KT88 SE เดิมใช้หลอด 5U4GB เป็น Full wave rectifier จากหม้อแปลง 320-0-320 v (300 mA) ต่อมาปรับปรุงใหม่ ใช้ Diode 1N4007 ต่อ Bridge ก่อนแล้วมาเข้า 5U4GB โดยต่อมาจากหม้อแปลงเดิมแต่ใช้ขั้ว 320 กับ 0 V เท่านั้น เปิดใช้งานไปสัก 2 ชั่วโมง หม้อแปลงไหม้เลยครับ ผม run KT88 ที่ 70 mA เท่านั้นเอง มันเกิดอะไรขึ้นกำลังจะชอบเสียงอยู่พอดี
ลองวัด DCR ดูครับว่าไหม้ที่ขดไหนครับ ผมเดาว่าน่าจะไหม้ที่ขด Secondary ที่ใช้งาน 320-0 ครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเดา ก็แสดงว่าหม้อแปลงไม่ได้คุณภาพครับ คือกรณีที่คุณดัดแปลงวงจรลักษณะนี้ โดยใช้ขด 320-0 จ่ายไฟเท่านั้น ทำให้ Duty Cycle ของขดนี้เป็น 100% ซึ่งโดยมาตรฐานแล้วมันต้องทำงานได้ปกติ ผู้ออกแบบจะเดาเอาเองว่าผู้ใช้จะเอาไปใช้กับวงจร Full-wave Rectifier ซึ่งใช้ Duty Cycle แค่ 50% แล้วก็ออกแบบรองรับไว้แค่นั้นไม่ได้ครับ ถ้าขาดก็แสดงว่าหม้อแปลงไม่ได้คุณภาพคือไม่ได้ออกแบบไว้ให้รองรับ Duty Cycle 100% ครับ หรือถ้าไหม้ที่ขด Primary หรือขดอื่นๆ ก็คุณภาพหม้อแปลงอยู่ดีครับ เพราะก่อนดัดแปลงมันใช้งานได้ปกติ
ผมอ่านหลายๆ ความเห็นแล้ว เห็นว่าพวกเราส่วนใหญ่เข้าใจการจ่ายกระแสของหม้อแปลงไม่ถูกต้องนะครับ ขออธิบายให้เข้าใจดังนี้ครับ
หม้อแปลงเป็นอุปกรณ์จ่ายพลังงานตามความต้องการของ Load ครับ การจ่ายกระแสในแต่ละวงจร ไม่เกี่ยวกับว่าหม้อแปลงใหญ่แค่ไหน ประเด็นอยู่ที่ Load ต้องการเท่าไหร่ครับ คุณจะเอาหม้อแปลง 1000kW มาจ่ายไส้หลอด 2W ก็ได้ ถ้าระดับแรงดันเหมาะสมครับ หม้อแปลงมันก็จะจ่ายแค่ 2W ตามที่ Load ต้องการ แต่ถ้า Load ต้องการพลังงานมากกว่าที่หม้อแปลงจ่ายได้ หม้อแปลงก็จะไหม้ครับ เพราะฉะนั้นการเลือกใช้หรือสั่งทำหม้อแปลง ต้องดูที่ค่าพลังงานรวมหรือช่างหม้อแปลงมักจะเรียกว่าค่า VA (Volt-Ampare) ซึ่งก็คือผลรวม ของ ผลคูณของแรงดัน (Vac) และกระแสในแต่ละขด [sum (V x A)] แล้วค่อยเอาไปหาซื้อหรือสั่งทำครับ กติกามี 2 ข้อ
1. แต่ละขดต้องจ่ายกระแสได้อย่างน้อยเท่ากับที่ Load ต้องการ เช่นไส้หลอด 5V 3A หม้อแปลงก็ต้อง 5V 3A เป็นอย่างน้อย 4-5-6-...A ก็ย่อมใช้ได้ แล้วแต่ละเผื่อกันไปครับ
