HTG2.club

แนะนำรายละเอียด Accuris Subwoofer รุ่น Muses-12S และ Muses-12T กับ DSP

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
เอารูปภายในของ ACM H1500 มาให้ดูกันครับ

จากรูปจะเห็นว่ามีการใช้ Terroid Transformer ขนาดใหญ่ 1.5 KVA และใช้ Output Transistor ข้างละ 18 คู่ ทีเดียว ซึ่งแอมป์แค่นี้ ก้อดีกว่าแอมป์ที่ใช้ใน Active Sub ระดับแสนแล้วครับ เอาไว้มีโอกาศจะแกะ Amp ใน Active Sub ตัวละ70,000 - 100,000 บาท ที่เคลมว่า 1000 watts ให้ดู แล้วจะงง! ดูแล้วจะตกใจ



ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
หน้าตา ACM Amp เป็นแบบนี้ครับ
รูป 1 เป็น รุ่น A series
รูป 2 เป็น รุ่น H series
รูป 3 เป็น รุ่น M series
รูป 4 เป็น รุ่น Q series


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
เนื่องจากมีผู้สนใจอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่จะเอามาขับ Accuris Sub จึงเอาราคาทั่วไปกับรายละเอียดความเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละรุ่นมาให้ดูครับ

แอมป์ที่ใช้เป็นยี่ห้อ ACM Audio แอมป์ 2 CH ทั้งหมดครับ ราคาที่ลงเป็นราคาตั้งนะครับ ราคาจริงมีส่วนลดจากนี้ครับ โดยประมาณ 10-15% สำหรับเรตติ้งในตาราง OK, Good, และ Excellent คือเรตของประสิทธิภาพเสียงและคุณภาพเสียงที่ได้ครับ NE หมายถึงไม่เพียงพอ NN หมายถึงไม่จำเป็น แต่ถ้าอยากใช้ ก้อใช้ได้ครับ

1. Q2150 ราคา 7,500 บาท
    (150W/CH @ 8 Ohm, 225W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 450 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >500)

2. Q2200 ราคา 11,000 บาท
    (200W/CH @ 8 Ohm, 300W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 600 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >500)

3. M2300 และ H900 ทั้งคู่ราคา 16,500 บาทเท่ากัน Spec เท่ากัน ต่างกันที่ หน้าตา
   (300W/CH @ 8 Ohm, 450W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 900 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >500)

4. M2500 และ H1500 ทั้งคู่ราคา 19,500 บาทเท่ากัน Spec เท่ากัน ต่างกันที่ หน้าตา
   (500W/CH @ 8 Ohm, 750W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 1,500 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >700)

5. M2800 และ A2400 ทั้งคู่ราคา 25,500 บาทเท่ากัน Spec เท่ากัน ต่างกันที่ หน้าตา
   (800W/CH @ 8 Ohm, 1,800W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 2,400 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >800)

6. M2800.2 ราคา 27,000 บาท เป็น 800W รุ่นพิเศษเพื่อรองรับโหลด 2 Ohm ได้ดี โดยมี Power Supply ใหญ่พอๆ กับรุ่น M21200
   (800W/CH @ 8 Ohm, 1200W/CH @ 4 Ohm, 1,800W/Ch @ 2 Ohm, Bridge Mono 3,600 W/CH @ 4 Ohm, Damping Factor >800)

7. A3000 ราคา 29,000 บาท
   (1,000W/CH @ 8 Ohm, 1,600W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 3,000 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >800)

8. M21200 ราคา 28,000 บาท
   (1,200W/CH @ 8 Ohm, 1,800W/CH @ 4 Ohm, Bridge Mono 3,600 W/CH @ 8 Ohm, Damping Factor >800)


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
ขออนุญาติแนะนำ Product Line ของ Accuris Subwoofer ครับ

โดยเรียงลำดับจากรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่นะครับ

Accuris Subwoofer Heirarchy
Fates Series
Fates-12 - (launch 1st quater next year)
- Vented Box Design (ตู้เปิดแบบใช้ Port เหลี่ยม)
- Wooden Flare Port
- Rigid Internal Cross Bracing System (RIC)
- 2" Thick Front Panel
- 1" Thick Side Panel
- 275 watts RMS @ 8 Ohm power handling

Muses Series
Muses-12S
- Sealed Box Design (ตู้ปิด)
- Matrix Rigid Bracing System (MRB)
- Dual Layer Damp Mode (DLDM)
- Triple Sealed Air Lock (TSA)
- Triple Plate Front Panel (TPF)
- Single 12" Ultra Low Distortion Driver
- 400 Watts RMS @ 4 Ohm power handling

