้แก่ กลอง

กลอง (อ่าน “ ก๋อง ” ) เป็นเครื่องตีให้จังหวะที่มีหลายชนิด หลายขนาดในท้องถิ่นภาคเหนือ มีทั้งประเภทขึ้นหนังหน้าเดียวและประเภทขึ้นหนังสองหน้า ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

๑. กลองหลวง หรือ กลองห้ามมาร รูปลักษณะเป็นกลองยาวคอดกลางปลายบานเป็นลำโพง ยาวประมาณ ๓.๐-๓.๕ เมตร ขนาดหน้ากลองเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๖๐-๘๐ เซนติเมตร ต้องวางบนล้อเกวียน ใช้คนลากหลายคน เวลาตีต้องขึ้นนั่งคร่อมตีหรือยืนอยู่ด้านหน้ากลอง ใช้มือขวาตีโดยมีผ้าพันมือทำเป็นรูปกรวยแหลมให้ผ้าพันมือกระทบหน้ากลอง ใช้ตีเป็นสัญญาณวันพระ ๘ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ ในล้านนามีประเพณีการแข่งขันตีกลองหลวง ซึ่งนิยมกันมากในช่วง พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นมา

๒. กลองแอว หรือ กลองตึ่งนง คำว่า “ แอว ” แปลว่า สะเอว เรียกตามลักษณะกลองที่มีเอวคอดกลาง ส่วนคำว่า “ ตึ่งนง ” เรียกตามลักษณะเลียนเสียงตีกลองและฆ้อง กลองแอวมีรูปทรงแบบเดียวกับกลองหลวงแต่มีขนาดเล็กกว่า คือ ยาวประมาณ ๑๗๕ เซนติเมตร ขนาดหน้ากลองเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ใช้หามหรือใช้ตั้งกับที่ตี ใช้ตีประสมวงกลองแอว และมีประเพณีการแข่งขันการตีกลองแอวเดี่ยวๆ ด้วย

๓. กลองปูเจ่ เป็นกลองก้นยาวแบบของชาวไทใหญ่มีขนาดเล็กกว่ากลองแอว ยาวประมาณ ๑๔๐ เซนติเมตร ขนาดหน้ากลองเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒๖ เซนติเมตร ใช้สะพายตีและเล่นประสมวงกลองปูเจ่

๔. กลองสิ้งหม้อง คือ กลองยาวขึ้นหนังหน้าเดียวแบบของภาคกลาง รูปร่างคล้ายกลองปูเจ่ และหน้ากลองมีขนาดเท่าๆ กัน แต่มีรูปทรงสั้นกว่า คือยาวประมาณ ๘๐-๙๐ เซนติเมตร คนตีกลองสามารถใช้สะพายบ่าได้ ใช้ในขบวนแห่ต่างๆ

ประเภทขึ้นหนังสองหน้า ได้แก่
๑. กลองปูชา (อ่าน “ ก๋องปู๋จา ” ) คือกลองบูชา เดิมเรียกว่ากลองนันทเภรี เป็นกลองขึ้นหนังสองหน้าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กับที่ แต่ใช้ตีหน้าเดียว มีหน้ากว้างประมาณ ๓๐ นิ้ว ขึ้นไป ปกติจะตั้งไว้ที่ศาลาไว้กลอง หรือตั้งไว้ภายในวัดประกอบด้วยกลองขนาดใหญ่ ๑ ใบ ซึ่งมีขนาดหน้ากลองเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ เมตร ความยาวของตัวกลองประมาณ ๑.๕ เมตร และกลองขนาดเล็ก เรียกว่า “ กลองแสะ ” หรือ “ ลูกติบ ” อีก ๒-๓ ใบ ซึ่งมีขนาดลดหลั่นกัน กลองปูชาใช้ตีเป็นพุทธบูชาในโอกาสเกี่ยวกับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เช่น วันขึ้นหรือแรม ๗ ค่ำ และ ๑๔ ค่ำ ระหว่างเข้าพรรษา เป็นต้น บางแห่งใช้ตีเป็นสัญญาณบอกเวลาด้วย เวลาตีกลองปูชาจะใช้ผู้ตี ๒ คน คนหนึ่งใช้ไม้ค้อนตี ๒ มือ ตีทั้งกลองใหญ่และกลองเล็ก เป็นทำนองต่างๆ อีกคนหนึ่งใช้ไม้แสะ (ไม้ไผ่ผ่าซีกจักปลาย) ตีขัดจังหวะกลอง ยืนทำนองไปตลอด นอกจากนี้หากเป็นการตีประกวดกัน ก็ยังมีคนตีฆ้อง โหม่ง และฉาบ ประกอบด้วย

๒. กลองสะบัดชัย เป็นกลองที่ดัดแปลงมาจากกลองปูชา (บูชา) ที่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อใช้หามนำหน้าขบวนแห่ได้ใช้ตีเพื่อความเป็นสิริมงคลในงานมงคลต่างๆ (ยกเว้นงานอวมงคล) โดยเฉพาะนำขบวนแห่ครัวทาน กลองมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ เมตร ด้านข้างหนาประมาณ ๓๐ เซนติเมตร และมีกลองเล็กที่ใช้ตีประกอบอีก ๓ ใบ เรียกว่า “ ลูกตุบ ” โดยผู้ที่ตีจะเป็นคนเดียวกันกับที่ตีกลองสะบัดชัย ต่อมา ครูคำ กาไวย์ แห่งโรงเรียนนาฎศิลป์เชียงใหม่ ได้นำเอากลองรุงรัง คือกลองอย่างกลองสะบัดชัยแต่ไม่มีลูกตุบมาเสนอจนเป็นที่รู้จักกันในนามกลองสะบัดชัยแทนกลองสะบัดชัยแบบดั้งเดิม

๓. กลองมองเซิง รูปลักษณะคล้ายกลองปูชา แต่มีขนาดเล็กกว่า ขนาดหน้ากลองมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔๕-๖๐ เซนติเมตร ด้านข้างยาวประมาณ ๗๕-๙๐ เซนติเมตร สามารถใช้สะพายตีได้ ปกติจะใช้ตีประกอบวงมองเซิงซึ่งเป็นดนตรีแบบของไทใหญ่ มีฆ้องชุดซึ่งมีขนาดและเสียงไล่ระดับกันมีสว่า (ฉาบ) ตีประกอบ

๔. กลองตะหลดปด เป็นกลองสองหน้าขนาดเล็กมักนิยมแขวนติดกับกลองหลวงหรือกลองแอว ใช้ตีดัดจังหวะร่วมกับการประสมวงกลองแอวหรือวงตึ่งนง เล่นประกอบการฟ้อนเล็บ หรือฟ้อนเมือง ขนาดหน้ากลองมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๕ -๒๐ เซนติเมตร ตัวกลองยาวประมาณ ๖๐ เซนติเมตร

๕. กลองเต่งถิ้ง หรือ กลองโป่งป้ง เป็นกลองขึ้นหนังสองหน้า มีขาตั้ง ใช้ตีทั้งสองหน้าลักษณะเดียวกับตะโพนไทยและตะโพนมอญ ใช้เล่นประสมวง “ เต่งถิ้ง ” หรือ วง “ พาทย์ ” (วงปี่พาทย์มอญ) และวงสะล้อ-ซึง กลองชนิดนี้มีหลายขนาด มีตั้งแต่ขนาดหน้ากลองเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๐-๔๐ เซนติเมตร และความยาวของตัวกลองตั้งแต่ ๔๕-๖๐ เซนติเมตร ถ้าเป็นขนาดเล็กบางทีก็เรียกว่า “ กลองโป่งป้ง ” หรือ “ กลองตัด ”


