ผมว่าทางร้านน่าจะทำเป็นจอแข็งสำเร็จรูปขายนะครับ คนซื้อจะได้ดูคุณภาพก่อนที่จะตัดสินใจ และได้คุณภาพตามที่ต้องการจริง ๆ
เพราะว่าหากขายแต่สีไปให้ทาเอาเอง ผมว่ามันควบคุมคุณภาพไม่ได้หรอกครับ การทาสีให้ได้ดีมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ครับ
ไหนจะปัญหาเรื่องรอยแปรง การทาที่ไม่สม่ำเสมอ การเตรียมพื้นผิว ถ้าจะพ่นก็ต้องมีเครื่องมือและประสบการณ์การพ่นสี หรือถ้า
จะจ้างช่างสีทำ ผมก็ว่าคงไม่มีช่างสีที่ไหนจะใส่ใจในรายละเอียดการทำหรอกครับ (เพราะเขาไม่รู้ว่ามันจะต่างกันตรงไหน)
ยังไงลองพิจารณาข้อเสนอของผมหน่อยนะครับ จริง ๆ แล้วผมก็สนใจอยากได้จอโค้งแบบไม่แพงมากมาลองเล่นดูเหมือนกัน
ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณ คุณ PCT ที่แนะนำข้อเสนอให้กับบริษัท รวมถึงมีประเด็นที่น่าสนใจหลายประเด็นทีเดียว ผมจะตอบไปทีละประเด็นนะครับ
- ผมว่าทางร้านน่าจะทำเป็นจอแข็งสำเร็จรูปขายนะครับมีครับ เป็นจอสำเร็จพร้อมติดตั้งใช้ชื่อ Slick Screens ทำจากสี Screen Goo ผลิตโดยบริษัทลูกของ Screen Goo ตามรูปด้านล่างครับ

ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเข้าเนื่องจากผู้ผลิตเพิ่งจะเปิดตัวจอ Slick Screens ในทวีปอเมริกาเหนือไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง สินค้าแบ่งเป็น 2 ซีรีย์ คือ Realys และ Advanta ตัวหลังนี่เป็นรุ่นราคาประหยัด Realys มีสัดส่วนให้เลือก 2 แบบทั้ง 2.35:1 และ 16:9 ส่วน Advanta มีเฉพาะสัดส่วน 16:9 ขนาดตั้งแต่ 82 นิ้วจนถึง 130 นิ้ว เนื้อจอของทั้ง 2 ซีรีย์ทำจากวัสดุ closed-cell polyvinyl chloride (PVC) เรียบและแข็งแรงทนทาน แต่ราคาก็จะสูงกว่าตัวสี Screen Goo อยู่พอสมควรเมื่อรวมค่าขนส่งและค่าบริการติดตั้งเข้าไปแล้ว เนื่องจากผลิตโดยตรงและขนส่งจากโรงงาน ไม่ใช่ทำเองเหมือนสี Screen Goo ราคาเบื้องต้นน่าจะตกอยู่ประมาณ 1 หมื่นปลายๆ ขึ้นไปจนถึง 5 หมื่น ซึ่งก็พอๆกับจอสำเร็จรูปทั่วไปที่เป็นเกรด Home Theater ที่มีราคาไล่ไปตั้งแต่ 2 หมื่น จนถึงหลักเกินแสนบาท อันนี้ไม่นับรวมจอเกรดบ้านหม้อหรือจอที่เห็นมีให้เช่าตามงานแต่งงาน ซึ่งมีราคาต่ำกว่าหมื่นบาท เห็นบางรุ่นราคาแค่ 3,500 บาท แต่คุณภาพของภาพที่ได้ก็ไม่เหมาะกับการดูหนังเป็นจริงเป็นจังเป็นการส่วนตัว จริงๆแล้วราคาที่ต่ำของจอเกรดนี้ เปรียบเทียบกับคุณภาพของภาพที่ได้ ภายใต้รูปแบบการใช้งานที่ใช้กันอยู่ ก็เหมาะสมกันแล้วด้วยประการทั้งปวง คือ ไม่ได้ใช้ดูส่วนตัว แค่ใช้ดูประเดี๋ยวประด๋าวในงานแต่งงาน, งาน Present สินค้า หรือ งานสัมมนา ซึ่งก็เหมือนกับ สี Screen Goo ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง ผู้ใช้อาจจะต้องเสียสละเวลามาทำเองหรือจ้างช่างมาทำให้ ซึ่งก็ต้องดูแลให้งานออกมาดีอย่างที่ตั้งใจ ไม่ได้สำเร็จรูปเหมือนจอแบบอื่น แต่ผู้ใช้ก็จะได้จอเกรด Home Theater ในราคาที่ถูกกว่ากัน ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองว่าจะยอม Trade off ข้อดี ข้อเสียของตัวสินค้าหรือเปล่า บวกกับความเหมาะสมในการใช้งานสินค้าของผู้ใช้แต่ละคน จึงอยากให้มองสี Screen Goo ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับจอโปรเจคเตอร์เกรด Videophile
