หัวข้อ: แผ่น audio file ถ้าใช้คอมพ์ เขียนใหม่ มิติของเสียงจะผิดไปไหมครับ

[xthaix]

เสียงแตกต่างแน่นอนครับ ผมลองมาหลายเหมือนกัน ...แต่ถือว่าโชคดีครับ ที่ฟังไม่ออก.. แบบนี้ มีความสุขได้โดยใช้งบประมาณต่ำครับ 

[ต่าย ติดหลอด]

ผมขออนุญาตไม่อ้างถึงทฤษฎีนะครับ  ว่ากันที่เรื่องเสียงเลยครับ สำหรับผม ผมว่าไม่ต่างกันจนสามารถฟังออกได้  (ผมใช้แผ่นของ Sony ไรท์ที่ 12X) 
ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผมขาย CD แผ่นทองไปหลายแผ่น จนได้เงินมาซื้อลำโพง Magnepan ได้ 1 คู่  ก่อนจะขายแผ่นไป ก็ได้ฟังเปรียบเทียบ จนมั่นใจแล้วว่าผมไม่ได้ตัดสินใจผิด 

ชุดอ้างอิง  CD Micromega Stage2 , Viola SE3 , Kotch 2050 , Proac T50 , Totem Model 1  ส่วนสายต่างๆ ก็เป็นของ Brand Name ทั้งนั้นครับ

เงื่อนไขการทดลองฟังเปรียบเทียบ  ผมให้ภรรยาผม เป็นคนใส่แผ่น CD โดยที่ผมไม่รู้ว่าเป็นแผ่นแท้ หรือ แผ่น Copy   ผมฟังแล้วไม่สามารถบอกได้ว่าต่างกันอย่างไรครับ  (หรือผมอาจจะหูไม่ถึงก็ได้ครับ) 

อย่างไรก็แล้วแต่ มันเป็นคุณค่าทางจิตใจครับ ถ้าคุณจะมีแผ่นที่คุณชื่นชอบ เป็นแผ่นแท้ไว้สะสม และก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนศิลปินที่คุณชื่นชอบด้วยครับ 

[TubeCooking]

ในการอ่านข้อมูลดิจิตอลของCD หากข้อมูลมีความผิดพลาด ระบบแรกที่จะเข้าไปจัดการคือการทำ error correction ครับ

ซึ่งมันจะพยายาม"เดา" ค่าที่ขาดหายไปว่าควรจะเป็นอะไรกันแน่ เพราะการอ่านใหม่มันชักช้าครับ   

หาก"เดา"แล้วยังไม่ไหวทีนี้ก็จะสั่งให้อ่านใหม่

การเดาข้อมูลไฟล์เสียงถือว่ายากเย็นกว่าการเดาข้อมูลอื่นๆ เช่นโปรแกรม  เพราะบางทีเราเขียนโปรแกรมยังเว้นช่องว่างเต็มไปหมด

เพื่อให้ง่ายดายต่อการเขียน  แต่เพลงนี่ข้อมูลต่อเนื่องตลอดไม่มีช่องว่างเลย 

แล้วถึง"เดา"ได้ใกล้เคียงแค่ไหน บางครั้งมันก็ยังไม่ใช่ค่าจริงอยู่ดี  ไฟล์เพลงถึงต้องการข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

ตามที่เข้าใจผมคิดว่า โปรแกรมจะเดาจากบิตข้อมูลที่อยู่รายรอบ หรือข้อมูลที่อยู่ใกล้เคียง ทีนี้การเดาน่าจะควบคู่ไปกับการเดาให้ถูกในเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก ซึ่งเป็นกลไกและแนวคิดการเดาที่จะต้องแม่นยำ ถ้าเดาไม่ได้ หรือเดาแล้วความถูกต้องอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำ คงจะแสดงเป็นรูปแบบอื่นๆ หรือแสดงข้อความแจ้งอื่นๆ หรือข้ามไป