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ประเภทเครื่องสี



ได้แก่ เครื่องสายที่มีคันสี เสียงดนตรีจะเกิดจากการเสียดสีระหว่างสายคันชักกับสายเส้นลวดทองเหลืองที่ขึงตึงอยู่ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสีของล้านนา ได้แก่

สะล้อ

สะล้อ อาจเรียกว่า ถะล้อ ธะล้อ หรือ ทะร้อ ซึ่งมีรูปศัพท์เดิมจากภาษาขอมว่า “ ทฺรอ ” ซึ่งภาษาไทยกลางออกเสียงเป็น “ ซอ ” แต่ในโคลงนิราศหริภิญชัยว่า “ ธะล้อ ” เป็นเครื่องสายที่บรรเลงด้วยการใช้คันชักสีลงบนสายที่ขึงผ่านหน้ากล่องเสียง มีรูปร่างใกล้เคียงกับซออู้ แต่ขนาดเล็กกว่า กล่องเสียงของสะล้อทำด้วยกะลามะพร้าว ซึ่งตัดด้านหนึ่งออกไปเหลือประมาณ ๒/๓ ของกะลาทั้งลูก ตรงที่ถูกตัดออกไปนั้น ปิดด้วยไม้เรียบบางๆ ซึ่งเรียกว่า “ ตาดสะล้อ ” คันทวนของสะล้อเป็นไม้กลมทำจากไม้เนื้อแข็งยาวประมาณ ๖๔ เซนติเมตร เสียบทะลุกล่องเสียง ใกล้ๆ ขอบที่ปิดด้วยตาดปลายคันทวนเสียบลูกบิด ๒ อัน ในลักษณะทแยงเข้าไปในคันทวน มีไว้สำหรับผูกสายสะล้อและตั้งสาย สายนิยมใช้สายโลหะมากกว่าสายเอ็นเหมือนซอด้วงและซออู้ ส่วนมากทำจากลวดสายห้ามล้อรถจักรยาน คันชักสะล้อทำด้วยไม้โค้งงอคล้ายคันศร ขึดด้วยหางม้าหรือสายไนลอนทบไปทบมาหลายสิบทบ ไม่เอาคันชักขัดไว้ระหว่างสายเหมือนกับซออู้และซอด้วง สิ่งที่ใช้เสียดสีกับสายของคันชักเพื่อให้เกิดความฝืดในขณะสี ได้แก่ ยางสนหรือชัน ซึ่งติดไว้บนกะลาตรงจุดที่ใช้สายคันชักสัมผัสให้เกิดเสียง

สะล้อมี ๓ ขนาด ได้แก่

๑. สะล้อเล็ก มี ๒ สาย

๒.สะล้อกลาง มี ๒ สาย

๓.สะล้อใหญ่ มี ๓ สาย มีวิธีการเล่นคล้ายซอ

สามสายแต่ไม่เอาคันชักไว้ระหว่างสาย

สะล้อที่นิยมบรรเลงคือสะล้อที่มี ๒ สาย ส่วนสะล้อ ๓ สายไม่ค่อยมีผู้นิยมเล่น เพราะเล่นยากกว่าสะล้อ ๒ สาย นอกจากใช้สะล้อบรรเลงเดี่ยวแล้ว ยังนิยมใช้บรรเลงร่วมกับวงดนตรีพื้นเมืองสะล้อ-ซึง หรือบางแห่งใช้บรรเลงร่วมกับปี่ชุม ประกอบการซอ บทเพลงที่เล่นมักเป็นเพลงพื้นเมืองของล้านนา ผู้ที่ทำสะล้อขายจะเป็นแหล่งเดียวกันกับที่ทำซึงขายและนักดนตรีที่เล่นเป็นส่วนมากก็จะทำไว้เล่นเองด้วยเหมือนกับซึง


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ประเภทเครื่องดีด


เครื่องดนตรีของล้านนาประเภทที่อาศัยการดีดที่สายเพื่อให้เกิดเสียงมีสองอย่าง คือ เพียะ (อ่าน “ เปี๊ยะ ” ) และ ซึง ในโคลงนิราศหริภุญชัย เรียกซึงว่าติ่งเช่นเดียวกับที่ชาวไทใหญ่เรียก

เพียะ เป็นเครื่องดีดจำพวกพิณ จัดเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ชนิดหนึ่งของล้านนาและปรากฎการกล่าวถึงในกาพย์ห่อโคลง ของพระศรีมโหสถในสมัยอยุธยาด้วย มีลักษณะคล้ายพิณน้ำเต้าของภาคอีสาน มีผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีสันนิษฐานว่าอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากพิณสายเดี่ยวของอินเดีย เพียะมีกะโหลกซึ่งทำหน้าที่เป็นกล่องเสียง ทำด้วยกะลามะพร้าวผ่าซีกด้านข้างเจาะรูหนึ่งรู คันทวนทำด้วยไม้เนื้อแข็งยาวประมาณ ๗๐-๙๐ เซนติเมตร ปลายคันทวนมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๐-๑.๕ เซนติเมตร ปลายยอดเป็นรูปโลหะหล่อ ด้านโคนคันทวนมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒-๓ เซนติเมตร มีลูกบิดเสียบอยู่ มีสายไหมหรือเส้นลวดจำนวน ๒-๗ สาย ขึงพาดระหว่างลูกบิดกับหัวเพียะ ขนาดของสายจะเท่ากันทุกสาย ใช้หวายรัดสายเพียะแนบติดกับด้ามเสียก่อนแล้วสอดปลายลอดรูกะโหลกไปผูกกันไว้ ขัดด้วยแท่งไม้เล็กๆ ระหว่างด้ามกับกะโหลกมีท่อนไม้เล็กๆ ยาวประมาณ ๔-๕ เซนติเมตร คั่นอยู่อันหนึ่ง เพื่อแยกด้ามกับกะโหลกให้ห่างกันพอที่จะสอดนิ้วมือเข้าไปจับประคองเพียะในขณะบรรเลง

ผู้บรรเลงมักจะถอดเสื้อและอยู่ในลักษณะท่านั่ง หันกะโหลกเพียะครอบตรงผิวเนื้อกลางหน้าอก โดยให้คันเพียะทำมุมกับลำตัวประมาณ ๔๕ องศา ใช้มือซ้ายช้อนรับคันเพียะไว้ในอุ้งมือ ใช้เล็บของนิ้วก้อยดีด มือขวาจะต้องรองรับคันเพียะไว้ด้วยท่อนแขน ใช้เล็บนิ้วก้อย เล็บนิ้วกลางและเล็บนิ้วนางดีดให้เกิดเสียงขัดเสียงสอดแทรก ซึ่งการดีดให้เกิดเสียงจะต้องดีดด้วยวิธีเฉพาะที่เรียกว่า “ พาน ” “ ป๊อก ” และ “ จก ” ส่วนการเลื่อนมือย้ายตำแหน่งให้ได้เสียงตามต้องการเช่นนี้มีศัพท์เฉพาะว่า “ การไหล ” ในขณะเดียวกันก็ใช้ส้นมือ (ส่วนปลายสุดของฝ่ามือ) ข้างขวาไข (ขยับ) ไปมา หรือขยับขึ้นลง เพื่อให้เกิดเสียงและลมที่อัดแน่นอยู่ระหว่างทรวงอกกับกะโหลกเพียระระบายออกมา

เสียงที่เกิดขึ้นจะเป็นเสียงที่กังวานแผ่วเบา อันเป็นเสียงแบบ Over tones หรือ Harmonic (เสียงคู่แปด) ซึ่งเป็นเสียงที่ตรงตามความตั้งใจยาก เสียงนี้จะมีความไพเราะมากเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้บรรเลง เสียงเพียะที่ดีเสมือน เดงพลันเมา (อ่าน “ เดงปันเมา ” ) คือกระดิ่งที่เร่งให้หลงใหล หมายถึงเสียงของเพียะไพเราะจับใจยิ่งนัก