- การทาสีให้ได้ดีมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ครับ ไหนจะปัญหาเรื่องรอยแปรง การทาที่ไม่สม่ำเสมอ การเตรียมพื้นผิวผมขออธิบายประเด็นนี้โดยใช้การถาม-ตอบ คำถามย่อย 2 คำถาม ดังนี้ครับ
คำถามที่ 1 **** สี Screen Goo ทายากกว่าสีปรกติหรือไม่ มีขั้นตอนอะไรพิเศษกว่าการทาสีทั่วไปหรือไม่
คำตอบคือ ไม่ครับ ถ้าผู้ใช้ทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ (รวมผมเองด้วย) ได้อ่านคู่มือการทาสี Screen Goo (Download ได้ที่นี่ ครับ
http://www.thaiscreencentral.com/download.html) ก็จะรู้สึกว่าทำไมมันถึงมีขั้นตอนซับซ้อน น่ากลัวจัง ถ้าทาผิดมันจะระเบิดไหมเนี่ย ฉันจะทาเสียไหมเนี่ย ขวดละตั้งหลายตัง แต่ถ้าให้ช่างทาสีได้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นช่างทาสีทั่วไป หรือ ช่างทำเฟอร์นิเจอร์ ก็จะได้เห็นหน้าตาแปลกๆของเหล่าบรรดาช่าง ประมาณว่า ผมก็ทาสีของผมแบบเดียวกับที่คู่มือเขียนอยู่แล้วทุกวัน ถ้าจะทาไม่ให้มันมีรอยแถบลูกกลิ้งมันก็ต้องทาอีแบบเดียวกับที่คู่มือว่าไว้ หรือถ้าจะพ่นผมก็ต้องปรับแต่งหัวพ่น และไล่ทางพ่นแบบเดียวกับที่คู่มือบอกอยู่แล้ว ก็เลยถึงบางอ้อ ว่าเป็นเราเองแหละที่ไม่ได้อยู่ใน Field ช่างสี ทำให้อ่านคู่มือแล้วเกิดอาการกังวล ตัวคู่มือเอง ผู้ผลิตก็ตั้งใจเขียนเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆที่ไม่ใช่ช่างสีอ่าน ก็เลยต้องเขียนให้ละเอียด มีการย้ำเตือนให้ระวังเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่เป็นระยะ ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ได้ทาสีถูกต้องเป็นไปตามหลักการการทาสีที่ควรจะเป็นเพื่อให้ได้จอที่มีคุณภาพอย่างที่ตั้งใจไว้
ยังมีประเด็นเพิ่มเติมในเรื่องชนิดของสีอีกข้อหนึ่ง คือ ตัวสีถ้าจะแบ่งตามระยะเวลาที่ใช้สมานตัว ก็จะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สีทั่วไปที่เราใช้ทาผนังบ้านแกลลอนละ 300 1,000 บาท สีประเภทนี้เป็นสีที่มีระยะเวลาสมานตัวสั้น คือ เมื่อแห้งแล้วก็จะแห้งเลยโดยแทบจะไม่มีการสมานตัวเข้าหากันอีก สีประเภทนี้ถ้าปล่อยให้แห้งทั้งที่ยังมีรอยแปรงหรือรอยแถบลูกกลิ้งอยู่ ก็จะเห็นเป็นรอยด่างอยู่อย่างนั้นไม่จางหายไป สีประเภทที่สอง คือสีที่มีระยะเวลาสมานตัวนาน เป็นสีที่เมื่อแห้งแล้วจะยังคงมีการสมานตัวต่อไปอีก รอยแถบลูกกลิ้งที่เห็นบางๆในวันแรกเมื่อเวลาผ่านไปจะค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆจนหายไปเอง สีประเภทนี้จะมีราคาสูงกว่าสีทั่วไป สี Screen Goo จัดเป็นสีประเภทนี้ที่มีระยะเวลาการสมานตัวนาน เหมือนมี Safe margin ให้กับผู้ใช้ คือ รอยแถบลูกกลิ้งจะจางลงไปเรื่อยๆจนหายไปเองหลังจากที่สีแห้งแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้จะทายังไงก็ได้ตามใจฉัน ทาฝั่งซ้าย แล้วย้ายไปทาฝั่งขวา พอนึกขึ้นมาได้ก็ทาจากบนลงล่าง แล้วทาสวนล่างขึ้นบน ทาปัดไปปัดมาอิสระเสรี ผู้ใช้ควรทาให้ถูกต้องตามหลักการการทาสีซึ่งก็เป็นไปตามที่คู่มือท่านว่าไว้ เพราะเราคงต้องการจอภาพที่เรียบไร้ที่ติ มากกว่าจอที่กระดำกระด่างอย่างแน่นอน