Muses-12T
ฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกับ Muses-12S แต่เพิ่มเป็น 2 ดอก
- Two 12" Ultra Low Distortion Driver
- 800 Watts RMS @ 8 Ohm power handling

Muses-15S
ฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกับ Muses-12S แต่เปลี่ยนเป็นดอก 15 นิ้ว
- Single 15" Ultra Low Distortion Driver
- 500 Watts RMS @ 4 Ohm power handling

Ares Series (launch 1st quater next year)
Ares-12S
- Sealed Box Design (ตู้ปิด)
- JL Audio W7 series driver
- Matrix Rigid Bracing System (MRB)
- Dual Layer Damp Mode (DLDM)
- Triple Sealed Air Lock (TSA)
- Triple Plate Front Panel (TPF)
- Single 12" 12W7 driver
- 750 Watts RMS @ 4 Ohm power handling

Ares-12T
ฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกับ Ares-12S แต่เพิ่มเป็น 2 ดอก
- Two 12" 12W7 driver
- 1500 Watts RMS @ 8 Ohm power handling

Ares-13S
ฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกับ Ares-12S แต่เปลี่ยนเป็นดอก 13.5 นิ้ว
- Single 13.5" 13W7 driver
- 1000 Watts RMS @ 4 Ohm power handling

Ares-13T
ฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกับ Ares-13S แต่เพิ่มเป็น 2 ดอก
- Two 13.5" 13W7 driver
- 2000 Watts RMS @ 8 Ohm power handling

Ares Signature Series (launch 1st quater next year)
Ares-12S Sig
Ares-12T Sig
Ares-13S Sig
Ares-13T Sig

ฟีเจอร์ต่างๆ เหมือนกับ Series Ares-12S แต่ upgrade เพิ่มรายการดังนี้
- Super Ridge Cut (SRC) เป็นระบบการเสริมโครงสร้างลำโพง ให้แข็งแรงขึ้นอีก 30% ซึ่งจะพบได้ในลำโพงที่ราคาหลายแสนบาทเท่านั้น
- Upgrade สายลำโพงในตู้และขั้วต่อลำโพง

*หมายเหตุ: ชุดขา Option รุ่น Arakne สามารถสั่งได้เฉพาะรุ่น Muses, Ares และ Ares Signature เท่านั้น

สำหรับสนนราคายังไม่สรุปครับ คงต้องรอให้กำหนดโครงสร้างทั้งหมดได้แน่นอนกว่านี้ก่อนครับ แล้วคงจะแจ้งให้ทราบภายหลังครับ

ถ้าอยากทราบรายละเอียดอะไร โทรมาสอบถามได้ก่อนนะครับ


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340

ออฟไลน์ iwamac

  • ****
    • กระทู้: 311
ขอทราบราคาด้วยคนครับ   ขอทั้งดอก Muses และดอก JL ครับ    และราคาแอมป์ 2 แชนแนลด้วย     หากซื้อเป็นคู่  มีส่วนลดพิเศษมั้ยครับ
ทาง IAV มีบริการเซ็ทอัพให้มั้ยครับ     pm มาที่ iwamac.ltd@gmail.com ได้เลยครับ


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340

ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
จากที่มึผู้เรียกร้องกันมามากเรื่อง DSP ที่อยากได้ราคาถูก (ต่ำกว่า 10,000 บาท) และใช้กับ Subwoofer 1 ตู้หรือ 2 ตู้ พอแล้ว ผมจึงตัดสินใจแนะนำ DSP ที่เป็น Parametic EQ 12 Band รุ่น DSP1124P ราคาโดยประมาณอยู่ที่ไม่เกิน 9,000 บาท (ถึงมือลูกค้าแล้ว)

Function หลักๆ ของ DSP1124P เป็นดังนี้
- Parametic 12 Band EQ, เลือกปรับได้ตั้งแต่ 20Hz-20KHz
- สามารถปรับได้ +16dB/-48dB
- สามารถปรับค่า Q ได้
- สามารถเก็บค่า Preset ได้ 10 ค่า

ถึงแม้ว่าการตัวเลือกในการปรับอาจจะได้ไม่เท่ากับ DSP รุ่นใหญ่ แต่บอกได้เลยว่าแค่นี้ก้อเกินคุ้มแล้วครับ เทียบง่ายๆ ใน Sub JL Audio รุ่น Fathom ยังมี EQ ให้ปรับเพียง 1 band เองครับ และระบบ Auto EQ ก้อทำงานได้โดยการแก้ที่ความถี่เดียวเช่นเดียวกัน ครับ ในขณะที่ DSP1124P สามารถเลือกปรับและสร้าง Preset ได้ถึง 10 Memory เลยครับ