แต่ที่นี้คิดว่า ผู้ตั้งกระทู้และหลายคน (รวมตัวผมเองด้วย) คงสงสัยว่า ถ้าเอากรณีเฉพาะ "ก๊อปปี้แบบบิต ต่อ บิต" จากแผ่นต้นฉบับไปแผ่นสำเนา มิติเสียงจะผิดไหม เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน และหลายคนก็คงจะสงสัย เช่นเดียวกัน ในเมื่อ มัน 1 กับ 0 ในต้นฉบับ กับ 1 กับ 0 ในแผ่นสำเนา ก็เมือนกันอีกเหมือนกัน ต่างที่ผลิตจากโรงงาน กับผลิตในบ้าน และการเกิดมาของดิจัตัล ก็ชูโรงมาเลย ว่ามีความถูกต้องและความแม่นยำสูง

ผมคิดว่าการเปรียบเทียบแบบนี้ คงจะติดด้วยเงื่อนไขหลายแบบ เช่น คุณภาพแผ่น CD-R แต่ก็คิดอีกว่า แล้วถ้าเอา CD-R ที่มีคุณภาพที่สุดในท้องตลาดล่ะ ตอนนี้คิดในใจว่า ตัวแปรที่สำคัญในเรื่องคุณภาพเสียง หากสำเนาแบบบิตต่อบิต แล้วน่าจะอยู่ที่คุณภาพของแผ่น CD-R และเครื่องอ่านที่ใช้กับการอ่านแผ่น CD-R มากกว่า

ปล.อีกนิด ยิ่งเขียนเหมือนยิ่งทวนความรู้สมัยยังเรียนอยู่ จำได้ว่าในหลักการดิจิตัลมีวิธีเปรียบเทียบ ข้อมูลต้นฉบับ กับข้อมูลสำเนา ว่าต้องเหมือนกันหมดไม่พลาดแม้บิตเดียว ถ้าไม่ตรงกันแม้แต่บิตเดียวตำแหน่งเดียว จากจำนวน ล้านๆบิต ก็จะรู้ได้ทันที เดี๋ยวขอค้นข้อมูลก่อน (ปล. ผมอาจจะจำผิดก็ได้)

[ohm]

หมายเหตุ ในเรื่องข้อมูลคอมพิวเตอร์ จะมีโปรเซสแก้ไขข้อผิดพลาดจากข้อมูล มักจะเป็น การแก้ไขด้วยวิธีทำซ้ำ เช่น อ่านใหม่อีกรอบ หรือส่งใหม่อีกรอบ หากไม่สำเร็จจะแจ้งเป็น error ไปเลย ไม่งั้น 'ก' ที่ผมพิมพ์ลงไป
จะกลายไปตัวอักษรอื่น หากผิดเพียงบิตเดียว คิดดูหากเป็นตัวเลขเงินที่ใช้โอนเงินผ่านคอมพิวเตอร์ออนไลน์ทั้งหลาย ในหลักที่เจ็ดละยุ่งตายเลย ผิดถูกประการได้ ขอได้รับคำชี้แนะด้วยครับ

เพราะ sony, phillips  เห็นว่าข้อมูลของCD เพลงไม่ได้ต้องการความถูกต้องเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นครับ ข้อมูลเพี้ยนไปบ้างก็ไม่ถึงกับเสียหายอะไรมาก

ข้อมูลที่มีความสำคัญสูงๆการส่งจะใช้วิธีเข้ารหัส+ส่งไปหลายๆcopy แล้วจับมาเทียบกันดู ถ้ายังน่าสงสัยในความถูกต้องก็ให้ส่งมาใหม่อีก

ขืน CDเพลงทำอย่างนั้นบ้าง ความจุก็อาจลดลง 1/2-1/4 เท่า ใครจะยอมครับ(แต่ก็น่าจะดีถ้าทำอย่างนั้นได้)

[ohm]

