หัวข้อ: ประทับใจกับ DVD-Audio

[PINIJ]

เรียนคุณ  NID

เห็นว่าชอบแบบ Bit & Sampling Rate สูงๆ คุณอาจไม่ต้องสั่งซื้อแผ่นใหม่มาจากเมืองนอก ลองเข้าค่อยๆ ไปอ่านตั้งแต่หน้าแรก ถึงวิธีทำ CD Format ที่มีอยู่ให้เสียงมีรายละเอียดเป็นแบบ DVD Audio ดูครับ (เป็นการทำแบบมีการตรวจสอบข้อมูลเป็นขั้นตอน  ไม่เหมือนกับการอ่านข้อมูลแล้วแปลงแบบการ Up –Sampling จาก CD Format ซึ่งเป็นแบบ Real Time ที่ต้องเครื่องแพงๆ ที่มีราคาระดับ dCS เท่านั้นที่จะทำได้ดีเท่าวิธีนี้)

คุณอาจได้พบกับสิ่งใหม่ๆ ที่ประหยัด และอาจสนุกกับการฟังเพลงมากยิ่งขึ้นครับ และมีวิธีเอาเพลงจากแผ่น LP  มาลงเป็น  DVD Audio  ซึึ่่งจะให้เสียงที่ดีกว่า CD Format  อีกด้วยครับ

http://www.thaiavclub.org/forums/index.php?topic=5268.200

[Depapepe]

ที่ร้านเลบง ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นใหม่ครับ สำหรับแผ่นเก่าลองโทร.ไปสอบถามก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา (โทร.086-3050923)

วันนี้ได้แผ่น DVD-Audio มาจาก Amazon.com อีก 2 แผ่น 1.Days Of Future Passed ของคณะ The Moody Blues ราคา 17.98 US.Dollar 2.The Collection ของ Marvin Gaye ราคา 14.99 US.Dollar มีค่าขนส่งอีก 12.97 US.D รวมเป็น 45.94 US.D ถ้า 1 USD = 35.00 บาท ก็ตกราว 1,607.90 บาท

ใน Shipment นี้มีจำนวน 2 แผ่น ค่าขนส่งจึงเป็น 12.97 USD ในบาง Shipment มีแผ่นเดียว ค่าขนส่งก็ 8.98 USD

ที่ผ่านมาหากสั่งจำนวน 1-2 แผ่น จะไม่เสียภาษี แต่ถ้ามากกว่านี้จะเสียภาษี ถ้าร้านค้าในบ้านเรามี ก็อยากจะอุดหนุน แต่ส่วนใหญ่ไม่มี เลยต้องสั่งจากนอก

แผ่น Days Of Future Passed เป็นแผ่นที่เคยมีมาแล้วทั้งแผ่นเสียงและแผ่นซีดี(ทั้งคู่เป็นของ Mobile Fidelity Sound Lab) มาสเตอร์เดิมเสียงค่อนข้างดีอยู่แล้ว เมื่อมาเป็น DVD-Audio ยิ่งได้ความอลังการของวงออร์เคสตร้าเพิ่มขึ้นมาอีก แผ่นนี้เป็น dts - เยี่ยมและถูกใจมาก

ส่วน The Collection ของ Marvin Gaye เขารวมเพลงไว้ค่อนข้างดี สุ้มเสียงสู้ Days Of Future Passed ไม่ได้ และเป็นแค่ Dolby Surround

คงพอเป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ ที่สอบถามเข้ามาได้บ้าง (ขออภัยที่ตอบช้าไปหน่อย)

NID

ขอบคุณคับ..

[Help !!!]

ที่ร้านเลบง ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นใหม่ครับ สำหรับแผ่นเก่าลองโทร.ไปสอบถามก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา (โทร.086-3050923)

วันนี้ได้แผ่น DVD-Audio มาจาก Amazon.com อีก 2 แผ่น 1.Days Of Future Passed ของคณะ The Moody Blues ราคา 17.98 US.Dollar 2.The Collection ของ Marvin Gaye ราคา 14.99 US.Dollar มีค่าขนส่งอีก 12.97 US.D รวมเป็น 45.94 US.D ถ้า 1 USD = 35.00 บาท ก็ตกราว 1,607.90 บาท

ใน Shipment นี้มีจำนวน 2 แผ่น ค่าขนส่งจึงเป็น 12.97 USD ในบาง Shipment มีแผ่นเดียว ค่าขนส่งก็ 8.98 USD

ที่ผ่านมาหากสั่งจำนวน 1-2 แผ่น จะไม่เสียภาษี แต่ถ้ามากกว่านี้จะเสียภาษี ถ้าร้านค้าในบ้านเรามี ก็อยากจะอุดหนุน แต่ส่วนใหญ่ไม่มี เลยต้องสั่งจากนอก

แผ่น Days Of Future Passed เป็นแผ่นที่เคยมีมาแล้วทั้งแผ่นเสียงและแผ่นซีดี(ทั้งคู่เป็นของ Mobile Fidelity Sound Lab) มาสเตอร์เดิมเสียงค่อนข้างดีอยู่แล้ว เมื่อมาเป็น DVD-Audio ยิ่งได้ความอลังการของวงออร์เคสตร้าเพิ่มขึ้นมาอีก แผ่นนี้เป็น dts - เยี่ยมและถูกใจมาก

ส่วน The Collection ของ Marvin Gaye เขารวมเพลงไว้ค่อนข้างดี สุ้มเสียงสู้ Days Of Future Passed ไม่ได้ และเป็นแค่ Dolby Surround

คงพอเป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ ที่สอบถามเข้ามาได้บ้าง (ขออภัยที่ตอบช้าไปหน่อย)

NID

[Depapepe]

ร้านเลบง(ละ-เบง) มีแผ่นซีดีมือสองเยอะป่าวคับ..ราคาประมาณเท่าไหร่ เป็นแผ่นมือสองปกติที่ผ่านการใช้งานแล้วหรือแผ่นโปรโมชั่นคับ ที่ผมเคยซื้อสังเกตุจะเป็นเป็นแผ่นโปรโมชั่นพวกที่เขียนที่แผ่นว่า Promotion Only Not Fot Sale : ซะ ส่วนมากคับ  ...ซึ่งเผื่อยังไง ถ้าดีจิงได้ไปแวะดูของในร้านบ้างคับ

ขอบคุณคับ..ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงคับ 

[Help !!!]