สุดท้ายมีคนสงสัยเรื่องการต่อระบบ Sub passive กับ DSP ผมจึงแนบรูปการต่อมาให้ชมครับ


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
เรียนคุณ Chaiyos

ในการออกแบบ Sub ให้ได้ดี ต้องมีการคำนึงถึง 3 องค์ประกอบใหญ่ครับ
1) ดอกลำโพงต้องมีประสิทธิภาพที่ดี
2) ตัวตู้ต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรง และมี Coloration ต่ำ
3) ต้องมีการคำนวนค่า Parameter ต่างๆ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ Sub ที่ออกแบบมาเป็นไปตามที่ Designer ต้องการ

ในการออกแบบ Accuris ทุกรุ่นผมได้คำนึงถึงเรื่องความสะอาด ความเร็ว Impact เป็นเรื่องสำคัญ โดยผมไม่เน้นให้เบสต้องมีเบสที่ครางในที่ต่ำๆ ออกมา ผมเลือกที่จะใช้ DSP เป็นตัวจัดการเรื่องเกี่ยวกับโทนต่างๆ ของเสียงแทน ซึ่งทำได้ละเอียดและครอบคุมได้มากกว่า ต้องเข้าใจว่าเบสสะอาด ชัด เร็ว มีรายละเอียด ทำให้เบลอง่ายกว่าที่จะทำให้เบสเบลอ ไม่มีรายละเอียด กลับมามีรายละเอียด และเร็ว คมได้ซึ่งเป็นปัญหาที่เจอใน Active Sub ทั่วๆไป เนื่องจากผู้ผลิตเลือกที่จะเอาใจตลาดที่ชอบเบสบึมๆ โดยการยก bass boost ที่ 25 Hz +6dB ฝังอยู่บอร์ดแอมป์เลย ซึ่งไม่สามารถปิดได้ ทำให้ถึงแม้เราจะใช้ DSP เข้าไปช่วย Active Sub เหล่านี้ก้อจะได้ผลได้ไม่ดีมาก เนื่องจาก แอมป์ที่ใช้ใน Active Sub เป็นแบบ Class D หรือ G ที่ไม่มีรายละเอียด และ Damping ไม่สูงพอ ไม่เหมือนกับการที่เราใช้ Passive Sub ที่เราเลือกใช้ Amp Class AB ที่มีรายละเอียดสูงกว่า กำลังมากกว่า และไม่มีวงจร Bass Boost ฝังอยู่ ทำให้เราสามารถใช้ DSP ควบคุมเสียงให้เป็นไปตามที่เราสั่งได้ เช่นต้องการเบสเร็ว ช้า และมีหางเสียงนิดๆ ที่ความถี่ต่ำๆ รวมทั้งรายละเอียดได้

บางท่านอาจจะงงว่าในเบสมีรายละเอียดด้วยหรือ ต้องบอกตามตรงว่ามีเยอะมากๆ ครับ ยิ่งถ้าปรับได้ดีเท่าไหร่ จะส่งผลให้ลำโพงหลัก มีเสียงรายละเอียด ไปด้วย เป็นที่มาว่าทำไป DSP จึงสำคัญมากในระบบ Passive Sub เอาไว้เสร็จเมื่อไหร่ มาลองฟังดูจะรู้ว่า Sub สั่งได้เป็นยังไง O0

ผมว่า Sub ที่ผมออกแบบรุ่นใหม่นี้น่าจะถูกใจคุณ Chaiyos มากๆ ครับ


ออฟไลน์ mong

  • *****
    • กระทู้: 697
ถ้าใช้ดอก JLW7 ซึ่งเป็นแบบโดนัท ผมคาดว่าเสียงน่าจะช้ากว่าดอก muses อยู่หน่อยนะครับ เพราะเท่าที่เล่นเองและฟังของเพื่อนหลายๆคนที่ใช้ดอกโดนัทไม่ว่าจะเป็น sunfire velodyne earthquake paradigm หรือแม้กระทั่ง svs ที่ตอนนี้ผมมีอยู่ ทุกตัวจะให้เบสที่ไม่เร็วมาก แต่จะเน้นไปทางลึกที่ช่วง 20-40hz มากกว่ามิด/อัพเพอร์เบสที่ช่วง 40-120hz คราวนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวแล้วล่ะ