การเล่นเพียะเท่าที่พบนั้นส่วนมากเป็นการเล่นเดี่ยว ไม่ค่อยเล่นประสมวง และไม่นิยมมีการขับร้องประกอบ เนื่องจากเสียงของเพียะไม่ค่อยดังนัก อาจมีการช้อยโคลง (อ่าน “ จ๊อยกะโลง ” ) ประกอบคือขับโคลงเป็นทำนองเสนาะ ส่วนเพลงที่เล่นนั้นสามารถเล่นได้ทุกเพลงเท่าที่เครื่องดนตรีอื่นๆ ในระดับชาวบ้านจะเล่นได้ เช่น เพลง จก ไหล ปุ๋มเป้ง เก้าปุ๋มป่ง ปราสาทไหว ปราสาทกุด เงี้ยว พม่า อื่อ ฯลฯ


หลายร้อยปีมาแล้วที่เสียงพิณเปี๊ยะ ขับขานอยู่บนแผ่นดินล้านนา ความไพเราะเพราะพริ้ง อยู่ที่เสียงเบาๆแต่ทว่าก้องกังวาล ประหนึ่งเป็นดนตรีสวรรค์โดยไม่ต้องมีดนตรีอื่นมาประกอบ ไม่ต้องมีเสียงนักร้องขับขาน จงใจให้ผู้ฟังได้ดื่มด่ำมีความสุขกับเสียงของพิณล้วนๆ

พิณเปี๊ยะ เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด แต่ความอัศจรรย์อยู่ที่วิธีการเล่น ซึ่งผู้เล่น ต้องเปลือยกายท่อนบน แล้วใช้กล่องเสียงแนบกับหน้าอกเพื่อใช้กล้ามเนื้อบังคับเสียงให้ไพเราะ พิณเปี๊ยะ จึงเป็นเครื่องดนตรีชั้นสูงของล้านนาที่หาคนเล่นได้ยากยิ่งนัก ปัจจุบันนี้ คงเหลือแต่เพียงศิลปินอาวุโสเพียงไม่กี่ท่านที่ยังคงเล่นได้

หมายเหตุ พิญเปี๊ยะมี 2 สาย คันทวนยาวประมาณ 50 ซม. กะโหลกทำด้วยกะลามะพร้าว



ซึง บางท้องถิ่นเรียกว่า ติ่ง มีลักษณะคล้ายกระจับปี่หรือคล้ายพิณหรือซุงของภาคอีสาน หรือคล้ายกีตาร์ขนาดเล็ก ซึงประกอบด้วยกล่องเสียง มีคอยื่นออกไปและขึงสายซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียง จากปลายคอผ่านกลางกล่องเสียงไปยังขอบของกล่องเสียงอีกด้านหนึ่ง อาจใช้ไม้ทั้งท่อนทำซึงทั้งกล่องเสียงและคอโดยเป็นไม้ชิ้นเดียวกัน หรือคนละชิ้นทำแยกส่วนก็ได้ ตัวซึงมักจะใช้ไม้เนื้ออ่อนหรือไม้สักทำทั้งแผ่นเพราะขุดเนื้อไม้ทำเป็นกล่องเสียงได้ง่าย ความหนาของกล่องเสียงขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ที่จะใช้ทำและขนาดของซึงที่ต้องการ เท่าที่พบโดยทั่วไปหนาประมาณ ๒-๓ นิ้ว คว้านข้างในให้กลวงเป็นรูปวงรี เหลือขอบโดยรอบกับพื้นกล่องเสียงซึ่งไม่หนามากนัก

จากนั้นก็ใช้แผ่นไม้บางๆ ปิดด้านบน เจาะรูบริเวณใกล้ศูนย์กลางค่อนไปทางคอเล็กน้อย ให้มีขนาดกว้างพอสมควรเพื่อให้เสียงผ่านออกมา ส่วนคอจะมีลักษณะเป็นคันยาวยื่นออกมา ถ้าไม่ได้ใช้ไม้ชิ้นเดียวกันกับที่ทำตัวกล่องเสียงแล้ว ส่วนนี้จะนิยมทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เพื่อให้ทนทานและเสียงที่ดังออกมาไพเราะ บนคอซึงติดขีดซึ่งเป็นท่อนไม้เล็กๆ เรียกว่า “ ลูกซึง ” หรือ “ นม ” เป็นระยะๆ เรียงกันตามความยาวของคอจนใกล้ถึงตัวกล่องเสียง จำนวนลูกวึงไม่แน่นอนแต่มาตรฐานทั่วไปนิยมติด ๙ อัน มีความถี่ห่างไม่เท่ากัน (คือเว้นระยะตามขอบเขตของเสียงที่เกิดขึ้น) ปลายคอซึงมีลูกบิดเกือบล่างสุดของตัวกล่องเสียงมี ค็อบ (อ่าน “ ก๊อบ ” ) คือ เบาะไม้รองสายที่ขึงจากส่วนล่างสุดขึ้นไปหาลูกบิด

สายซึงโดยมากทำด้วยสายห้ามล้อจักรยาน มี ๔ สาย ซึ่งแยกกันเป็น ๒ คู่ การดีดซึงมักใช้เขาสัตว์หรือพลาสติกตัดเป็นชิ้นยาวและบางเป็นเครื่องดีด บริเวณที่ดีดอยู่ใกล้กับรูที่เจาะไว้ มืออีกข้างหนึ่งจับคอซึง และใช้นิ้วกดสายลงให้แนบกับลูกซึงที่ต้องการ

ซึงมี ๓ ขนาด คือซึงเล็ก ซึงกลางและซึงใหญ่ โอกาสเล่นซึงคือใช้บรรเลงร่วมกับวงสะล้อ ใช้บรรเลงร่วมกับปี่ชุมในการขับซอ หรือบรรเลงเดี่ยว เพลงที่เล่นเป็นเพลงพื้นเมืองดั้งเดิมหรือถูกประยุกต์ให้เล่นเพลงลูกทุ่ง นอกจากนี้ยังการนำไปใช้บรรเลงประกอบการแสดงละครพื้นเมืองอีกด้วย
ซึงนับเป็นเครื่องดนตรีที่นักดนตรีเกือบทุกคนสามารถทำขึ้นไว้เล่นเองได้ และเป็นเครื่องดนตรีที่มีขายอย่างแพร่หลายแหล่งที่ทำซึงขายนั้นนอกจากจะเป็นกลุ่มนักดนตรีที่เล่นเป็นอาชีพจะรับทำเมื่อมีคนมาสั่งแล้ว ยังมีวางขายที่ตลาดกลางคืน ถนนช้างคลาน และที่บ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ประเภทเครื่องเป่า

เครื่องดนตรีที่ใช้ลมเป่าออกจากปากผ่านเครื่องดนตรีทำให้เกิดสุ้มเสียงต่างๆ ประกอบด้วย ปี่ แนและขลุ่ย ดังนี้