ในการอ่านข้อมูลดิจิตอลของCD หากข้อมูลมีความผิดพลาด ระบบแรกที่จะเข้าไปจัดการคือการทำ error correction ครับ

ซึ่งมันจะพยายาม"เดา" ค่าที่ขาดหายไปว่าควรจะเป็นอะไรกันแน่ เพราะการอ่านใหม่มันชักช้าครับ   

หาก"เดา"แล้วยังไม่ไหวทีนี้ก็จะสั่งให้อ่านใหม่

การเดาข้อมูลไฟล์เสียงถือว่ายากเย็นกว่าการเดาข้อมูลอื่นๆ เช่นโปรแกรม  เพราะบางทีเราเขียนโปรแกรมยังเว้นช่องว่างเต็มไปหมด

เพื่อให้ง่ายดายต่อการเขียน  แต่เพลงนี่ข้อมูลต่อเนื่องตลอดไม่มีช่องว่างเลย 

แล้วถึง"เดา"ได้ใกล้เคียงแค่ไหน บางครั้งมันก็ยังไม่ใช่ค่าจริงอยู่ดี  ไฟล์เพลงถึงต้องการข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

[TubeCooking]

ผมแยกเป็นประเด็ดตามความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ แยกประเด็นการพิจารณาได้หลายประเด็น

1) เมื่อเล่นแผ่น audiophile หรือแผ่นสำเนาผ่านเครื่องเล่น
รู้สึกว่าแผ่นเพลง หากเปิดเล่นกับเครื่องเล่น หากมีฝุ่นขนาดเล็กมากๆ แสงเลเซอร์ที่ใช้อ่านข้อมูลบนแผ่นน่าจะสามารถผ่านได้ แต่ถ้าเป็นฝุ่นขนาดใหญ่หรือเป็นรอย เครื่องเล่นอาจจะสะดุด
ซึ่งกระบวนการทำงานของการอ่านแผ่น คงจะข้ามไปได้ ในกรณีหัวอ่านดีๆ แต่จังหวะที่เจอรอยอาจะส่งข้อมูลดิจิตัลไปให้ภาค dac เป็นเสียงตะกุกตะกัก

2) เมื่อเล่นแผ่น audiophile หรือแผ่นสำเนา ผ่านโปรแกรมเล่นเพลงคอมพิวเตอร์  เนื่องจากซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์จะสั่งให้ไดร์ฟอ่านข้อมูล มาเก็บลงในบัฟเฟอร์ในเครื่องก่อน หากพบอุปสรรคในการอ่าน
โปรแกรมจะมีกระบวนการทำงานพยายามข้ามอุปสรรคนั้นไป หรือพยายามสั่งให้ไดร์ฟพยายามอ่านข้อมูลนั้นซ้ำในจำนวนหนึ่ง จนกว่าจะแน่ใจว่าอ่านไม่ได้ จึงแจ้งข้อมูลไปว่า disk error หรือแสดงเสียงตะกุกตะกัก
ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้สร้างโปรแกรมนั้นๆ เข้าใจว่าโปรแกรมแบบนี้มีความฉลาดกว่า(เพราะโปรแกรมได้ และยังอัพเดรสความสามารถได้ ตลอดเวลา) คอมพิวเตอร์จึงเน้นไปที่ความสามารถในการอ่าน แต่ไม่เน้นเรื่องคุณภาพของฮาร์ดแวร์
และเพิ่มเรื่องกระบวนการแก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อให้ผ่านข้อผิดพลาดพ้นไปได้ เหมือนกับของ 1) จะเน้นไปที่คุณภาพของตัวอุปกรณ์เป็นหลัก

3) ต้นฉบับแผ่น audiophile สำเนาผ่านโปรแกรมเล่นเพลงในคอมพิวเตอร์ ความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่าการเบิร์นในลักษณะนี้จะมีผลต่อคุณภาพเสียง ที่ไม่เหมือนต้นฉบับ เนื่องจากโปรเซสของโปรแกรม
สามารถตั้งค่าให้ยกระดับเสียง หรือลดระดับเสียงที่ความถี่ใดๆ ก่อนนำข้อมูลที่ผ่านการทำงานดังกล่าวเบิร์นลงแผ่น เช่น iTune