2. VA รวมของหม้อแปลงต้องมากกว่าที่วงจรต้องการ ถ้าคุณทำตามข้อ 1 ก็จะไม่มีปัญหากับข้อ 2 ครับ แต่ในบางครั้ง ถ้าคุณมีหม้อแปลงอยู่แล้วต้องการดัดแปลงวงจรทำให้การจ่ายกระแสเปลี่ยนไป เช่นเดิมไส้หลอดต้องการ 5V 10A แต่คุณดัดแปลงวงจรแล้วเหลือ 5V 8A ก็จะเหลือ VA ให้ใช้ได้อีก 10VA ซึ่งอาจจะไปพอดีกับขด 6.3V ที่เดิมจ่ายได้ 30VA แต่คุณต้องการเพิ่มเป็น 35VA อะไรทำนองนี้ โดยมากตามมาตรฐานแล้วมักจะรองรับได้ ทำให้เราไม่ต้องสั่งหม้อแปลงเพิ่ม แต่ถือว่าคุณใช้งานเกินที่ออกแบบมาสำหรับขด 6.3V ความเสี่ยงอยู่ที่ผู้ใช้ครับ ผมจึงใส่ข้อ 2 ไว้ให้ด้วย คือถ้าจะดัดแปลงผลรวมต้องไม่เกิน VA รวมครับ
ทีนี้การต่อหม้อแปลงกับ Rectifier และ Load ของ Rectifier แต่ละแบบทำให้หม้อแปลงทำงานแตกต่างกันไปครับ
1. Half Wave Rectifier ขด Sec จะจ่ายกระแสแค่ 1/2 ของรูปคลื่นครับ หรือเราเรียกว่า 50% Duty Cycle ครับ คือมันไม่ได้จ่ายกระแสตลอดเวลา เพราะ Diode มันจะ On / Off สลับกัน 50 ครั้งในทุกๆ วินาทีครับ คือสมมุติว่า Load ต้องการ 3A มันก็จ่าย 3A นะครับ แต่จ่ายและหยุดจ่ายสลับกัน 50 ครั้งต่อวินาที และจะคิดว่าจ่าย 1.5A ตลอดเวลาไม่ได้ครับ ไม่เหมือนกัน ลองคิดว่าคุณกำลังเล่น Switch หลอดไฟไส้ 100W แล้วเปิด/ปิดมันเล่นสลับกันไปเรื่อยๆ คุณจะก็จะเห็นมันติด/ดับสลับกัน แต่ทุกครั้งที่มันติดมันสว่างเท่าเดิม และพอดับมันก็มืดเลย ไม่ใช่มันติดตลอดเวลาแต่สว่างครึ่งนึง นี่คือที่ว่า ไม่เหมือนกัน ครับ
2. Full Wave Rectifier ขด Sec ทำงานที่ 50% Duty Cycle เช่นกันครับ จริงๆ แล้วมันก็คือ Half Wave 2 ชุดนั่นแหล่ะครับ
3. Bridge Rectifier ขด Sec ทำงานที่ 100% Duty Cycle ครับ มันจ่ายกระแสตลอดเวลาเลย ไม่ได้หยุดพักทีละครึ่งเหมือน 2 แบบข้างต้น
เพราะฉะนั้นในแง่การออกแบบหม้อแปลงแล้ว ผู้ออกแบบจะต้องอนุมานว่าเราจะใช้งานมันที่ 100% Duty Cycle ครับ และเลือกขนาดลวดที่เหมาะสมให้ แต่ถ้าผู้ออกแบบมองว่าเราคงใช้งานที่ 50% Duty Cycle แล้วเลือกลวดที่เล็กกว่า เพราะเห็นว่าความร้อนสะสมจะขึ้นไม่มาก เนื่องจากมันทำงานแค่ครึ่งเดียว ก็อาจจะเป็นสาเหตุของการไหม้ได้ครับ และไม่เป็นมาตรฐานด้วย
ส่วนกรณี Load ของ Rectifer ในเครื่องหลอดที่เราๆ เล่นกัน ที่นิยมก็คือ Capacitor Input กับอีกแบบก็คือ Choke Input ซึ่งทั้ง 2 แบบมีผลต่อการทำงานของหม้อแปลงต่างกันครับ
1. C Input จะดึงกระแสจากหม้อแปลงแบบทันทีทันใด (Pulse) กรณีนี้ควรจะเผื่อการจ่ายกระแสของหม้อแปลงเป็น 1.3-1.5 เท่า ของที่วงจรต้องการครับ เช่นวงจรต้องการ 200mA ก็ควรจะสั่ง 260-300mA เป็นต้น
2. L Input จะดึงกระแสแบบสม่ำเสมอ (Continuous) ไม่จำเป็นต้องเผื่อการจ่ายกระแสครับ
หมายเหตุ 2 ข้อนี้ไม่รวมการเผื่อแบบ Thailand Standard นะครับ อันนี้แล้วแต่ว่าใครไว้ใจร้านไหนอย่างไรครับ ไปเผื่อกันเอาเอง