อ่านเจอใน TAS ว่าซับนี่ทำยาก ถ้าเป็นตู้ปิดแบบ JL Fathom หรือ Gotham ซึ่งออกแบบให้ bass transient ดีมากๆ ก็ต้องแดมป์เยอะมาก ได้ความเร็วของเบสแต่เสียงจะ airlessness คือขาดมวลอากาศของเสียงเบส มีได้อย่างเสียอย่างจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแปลว่าเราต้องเลือกเอา และถ้าต้องเลือกจริงๆ ผมชอบแบบเบสไม่ต้องลึกมากสุดๆก็ได้ แต่ขอให้กระชับหนักแน่น เพราะถ้าเบสเร็วทันเสียงกลางผมว่ามันจะทำให้เสียงโดยรวม coherent มากกว่าเบสลึกแต่ช้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 พฤศจิกายน, 2008, 09:07:04 am โดย chaiyos »


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
เรียนคุณ taee

สำหรับ Accuris ดอก JL W7 12" ตอนนี้มีผู้สนใจสั่งเข้ามา 2 ตู้แล้วครับ สนนราคาคร่าวๆ ในกรณีที่ใช้ตู้เดียวรวม Amp แล้วน่าจะอยู่ทีกว่า 5 หมื่น กว่าๆ ไม่เยอะ เนื่องจากเราซื้อแอมป์ ที่เป็น 2 ch มาใช้ แต่ถ้าใช้ 2 ตู้ราคาจะอยู่ต่ำกว่า 100K แน่นอนครับ เนื่องจากเราไม่ต้องเสียงค่า Amp แล้ว สำหรับตู้ที่ 2

จริงๆ ผมมี Plan อยากจะทำตัวรุ่นที่เป็นตู้ Twin JL W7 13.5" ด้วยกำลังคิดอยู่ว่าจะควักกระเป๋าทำดีไหม แต่อยากลองมากๆ

เรียนคุณ Chaiyos

เดี๋ยวจะโทรไปนัด นะครับ


ออฟไลน์ mong

  • *****
    • กระทู้: 697
2 channel 3 dimension ได้ยินกิตติศัพท์มาจากเพื่อนที่ไปลองฟังชุดของคุณโก้มาแล้ว น่าสนใจมากแต่ท่าทางจะกระอักตอนเห็นราคา ไม่เป็นไรครับรู้กันอยู่แล้วครับว่าของดีไม่มีถูก อย่าลืมส่งข่าวละกันครับ

ส่วน bass trap เอามาลองเลยครับ มาลองวัดดูด้วยก็ดี 


ออฟไลน์ taee

  • **
    • กระทู้: 99
    • เพศ:ชาย
เข้าใจถึงความแตกต่างของ active และ passive แล้วครับ
 O0
ว่าแต่ที่คุณโก้จะทำ Passive Sub ดอก JL นี่น่ารอคอยครับ ถูกกว่า fathom แถมดุดันกว่า แต่ราคารวม amp นี่จะเกิน 50k ไหมครับ  :secret
 


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
เรียนคุณชัยยศ

ขอบคุณครับ คุณชัยยศ สำหรับเรื่องการวัดค่าจะนำมาให้ดูหลังจากที่ทำตู้จริงและ Burn เสร็จแล้วนะครับ

สำหรับเรื่อง Rise time และ Decay time เป็นสิ่งที่ผมคิดถึงแรกๆ ในการออกแบบ Accuris - Muses ผมจริงยอม Trade off ฐานเบสต่ำๆ ไป เพื่อให้ได้ เบสที่กระชับ เร็ว มี Rise Time/Delay time ที่สั้น แต่ยังไงคงไม่สั้นเท่ากับพวก ขอบผ้า ที่ช่วงชักสั้น ไม่ได้นะครับ ผู้ใช้แรกๆ อาจจะไม่ชินกับเสียง Sub แบบนี้ แต่หลังจากฟังไปสักพัก จะเริ่มปรับตัวได้ และจะกลับไปหาเบสแบบเก่าไม่ได้

ส่วนใหญ่ Sub ยี่ห้อดังจะไม่ค่อยได้วัด หรอกครับ เรื่อง Rise Time/Decay Time เนื่องจากเค้าเน้นให้ใช้กับ Home Theater เป็นหลัก ผู้ผลิตส่วนใหญ่มองว่า รายละเอียดในช่วงความถี่ต่ำ ไม่จำเป็นมากนัก ขอให้มีน้ำหนัก กับปริมาณเยอะ ก้อพอ