คำถามที่ 2 **** ผู้ใช้ทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ จะทาสี Screen Goo ด้วยตัวเองได้หรือเปล่า
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับฝีมือและความชำนาญของตัวท่านเอง สี Screen Goo กำเนิดในประเทศ Canada และแพร่หลายอย่างมากในทวีปอเมริกาเหนือ (USA+Canada) ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้ค่าแรงแพงมากจนพ่อบ้านทั่วไปประเภทเดียวกับเราๆท่านๆนี่แหละ ถูกบังคับโดยปริยายให้ทำอะไรเองให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะซ่อมท่อน้ำ ซ่อมหลังคา รวมถึงทาสีเองด้วย เพื่อประหยัดเงิน อย่างนายคนนี้เป็นผู้วิจารณ์ของเว็ป BigPictureBigSound (
http://www.bigpicturebigsound.com/projector-screen-2.shtml)

หรือคนนี้เป็นนักวิจารณ์ของเว็ป Cen Hometheater (
http://hometheater.consumerelectronicsnet.com/articles/viewarticle.jsp?id=29783-0 ) เป็นผู้หญิงอีกต่างหาก

คำตอบจึงขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ใช้เอง แต่ถ้าเป็นประเทศเราซึ่งค่าแรงถูกกว่าประเทศเค้าเยอะ แถมคนไทยก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องงานฝีมือ ผมว่าจ้างช่างสีหรือช่างเฟอร์นิเจอร์ทำให้น่าจะเหมาะสมกว่า ค่าแรงก็ไม่แพงแถมได้งานระดับมืออาชีพ ตัวผมเป็นคนขายสินค้าเองก็ยังขอใช้บริการจากช่างเฟอร์นิเจอร์ประจำบ้านให้ทำจอสำหรับ Showroom ให้ ถ้าให้คนจบการเงินอย่างผมไปทาสีก็คงขอผ่านหละครับเพราะผมเองก็อยากได้งานดีด้วย โดยสรุปแล้วตัวสี Screen Goo ผู้ผลิตตั้งใจจะให้เราๆท่านๆซื้อไปทาเอง แต่ถ้าเป็นค่าแรงที่ถูกแบบในประเทศไทยแล้วหละก้อ จ้างช่างสีหรือช่างเฟอร์นิเจอร์จะเหมาะสมกว่าด้วยประการทั้งปวงขอรับ
- ถ้าจะจ้างช่างสีทำ ผมก็ว่าคงไม่มีช่างสีที่ไหนจะใส่ใจในรายละเอียดการทำหรอกครับ (เพราะเขาไม่รู้ว่ามันจะต่างกันตรงไหน)ขึ้นอยู่กับประเภทของช่างครับ ถ้าจะให้แบ่งเกรดของช่างตามฝืมือการทาสี ผมว่าน่าจะแบ่งได้ 2 เกรดครับ คือช่างทาสีทั่วไปที่ทาสีบ้าน กับ ช่างทำเฟอร์นิเจอร์ จริงๆแล้วช่างทาสีทั่วไปที่มีฝีมือหน่อยก็สามารถทาสี Screen Goo ได้แล้ว เพราะเป็นเรื่องปรกติและเป็นความรับผิดชอบของช่างโดยตรงอยู่แล้วที่จะต้องทาสี ไม่ว่าจะเป็นสี Screen Goo หรือสีธรรมดาก็ตาม ให้ไม่มีรอยแถบลูกกลิ้ง และให้ได้พื้นผิวที่เรียบสนิท เราเพิ่มเติมด้วยการกำชับกับช่างเค้าให้เค้าเน้นๆหน่อย เพราะเราจะใช้ทำเป็นจอภาพฉายหนัง ให้เค้าได้อ่านคู่มือซึ่งก็เป็นภาษาไทยอยู่แล้ว ก็น่าจะทำให้เค้าเห็นความสำคัญและใส่ใจในรายละเอียดการทำได้ ส่วนช่างเฟอร์นิเจอร์นี่จัดว่าเป็นช่างสีเกรดฝีมือ ระดับจับพู่กันแต่งขอบเครื่องเรือนกันเลย ซึ่งช่างเฟอร์นิเจอร์เค้าก็จะมีอุปกรณ์การพ่นสีเป็นเครื่องมือหากินกันอยู่แล้ว ก็ยิ่งไม่น่าเป็นห่วง