4) ต้นฉบับแผ่น audiophile สำเนาผ่านโปรแกรมเขียนแผ่น แบบผ่านกระบวนการโปรเซส คล้ายๆกับข้อ 3) ไม่ว่าจะเป็น Nero มีโปรเซสที่ไปปรุงแต่งเสียง หากผู้ใช้เลือกการสำเนาแผ่นที่เป็น CD Audio

5) ต้นฉบับแผ่น audiophile สำเนาผ่านโปรแกรมเขียนแผ่นแบบบิตต่อบิต ผมว่าแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ชวนสงสัยอยู่พอควร ว่าในวงการคอมพิวเตอร์ผิดพลาดเพียงบิตเดียว ยอมกันไม่(ค่อย)ได้
กรณีเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่ข้อมูลเพลง เข้าใจว่าก็สามารถทำให้การสำเนาข้อมูลตรงต้นฉบับให้ได้ ผมเคยใช้โปรแกรมเบิร์นไม่ว่าจะเป็น Nero หรือ Toast หลังจากเบิร์นเสร็จแล้ว สามารถให้ทำการ Verify
หรือตรวจสอบระหว่างต้นฉบับกับสำเนา ว่าตรงกันหรือไม่ อันนี้ผมก็สงสัยเหมือนหลายคน ถ้าเราเลือกแผ่น CD-R ที่คุณภาพดีๆ แล้วสำเนาแบบบิตต่อบิต จะเป็นอย่างไร

6) ต้นฉบับแผ่น audiophile ที่ถูกเข้ารหัสเป็นไฟล์คอมพิวเตอร์ แล้วนำไปเขียนบนแผ่น แบบนี้ยังไงคงไม่เหมือนต้นฉบับ เนื่องจากการเข้ารหัสต้องผ่านกระบวนการตัดสินใจ การลดรูป(ขนาด) และอะไรอีกหลายอย่าง
ตามแต่เจตนาของมาตรฐานไฟล์ที่ใช้ เช่น โปรเซส ที่ให้ได้ไฟล์นามสกุล mp3 ก็ต่างกับ ogg แน่นอน และไม่เหมือนต้นฉบับแน่นอนอีกเช่นกัน

หมายเหตุ ในเรื่องข้อมูลคอมพิวเตอร์ จะมีโปรเซสแก้ไขข้อผิดพลาดจากข้อมูล มักจะเป็น การแก้ไขด้วยวิธีทำซ้ำ เช่น อ่านใหม่อีกรอบ หรือส่งใหม่อีกรอบ หากไม่สำเร็จจะแจ้งเป็น error ไปเลย ไม่งั้น 'ก' ที่ผมพิมพ์ลงไป
จะกลายไปตัวอักษรอื่น หากผิดเพียงบิตเดียว คิดดูหากเป็นตัวเลขเงินที่ใช้โอนเงินผ่านคอมพิวเตอร์ออนไลน์ทั้งหลาย ในหลักที่เจ็ดละยุ่งตายเลย ผิดถูกประการได้ ขอได้รับคำชี้แนะด้วยครับ

[แซม]

:)ใครเคยเห็นของ KODAK (แผ่นทอง) ขายที่ไหนบ้างครับ ตัวนี้ผลิตจากโรงงานเกรดปานกลางครับ

คงหายากแล้วครับ ผมเหมาไปเกือบ 20 กล่อง หมดพอดี ในนั้นมีแผ่นแตกรวมอยู่ด้วย 1 แผ่น เจอกล่องเดียวครับนอกนั้นดีหมด เขาบอกว่าข้อมูลจะอยู่ได้ 200 ปี ครับ เป็นแผ่นทอง 24K แท้ครับ 

