คุณอาร์ทนี่ใครเหยอ.... แนะนำให้รู้จักบ้างฉิ..

งั้นเดี๋ยวไปขอเปลี่ยน Login เป็น หน้ากากเสือ ดีกว่า เท่..กว่านายหลอดตั้งแยะ

คุณไทเล่นส่งมาเป็นวงจรเต็มๆ เลยแบบนี้ท่าจะยากที่จะเปรียบให้เห็นเป็นภาพเดียวครับ คงต้องให้เข้าใจพื้นฐานการทำงานของหลอดก่อนน่ะครับ คือว่าหลอดมันมีกลไกการทำงานเฉพาะตัวของมัน คล้ายกับเวลาเราพูดถึงจักรยานเราก็รู้เลยว่าต้องถีบมันถึงจะวิ่งได้ หลอดก็มีกลไกเฉพาะอะไรแบบนั้นเหมือนกัน พอจะเปรียบกันได้อยู่
ดูภาพใหญ่ก่อนละกัน วงจรทั้งหมดแบ่งได้เป็น 3 ส่วนครับโดยมองหลอดเป็นศูนย์กลางของส่วน คือส่วนของหลอด 6SJ7 , ส่วนของหลอด 6336A และส่วนของภาคจ่ายไฟ
ในส่วนของ 6SJ7 กับ 6336A นั้นมีการทำงานเหมือนกันก็คือขยายสัญญาณให้ใหญ่ขึ้น มีกำลังมากขึ้น เพียงแต่ว่าคนละระดับกำลังกันครับ ลองนึกถึงจักรยานที่เปลี่ยนเกียร์ได้ มันก็จะมีอัตราทดตามเกียร์ที่เราเลือกใช่ไม๊ครับเช่นปั่น 1 รอบเท่ากับล้อหมุน 2 รอบ หลอดก็มีอัตราทดเช่นนั้นเหมือนกัน เราเรียกว่าอัตราขยายครับ แต่ละหลอดก็จะมีอัตราขยายแตกต่างกันไปให้เราเลือกใช้ครับ และวงจรนี้เค้าเลือก 6SJ7 กับ 6336A มาใช้ครับ
หลอด 6SJ7 ทำหน้าที่ขยายสัญญาณขนาดเล็กๆ ให้ใหญ่ขึ้น แต่ถึงจะใหญ่ขึ้นแล้วก็ยังไม่พอขับลำโพง ก็เลยต้องเอา 6336A มาขยายอีกรอบหนึ่ง ให้พอที่จะขับลำโพงได้ วงจรอื่นๆ ก็มีหลักคิดเหมือนกันครับ คือ ขยายแล้วพอไม๊ ถ้าไม่พอก็เอาไปขยายต่ออีกจนกว่าจะพอ วนลูปการคิดไปเรื่อยๆ ครับ
ทีนี้เราต้องมีไฟฟ้ากระแสตรงมาป้อนให้วงจร มันถึงจะทำงานได้ แต่ กฟผ. ดันจ่ายไฟกระแสสลับมาให้ ก็เลยเป็นภาระที่เราจะต้องทำวงจรแปลงไฟกระแสสลับเป็นไฟกระแสตรง ก็คือภาคจ่ายไฟนี่แหล่ะครับ นี่เป็นหน้าที่หลักเลยของภาคจ่ายไฟ
ในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ ในวงจรก็เป็นส่วนประกอบที่ทำให้หลอดทำงานได้ครับ เหมือนกับจักรยานที่ล้อต้องติดพื้นและโซ่ต้องคล้องอยู่บนเฟืองจึงจะวิ่งได้ หลอดก็ต้องมีการวาง R และแหล่งจ่ายให้ถูกที่มันจึงจะทำงานเหมือนกันครับ ถ้าเอาไปไว้ผิดจากนี้มันก็ไม่ทำงาน ประมาณนั้นครับ อันนี้ต้องดูวงจรบ่อยๆ ก็จะเห็นความเหมือนของมันเอง ไม่ซับซ้อนไปกว่าจักรยานหรอกครับ แต่ต้องเก็บประสบการณ์ซะหน่อยเท่านั้น
คิดว่าประมาณนี้ คงจะตรงกับที่ต้องการนะครับ ถ้าเป็นทางเทคนิคหน่อยคุณ LNaudio อธิบายไว้ให้แล้วครับ