ไพโอเนียร์บอกศาลาเลิกผลิตพลาสม่า
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 มีนาคม 2551 14:57 น.
ระยะนี้ดูเหมือนยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นจะบอกลาธุรกิจเป็นว่าเล่น ล่าสุดไพโอเนียร์ (Pioneer) ประกาศแผนหยุดสายการผลิตหน้าจอพลาสม่าทุกรุ่น เพื่อเยียวยาแผลขาดทุนในธุรกิจทีวีจอแบน ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการแต่เชื่อว่ากำหนดการประกาศน่าจะไม่เกินวันศุกร์นี้ แหล่งข่าวระบุหยุดผลิตไม่ได้แปลว่าหยุดขาย แต่จะหันมาซื้อจอภาพจากคู่แข่งแทน
ไพโอเนียร์นั้นมีดีกรีเป็นผู้ผลิตทีวีพลาสม่ารายใหญ่อันดับ 5 ของโลก หลังข่าวลือนี้แพร่ออกไป มูลค่าหุ้นของไพโอเนียร์ในตลาดก็พุ่งพรวดทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน เพิ่มขึ้น 11.2 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 1,160 เยนในตลาดนิกเคอิ
สาเหตุหลักของการบอกเลิกผลิตจอพลาสม่าคือผลขาดทุนที่ไพโอเนียร์เผชิญหลังต้องแข่งขันอย่างดุเดือดกับเพื่อนร่วมชาติอย่างมัตสึชิตะ (Matsushita) เจ้าของแบรนด์พานาโซนิก (Panasonic) ซึ่งสามารถทำตลาดได้ดีกว่าบนประสิทธิภาพที่โดดเด่น โดยรายงานจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นญี่ปุ่นระบุว่า หลังหยุดสายการผลิตแล้ว ไพโอเนียร์มีแผนจะซื้อจอภาพพลาสม่าจากคู่แข่งอย่างมัตสึชิตะเพื่อประกอบลงในผลิตภัณฑ์ทีวีจอแบนของค่ายต่อไป
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ไพโอเนียร์มีแผนจะซื้อจอภาพแอลซีดีจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่างชาร์ป (Sharp) เพื่อเปิดตลาดแอลซีดีทีวีที่แสนคึกคักด้วย
นักวิเคราะห์มองความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของไพโอเนียร์ว่าเป็นเรื่องดี การตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้ไพโอเนียร์สามารถพัฒนาธุรกิจทีวีจอแบนของค่ายได้อย่างเหมาะสมในภาวะที่ธุรกิจติดตัวแดงเช่นนี้ ขณะที่หลายรายมองว่าหากไพโอเนียร์ตัดสินใจให้เร็วกว่านี้ ความเสียหายก็จะไม่บานปลายอย่างที่เป็นอยู่
ที่ผ่านมา ไพโอเนียร์ใช้เงินลงทุนมากกว่า 1 แสนล้านเหรียญเพื่อสร้างสายการผลิตจอพลาสม่าของตัวเองจำนวน 4 สายการผลิต พร้อมกับซื้อสายการผลิต 2 สายมาจากบริษัทร่วมชาติอย่างเอ็นอีซี (NEC)
จากการสอบถามประชาสัมพันธ์ของไพโอเนียร์ ระบุว่าบริษัทจะเผยแผนกลยุทธ์ที่วางไว้สำหรับธุรกิจจอแสดงผลพร้อมกับการประกาศแผนธุรกิจรวมของบริษัท ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของหนังสือพิมพ์นิกเคอิระบุว่า ไพโอเนียร์จะหาทางเพื่อไม่ให้มีการปิดโรงงานในจังหวัดคาโกชิมา ทางใต้ของญี่ปุ่น
ไพโอเนียร์นั้นเคยประกาศเป้าหมายว่า จะจำหน่ายทีวีพลาสม่าให้ได้ 480,000 เครื่องภายในปีการเงิน 2007-2008 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1 ใน 10 ของคู่แข่งอย่างมัตสึชิตะที่วางเป้าหมายไว้ 5 ล้านเครื่อง