ปี่ คือเครื่องเป่าที่ลำตัวทำด้วยไม้ไผ่และมีลิ้นโลหะที่เมื่อลมเป่าผ่านจะเกิดเสียง ปี่ที่ใช้เป่าประกอบการซอนั้นจะต้องใช้เป็นชุดจำนวน ๓,๔ หรือ ๕ เลา เรียกว่า ปี่ชุม (อ่าน “ ปี่จุม ” ) คือเป็นชุด ตัวปี่ทำด้วยไม้ไผ่ตระกูลไม้รวก ปี่ชุมหนึ่งจะต้องใช้ไม้ไผ่ลำเดียวกันทำ สาเหตุที่ต้องใช้ไม้ไผ่ลำเดียวกันนั้น เพราะขนาดช่วงปล้องและความหนาของเนื้อไม้จะไล่กันได้ระดับดี เมื่อเลือกไม้ไผ่ได้แล้วก็จะตัดเป็นขนาดต่างๆ กันตามลำดับ ปี่แต่ละเลาจะมีปลายด้านหนึ่งตัดโดยอาศัยข้อไม้ปิด อีกปลายหนึ่งเปิดใกล้กับข้อไม้ด้านที่ตัน ด้านปิดนี้เป็นที่ติดลิ้นปี่ซึ่งทำด้วยแผ่นทองเหลืองบางๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงกลางรีดเป็นรูปตัว V ยาวๆ ถัดจากลิ้นไปทางด้านเปิด ลำตัวปี่มีรูที่เจาะเรียงกันไปเป็นระยะจำนวน ๗ รู ปกติแล้วปี่มีเสียงเบา แต่ถ้าบรรเลงพร้อมกันทั้งชุมหรือทั้งชุดก็จะให้เสียงที่มีพลังหรือน้ำหนักมากขึ้น
ปี่ของทางล้านนาถูกเรียกหลายชื่อว่า ปี่ชุม หรือ ปี่ซอ เพราะใช้ประกอบการขับซอ แต่ชาวล้านนาเองนั้นมักจะเรียกว่าปี่ชุม ชุมนั้นหมายถึง ชุด หรือชุม ปี่ชุมมีทั้งหมด ๕ เลา คือ

๑. ปี่แม่ หรือ ปี่เค้า (อ่าน “ ปี่เก๊า ” ) ทำจากไม้ไผ่ส่วนโคนมีขนาดใหญ่ที่สุดของแต่ละชุม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ ๒ เซนติเมตร ยาวไม่ต่ำกว่า ๗๕ เซนติเมตร ปี่แม่มีเสียงทุ้มต่ำ

๒. ปี่กลาง (อ่าน “ ปี่ก๋าง ” ) มีขนาดรองลงไป ทำจากไม้ไผ่ช่วงที่ถัดจากปี่แม่ลงไป มีความยาวประมาณ ๔ ส่วนใน ๕ ส่วนของปี่แม่ ปี่กลางมีเสียงสูงขึ้นมา

๓. ปี่ก้อย มีขนาดเล็กถัดจากปี่กลางลงไป ทำจากไม้ช่วงที่ถัดจากปี่กลางลงไป มีความยาวประมาณ ๓ ส่วน ใน ๔ ส่วนของปี่กลาง ปี่ก้อยมีเสียงสูงกว่าปี่กลาง

๔. ปี่เล็ก เป็นปี่ที่ทำจากไม้ช่วงที่ถัดจากปี่ก้อยลงไป มีความยาวเป็นครึ่งหนึ่งของปี่กลางและเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๒-๑.๔ เซนติเมตร ปี่เล็กเป็นปี่ที่มีเสียงสูงกว่าปี่ก้อย

๕. ปี่ตัด เป็นปี่ที่มีขนาดเล็กที่สุดของชุม ซึ่งเป็นปี่ที่เพิ่งจะเพิ่มมาภายหลัง ปัจจับันไม่ค่อยนิยมใช้เท่าใดนักเพราะเป็นปี่ที่เป่ายากที่สุดในชุม

ปี่ไม่นิยมใช้บรรเลงเดี่ยว แต่จะบรรเลงร่วมกับปี่ในชุดเดียวกันตั้งแต่ ๓ เลาขึ้นไปเพื่อประกอบการขับซอ นอกจากนั้นอาจใช้ปี่เพียง ๑ เลา บรรเลงร่วมกับวงดนตรีพื้นเมือง สะล้อ-ซึง ก็ได้

แน เป็นเครื่องเป่าประเภทหนึ่งบางครั้งถูกชาวบ้านเรียกว่า ปี่แน พบว่ามีขายแม้กระทั่งในตลาดของเมืองตาลี มณฑลยูนนาน ประเทศจีน และอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากพม่า ซึ่งมีเครื่องดนตรีประเภทเดียวกันนี้อยู่ด้วย ลิ้นของแนทำด้วยใบลานหรือใบตาล เป็นลิ้นคู่ประกบกันอยู่รอบๆ ท่อโลหะเล็กๆ ท่อนี้เสียงเข้าไปในท่อไม้กลมยาวซึ่งค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น ท่อไม้นี้กลวงตลอดและรูภายในค่อยๆ โตขึ้นตามขนาดของไม้ด้วย รูที่เจาะบนท่อไม้เป็นระยะสำหรับปิดเปิดด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง ซึ่งมีจำนวน ๖ รู ปากลำโพงทำด้วยทองเหลือง ผู้เป่าที่ชำนาญอาจใช้แนทำเสียงให้ได้อารมณ์ต่างๆ หลายชนิด

แน มี ๒ ขนาด คือ แนหลวง หรือแนใหญ่ มารูปร่างลักษณะขนาดและวิธีเล่นเหมือนกับปี่มอญ กับ แนหน้อย หรือแนเล็ก มีขนาดเล็กและระดับเสียงสูงกว่าแนหลวง มีเสียงแหลม และวิธีการเล่นคล้ายปี่ชวา

แนไม่ใช้บรรเลงเดี่ยว แต่จะเป็นส่วนใหญ่ในวงพาทย์หรือปี่พาทย์ล้านนา ซึ่งจะบรรเลงร่วมกับระนาดและฆ้องวง มีกลองเต่งถิ้งหรือตะโพนมอญ และฉาบเป็นเครื่องจังหวะสำคัญ แนจะเป็นเครื่องดนตรีที่นำวงเสมอ นอกจากนั้นยังใช้บรรเลงร่วมกับวงตึ่งนงในการประกอบการฟ้อนพื้นเมือง ใช้บรรเลงร่วมกับกลองเต่งถิ้งและฉาบ ประกอบการชกมวยโดยบรรเลงเพลงมวยของท้องถิ่น ในปัจจุบันก็ยังนิยมอยู่

ขลุ่ย แต่เดิมเรียกว่า ปี่ถิว เป็นเครื่องเป่าอีกชนิดหนึ่งที่ทำด้วยไม้ไผ่ รูปร่างคล้ายคลึงกับขลุ่ยปัจจุบันแต่ไม่มีลิ้นแบบขลุ่ย คือมีรูและใช้ใบตองอ่อนนาบอย่างที่ใช้มวนบุหรี่เข้าบังรูนั้นให้ลมกระพือเป็นเสียง ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลจากภาคกลางแล้วจึงใช้ขลุ่ยแบบภาคกลาง เพราะไม่ต้องกังวลกับการใช้ใบตองนาบมาทำลิ้นอีก นอกจากจะใช้ปี่ถิวเป่าเดี่ยวๆเพื่อความเพลิดเพลินแล้ว ยังใช้เป่าประสมวงสะล้อ-ซึง อีกด้วย


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ประเภทเครื่องดนตรีพื้นเมืองล้านนา

เครื่องดนตรีล้านนาเป็นเครื่องดนตรีที่ประกอบขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีพื้นบ้าน คือเป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะเรียบง่ายและประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุในธรรมชาติหรือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งตัวผู้เล่นเองนั้นนอกจากจะมีความสามารถในการเล่นดนตรีแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักมีความสามารถในการประดิษฐ์เองได้ด้วย เครื่องดนตรีล้านนามีครบทุกประเภทตามวิธีการปฏิบัติที่ทำให้เกิดเสียงดนตรี คือครบทั้ง ๔ ประเภท ได้แก่ เครื่องดีด สี ตีและเป่า ดังต่อไปนี้