สำหรับสาเหตุที่ฝรั่งเค้านิยมเล่น Sub Active ก้อคงเป็นเพราะความซับซ้อนใกรปรับนี่แหละครับ เนื่องจากถ้าปรับไม่เป็น และออกแบบตู้ไม่ดี และหาแอมป์ขับที่แมทไม่ดี เสียงก้อจะไม่ดี แบบเดียวกับที่เราเล่นลำโพง Hi-End 2 Channel ซึ่งยิ่งลำโพงดี ก้อจะยิ่งเล่นยากเนื่องจาก Resolution และ Bandwidth กว้างกว่า คุณชัยยศว่างๆ ลองมาฟังชุด 2 Ch Hi-End ที่ห้องผมดูรับรอง ไม่เหมือนที่ไหน ยิ่งถ้าชอบเสียงที่เป็น 3D ละก้อไม่ผิดหวัง แต่ตอนนี้ชุดไม่ครบ เดี๋ยวกลับมารวมร่างครบจะโทรไปตาม จะได้มาลองฟัง Tone ของห้องฟัง ที่ผม Calibrate ไว้ด้วยว่าเป็นยังไง ห้องผมใช้ค่า RT ประมาณ 400 mSec

สำหรับ Sub ที่คุณชัยยศสนใจ ผมว่าเดี๋ยว พอตู้ที่ใส่ดอก JL W7 เสร็จ คุณชัยยศมาลองฟังดูว่าชอบแบบไหน ระหว่างใช้ JL W7 12 นิ้วดอกเดียวกับ Sub Muses-12T รุ่น 2 ดอก ราคาเคาะออกมาไล่เลี่ยกัน

อ้อ สำหรับ ตัวเบส Trap ผมออกแบบไว้ หลายความถี่ ตอนนี้ที่มีอยู่ มี 46, 72, 109, 145 ถ้าสนใจ เดี๋ยวเอาไปลองให้ดู เพราะผมต้องใช้เครื่องมือวัดที่ห้องคุณชัยยศด้วย ราคาอยู่ประมาณกล่องละ 8,500 บาท ผมว่าใช้ 2 กล่องน่าจะอยู่ครับ


ออฟไลน์ mong

  • *****
    • กระทู้: 697
แจ่มจริงๆ คุณโก้
ผมยังจำเสียง accuris รุ่นแรกๆ ที่พี่กัมเคยใช้ได้เลยว่าเสียงดีเกินค่าตัวมากๆ เพราะ ได้ทั้งหัวโน๊ต และการกระแทกกระทั้น ทำให้ดูหนังมันส์ขึ้นมากจริงๆ แถมดูคอนเสิร์ตก็ดีด้วยเพราะเบสไม่หน่วง จำได้เลยว่าเสียงดีกว่า velodyne hgs15 ตัวแพงๆ ที่มีคนเอาให้พี่กัมลองซะอีก แม้จะลงไม่ลึกสุดๆ เข้าใจว่าดอก 12" อาจจะเล็กไปสำหรับซิสเต็มและห้องที่โหดแบบของพี่กัม แต่ที่ทำเอาผมเซ็งคือเสียงดันดีกว่า sunfire true sub และ sunfire signature sub ที่ผมใช้ตอนนั้นซะอีกทั้งๆที่ sunfire ผมแพงกว่าตั้งเยอะ (หรือเป็นเพราะผมเซ็ทซับไม่เป็นเองหว่า??)  ทำให้รู้เลยว่าซับแบบพาสซีพนี่ดีจริงๆ แต่จนทุกวันนี้ก็ยังงงอยู่ว่าทำไมฝรั่งไม่ค่อยเล่นแบบพาสซีพกันเลย เห็นทำกันแต่แอ๊คทีฟทั้งนั้น

รุ่นใหม่นี้หน้าตาดูดีกว่าเยอะเลย ส่วนสเป็คนี่ผมไม่รู้ว่าพวกซับนี่มีวัดเรื่อง rise time & decay ของเสียงเบสด้วยหรือป่าว หรือวัด waterfall มาดูจะบอกอะไรได้มั้ยอ่ะ?