หลายวันที่ผ่านมา ได้แผ่นของ Fourplay ชุด Fourplay ในราคา 400.00 บาท เรื่องฝีมือกับคุณภาพของเพลงคงไม่ต้องพูดถึง "เยี่ยม" จริง ๆ

ที่อยากพูดก็คือ คุณภาพเสียงสุดยอดมาก เสียงเบสดรัม ลงได้ลึกกว่าแผ่นซีดีที่เคยฟัง กลาง-แหลม ไม่จัดจ้าน ที่สำคัญการบาล้านซ์ระดับความดังของทั้ง 5 แขนแนล เยี่ยมมาก ไม่รู้สึกว่า คู่หลังมารบกวนคู่หน้าให้รำคาญ เป็นอีกชุดหนึ่งที่คนชอบ DVD-Audio ต้องมีไว้ข้างกาย


มายืนยันอีกครั้งว่า ชุดโฮมเธียเตอร์ ราคาโลว์เอ็นด์ชุดนี้ ให้เสียง"ไฮเอ็นด์"ได้


ปล.DVD-Audio ชุดนี้เป็นของมือสอง ได้มาจากร้านเลบง(ละ-เบง) ในตลาดบองมาร์เช่ วัดเสมียนนารี - ในร้านยังมีเพลงแจ๊ซซ์ดี ๆ อีกมาก(แผ่นใหม่) ราคาน่าใจหาย ถูกกว่าแถวฟอร์จูนเป็นร้อย !!

NID

[narong2198]

ขอถามคุณ NID
การสั่งแผ่นจาก Amazon.com ปัจจุบันค่าขนส่งประมาณกี่เหรียญ?
เคยสั่งจาก Amazon เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่าน โดนเรียกเก็บภาษี + ค่าขนส่ง + ราคาแผ่น > แพงกว่าร้านค้าในไทย

ขอขอบคุณครับ

[Help !!!]

จากบทความนี้ http://www.audio-teams.com/teams_colum/impedance_mat/1.shtml

ยืนยันได้ว่า AVR Marantz SR-6400 กับ ลำโพง KOTCH จากประเทศไทย "เข้าข่าย" Hi-End

NID

[Help !!!]

: เดินผ่านร้านขายแผ่นเสียง เห็นแผ่น ครบรอบ 30 ปี Dark Side Of The Moon, ไปงานโชว์เครื่องเสียงเห็นแผ่นซีดีปกเดียวกัน ผ่านตาหลายครั้ง แคล้วคลาดไม่ได้ซื้อซักที มัวแต่ไปซื้อแผ่นอื่น คิดว่าคง "อด" เสียแล้ว

พอดีไปพบใน www.amazon.com เป็นแผ่น SACD เลย "สอย" เสียเลย นานไปเดี๋ยวจะพลาดอีก ได้ฟังแล้วก็ "ตายตาหลับ" ยัดเข้าเครื่อง Universal - DENON 1930 กดรีโมทรีซีฟเวอร์ Marantz - SR 6400 ไปที่ปุ่ม 7.1/6.1 Input ความไพเราะของบทเพลงคงไม่ต้องพูดถึง แต่บรรยากาศ 5.1 แชนแนล ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้เสียงต่ำจะยัง "มน ๆ" อยู่ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะมาสเตอร์มันตั้ง 30 กว่าปีแล้ว นับว่าเป็นอีกแผ่นหนึ่งที่น่าหามาฟังกัน อย่างน้อยก็ตอบสนองเหตุผลทางจิตใจ

http://www.amazon.com/Dark-Side-Moon-30th-Anniversary/dp/B00008CLOA/ref=pd_bbs_sr_2/105-4734792-9779625?ie=UTF8&s=music&qid=1187703952&sr=1-2

NID

[Jack Bristow]

ขอบคุณครับ ที่อุตส่าชี้แจง เล่า รายละเอียด
ก็ถือเป็นอีกแนวทาง ทางเลือกหนึ่งในการฟังเพลง
วันไหนถ้าจะสั่ง software DVD Audio อีก
วานบอกด้วยครับ จะฝากซื้อด้วยครับ

ขอให้มีความสุขในการฟังเพลงยิ่งๆขึ้นครับ

[Help !!!]

ข้อความ: ที่        อุปกรณ์        ยี่ห้อ        รุ่น        จำนวน        ราคา/หน่วย        เป็นเงิน
1        Receiver        Marantz        SR 6400        1         19,200.00          19,200.00
2        DVD Player        Denon        DVD-1930        1         15,200.00          15,200.00
3        ลำโพง        KOTCH                3         5,900.00          17,700.00
4        Sub Woofer 10 นิ้ว        Phase Technology        Sub 10        1         19,000.00          19,000.00
5        ขาตั้งลำโพง        Rezet        ST 101 ZT        1         4,000.00          4,000.00
6        สายสัญญาณ CO-AX        Hi-Tech        N/A        1         1,500.00          1,500.00
7        สายสัญญาณ        KOTCH        N/A        1         1,000.00          1,000.00
8        สายสัญญาณ 5.1 (อนาล็อค)        N/A        N/A        3         70.00          210.00
9        สายสัญญาณ-ภาพ        Hi-Tech        N/A        3         1,500.00          4,500.00
10        สายสัญญาณ Sub Woofer        Hi-Tech        N/A        1         3,500.00          3,500.00
11        สายลำโพง        Wyrewizard        Spellbinder        35         400.00          14,000.00
12        Banana Jack        ณัฐพงษ์                24         53.00          1,272.00
13        โทรทัศน์        SONY        DA 32        1         35,000.00          35,000.00
14        ขาตั้งโทรทัศน์        SONY        N/A        1         5,000.00          5,000.00
15        เต้าเสียบ        SILICON        Mountain 1        1         3,700.00          3,700.00
                                                 144,782.00


นี่คือรายละเอียดทั้งหมดของซิสเต็มที่ถ่ายทอดความประทับใจ DVD-Audio สู่โสตประสาท ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะนี่คือความเห็นหรือความประทับใจของคน เพียงคนเดียว

NID

[Help !!!]