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ลองมาศึกษาที่มาที่ไปกันหน่อยดีไหมครับ

อัลบั้มที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนั้นเป็นดนตรีกวีศิลป์ ถิ่นภาคเหนือ ก่อนอื่นใดผมอยากแนะนำเครื่องดนตรีถิ่นภาคเหนือกันพอเป็นน้ำจิ้มกันก่อนนะครับ


ดนตรีพื้นเมืองล้านนา 
 


ดนตรีพื้นเมืองล้านนา หรือการบรรเลงเครื่องดนตรีและการขับขานในล้านนานั้นมีบทบาททั้งในการประกอบพิธีกรรม ประกอบการแสดง และประกอบในกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งอาจแยกกล่าวได้ดังนี้

๑. ในการประกอบพิธีกรรม ในแง่พิธีกรรมในล้านนาแล้ว มีพิธีเพียงสองแนวคือ แนวพุทธกับแนวผี คือ พิธีกรรมเชิงพุทธศาสนาและพิธีกรรมเกี่ยวกับผี ซึ่งทั้งสองแนวดังกล่าวดนตรีมีบทบาทเป็นเพียงส่วนประกอบ เช่น ในงานฉลองรื่นเริงหรือในงานศพซึ่งมีพิธีทางพุทธศาสนานั้น พบว่าดนตรีเป็นเพียงส่วนที่ช่วยให้งานคึกคักหนักแน่นขึ้น ซึ่งหากจะไม่มีดนตรีในกิจกรรมนั้นๆ แล้ว กิจกรรมดังกล่าวก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ในกิจกรรมเกี่ยวกับผีนั้น ในการบูชาผีหรือแก้บนนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องมีดนตรีประกอบก็ได้ แต่ในการฟ้อนผีนั้นที่ต้องมีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพราะมีการฟ้อนรำอันเป็นส่วนประกอบในพิธีเลี้ยงผีเท่านั้น

๒. ในการประกอบการแสดง ดนตรีจะมีบทบาทสำคัญต่อการแสดงหลายอย่าง ที่เป็นทั้งการแสดงเพื่อประกอบในงานประเพณีหรือเพื่อความบันเทิง ดังจะเห็นได้ว่าการฟ้อนรำหรือการขับซอหรือขับขานนั้น จะต้องมีดนตรีประกอบเสมอ


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ก่อนที่จะรู้จักกับงานศิลป์ที่ผมจะกล่าวถึงนี้ ผมขอกล่าวถึงที่มาที่ไป ซึ่งผมขอเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสืบสานงานเพลงหล่ะกันนะครับ

การที่เราจะหยิบจับเพลงมาฟังสักชุด การที่เราได้ฟังจนจบเพลง จบแผ่นท่านรู้ไหมมันมีมนต์ มันมีความรู้สึกในนั้นมากมาย ผมเคยเป็นคนหนึ่งที่เคยฟังเพลงที่ชอบที่คุ้นหูเป็นเพลงๆ ท้ายที่สุดผมก็เบื่อ ผมเคยหยุดเล่นเครื่องเสียง มานานกว่า 6-7 ปี จนมาวันหนึ่งที่ผมจับเครื่อง จับแผ่นมาเปิดจนจบแผ่น นับจากวันนั้น 5-6 ปีที่ผ่านมา ผมยังไม่หยุดที่จะฟังเพลงเท่าที่มีเวลาว่างอีกเลย ลองสำรวจตัวเองดูนะครับหากคุณเบื่อๆ เหมือนผม
การที่ผมหยิบจับอัลบั้มมาสักชุด และลองอ่านปก อ่านรายละเอียดภายใน ที่มาที่ไป อ่านสิ่งที่ศิลปินนั้นๆ พยายามสื่อ แล้วค่อยนั่งฟังคุณจะได้อะไรจากแผ่นที่คุณกำลังฟังนั้นอีกโขเลยครับ


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
วันนี้ผมนำเพลงบรรเลง ซึ่งหลายคนผมเชื่อว่า "ไม่เคยฟัง" และ "ไม่รู้จัก" แน่นอน มาให้ได้รับทราบอาจจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้าได้บ้าง

ก่อนที่จะรู้จักกับผลงานที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนั้น ผมมีความเชื่อว่า เรา ในฐานะนักเล่น นักฟังเครื่องเสียงคนไทยโดยทั่วไป ไม่ค่อยให้ความสนใจในการรับฟังดนตรีไทยๆ เรากันสักเท่าไหร่ ไม่จะเป็นดนตรีไทยถิ่นภาคเหนือ ใต้ กลาง อิสาน ตะวันออก หรือตะวันตก ซึ่งเป็นถิ่นเกิด และเราคุ้นเคยกับเสียงดนตรีนั้นมาตั้งแต่วัยเยาว์

หากมีการตั้งคำถามว่าศิลปิน ถิ่นภาคคนไหนที่คุณรู้จักคุ้นเคยมั่ง ผมคิดว่าน้อยคนนักที่จะตอบคำถามนั้นได้เพราะไม่ได้ให้ความใส่ใจหรือสนใจกันสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับเครื่องดนตรีประจำถิ่นก็เช่นเดียวกันที่นับวันยิ่งถูกลืมเลือนจากสังคมไทยเรา หาคนมาสืบสานงานศิลป์กวี ดนตรีไทยยากเต็มที่ ต่างคน ต่างก็หลงวัฒน์ จนลืมความเป็นตัวตน แก่น ความเป็นตัวของเราไป

ถามคุณรู้จักเครื่องดนตรีสากลไหม ชื่ออะไรบ้าง เป็นเครื่องเคาะ เครื่องสี หรือเครื่องตี หรือเครื่องเป่าล่ะ ผมคิดว่าแทบจะแย่งจะยกมือตอบกัน แต่ถ้าเป็นเครื่องดนตรีไทยเราหล่ะ ... เงียบ ...

ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นลูกหลานทางเหนือ เกิดที่นั้น โตที่นั้น ได้ยินได้ฟัง ได้ซึมซับ กับความเป็นอยู่ของชน ฅนเมือง ลูกป๋อจายข้าวนึ่ง ตัวเป๋นๆ ว่าอย่างนั้นได้เลย

โดยส่วนตัวการที่เราจะฟังเพลงให้ได้อรรถ อารมณ์นั้น การที่เราได้รับรู้ถึงความเป็นมาที่มาที่ไปของสิ่งที่เรากำลังจะจับต้อง ด้วยกาย สิ่งหนึ่งที่เราละเลยไม่ได้ คือการสัมผัสด้วยใจ ว่าศิลปินท่าน นั้นๆ ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกนั้นๆ ให้เราอย่างไร บ้างครั้งการที่เราฟังเพลง แต่เรากลับมองไปเรื่องของวัตถุ เสียงที่ได้สัมผัสเหมือนจริงไหม เครื่องดนตรีชิ้นนั้นอยู่ที่ไหน อยู่ข้างหน้า หรืออยู่ข้างหลัง ผมมีคำถามมากมายในการฟัง จนถึงวันหนึ่งผมกลับมาถามตัวเองว่าผมมีความสูขการการฟังเพลงของผมไหม??? บ้างครั้งผมก็ตลกกับความคิดของตัวเองว่าความสุขจากการรับฟังเพลงนั้น แท้จริงที่สุดมันอยู่ที่ใจเรามากกว่า ส่วนแวดล้อมมันเป็นเพียงส่วนของอุปกรณ์ประกอบฉาย ที่จะทำให้เรารับรู้ถึงแก่นของสิ่งที่เรารับฟังเท่านั้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ตุลาคม, 2008, 09:46:25 am โดย PajoneC »


ออฟไลน์ เด็กหลอดแก้ว

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,786
    • เพศ:ชาย
  • DIY น้อยลง ความมั่นคงเพิ่มขึ้น!.
    • เด็กหลอดแก้ว
นับเป็นกระทู้ที่เยี่ยมเลยครับ O0...แค่ตามอ่านก็เพลินแล้ว..
ไอ้ที่เราว่าจะทำเนี่ย...สงสัยมันจะเป็น..แอมป์!..