ยังไงก็ตาม ขอให้ได้เสียงที่ดียิ่งขึ้นไปอีกจริงๆเถอะ จะสั่งมาเล่นด้วยคน

ป.ล. ผมยังรอตัวดูดมิดเบสของท่านอยู่นะ เสร็จหรือยัง อยากเอามาลองหน่อยว่าจะช่วยแก้ที่ 80-100 hz ได้รึป่าว ตอนนี้อยากให้เสียงมิดเบสแน่นและทิ้งตัวขึ้นอีกหน่อยน่ะ


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
สุดท้ายคือ Function ระบบ Limiter ที่มีไว้ให้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ลำโพงถูก Drive ถึงขีดสุด ซึ่งจะทำให้ลำโพงพังได้ นอกจากนี้ Limiter ยังช่วยให้ Block เสียงก่อนจุดที่จะเกิดความเพี้ยนได้ด้วย เช่นเสียงลำโพงป๊อกๆ ที่เรารำคาญกัน แต่ระบบนี้ต้องมีความชำนาญ ในการตั้งพอสมควร ไม่เช่นนั้น ลำโพงจะถูกกดเสียงเร็วเกินไป เช่นลำโพงที่ใช้ระบบ Servo Control ที่ออกแบบไม่ดี

นอกจากนี้ Function ทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถถูกบันทึกไว้ในแต่ละ Preset ได้ด้วย ซึ่งทำให้เราประหยัดเวลาในการที่จะปรับเลือกเสียงแต่ละแบบ - ไม่ต้องมาปรับทีละ Function และเรายังสามารถบันทึก Preset เหล่านี้ไว้ใน Computer ได้ด้วย

อย่างที่ผมได้เรียน เกี่ยวกับการทำงาน ต่างๆ เหล่านี้ จะเห็นได้ว่า แม้กระทั่ง Active Subwoofer ที่แพงเป็นแสน ที่มีระบบปรับเสียง Built-in อยู่ก้อยังไม่สามารถเทียบระบบการปรับของ DSP แยกได้เลย

ผมหวังว่าคงได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับ Accuris Subwoofer และ DSP ได้ดีขึ้นนะครับ

สำหรับท่านที่จองเข้า Course Training ไว้ เตรียมไว้ได้เลยครับ นี่คือสิ่งที่จะต้องเรียนครับ  c)


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
ในส่วนของ Crossover เป็น Function ที่ให้มาเผื่อใช้กับระบบ 2 channel ที่ต้องการเสริม Subwoofer เข้าไปช่วยทำงาน ซึ่งเราสามารถเลือกปรับจุดตัด, ชนิดของ Crossover, Slope ต่างๆ ได้ด้วย

สำหรับ Home Theater เราคงไม่ค่อยได้ยุ่งกับมันมากนักครับ

นำมาลงให้ดู Function เฉยๆ


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
ในเรื่องของการปรับ Delay จะถูกแบ่งออกเป็นการปรับ Delay แบบหยาบ คือ Long Delay และ แบบละเอียด คือ Short Delay

Long Delay จะปรับได้ในระดับ 0.05 m หรือ 0.15 millisec
Short Delay จะปรับได้ในระดับ 2 mm. หรือ 0.01 millisec

เทียบกับที่ปรับได้ใน Surround Processor ที่ดีที่สุดนั้น Surround Processor เพิ่งจะทำได้ในระดับ 0.15 m หรือ 0.5 ft. เท่านั้นเองครับ

นอกจากนี้ ในส่วนของ Short Delay เราสามารถ ตั้ง Polarity, และ Phase (ปรับได้ทีละ 5 องศา) ได้อีก



ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
ในส่วนระบบ Autowarm หรือ Dynamic EQ เราสามารถตั้งเพิ่มเสียงเบสที่ช่วงความถี่ที่กำหนดไว้ โดยเมื่อเสียงเริ่มเบาลง ถึงระดับที่ตั้งไว้ เครื่องจะทำการเพิ่มความดังเบส ชดเชยให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อเราเร่งเสียงดังเลยระดับที่ตั้งไว้ เครื่องจะปิดระบบให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้เสียงอิ่ม อบอวน ตลอดเวลา

โดยระบบ Dyn EQ สามารถเลือกได้ 3 แบบ เช่นโดยเป็น Parametic, Hi Shelf, และ Low Shelf


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
Accuris DSP by Behringer

ต่อกับ Function ของ Accuris DSP ในส่วนของ EQ จะเห็นได้ว่าเราสามารถปรับ EQ แยกได้แต่ละ Input และ Output โดยอิสระ ซึ่งเราสามารถ ใช้รูปแบบ EQ ได้ 3 แบบ Parametric EQ, Hi Shelf EQ และ Low Shelf EQ นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกความกว้าง Q ของช่วงเสียงที่ทำงานได้ด้วย ซึ่ง EQ สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ถึง 9 แบนต่อ Channel ทีเดียว เรียกว่า เกินพอสำหรับการใช้งาน ปกติใช้เต็มที่ ก้อ 5 band เหลือๆ แล้ว