ไหนๆก็พูดถึงเรื่องช่างกันแล้วก็อยากจะยกตัวอย่างงานรับเหมางานหนึ่งซึ่งทางร้านรับงานอยู่ๆระหว่างการประมูล จะเข้า Site งานเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้เห็นถึงฝีมือของช่างและจะได้ทราบราคาค่าจ้างคร่าวๆไปด้วย เป็นงานสร้างบูธเพื่อแสดงผล Computer แบบเสมือนจริง ลักษณะเป็นผนังกล่อง 4 ด้าน คือ ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า และพื้น เป็นผนังติดกันทั้ง 4 ด้านๆละประมาณ 3*3 เมตร เป็นเหมือนกล่องลูกบาศ์ มีจอ Computer ตั้งอยู่หน้าบูธเพื่อรับคำสังจากผู้ชมโดยแสดงผลตามเวลาจริงผ่านโปรเจคเตอร์ 4 ตัว ฉายลงบนผนัง+พื้นทั้ง 4 ด้าน งานนี้ใช้ Screen Goo ประมาณ 7-8 ชุด ใช้เวลาทำ 2 วัน ผมให้ช่างเฟอร์นิเจอร์เจ้าเดียวกับที่จะทำจอให้ Showroom ของทางร้านเหมางานพ่นสีทั้งหมด (มีภาพประกอบแต่ผมขออนุญาติส่งให้คุณ PCT เป็นการส่วนตัว เนื่องจากเป็นงานของลูกค้าที่อยู่ระหว่างการประมูล เกรงว่าจะไม่เหมาะสมถ้าจะโพสลงใน Forum) ช่างเฟอร์นิเจอร์เค้าคิดผมวันละ 3500 ใช้ช่าง 3 คน รวมอุปกรณ์การพ่น ทำงาน 2 วันเต็ม ซึ่งจากข้อมูลและภาพจะเห็นว่าตัวเนื้องานเองเป็นงานที่ต้องใช้ความประณีต+ความละเอียดสูง เป็นการยืนยันว่าช่างที่มีฝีมือและมีความตั้งใจที่จะทำงานละเอียดระดับนี้นั้นมี นอกจากนั้นยังทำให้เราประมาณค่าแรงสำหรับการทำจอภาพด้วยสี Screen Goo ว่าน่าจะไม่เกิน 2,000 บาท เพราะเรามีพื้นที่พ่นสีแค่ด้านเดียว(ตัวจอภาพ)ใช้ช่างแค่คนเดียวก็เกินพอ ใช้เวลาครึ่งวันกว่าๆก็น่าจะอยู่ จะถูกจะแพงกว่านี้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับผนังเราว่าต้องมีการเก็บรายละเอียดหรือโป้วมากแค่ไหน ถ้าช่างปูนฉาบปูนได้เรียบอยู่แล้วก็ไม่น่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม
- ยังไงลองพิจารณาข้อเสนอของผมหน่อยนะครับต้องขอโอกาสนี้ขอบพระคุณ คุณ PCT อีกครั้งนะครับ เพราะข้อเสนอ และ ประเด็นแนะนำของคุณ PCT มีประโยชน์ต่อลูกค้าโดยรวม ช่วยให้ทางร้านได้มีโอกาสให้ข้อมูลของตัวสินค้าและให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้นครับ
- จริง ๆ แล้วผมก็สนใจอยากได้จอโค้งแบบไม่แพงมากมาลองเล่นดูเหมือนกันถ้าคุณ PCT จะเล่นจอโค้งหละก็ คงต้องใช้บริการของช่างเฟอร์นิเจอร์แล้วหละครับ โดยใช้การพ่นสี เนื่องจากการพ่นจะทำได้ดีกว่าการใช้ลูกกลิ้งในการพ่นส่วนที่โค้งของจอ
ทางร้านกำลังมีโครงการที่จะหาช่างเฟอร์นิเจอร์ให้กับลูกค้า โดยจะคัดเฉพาะช่างที่มีฝีมือจริงๆ ไว้ให้ลูกค้าเลือกใช้งาน โดยให้ลูกค้าคุยกับช่างเองโดยตรงเนื่องจากแต่ละงานก็มีลักษณะต่างกัน ราคาก็จะต่างกัน
ขอเพิ่มเติมในเรื่องวัสดุครับ วัสดุที่เหมาะสมอันหนึ่งและหาซื้อได้ง่ายก็คือ แผ่นไม้ MDF ซึ่งเป็นไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เลือกความหนาที่ 6 มิล ถึง 1 ซม. ขนาดใหญ่สุดที่มีในท้องตลาดจะสามารถใช้ทำจอ 16:9 ได้ขนาดใหญ่สุดโดยไม่ต้องต่อไม้ที่ 94 นิ้ว แนวทะแยง อันนี้รวมมีขอบจอซึ่งเป็นเทปกาวผ้าสักหลาดหนา 2 นิ้วด้วย (เทปกาวมีให้มาพร้อมในชุด Screen Goo Kit)