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
อ้างถึง
Groovin' High: The Ultimate Trumpet Collection
ชุดนี้ยังไม่เคยฟัง ไว้หามาลองฟังมั่งดีกว่า  ;)


ออฟไลน์ Amadeus

  • *****
    • กระทู้: 915
    • เพศ:ชาย
  • Was wollen Sie damit sagen?
ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะเห็นเพื่อนๆ ฟังแจ๊สกันหลายคนและผมไปเจอแผ่นถูกใจเข้า เหมาะกับมือใหม่เริ่มฟังแบบผม

แผ่นที่ได้มาเป็นแผ่น 24-bit remastering  ผลิตในอเมริกา สุ่มเสียงเข้าขั้นดี เกนมากกว่าแผ่นคอมเมอเชี่ยลทั่วไป แต่ข้อจำกัดคือต้นฉบับค่อนข้างเก่า (บางเพลงเป็นโมโนอีก N]) อัลบั้มนี้เป็นรวมเพลงดังๆ มีการเอามา coverใหม่กันหลายรอบ หลายวง  บวกลบแล้วน่าฟังครับ เลยเอามาแนะนำกันเผื่อใครสนจาย :headphone

Groovin' High: The Ultimate Trumpet Collection

ยุคโมเดิร์นแจ๊สอยู่ช่วงกลางศตวรรษที่ยี่สิบ (Twentieth Century) ซึ่งมีนักทรัมเปตหลายคนอยู่ในยุคนี้  งานศิลปะที่เหล่าศิลปินในอัลบั้มนี้สร้างขึ้นฟังแล้วยากที่จะเชื่อว่าบางคนไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ทำเนียบนักเป่ามือทอง  สี่สิบปีแห่งการสำรวจได้พบว่า ดนตรีแจ๊สจะถูกเล่นโดยใช้การเว้นช่องระหว่างโน้ตและเรื่องของบันไดเสียงเป็นหลัก มันทำให้เทคนิคในการเล่นเครื่องฮอร์นให้ ประสบความสำเร็จนั้นยากและท้าทายกว่าการเล่นแซ็กโซโฟน การแจ้งเกิดของนักปฏิวัติ อย่าง เลสเตอร์ ยังและ ชาร์ลี ปาร์คเกอร์ ตามมาด้วย ซอนนี่ รอลลินส์และ จอห์นโคลเทรน  ในตำแหน่งอัลโต และเทเนอร์  ยังมีนักทรัมเปตเก่งๆ ในยุคโมเดิร์นอีกหลายคน แต่ไม่ค่อยถูกกล่าวถึงเนื่องจากมีประวัติที่ค่อนข้างสั้น ศิลปินในกลุ่มนี้ได้แก่ ทีโอดอร์ “แฟท” นาวาโร่ ที่โดนรุมเร้าทั้งปัญหาเรื่องยาเสพติดและวัณโรค เสียชีวิตตอนอายุ 26 ปี  ลี มอร์แกนถูกฆาตกรรมที่ไนต์คลับตอนอายุ 33 แล้วยังมี วิลเบอร์ ฮาร์เดนซึ่งป่วยทางจิตและหายตัวไปเมื่ออายุ 35 ยังมีอีกหลายคนที่ล้วนจากไปก่อนเวลาอันควรรวมถึง ซอนนี่ เบอแมน ตายเมื่ออายุ 21, คลิฟฟอร์ด บราวน์ตอนอายุ 25 และ บุคเคอร์ ลิตเทิ้ลอายุ 23 ปี
   อย่างไรก็ตามคนยุคนั้นทิ้งความโศกเศร้าเอาไว้ มันไม่สามารถสกัดกั้นการแบ่งบานของเหล่าศิลปินแจ๊ส เป็นห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวโดดเด่นของนักดนตรีดีๆ ดิสซี่ กิลเลสปีเคียงคู่ชาร์ลี ปาร์คเกอร์ เป็นหัวหอกของแนวดนตรีที่เราเรียกว่า “บีบ็อบ” พวกเขาได้ขัดเกลามันเกือบครึ่งศตวรรษ  ไมล์ เดวิสเติบโตจากการเป็นลูกวงของดิซ (ดิสซี่ กิลเลสปี)  จนเป็นผู้กำหนดหลากหลายสไตล์เพลงแจ๊สในภายหลัง และอีกหลายนักทรัมเปตที่เป็นต้นแบบของผู้ที่ชื่นชมและติดตามแจ๊ส ซึ่งจะได้ฟังความหลากหลายจากหลายหลากศิลปินในอัลบั้มชุดนี้

1. Dizzy Gillespie - “Birk's Works”
2. Fats Navarro - “Nostalgia”
3. Howard McGhee - “Bass C Jam”
4. Miles Davis - “Milestones”
5. Kenny Dorham - “Groovin' High” (Cecil Payne Recording)
6. Shorty Rogers - “Grab Your Axe Max (alt.)
7. Donald Byrd - “Star Eyes”
8. Thad Jones - “Alone Again”
9. Nat Adderley - “Porky”
10. Art Farmer - “Blue Bossa”
11. Lee Morgan - “Doug's Minor Bouk” (Hank Mobley Recording)
12. Wilber Harden - “Shall We Dance?”
13. Freddie Hubbard - “Gyspsy Jingle Jangle” (Benny Golson Recording)
14. Randy Brecker - “No Scratch”


MUSIC  :throb :throb :throb :throb :throb
SOUND   :throb :throb :throb :throb
OSK115_DIY ปี2 .....ดร็อปเรียนก่อนนะ
จันทร์เจ้าขา              ขอซาวด์แรงแรง
ขอหลอดแพงแพง        ใส่แอมป์ของข้า
ขอซีขออาร์               ให้แอมป์ข้าที
ขอชั้นดีดี                  ให้แอมป์ข้าตั้ง
ขอแผ่นสองลัง            ให้แอมป์ข้าลอง...


ออฟไลน์ Mc

  • Admin
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 10,323
    • เพศ:ชาย
  • ไม่ได้แสวงหาความเป็นที่สุด แต่หยุดที่ความพอใจ
คุณAmadeus ผมสนใจอยากฟังบ้างนะครับ ถ้าคุณAmadeus มีโอกาสเจอแผ่นอัลบั้มกลิ่นกุหลาบ ชุดนี้อีกรบกวนเก็บไว้ให้ผมสัก 2 ชุดครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ได้ครับผม

สองแผ่นแลกconcert คาราวาน LP นะครับ ;D 2f 2f

วันนี้ คุณหนุ่มคงไม่เข้ามาขำครับ เข้าห้องสอบ  :showoff :showoff แต่แลกแผ่นนี่น่าสนนะครับ  2f
<a href="http://www.clocklink.com/clocks/5012-black.swf?TimeZone=ICT&amp;&quot;&nbsp; width=&quot;91&quot; height=&quot;30&quot; wmode=&quot;transparent&quot; type=&quot;application/x-shockwave" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.clocklink.com/clocks/5012-black.swf?TimeZone=ICT&amp;&quot;&nbsp; width=&quot;91&quot; height=&quot;30&quot; wmode=&quot;transparent&quot; type=&quot;application/x-shockwave</a>


ออฟไลน์ Amadeus

  • *****
    • กระทู้: 915
    • เพศ:ชาย
  • Was wollen Sie damit sagen?
คุณAmadeus ผมสนใจอยากฟังบ้างนะครับ ถ้าคุณAmadeus มีโอกาสเจอแผ่นอัลบั้มกลิ่นกุหลาบ ชุดนี้อีกรบกวนเก็บไว้ให้ผมสัก 2 ชุดครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ได้ครับผม

สองแผ่นแลกconcert คาราวาน LP นะครับ ;D 2f 2f
OSK115_DIY ปี2 .....ดร็อปเรียนก่อนนะ
จันทร์เจ้าขา              ขอซาวด์แรงแรง
ขอหลอดแพงแพง        ใส่แอมป์ของข้า
ขอซีขออาร์               ให้แอมป์ข้าที
ขอชั้นดีดี                  ให้แอมป์ข้าตั้ง
ขอแผ่นสองลัง            ให้แอมป์ข้าลอง...