เรียน พี่อูฐ

ขอบคุณครับพี่อูฐ ที่ให้กำลังใจน้องๆ ทำให้มีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาสิ่งดีๆ ออกมาอีกครับ ส่วน JL Audio W7 12" จะรีบจัดการให้ครับ ถ้าโครงตู้ ออกแบบเสร็จ จะส่ง Sketch ไปให้ดูครับ



ออฟไลน์ อูฐ

  • สมาชิกรุ่น Classic
  • Superstar...
  • *****
    • กระทู้: 4,631
สวยงามมาก  คุณ โก้ โชว์ฝีมือคนไทยไม่ด้อยกว่าของนอก  อย่างไรเสียของจริงมาขอให้เนี๊ยบ ๆ เหมือนในรูปเลยน่ะ        ขอจอง รุ่น jl audio หนึ่งตู้ครับ  ไว้จะโอนเงินให้   อยากไปฟังบรรยายด้วย  แต่ไม่แน่ใจว่าเวลานั้นจะอยู่กทม หรือ ป่าว     อย่างไรเสียถ้าอยู่จะแวะไป  ถ้าไม่มีที่นั่ง ขอยืนฟังน่ะ  ไม่กล้าจองที่ กลัวไปแย่งที่คนอื่นเขาครับ


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
Accuris DSP by Behringer

จากรูปแรก จะเห็นว่า เครื่องสามารถที่จะตั้งรับ Input เข้ามาได้ถึง 3 input และมีช่องขาออกให้เลือกใช้ได้ถึง 6 output ซึ่งในแต่ละ Input เราสามารถตั้ง Delay, EQ และ Dyn EQ (Autowarm) ได้แยกในแต่ละ Input ในส่วนของ Output เราสามารถที่จะตั้ง Crossover, EQ, Dyn EQ, Limiter, และ Delay ได้แยกแต่ละ Output เลยทีเดียว

นอกจากเรายังสามารถที่จะโยนสัญญาณ ข้ามไปมา สำหรับแต่ละ Input และ Output ได้โดยอิสระ เช่น ใช้ Input 1 แต่ เลือกให้ออกที่ Output 1, 2, 4 เป็นต้น

ในรูปสอง จะเห็นว่ามีส่วนของ Memory ให้เราสามารถเลือกตั้ง Preset ได้ทั้งหมดถึง 36 Presets นอกจากนี้เรายังสามารถ Copy ข้ามแต่ละ Preset ได้ด้วย เช่น เราสามารถเลือกตั้ง EQ ให้เป็นแบบ Movie, Music, Action, Concert หรือ อื่นๆ ได้อีก



ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
Accuris DSP Loudspeaker Management

Accuris DSP จะใช้ Engine ของเครื่อง DSP ของ Behringer เป็นเครื่อง Base ในการใช้งาน ซึ่งให้ประสิทธิภาพดีพอในราคาที่จับต้องกันได้ จะมีจำหน่ายให้ใช้กัน 2 รุ่น
รุ่นพื้นฐาน จะเป็นตัว Standard เดิมๆ ของ Behringer
รุ่นสอง จะเป็นตัวที่มีการปรับปรุงระบบ Power Supply, Opamp, และ Capacitor ต่างๆ ให้ดีขึ้น






ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
[size=1ภpt]Accuris Arakne[/size] - อุปกรณ์ Option เสริม สำหรับ Muses-12S และ Muses-12T

Arakne เป็นอุปกรณ์ Aluminium Plate ขนาด ความหนา 16 mm ใช้ร่วมกับ ชุด Tiptoe พิเศษที่เป็นหัว Bullet เพื่อลด Distortion ให้ต่ำลง มีเบสที่สะอาดขึ้น โปร่งขึ้น และเป็นตัวช่วย Coupling ระหว่างพื้นกับตัวตู้ของ Muses ซึ่งให้เสียงที่เหนือกว่า Tiptoe Standard มาก

นอกจากนี้ Arakne ยังสามารถใช้เป็นฐานรอง Power Amp, CD Player, Preamp, Turntable หรือแม้กระทั่ง Subwoofer ยี่ห้ออื่นได้ด้วย อีกทั้งยังจูนเสียงเพิ่มเติมได้โดยการเปลี่ยนชั้นที่หนุนบนฐาน Aluminium ได้อีก ซึ่งจะมีเป็น ไม้, Acrylic และ Material TG