ลืมเอาหน้าปกมาให้ดู ลองเข้าไปที่นี่
http://www.amazon.com/Cheskys-Magnificent-Fabulous-Musical-Surround/dp/B00015M7R8/ref=sr_1_1/104-5892996-3609554?ie=UTF8&s=dvd&qid=1180040734&sr=1-1

NID

[Help !!!]

จ่ายค่าแผ่นไป 752.00 บาท(รวมค่าส่งถึงบ้าน) ให้กับ www.amazon.com ประมาณ 3 สัปดาห์ก็ได้แผ่น DVD-Audio ที่ชื่อว่า DR.CHESKY’S Magnificent, Fabulous, Absurd & Insane (Musical 5.1 Surround Show) มาไว้ในครอบครอง (เคยสั่งร้านบูมเมอ.... ปรากฏว่าแผ่นนี้หมดไปแล้ว-ไม่รู้สั่งมาขายอีกหรือเปล่า ลองโทร.ถามดู)

ตอนแรกกะไว้ว่าจะเอามาใช้เซ็ท-อัพระบบเสียงที่ใช้อยู่ แต่ทันทีที่ฟังจบทั้ง 38 แทร็ค(55.15 นาที) ก็พบว่า ไม่ต้องปรับแต่ง(เสียง)อะไรอีก ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดีแล้ว แม้แต่ซับวูฟเฟอร์ที่ “กังวล” อยู่ว่าไม่ได้ที่ เป็นแผ่นที่เรียกได้ว่าเจ้าของโฮมเธียเตอร์ทุกคน “ต้อง” มีไว้ประจำห้องฟัง เป็น Record To Die For !!! อีกแผ่นหนึ่ง

38 แทร็คบรรจุไปด้วย เสียงเครื่องบิน เสียงรถยนต์ เสียงแตร เสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงพายุ ฝนตก-ฟ้าร้อง-ฟ้าผ่า รถไฟใต้ดิน เสียงคนพูดคุย เสียงร้องเพลง เสียงไวโอลิน เสียงเชลโล เสียงกลองสแนร์ คิกดรัม เบสดรัม กลองทิมปานี เพลงอาหรับ เพลงธิเบต เพลงอาฟริกัน กลองจีน กลองอาฟริกัน เพลงร็อค ออร์แกนโบสถ์ เสียงม้า อีกสารพัดเสียงที่เอามาใส่ไว้อย่างไม่น่าเบื่อ ที่สำคัญมีตัวอย่างเสียงต่ำระดับ 50 Hz, 40 Hz, 30 Hz และ 20 Hz ให้ฟังด้วย(แม้ว่าซับ 10 นิ้ว ที่ใช้จะลงได้แค่ 40 Hz)การแยกมิติทั้ง 6 แชนแนลเยี่ยมมาก(ไม่มี dts) และแน่นอน แผ่นนี้ผลิตโดย Chesky Records

ตลอดการใช้งาน ไม่พบอาการ “กัด” หู หรือ มิติที่หลอกหลอน เสียงฝนตก ฟ้าร้อง รวมทั้งเสียงฟ้าผ่า ให้บรรยากาศ “เสมือนจริง” จนคนใกล้ตัวตื่นมาถามว่า “ฝนตกหรือเปล่า ?”  เสียงหนังกลองทั้งทิมปานี และเบสดรัม ให้ความรู้สึกถึงการ “ขึง” หนังกลองและขนาดที่แตกต่างกัน

สรุป ชุดเครื่องเสียงชุดนี้เป็นชุดธรรมดา ๆ ที่คนชั้นกลางจะหาซื้อมาได้ ไม่ได้มีราคาแพงมากมายอย่างพวกไฮเอ็นด์เล่นกัน แต่ก็ให้เสียงในระดับที่ “ไฮเอ็นด์” ต้องอิจฉา เรียกได้ว่า ใคร ๆ ก็ “เล่น”  ได้ ขยันหา “ซอฟท์แวร์” มาใส่ให้มันหน่อยก็แล้วกัน

NID

[Jack Bristow]

ผมสนใจตรงที่คุณ NID บอกว่า
"ส่วนเครื่องอื่นๆที่ใช้ประกอบในชุดนี้ ขอให้ทิ้งเบอร์โทร.ไว้ ผมจะโทร.บอกเป็นการส่วนตัว"
ตรงนี้ขอให้ PM มาบอกก็ได้ครับ อยากทราบ บางทีผมไม่ค่อยได้เปิดมือถือ

[Help !!!]

สวัสดีครับ

คงมีความสามารถตอบได้เรื่องเดียวครับ คือเรื่อง Denon 1930 ส่วนเรื่องอื่นรอท่านผู้รู้มาช่วยครับ
ผมยังไม่ได้ใช้ 1080p ใช้แค่ Component ภาพที่ได้ ผมชอบมากกว่า Marantz DV 7600 แต่ก่อนที่ผมจะซื้อ ผมให้พนักงานที่โชว์รูมเปิดให้ดูกับจอพลาสมาของไพโอเนียร์ ภาพที่ได้ดีมากครับ และการเลือกให้ปล่อย 1080p หรือระดับอื่นๆ ก็ทำได้โดยง่าย เพียงกดปุ่มที่หน้าเครื่องด้านขวา

ราคา 15,200.00 บาท ผมถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน เพื่อ "รอ" Blue Ray กับ HD Dvd ทะเลาะกันให้เสร็จก่อน

เรื่องเสียง อาจจะเป็นรองฟิลิปส์ SA 963 แต่ก็ราบเรียบ น่าฟัง ไม่โฉ่งฉ่าง ข้อสำคัญ ต้องหาลำโพงที่ Tonal Balance ดี ๆ

NID

[Jack Bristow]

สวัสดีครับ มีคำถามดังนี้ครับ
ผมสนใจส่วนเครื่องอื่นๆที่ใช้ประกอบในชุดนี้ครับ
ที่บ้านผมมี denon 3801 กำลังหา universal player คุ้มราคาครับ
จะใช้เป็นทั้ง video & audio multichannel
เพราะอีกไม่นาน hd dvd blueray จะออก และ up 1080p ได้อีก
denon 1930 เมื่อ upมาที่ 1080p แล้วผลที่ได้ กี่% ของ hidef ครับ
denon 1930 มี hdcd หรือไม่ครับ

ทำอย่างไรจะแปลงจาก HDMI ไป VGA(>> 5RCA) ครับ
ผมใช้จอ sony 36" widescreen hr series
ผมกำลังสะสม sacd & dvd audio อยู่เหมือนกันครับ 

[Help !!!]