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
อัลบั้ม กลิ่นกุหลาบ  :)
จัดทำโดยศิษย์เก่าของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

ราคา 200 B   แหล่งซื้อ ร้านชื่อประมาณ สยามเจดีย์ อะไรนี่แหละครับ

ดูรายชื่อแล้วนับว่าไม่ธรรมดา Executive producer ยุทธนา  บุณอ้อม
นักร้อง คุณรัดเกล้า คุณป็อด โมเดอร์นด็อก  คุณโย่ง วงอาร์มแชร์ คุณตุ้ย ธีรภัทร คุณตูน บอดี้แสลม

แนวเพลงเป็นเพลงลูกกรุงมีหลายจังหวะทั้งสโลว์ แทงโก้ และอื่นๆ
ดนตรีใช้เครื่องวงใหญ๋ (orchestra) มีพระเอกเป็น ทรัมเป็ตและแซกโซโฟน
ชอบเสียงคุณ รัดเกล้า อามระดิษ มากถือเป็นนักร้องไทยที่เสียงใสจริงๆ ลีลาในการร้องเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

มีโอกาสก็หามาฟังกันนะครับ  :headphone :headphone

SOUND  :throb :throb :throb :throb :throb
SONG     :throb :throb :throb :throb :throb

 ;D 2f ขอเลียนแบบนักวิจารณ์หน่อย  ;D 2f
คุณAmadeus ผมสนใจอยากฟังบ้างนะครับ ถ้าคุณAmadeus มีโอกาสเจอแผ่นอัลบั้มกลิ่นกุหลาบ ชุดนี้อีกรบกวนเก็บไว้ให้ผมสัก 2 ชุดครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


ออฟไลน์ tee_sia

  • **
    • กระทู้: 62
ถ้าเป็นเพลงทางเหนือ ผมขอแนะนำ ไม้เมือง ชุด 2 (เฉพาะชุด 2) นะครับ  ผมฟังบ่อย ไพเราะทั้งอัลบั้ม


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
K) ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะลองติดต่อดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลยังไงต้องรบกวนน้องด้วยนะ  :victory
      หัวเข็มยังต้องการอยู่ไม๊ครับ จะไปค้นมาให้  :whistling
ถ้าพี่สะดวกรบกวนด้วยนะครับพี่ ส่วนแผ่นเพลง 4 ชุด ราคาไม่ถึงพันครับ คุ้มสุดๆ ครับถ้าไม่ได้อย่างไรพี่ท่านติดผมท่าง PM ด้วยนะครับ


ออฟไลน์ seat44

  • ***
    • กระทู้: 192
    • เพศ:ชาย
 K) ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะลองติดต่อดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลยังไงต้องรบกวนน้องด้วยนะ  :victory
      หัวเข็มยังต้องการอยู่ไม๊ครับ จะไปค้นมาให้  :whistling
เดิมถนัดแต่Diyชี้นิ้ว ตั้งแต่เจอWebนี้ ถึงเริ่มจะDiyเอง เฮ้อ เหนื่อย !! แต่มีความสุข ++


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
วันนี้พึ่งได้รับแผ่นพี่คำหล้า ธัญยพร มาครบทุกชุดครับ มีทั้งหมด 4 ชุด
1. ประทีปพันดวง (Next review)
2. คีตลานนา
3. เพลงพิณเปี๊ยะ
4. มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร (Next review)
แล้วจะมา Review อีกครั้งนะครับ ว่าแต่ละแผ่นเป็นอย่างไรบ้าง :)


อ่านแล้วอยากฟังบ้างจัง คุณ PajoneC หาให้ผมซักชุดซิครับ ช่วย PM แจ้งค่าใช้จ่ายให้ด้วยนะครับ
พี่ seat44 ติดต่อเบอร์โดยตรงเลยครับ มีโชว์ที่หน้าปก ได้คุยก่ะตัวเป็นๆ ด้วยนะครับ พี่เค้าคุยน่ารักมากครับ  ;) ถ้าไม่สะดวกเดี๋ยวน้องจัดให้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กุมภาพันธ์, 2007, 10:04:16 am โดย PajoneC »


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
ชุด มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร ของผมเป็นแบบนี้ครับ ของคุณ PajoneC น่าจะเป็นแบบใหม่ สวยดีครับ ยังงี้ต้องไปตามหามาอีกสองแล้วเรา
คุณsotus ดูให้ดี มีลายเซนต์พี่คำหล้า ด้วยนะ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐  c) c) c)


ออฟไลน์ seat44

  • ***
    • กระทู้: 192
    • เพศ:ชาย
วันนี้พึ่งได้รับแผ่นพี่คำหล้า ธัญยพร มาครบทุกชุดครับ มีทั้งหมด 4 ชุด
1. ประทีปพันดวง (Next review)
2. คีตลานนา
3. เพลงพิณเปี๊ยะ
4. มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร (Next review)
แล้วจะมา Review อีกครั้งนะครับ ว่าแต่ละแผ่นเป็นอย่างไรบ้าง :)


อ่านแล้วอยากฟังบ้างจัง คุณ PajoneC หาให้ผมซักชุดซิครับ ช่วย PM แจ้งค่าใช้จ่ายให้ด้วยนะครับ
เดิมถนัดแต่Diyชี้นิ้ว ตั้งแต่เจอWebนี้ ถึงเริ่มจะDiyเอง เฮ้อ เหนื่อย !! แต่มีความสุข ++


ออฟไลน์ sotus

  • มีเรื่องถามชมพู่
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,062
    • เพศ:ชาย
ชุด มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร ของผมเป็นแบบนี้ครับ ของคุณ PajoneC น่าจะเป็นแบบใหม่ สวยดีครับ ยังงี้ต้องไปตามหามาอีกสองแล้วเรา
อยากรู้จักผมตาม link เลย
http://www.htg2.net/index.php?topic=54264.0


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
วันนี้พึ่งได้รับแผ่นพี่คำหล้า ธัญยพร มาครบทุกชุดครับ มีทั้งหมด 4 ชุด
1. ประทีปพันดวง (Next review)
2. คีตลานนา
3. เพลงพิณเปี๊ยะ
4. มนต์เสน่ห์เขลางค์นคร (Next review)
แล้วจะมา Review อีกครั้งนะครับ ว่าแต่ละแผ่นเป็นอย่างไรบ้าง :)