(ขณะนี้ยังไม่ทราบราคา แต่จะมีราคาพิเศษให้กับผู้ที่สั่งจอง Accuris Muses-12S 10 ตู้แรก)


ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
Explorer View - Muses-12S and Muses-12T

จากรูป จะเห็นว่าหัวใจของโครงสร้างของ Muses-12S และ Muses-12T ประกอบไปด้วย

1. โครงสร้าง Matrix Rigid Bracing System (MRB)
เป็นระบบโครงสร้างแบบเมทริกที่ยึดโครงสร้างผนังตู้ทุกด้านให้ทำงานประสานเป็นเนื้อเดียวกัน และเป็นอุปกรณ์ที่เสริมความแข็งแรงของตู้ให้นิ่งที่สุด อีกทั้งยังกระจายแรงสะเทือนของตู้ให้กระจายออกไปทุกด้านของผนังตู้

2. ระบบการทำผนังตู้แบบ Dual Layer Damp Mode (DLDM)
เป็นระบบที่ใช้การทำผนังตู้แบบ 2 ชั้นโดยใช้ไม้ MDM หนาขนาด 1 นิ้ว 2 แผ่น โดยรอบเพื่อ Shift Mode ในการสั่นของตู้ ให้สูงกว่า ช่วงเสียงที่ดอกลำโพงทำงาน ซึ่งมีผลทำให้เสียงออกมาสะอาด และได้เบสต้นที่เร็วปราศจากการสั่นค้าง

3. การ Seal ตู้แบบ Triple Sealed Air Lock (TSA)
เนื่องจากการออกแบบให้มีพื้นที่สัมผัสระหว่างแนวตู้แต่ละด้านให้มีพื้นที่มากชึ้นเป็น 3 เท่าจากพื้นที่ของตู้ลำโพงทั่วไป ทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรงสูงที่สุด และโอกาศที่อากาศจะหลุดรอดออกไปเป็นศูนย์

4. Triple Plate Front Panel
ผนังด้านหน้าใช้ไม้ MDM หนา 3 นิ้ว เพื่อให้ดอกลำโพงทำงานได้นิ่งที่สุด และมีแรงสะเทือนส่งผ่านไปส่วนอื่นๆ ของตู้น้อยที่สุด

การยึดโครงสร้างตู้ทั้งหมดไม่มีการใช้ตะปู แต่ใช้กาวเป็นตัวประสานทั้งหมด เพื่อให้ตู้ทำงานประสานเป็นเนื้อเดียวกัน





ออฟไลน์ IAV

  • IAV Ultra HI-End Specialist
  • ****
    • กระทู้: 340
เรียนท่านสมาชิก

ขออนุญาติคุณ Too Ninja แนะนำรายละเอียด Accuris Subwoofer รุ่น Muses-12S และ Muses-12T กับรายละเอียดต่างเกี่ยวกับ DSP for Accuris Subwoofer

ขอเริ่มที่ spec Muses-12S และ Muses-12T ครับ

Muses-12S Specification

Cabinet Type: Sealed Box Speaker
Driver: 12" Ultra Low Distortion, Aramid Fiber Spider, and Black Anodized Aluminum Cone
          14 mm Long Stroke, Triple Shorting Ring Motor
Group Delay: Less than 8 ms
Nominal Impedance: 4 Ohm
Power Handling: 400 W RMS/750 W Peak @ 4 Ohm
Sensitivity: 89 dB/2.83V @ 1 m
Peak SPL: 112 dB@ 60 Hz, 106 dB@ 30 Hz
Power Requirement: Min 300 w RMS/Ch @ 4 Ohm
Dimension: W x H x D - 43 x 43 x 58 cm


Muses-12T Specification

Cabinet Type: Dual Separate Sealed Box Speaker (DSS)
Driver: Two-12" Ultra Low Distortion, Aramid Fiber Spider, and Black Anodized Aluminum Cone
          14 mm Long Stroke, Triple Shorting Ring Motor
Group Delay: Less than 8 ms
Nominal Impedance: 4 Ohm Per Speaker (8 Ohm Series Connection)
Power Handling: 800 W RMS/1500 W Peak @ 8 Ohm (Series Connection)
Sensitivity: 92 dB/2.83V @ 1 m
Peak SPL: 118 dB@ 60 Hz, 112 dB@ 30 Hz
Power Requirement: Min 500 w RMS/Ch @ 8 Ohm
Dimension: W x H x D - 43 x 82 x 58 cm