หลายคนคงรู้จักวงแจ๊ซซ์ร่วมสมัยที่ชื่อว่า Weather Report ดี วันนี้มีแผ่น SACD มาแนะนำ เป็นการรวมดาวศิลปินสุดยอดในวงการแจ๊ซซ์ได้มากที่สุดครั้งหนึ่ง พวกเขามาถ่ายทอดเพลงของ Weather Report ให้ได้ฟังกันในระบบเซอร์ราวนด์ เรื่องคุณภาพเสียง Telarc รับประกัน

ลองดูรายละเอียดที่ http://www.telarc.com/sacd/title.asp?sku=SACD%2D63473&mscssid=Q8QPS01AFNN58JRSX7TTAM9XJ9DG6SC3

NID

[Help !!!]

สัปดาห์ที่แล้ว ไปเดินเล่นที่ลาดพร้าว แวะไปที่บูมเมอ... ว่าจะไม่ซื้ออะไร กะเข้าไปดูเฉยๆ พนักงานลองเปิด DVD-Audio ให้ฟังสองชุด ชุดแรก Romances จาก Luis Miguel ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย ชุดที่สองจาก Yes ชื่อว่า Magnification ชุดหลังพอคาดเดาได้ว่าเล่นแบบไหน ชุดแรกฟังแล้วมีความรู้สึกว่า"ดนตรี"ดีมาก แต่เสียงร้องรู้สึกเฉยๆ จ่ายเงินไป 659.00 กับ 649.00 บาท กลับมาบ้าน เปิด Yes ฟังก่อน ไม่เลวเลย มาสเตอร์เดิมคงทำไว้ดี มาเป็น 5.1 ก็ยังรักษาคุณภาพไว้ได้ เสียงคู่หลังไม่ได้ทำให้รู้สึกว่า"เกินเลย" ส่วน Romances ของ Luis Miguel นี่ซิ ทำเอา"ติด"งอมแงม ต้องฟังก่อนนอนทุกคืน ดนตรีเยี่ยมจริง ๆ เป็นเพลงละตินที่บรรเลงด้วยออร์เคสตร้า เสียงร้องที่เริ่มคุ้นก็ชักติดใจ .... หรือว่าอายุมากขึ้น !!?

สอบถามพนักงาน ทำให้ทราบว่าทางร้าน"เลิก"สั่ง DVD-Audio มานานแล้ว เลยแกล้งถามว่า "ที่เหลืออยู่....ก็น่าจะเอามาขายถูก ๆ" พนักงานได้แต่อมยิ้ม....เลยไม่รู้ว่าจะเอามา"เลหลัง"ให้หรือเปล่า

ตามไปดูข้อมูลได้ที่นี่
http://www.amazon.com/Romances-Luis-Miguel/dp/B00005AT46/ref=sr_1_4/104-5892996-3609554?ie=UTF8&s=music&qid=1178648474&sr=1-4

http://www.amazon.com/Magnification-Yes/dp/B000066I3R/ref=pd_bbs_sr_3/104-5892996-3609554?ie=UTF8&s=music&qid=1178650024&sr=1-3

NID

[Help !!!]

พื้นที่บริเวณบางกอกบาซาร์ และ Hi-Fi Center เป็นพื้นที่ที่มีปัญหา ทางสนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ได้ให้เวลาถึงสามปีในการให้ผู้เช่าออกจากอาคารของบางกอกบาซาร์ หลังจากหมดสัญญา ส่วนตรงไฮไฟเซ็นเตอร์ ทราบว่ายังเหลืออายุสัญญาเช่าอยู่ แต่ก็อีกไม่กี่ปี

มีความพยายาม"ยื้อ"ที่จะอยู่ต่อ ถึงขนาดจะไปร้องศาลปกครองเพื่อให้สนง.ทรัพย์สินฯเปิดเผยเอกสารที่เชื่อว่าเป็นพระราชหัตถเลขา

อยากจะบอกผู้ที่เกี่ยวข้องว่า สนง.ทรัพย์สิน ฯ ไม่ใช่ส่วนราชการ และไม่ใช่เอกชน ศาลปกครองไม่มี "อำนาจ" ที่จะเข้าไปทำอะไรได้ ขอให้พิจารณาให้ดี ก่อนที่จะเสียเงินไปมากกว่านี้ กับค่าใช้จ่ายทางกฏหมาย !!

การปฏิบัติ หรือ"ดื้อ"ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า เชื่อว่าผู้เช่าคงทราบดี หาช่องทางใหม่เพื่อค้าขายดีกว่า

คงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "เป็นความ กินขี้หมาดีกว่า"

ไฮไฟเซ็นเตอร์ จึงตกอยู่ในความ"เงียบเหงา" ก็ด้วยประการฉะนี้

NID

[Help !!!]

หลังจากลองเล่นแผ่น SACD อยู่หลายวัน ก็พบว่าวิธีเล่นที่ให้เสียงได้ดีมาก คือ การเข้าไป Set Up ค่าต่างๆที่เกี่ยวกับเสียง ของเครื่องดีวีดี Denon DVD-1930 ใส่แผ่น SACD แล้วกดปุ่ม SACD Set Up ที่รีโมท เลือก Multi-Ch จากนั้นกดปุ่ม 7.1/6.1 Input ที่รีโมทของรีซีฟเวอร์ Marantz SR-6400
เสียงที่ได้ "เข้มข้น"ขึ้น การแยกเสียงทั้ง 5.1 แชนแนลดีขึ้นมาก

พี่ ๆ เพื่อน ๆ ท่านใด ยังไม่เคยลองเล่น น่าจะหาโอกาสลองดู ไม่ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายอะไร เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่อยากแนะนำ

