stageของแอมป์โดยทั้วไปแล้ว มักจะออกแบบให้เป็น 3 เสตจ(ขออธิบาบแต่ทรานซิสเตอร์)
โดยแบ่งเป็น ภาคขายแรงดันภาคแรก (ส่วนมากจะใช้เป็นวงจรดิฟ) ,ภาคขยายแรงดันภาคสอง (เป็นวงจรคอมมอลอิมิเตอร์)
และภาคสุดท้ายเป็นวงจรขายยกระแส(เป็นวงจรคอมมอลคอลเล็กเตอร์)ขยายกระแสเท่านั้นไม่ขยายแรงดันโดยมีอัตราขยายแรงดันประมาณ 1เท่า ส่วนอัตราขยายกระแสจะมีค่ามากเป็นร้อยเท่า แยกให้ออกระหว่างกระแสกับแรงดันนะครับ
ส่วนที่กำหนดคลาสอยู่ที่ภาคสุดท้ายนี้ครับ คลาสเอ คลาสเอบี หรือคลาสบี เป็นการแยกประเภทการกำหนดกระแสไปแอสของภาคขยายกระแส โดยที่คลาสเอจะสิ้นเปลืองกระแสในการไบแอสมากที่สุด แต่ก็เป็นผลให้ทรานซิสเตอร์ภาคเอาต์พุตทำงานในจุดที่มีความเป็นเชิงเส้นสูง ทำให้ความเพี้ยนตำมาก
ในการออกแบบแอมป์แต่ละแบบที่มีความแตกต่างของstage จากเหตุผลที่ต้องการอัตราขยายลูปเปิดที่สูงเพื่อให้มีเสถียรภาพในการป้อนกลับแบบลบที่ดี ดังนั้นการออกแบบให้มีstageในการขยายแรงดันหลายstageเป็นผลให้อัตราขยายรวมทั้งหมดมีค่าสูง
จำนวลของstageไม่จำเป็นว่าต้องมีมากแล้วไม่ดีนะครับ อย่างเช่นKrellก็ใช้ ถึง 5เสตจ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าแอมป์เสตจน้อยจะเสียงดีหรือด้อยกว่า แล้วแต่คนชอบก็แล้วกันครับ
งงก็ถามมาอีกนะครับ
![yes Y]](https://www.htg2.club/Smileys/default/57.gif)