ออฟไลน์ sotus

  • มีเรื่องถามชมพู่
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,062
    • เพศ:ชาย
แผ่นคำหล้า 1 ถึง 3 ซื้อได้ที่ชั้น 1 อาคารศรีวรจักร คลองถมครับ ร้าน planet.....ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ แผ่น 2 เป็นเพลงบรรเลงอย่าวเด๊ยวตามเพลงของแผ่นที่ 1 ครับ แผ่นที่ 1 ทำครั้งที่ 2 เสียงอัดสู้แผ่นครั่งที่ 1 ไม่ได้ครับ
เอ้.......................... ของผมแผ่นสองมีเสียงร้องด้วยหนา หรือว่าเราจำผิด ต้องกลับไปฟังใหม่แล้ว
อยากรู้จักผมตาม link เลย
http://www.htg2.net/index.php?topic=54264.0


ออฟไลน์ รักหลอด

  • ****
    • กระทู้: 438
แผ่นคำหล้า 1 ถึง 3 ซื้อได้ที่ชั้น 1 อาคารศรีวรจักร คลองถมครับ ร้าน planet.....ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ แผ่น 2 เป็นเพลงบรรเลงอย่าวเด๊ยวตามเพลงของแผ่นที่ 1 ครับ แผ่นที่ 1 ทำครั้งที่ 2 เสียงอัดสู้แผ่นครั่งที่ 1 ไม่ได้ครับ


ออฟไลน์ Sunflower

  • ****
    • กระทู้: 330
อีกชุดที่ผมชอบเป็นการส่วนตัว อัลบั้ม คีตลานนา โดยกลุ่มนักดนตรีไทยลานนา (คำหล้า ธัญยพร) เป็นเพลงบรรเลงโดยเครื่องดนตรี สะล้อ ซอ ซึง เครื่องดนตรีทางภาคเหนือ โดยส่วนตัวผมชอบทุกเพลง ทุกTrack จากทั้งหมดสิบกว่า Track และชอบเป็นพิเศษ Track 9 ครับให้ความรู้สึกจากเสียงขลุ่ยที่จังหวะทำนองไม่ขาดตอนไหลลื่น (ไม่รู้ว่าพี่เค้าหยุดเพื่อจะหายใจบ้างหรือป่าวนะสิ)  O0 เป็นอีกแผ่นที่ทรงคุณค่าน่าสะสม น่าเก็บน่าฟัง ไว้เร็วๆ จะ Scan ปกมาให้ชมนะครับ ใจจริงอยากให้พี่เค้าทำเป็นแผ่นดำมากๆ เลยครับยอมรับว่าผมชอบจริงๆ  :)


track9..เพลงบรรเลงนิราศพระธาตุลำปางหลวง..... :whistling :whistling...........ขอเป็นอีกคนหนึ่งที่จะบอกว่าฟังแล้วประทับใจมากยิ่งฟังกับแอม์ปหลอดแล้วละก้อ..สุดๆๆ.... O0 O0



ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
อีกชุดที่ผมชอบเป็นการส่วนตัว อัลบั้ม คีตลานนา โดยกลุ่มนักดนตรีไทยลานนา (คำหล้า ธัญยพร) เป็นเพลงบรรเลงโดยเครื่องดนตรี สะล้อ ซอ ซึง เครื่องดนตรีทางภาคเหนือ โดยส่วนตัวผมชอบทุกเพลง ทุกTrack จากทั้งหมดสิบกว่า Track และชอบเป็นพิเศษ Track 9 ครับให้ความรู้สึกจากเสียงขลุ่ยที่จังหวะทำนองไม่ขาดตอนไหลลื่น (ไม่รู้ว่าพี่เค้าหยุดเพื่อจะหายใจบ้างหรือป่าวนะสิ)  O0 เป็นอีกแผ่นที่ทรงคุณค่าน่าสะสม น่าเก็บน่าฟัง ไว้เร็วๆ จะ Scan ปกมาให้ชมนะครับ ใจจริงอยากให้พี่เค้าทำเป็นแผ่นดำมากๆ เลยครับยอมรับว่าผมชอบจริงๆ  :)


ออฟไลน์ COBRA

  • ****
    • กระทู้: 328
Bangkok acoustic เสียงดีมากคับ

อยากแนะนำแผ่นไทยดีดีอีกแผ่นคับ Inspiration ดนตรีสากล+ไทยนิน่อย


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
พี่ PajoneC  ว่าต่อไปเลยครับ กำลังติดตามอยู่ ได้ความรู้ดีครับ ไม่ทราบว่า ชุด bangkok acoustic ชุดนี้เป็นไงครับ ผมว่าเสียงดีพอสมควร

สำหรับชุดนี้ ได้ลองฟังกับ ชุด System ที่ผมใช้งานประจำ เป็นอีกอัลบั้มที่น่าฟังและให้ความรู้สึกดีมากๆ ครับฟังซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ก็ยังรู้สึดีเสมอ ในอัลบั้มเป็นเพลงร้อง และบรรเลงออกแนว acoustic ผสมผสาน เครื่องดนตรีสากล และเครื่องดนตรีไทยได้อย่างกลมกลืน เคยมีบางท่านกล่าวว่าดนตรีไทย เครื่องดนตรีไทยเรากำลังจะตาย เพราะความเข้าใจ บวกขีดจำกัดเรื่องเครื่องดนตีไทยเราไม่สามารถเทียบเสียงตัวโน๊ตสากลได้ เลยเป็นปัญหาและเหตุว่าดนตรีไทยเราคงจะตายแน่ๆ หากไม่มีการปรับตัว
ตัวผมเองก็คิดและเข้าใจว่าดนตรีไทย แนวดนตรีไทยเราคงจะตายจริงๆ แต่เมื่อผมได้ฟังอัลบั้มชุดนี้ ความรู้สึกนั้นและคำกล่าวก่อนหน้านั้นถูกลบออกจากจิตสำนึกผมโดยทันที เพราะอัลบั้มชุดนี้จริงๆ เน้นครับอัลบั้มชุดนี้จริงๆ และคงต้องยกนิ้วให้เป็นอีกอัลบั้ม หนึ่งที่ทรงคุณค่า เพราะดนตรีไทยเราเทียงคีย์โน๊ตสากลได้แล้ว พี่น้องสามารถรับฟังและพิสูจได้จากอัลบั้มชุดนี้ได้ครับ ผมฟังแล้วชอบทุกเพลงเลยครับ ;D
Track List
1. กุลสตรีไทย
2. สร้อยแสงแดง
3. ละเมอสาว
4. ค้างคาวกินกล้วย
5. เพ้อ
6. ลาวเจริญศรี
7. เขมรไทรโยค
8. เกี่ยวข้าว
9. สุขใจ
10. southern funk
11. นกขมิ้น
12. beat of siam


ออฟไลน์ PajoneC

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,370
    • เพศ:ชาย
    • สนุกกับการได้ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
แผ่นซีดีของ คำหล้า หาได้ที่ไหนครับ อยากได้แผ่นนี้เหมือนกันครับ  :)
นอกจากจะอัดดีแล้ว เป็นเพลงพื้นเมืองที่ได้รางวัลสีสันอวอร์ดปีไหนจำไม่ได้แหล่ว  :D
คุณAnalogLism ลองโทรติดต่อไปตามเบอร์โทรที่พิมพ์ลงบนแผ่นดูนะครับ ผมว่าควรที่จะสั่งจอง หรือสั่งซื้อได้ครับ :)


ออฟไลน์ Goda Takeshi

  • *****
    • กระทู้: 656
    • เพศ:ชาย
นอกเรื่องหน่อย เพราะผมไม่ได้ใช้ CD มานานมากแล้ว แต่จะแนะนำ Barry White ครับเสียงทุ้มนุ่มแถมยังเป็น Disco อีก  :wiggle หาแบบ lossless ได้ใน mininova.org ครับ

mark's local hero แบบ lossless ก็มีนะครับ