หลายสัปดาห์ก่อนไปพบแผ่นดีที่ร้านบูมเมอ..... ขณะลองฟังมีลูกค้าที่เป็นร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ ขอซื้อไปใช้งานก่อน เขาบอกว่าจะเอาไป "จูน" เสียงในรถยนต์ที่จะส่งเข้าประกวด ก็ใจดีให้เขาไปก่อน รอมาจนถึงบัดนี้แผ่นที่ว่าก็ยังไม่ได้ถูกส่งมาจากเมืองนอก คงต้องรอไปอีกระยะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ เป็นบทเรียนว่า ต่อไปนี้ ถ้าเจอ"ของดี" ต้องตัดสินใจซื้อทันที อย่าโลเล แผ่นที่ว่าเป็น DVD-Audio ชื่อว่า Dr.Chesky (มีทำเป็น SACD ด้วย) เห็นที่ไหนซื้อได้เลย แผ่นนี้ใช้ Set Up ระบบเสียงมัลติแชนแนลดีนักแล เอาไว้ได้แผ่นมาเมื่อไหร่ จะเขียนมาเล่าให้ฟัง

อยากย้ำอีกครั้งว่า เครื่องเล่นดีวีดี Denon DVD-1930 ตัวนี้น่าเล่นมาก ซื้อมา 15,200.00 บาทจากฟิวเจอร์เวิลด์ นอกจากเสียงดีแล้ว ยังปล่อยภาพระดับ 1080P ได้ด้วย(ทาง HDMI) ถ้าได้บราเวีย X-Serie มาเมื่อไหร่ จะมารายงานเรื่องภาพเป็นของแถม

โดยส่วนตัว ชอบมากกว่า Marantz DV-7600 !!

NID

[Help !!!]

วันนี้อยู่ว่าง ๆ เลยเดินไปร้านขายสายไฟข้างบ้าน ซื้อสายสัญญาณมา 3 คู่(6 เส้น) ราคาคู่ละ 70.00 บาท ด้านหนึ่งก็ต่อเข้ากับช่อง Front Left, Front Right, Surround Left, Surround Right, Center และ SW ของเครื่องเล่นดีวีดี Denon รุ่น DVD-1930 อีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับช่องแบบเดียวกันที่ A/V Receiver Marantz SR-6400

จากนั้นเลือกโหมด A/V Receiver ไปที่ CD หมุนแกนใหญ่ๆด้านซ้ายเลือกไปที่ Multi Channel แล้วกดปุ่ม SACD Set Up ที่รีโมทเครื่องเล่นดีวีดีไปที่ CD Area แล้วเลือก Multi Channel

ใส่แผ่น SACD ชุด The Absolute Sound - SACD Sampler ที่แฮร์รี่ เพียร์สันเป็นคนคัดเลือกเพลงให้ Telarc เข้าไป

ปรากฏว่านั่ง "อึ้ง" ฟังด้วยความประหลาดใจ ว่าทำไมเราเพิ่งมาต่อเล่นแบบนี้ เสียงที่ได้ยอมรับว่าประทับใจมาก เลยเอาแผ่นอื่นๆ ที่ไม่ค่อยได้ฟัง มาเปิดติดต่อฟังไปเรื่อย ๆ ยิ่งมีความรู้สึกว่า ไม่เห็นเป็นอย่างที่ใครเขาว่ากันเลย ว่า "หลอนหู" "บาดหู" แต่กลับฟังนุ่มนวล สบายหู บรรยากาศโอบล้อม คู่หลังไม่ได้เป็น "ส่วนเกิน" กลับทำหน้าที่ "เสริม" เบา ๆ ให้พอได้ยิน ไม่ได้สร้างความรำคาญแต่อย่างใด ก็ได้แต่คิดว่า นี่ขนาดสายคู่ละ 70.00 บาท ถ้าได้สายดี ๆ เสียงจะไปขนาดไหน ถ้ามีโอกาสจะเปลี่ยนสายสัญญาณทั้ง 6 Channel แน่นอน

เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่าที่เสียงมันดีขนาดนี้คงเกิดจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลักน่าจะเป็นการ "Matching" ที่ลงตัว เข้ากันได้ดีที่สุด ทั้ง Receiver, DVD-Player, ลำโพง, ซับวูฟเฟอร์, สายสัญญาณ(ชุดหลัก) และห้องฟัง ไม่มีวัสดุพิสดารที่พวกอาจารย์ที่ "หลอกคนอื่น จนตัวเองเชื่อ" ชอบแนะนำตามนิตยสารและเว็บไซต์ต่าง ๆ

ตั้งแต่ลงทุนซื้อเครื่องมา รู้สึกว่าคุ้มค่าเงินขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งดูหนัง ฟัง CD, ฟัง DVD-Audio และล่าสุดฟังเพลงจาก SACD ยังไม่รู้ว่าจะได้อะไรอีก ? คงค่อย ๆ ค้นหาต่อไป

นี่เป็น "ทางเลือก" ที่อยากจะแนะนำ "มือใหม่" ที่ไม่มีรายได้มากพอที่จะไปซื้อเครื่องเสียง 2 ชุด 3 ชุด สิ่งที่เขาพยายามทำกันว่าต้องมีชุดฟังเพลง 2 แชนแนลอีกชุดหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่คนมีศักยภาพทำกันไป แต่บอกได้เลยว่าผมผ่านมาหมดแล้ว ตั้งแต่ชุดเล็ก ชุดใหญ่ ชุดหลอด ทั้ง OTL และไม่ OTL ชุดทรานซิสเตอร์ ชุดแยกปรี-เพาเวอร์ อินทิเกรทที่ใครว่าดี ไปซื้อมาเล่นหมด แม้กระทั่งชุดฟังเพลง 2แชนแนลพร้อมแพสซีฟซับวูฟเฟอร์ ที่ใช้ครอสโอเวอร์ของ Symmetry ฟังแค่ชื่อก็รู้ว่าไฮเอ็นด์ขนาดไหน ก็ "เล่น" มาหมดแล้ว ตั้งแต่พวกอาจารย์ทั้งหลายยังเป็น "วุ้น" อยู่เลย (จนถึงเดี๋ยวนี้อาจารย์ทั้งหลายก็ยังเป็น "วุ้น" อยู่ - เละเป็น "วุ้น"..5...5...5..)

