เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมมีธุระต้องไปที่ รพ.ศิริราช ที่ตึก 100 ปี ระหว่างที่จะเดินขึ้นตึก ได้ยินเสียงเพลงเลยเดินเข้าไปนั่งฟัง ลองมองหาดูเห้นป้ายบอกว่าเป็นโครงการดนตรี นักดนตรีจิตอาสา โดยคณะอาจารย์แพทย์และนักเรียนแพทย์ เห็นเขียนบอกว่ามีทุกวัน จ.-ศ. 12.00-14.00น. (แต่วันที่ผมไปก่อนการแสดงจบเห็นนักดนตรีบอกว่าพบกันอีกครั้งวันศุกร์)
วันนั้นผมไปถึงตอนบ่ายโมงกว่าเลยมีโอกาสนั่งฟังอยู่แค่ประมาณไม่ถึงชั่วโมง ความตั้งใจตอนแรกจะเข้าไปนั่งฟังระหว่างที่ต้องรอ นักดนตรีและนักร้องถึงจะเป็นมือสมัครเล่น แต่ฝีมือออกงานได้สบาย เครื่องดนตรีมีไวโอลินกับเปียโนอย่างละชิ้น นักไวโอลินทราบว่าเปิดสอนดนตรี(ระหว่างนั่งฟังน่าจะเป็นภรรยาของอาจารย์ท่านนั้นนำแผ่นพับมาแจก) ชื่อว่าบ้านไวโอลิน อยู่ใกล้แยกโพธิ์สามต้น บางกอกใหญ่ ลอง search ใน internet พบรายละเอียดตาม link ข้างล่างนี้
http://www.pantown.com/board.php?id=13220&area=4&name=board14&topic=3485&action=viewเพลงที่เล่นส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเก่าเนื่องจากนักร้องสมัครเล่นซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์แพทย์คงจะเป็นเพลงสมัยท่าน
เสียดายอยู่อย่างเดียวเนื่องจากสถานที่เป็นที่พักนั่งรอของผู้ที่ไปทำธุระไม่ใช่สถานที่เพื่อการแสดงดนตรี เครื่องเสียงของฝ่ายโสตฯ ผมไม่แน่ใจว่าปรับ echo มากไปหรือเปล่า เสียงก้องมาก เสียดายฝีมือนักร้องและนักดนตรี
แต่ทั้งหมดที่ผมพูดไปไม่ใช่สิ่งที่ผมประทับใจจนอยากเก็บเอามาเล่า ในตอนที่ผมเข้าไปนั่งฟังในตอนแรก ผมสังเกตเห็นนักเปียโนซึ่งผมคาดว่าอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ เป็นเด็กผู้ชาย ใส่แว่นดำ ในตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขาพิการทางสายตาหรือไม่ แต่สังเกตจากอาการการเวลาที่คุยกับนักไวโอลินหรือนักร้อง เขาเล่นเปียโนโดยไม่ต้องดูโน๊ต ผมนั่งฟังเขาเล่นฝีมือการเล่นเปียโนเข้าขั้นออกงานได้สบาย เล่นเข้าขากับนักไวโอลินรุ่นอาจารย์ได้ดี เล่นเอาเวลาเกือบชั่วโมงของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นเขามีโอกาสเล่นเพลงสมัยใหม่ "ช่วงที่ดีที่สุด" เพลงซึ่งผมชอบเป็นทุนเดิม+หาซื้อแผ่นไม่ได้ ผมซาบซึ้งในเพลงอย่างบอกไม่ถูกในระหว่างที่เขาเล่น มันไม่เหมือนกับการนั่งฟังจากเพลงจากลำโพง แม้เสียงที่ออกมามันจะก้อง+ฟุ้ง แต่ความประทับใจของผมคงเกิดจากการที่ได้เห็นเด็กคนนั้นมีความพยายามและตั้งใจที่จะฝึกฝนการเล่นเปียโนจนถึงระดับที่สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นได้ไม่ยาก รวมถึงความมีน้ำใจที่มาเล่นดนตรีในผู้คนแถวนั้นฟัง
หลังจากที่การแสดงจบ ผมนั่งมองจนกระทั่งน้องคนนั้นเดินกลับไป ในใจนึกอวยพรให้น้องเขาได้พบกับสิ่งที่เขาได้วาดฝันเอาไว้
กลับมานั่งนึก คนเราทุกวันนี้ได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง ได้ทำในสิ่งที่ตนเองมีความสุขแล้วหรือยัง