สุดท้าย วันนี้แฮปปี้กับชุดนี้มากที่สุด

ข้างล่างคือแผ่น SACD ที่ใช้ฟังประจำ ไม่ได้ซื้อที่เมืองไทย เพราะร้านในเมืองไทย "มุ่ง" ขายเครื่อง ไม่ได้ขายซอฟท์แวร์ที่แสดง "ประสิทธิภาพ" ของเครื่อง

http://www.telarc.com/gscripts/title.asp?gsku=0011&mscssid=L09S9QJR79AN8MS2KBMF8JA8JB8E97K6

NID

[Help !!!]

ขอให้ DVD-Audio เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการฟังเพลงนะครับ ไหนๆเราก็มีชุด Home Theatre ชุดเดียว ไม่มีงบพอที่จะไปลงทุนกับชุดสองแชนแนลอีกชุดหนึ่ง ใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มสุดๆ

บางแผ่นมีอาการ"หลอน"เรื่องมิติจริงๆ แต่มักจะเป็นแผ่นมาสเตอร์เก่าๆ แผ่นที่บันทึกใหม่ๆ อาการดังกล่าวน้อยลงมาก ส่วนใหญ่เสียงดีกว่าแผ่น DVD-Video ที่เป็นคอนเสิร์ทเสียอีก ส่วนความแข็ง ความจัดของเสียง ก็อยู่ที่หลายปัจจัย ตั้งแต่ตอนบันทึกจนถึงตอนเล่นกลับ ผมใช้ Denon 1930  พบว่าให้เสียงที่ดีมาก ไม่แข็งกระด้างอย่างที่เครื่องเล่นดีวีดีส่วนใหญ่เป็น

ส่วนเครื่องอื่นๆที่ใช้ประกอบในชุดนี้ ขอให้ทิ้งเบอร์โทร.ไว้ ผมจะโทร.บอกเป็นการส่วนตัว

ปล.กำลังสั่งแผ่น CD-dts ถ้าได้มาแล้วจะรายงานให้ทราบครับ

NID

[b3344]

ไม่รู้นะส่วนตัวผมว่า DVD audio มันชัด จนออกแข็งๆ และหรอกหูมากๆ  แต่ถ้าฟังเอามันเหมือนในเธคหรือตอน up นี่ก็ ok 

[Help !!!]

แฟน ๆ The Beatles พลาดแผ่นนี้ไม่ได้
George Martin กับ ลูกชาย ภูมิใจเสนอแผ่นซีดี และ DVD-Audio ชุดนี้ซื้อมา 950.00 บาท

http://www.amazon.com/Love-CD-%2B-Audio-DVD/dp/B000JJS8TM/sr=1-1/qid=1170173448/ref=pd_bbs_sr_1/105-7138265-1750839?ie=UTF8&s

NID

[Help !!!]

ช่วงนี้ฟังแผ่นนี้บ่อยมาก
อัลบั้มที่คนอเมริกันมีกันเกือบทุกบ้าน เป็นคอนเซ็ปท์อัลบั้มที่พูดถึงชีวิตของศิลปินและนักดนตรีที่ต้องเดินทางรอนแรมไปยังที่ต่างๆ (มีเพลง Stay ที่เรารู้จักกันดี)

มีวง The Section วงแบ๊คอัพชั้นยอดวงหนึ่งของโลกเล่นให้ มีRosemary Butler ร้องประสานเสียง

http://www.amazon.com/Running-Empty-CD-DVD-Audio/dp/B000803PKY/sr=1-1/qid=1169151109/ref=pd_bbs_sr_1/103-0377432-5215008?ie=UTF8&s=music

NID

[mong]

ในฐานะมือสมัครเล่นด้าน dvd-audio เท่าที่ได้ลองเล่นดูบ้าง ผมว่าเสียงมันดีจริงๆครับ โดยเฉพาะแผ่นของค่าย AIX เนี่ยเสียงมันชัดมากๆ ให้ความใสสะอาดของตัวเสียงและเวทีเสียง (Clarity & Transparency) รวมถึง Dynamic Contrast และ Bandwidth ของเสียงที่เหนือกว่าเสียงจาก cd ระดับ reference เช่น Burmester II, Manger หรือแผ่นชั้นดีพวก XRCD2, XRCD24 ซึงคุณสมบัติเหล่านี้ก็ขึ้นกับรสนิยมคนฟังด้วย เพื่อนผมคนนึงชอบมากๆ อีกคนบอกฟังไม่ได้มันชัดสะอาดเกินไปและผิดธรรมชาติมากไป  

ความไม่เป็นธรรมชาติ เพราะการใส่เสียง surround ผมว่า sound engineer เขาจงใจให้มันแตกต่างออกไป เพื่อให้อารมณ์ในการฟังเพลงมันไม่เหมือนสองแชลแนลธรรมดา แต่บังเอิญคนส่วนใหญ่ รวมทั้งผมก็รู้สึกว่ามันประหลาดไปหน่อย ถ้าเสียงข้างหลังมากเกินไป

แต่ข้อเสียฉกรรจ์ของมันคือมีแผ่นให้เลือกไม่มาก แนวเพลง/ศิลปินค่อนข้างจำกัด ลองฟังก็ไม่ได้ อันนี้สำคัญในยุคนี้ เพราะจ่ายแผ่นละพันมาลองผิดลองถูกบ่อยๆไม่ไหว

เพราะผมมีแผ่นพวกนี้ไม่มากและไม่ได้มีโอกาสฟังซิสเต็ม multichannel music ที่ดีๆมากเท่าไร (เพราะเพื่อนฝูงที่สนิทสนมไม่ค่อยเล่นกัน) แต่ก็เสียดายที่ฝรั่งกับญี่ปุ่นสร้างสงครามฟอร์แมทจนฆ่าตัวเอง

Robert Harley, Editor in Chief ของ TAS บอกว่า ที่ Sony ทำ sacd ในตอนแรกก็เพื่อเป็นหนทางต่ออายุการเก็บค่าลิขสิทธิ์ฟอร์แมท digital audio หลังจากที่ patent ของ cd หมดอายุหลังจากครบ 20 ปี ถึงแม้ตอนนี้จะเลิกพัฒนาเองแล้ว แต่ก็ยังคงได้ค่าลิขสิทธิ์จากคนที่เอาไปทำแผ่น sacd ขายอยู่ มันฉลาดจริงๆ เรย

[Help !!!]

เมื่อก่อนก็เคยคิดว่าเสียงโซโล่กีตาร์ ทำไมมาออกลำโพงคู่หลัง ซึ่งผิดความจริง ต่อมาได้ฟังหลายๆแผ่น เช่น Session # 55 ของ Les Brown รู้สึกได้ว่าเสียงจากลำโพงหลังมาเสริมเพียงเพื่อทำให้"มิติ"ด้านหน้าชัดขึ้น ไม่ได้รบกวนอย่างแต่ก่อน ครั้นฟังพวกเพลงคลาสสิคของ Telarc ก็พบว่าเป็นแบบเดียวกัน จะพิเศษกว่าก็ตรง Dynamic Impact ค่อนข้างดี(เพราะส่วนใหญ่เราใช้แอ๊คทีฟซับวูฟเฟอร์ในชุดโฮมเธียเตอร์ ไม่ต้องกังวลว่าแอมป์จะหมดแรงเวลามีสัญญาณที่ต่ำมากๆ) Sound Engineer เก่งกว่าเดิม ไม่เอาสัญญาณมาวนไปวนมาแบบอดีต

ที่อยากแนะนำเพราะว่า ทุกคนมีชุดซึ่งสามารถเล่นได้อยู่แล้ว เพียงซื้อซอฟท์แวร์เท่านั้น ก็เล่นได้เลย ไม่ต้องลงทุนอะไรอีก แม้ว่าในด้านการตลาดทั้ง DVD-Audio และ SACD คงจะอยู่กับเราอีกไม่นาน แต่ถ้ายังมีคนอุดหนุน ผู้ผลิตก็มี"แรง"ที่จะค้นคว้าต่อ เราก็จะมีของดีๆขึ้นไปเรื่อยๆ

มีอยู่ยุคหนึ่งแผ่นเสียงเพลงคลาสสิคตรา Angel ของ EMI อัดออกมามีแต่ 4 แชนแนล ปรากฎว่าระบบ 4 แชนแนลล้มหายตายจากไปอย่างไม่เป็นท่า แต่แผ่นเสียงรุ่นนั้นกลับให้เสียงและมิติที่ดีเมื่อเอามาเล่นกับเครื่องสองแชนแนล นั่นก็หมายความว่า จะเป็นระบบอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นแค่"สื่อ" หัวใจของมันคือการบันทึกของซาวนด์เอ็นจิเนียร์ต่างหาก

ลองมาดูตัวอย่างแผ่นดี ๆ กันบ้าง

http://www.dtsonline.com/entertainment/catalogue/music.php?upc=692860106796

http://www.dtsonline.com/entertainment/catalogue/music.php?upc=692860103092

http://www.dtsonline.com/entertainment/catalogue/music.php?upc=692860109292

http://www.telarc.com/DVD/title.asp?sku=DVD%2DA%2D70541&mscssid=VTLVRFX9LMW98LD3TJNGUPE2TL0V9NF9

http://www.aixrecords.com/catalog/mceuen.html

เจ้านี้มีทั้ง DVD-Audio และ DVD-Video ในแผ่นเดียวกัน

ขอให้มีความสุขกับชุดโฮมเธียเตอร์เล็กๆ ชุดเดียวของเรา

NID

[batman]

ผมขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้เจตนาจะขัดแย้งกับเจ้าของกระทู้นะครับ   ผมเองก็มีแผ่น SACD กับ DVD-audio หลายแผ่น ขอร่วมแสดงความเห็นว่า น่าเสียดายที่ความพยายามในการทำแหล่งโปรแกรมที่ดีกว่า CD ทั้งสองวิธีนี้คงตายจากไปในไม่ช้า (ไม่รวม XRCD ซึ่งถือเป็นสเตริโอสองแชนแนลธรรมดา)

SACD ดูเหมือนยังมีลมหายใจรวยรินไปอีกหน่อย ขนาดยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นเจ้าหนึ่งซึ่งเป็นต้นตำรับ SACD เอง ผมก็ไม่เห็นเขาโปรโมท เท่าใดนัก   ส่วน DVD-A แทบจะไม่มีแผ่นให้เล่นแล้วครับ   เท่าที่ผมลองซื้อแผ่นพวกนี้มาฟัง สรุปได้ว่า ความล้มเหลวของระบบทั้งสองอยู่ที่

(1) สิ่งที่ระบบทั้งสองต้องการให้เป็นจุดขายที่ต่างไปจากซีดีธรรมดาสองแชนแนลคือ การเป็นระบบเสียงรอบทิศ หรือ multi-channel ซึ่งผู้ที่ต้องการเล่นระบบรอบทิศต้องเปลี่ยนระบบจากแอมป์/ลำโพงสองแชนแนลเป็นหลายแชนแนล ซึ่งต้องลงทุนเพิ่มอีกพอสมควร จะไปหวังพึ่งพวกที่เล่น AV แอมป์ ก็ไม่ได้อีก เนื่องจากกลุ่มนี้เน้นดูหนังฟังคอนเสิร์ต จึงเป็นลูกค้าของแผ่น DVD-video มากกว่า ซึ่งแผ่นดีวีดีภาพพวกนี้หลาย ๆ แผ่นก็บันทึกได้ดีจริง ๆ ให้บรรยากาศของสถานที่แสดงดนตรีได้ดี และยังได้ดูภาพอีกต่างหาก

(2) จุดขายต่อไปคือความเป็นระบบสำหรับ audiophile หรือเซียนหูทองทั้งหลาย ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผล แต่เซียนสองแชนแนลก็ยังไม่ลงทุน เนื่องจากยังยึดมั่นอยู่กับสองแชนแนลแบบเดิม ซึ่งหากแผ่นอัดมาดี set-up ดี อุปกรณ์ถึง แผ่นสองแชนแนลก็ให้ image, soundstage, ambience หรือบรรยากาศต่าง ๆ ได้ดีเช่นกัน จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนในเครื่องหลายแชนแนล ทำให้ไม่ต้องซื้อแผ่นพิเศษพวกนี้อีก

(3) สิ่งสำคัญที่สุดที่ระบบทั้งสองมีส่วนในการทำลายตัวเองคือ การพยายามดิ้นรนหา differentiate หรือจุดแตกต่างทางการตลาด ด้วยการ "เล่น" กับการมิกซ์เสียงใหม่ คืออย่างนี้ครับ ดนตรีปกติเสียงจะมาจากเวทีด้านหน้า ดังนั้น เครื่องเสียงที่จะรับบทหลักในการถ่ายทอดเสียงดนตรีให้สมจริงก็ต้องมาจากสองหรือสามแชนแนลด้านหน้า (ลำโพงคู่หน้าซ้าย-ขวา ลำโพงเซ็นเตอร์/ซับวูฟเฟอร์ (ถ้ามี)) ส่วนเสียงแชนแนลหลังเป็นการให้บรรยากาศรายล้อม   แต่แผ่นรอบทิศบางแผ่น เสียงดนตรีโผล่แชนแนลหลังก็มี อย่างแผ่น DVD-a ของวงควีน ชุด The Game มีอยู่เพลงหนึ่งที่เขามิกซ์ให้เสียงกีตาร์ของไบรอัน เมย์ วิ่งวนรอบคนฟังคล้าย ๆ กับวิ่งวนเล่นกีตาร์ไปรอบ ๆ ซึ่งมันผิดธรรมชาติน่ะครับ   ขนาดโปรดิวเซอร์ของงานของ Pink Floyd ชุด Dark side of the moon ฉบับครบรอบสามสิบปีของงานชุดนี้ ซึ่งออกมาในรูปของ SACD multi-ch ยังให้ความเห็นว่า ผู้บริโภคจะยอมรับแผ่นหลายแชนแนลได้ก็ต่อเมื่อ (ทำใจ) รับรู้ว่าเสียงดนตรีจะมาจากทิศไหนก็ได้   ซึ่งผมว่า หากฟังเอาจินตนาการก็คงพอได้ แต่หากฟังเอาความเป็นจริงของการแสดงดนตรี คงต้องปรับตัวกันหน่อย ซึ่งหลาย ๆ คนก็ยอมรับไม่ได้

สรุปแล้ว ดีวีดีออดิโอก็คงแหงแก๋ครับ ส่วนเอสเอซีดี หากทำให้ผู้บริโภคเห็นชัดว่าดีกว่าซีดีธรรมดาจริง ๆ (เทียบสองแชนแนล) ก็อาจไปรอดในระดับหนึ่ง   ถ้าดูเว็บอเมซอนแล้วจะเห็นเลยว่า มีซีดีอยู่ล้านสองแสนไตเติล แต่มีเอสเออยู่น้อยกว่ามากนัก ส่วนดีวีดีออดิโอนั้นนับนิ้วได้ น่าเสียดายจริง ๆ เนื่องจากแผ่นพวกนี้หลาย ๆ แผ่น เสียงดีมาก อาจเป็นเพราะเป็นแผ่นพิเศษ ผู้ผลิตจึงให้ความสนใจกับการใช้มาสเตอร์ต้นฉบับและการมิกซ์เสียงที่ดี   อย่างดีวีดี-ออดิโอแผ่น Buana Vista Social Club ที่ Ry Cooder กับนักดนตรีชาวคิวบานำเพลง Cuban มาเล่น โดยตั้งรูปวงเป็นวงกลมเพื่อรองรับเสียงรอบทิศโดยเฉพาะ อัดดีมาก ๆ เหมือนเรานั่งฟังอยู่กลางวงจริง ๆ แต่หลายคนก็บอกว่าดนตรีปกติต้องตั้งวงอยู่ด้านหน้าคนฟัง ใครจะตั้งวงเป็นรูปวงกลมล้อมคนฟังล่ะ อย่างนี้ถือเป็นนานาจิตตังครับ

[Help !!!]

เชื่อว่าทุกคนคงมีชุดโฮมเธียเตอร์กันแล้ว ส่วนใหญ่ก็ใช้ดูหนังเป็นหลัก ลองหาแผ่น DVD-Audio มาลองดูแล้วจะพบว่า การฟังเพลงสองแชนแนลก็มิใช่ว่าจะเป็น"ทางหลัก"สายเดียว ที่จะไปสู่ Hi Fidelity เดี๋ยวนี้ Sound Engineer เก่งมาก สามารถทำให้ลำโพงที่เพิ่มขึ้นมาอีก 3.1 แชนแนล ทำหน้าที่"เสริม"ลำโพงหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้"หลอน"หูอย่างแต่ก่อน กลับทำให้"สมจริง"มากยิ่งขึ้น ไม่เชื่อลองสั่งแผ่นของ dts ของ Telarc หรือของ AIX Records มาฟังดู แล้วจะรู้ว่ามีเครื่องเสียงชุดเดียวก็ไฮเอ็นด์ได้

น่าเสียดายสำหรับผู้ที่ใช้ Philips และ SONY สองเจ้านี้ไม่รองรับ DVD-Audio เพราะสองเจ้านี้เขาขาย SACD ซึ่งในชุดโฮมเธียเตอร์เล็ก ๆ อย่างของพวกเรา ยังไม่ Full Digital หรือเครื่องเล่นราคาถูกๆ ก็อาจจะเล่น DVD-Audio ไม่ได้

อีกอย่างแผ่นหายาก และแพงมาก แต่ถ้าเคยสั่งของออนไลน์จากต่างประเทศ จะรู้ว่ามันก็ไม่ได้แพงซักเท่าไหร่

จะพบว่ามันคุ้มจริง ๆ นั่งมองที่หน้าเครื่อง ปรากฎสัญลักษณ์ dts ตลอดเวลา นั่นหมายความว่าเราได้ใช้เครื่องให้เกิด"อรรถประโยชน์"สูงสุด

ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงตลอดปีหมู

ปล.มีเคล็ด(ไม่ลับ)ก็คือ พยายามหา A/V Receiver, DVD Player และลำโพงที่มี Tonal Balance ดีๆ รับรองสนุกแน่ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีราคาแพงจนเอื้อมไม่ถึง ของไทยนี่แหละก็มี ข้อสำคัญต้องระวังชุดที่บอกว่าดูหนังแล้วมันสุดๆ เพราะนั่นคือ มีความพยายามที่จะ"ปรุงแต่ง"เสียงให้สนองตอบความต้องการเพียงด้านเดียว

NID