แผ่นที่ว่าแผ่นนี้หรือปล่าวครับผมเคยซื้อมาพร้อมกับเครื่องเขียนCD EXTERNAL เขียนได้ 1X ซื้อมาตอนนั้นรู้ว่าแพงมากเมื่อ10กว่าปีที่แล้ว
จำได้ได้เขียนยังไม่หมดเหลือหลายสิบแผ่น ไปค้นมาเขียนดีกว่า

รุ่นหลังสุดเลยครับ รุ่นนี้เป็นรุ่นก่อนผม หน้าตาคล้ายๆกันครับ ของผมเขียนได้ถึง 12 X ครับ ตอนนั้นก็ซื้อมาแพงเหมือนกันครับ

[xthaix]

โปรแกรม EAC เองเวลาเราดึงข้อมูลจากแผ่นเสร็จมันจะแจ้งว่า ได้ Peak level เท่าไหร่ Range quality เท่าไหร่ ครับ ยกตัวอย่างแผ่นนี้

EAC extraction logfile from 12. October 2007, 11:53 for CD
Minnesota Orchestra / Exotic Dances from the Opera

Used drive  : PLEXTOR DVDR   PX-750A   Adapter: 3  ID: 0
Read mode   : Secure with NO C2, accurate stream, disable cache
Read offset correction : 112
Overread into Lead-In and Lead-Out : No

Used output format : Internal WAV Routines
                     44.100 Hz; 16 Bit; Stereo
                     Use compression offset : 2257

Other options      :
    Fill up missing offset samples with silence : Yes
    Delete leading and trailing silent blocks : No
    Installed external ASPI interface


Range status and errors
Selected range
     Filename E:\Minnesota Orchestra - Exotic Dances from the Opera.wav

     Peak level 98.9 %
     Range quality 100.0 %
     CRC 8D24F56F
     Copy OK

No errors occured

End of status report

[pisit]

ที่จริง ถึงตอนนี้ผมยังเชื่อว่า กอปปีได้เท่ากัน 100 เปอร์เซนต์ ไม่งั้นโปรแกรมแผ่นกอปใช้ติดตั้งไม่ได้แน่นอน
แต่จากที่อ่านมา มีเรื่องน่าสงสัย และน่าทดสอบตามที่คุณ dash07 แนะนำ

การเล่นกลับอาจจะได้ผลต่างกัน เพราะขบวนการอ่านการแปลงของแต่ละเครื่องเล่นต่างกัน

คุณภาพของแผ่นแตกต่างกัน

งง งงดีครับ

 

[dash07]

รบกวนผู้ที่บอกว่าทดลอง copy จากแผ่นแท้ ลองนำ แผ่นแท้และแผ่น copy มาเปิดด้วย
computer ด้วย cd rom 2 เครื่อง และใช้โปรแกรมที่มีความสามารถ compare แผ่นต่อแผ่นดูก็ดีครับ

หรือถ้ามี drive cd rom ตัวเดียว ก็ลองทำตามขั้นตอนนี้ครับ
A. copy disc to disc จากแผ่น master โดยใช้การ Burn image จะได้ file iso หรือ nrg มา
B. copy disc to disc จากแผ่น copy โดยใช้การ Burn image จะได้ file iso หรือ nrg มาเช่นกัน
C. นำ file ที่ได้จาก A และ B มาเปรียบเทียบกัน ว่าเหมือนกันทุก byte หรือ bit หรือเปล่า
ตามความเห็นของผม ถ้าในขั้น C มีความถูกต้อง 100% แปลความได้ว่า
การอ่านและเขียน จาก computer ให้ความถูกต้อง 100%
แต่อ่านยากกว่า หรือง่ายกว่า อันนี้ตอบได้เลยว่า แผ่นที่ copy ด้วย comp อ่านยากกว่า แผ่นแท้ที่ปั้มจากโรงงาน แน่นอนครับ
ส่วนในเรื่องการอ่านแบบ streaming จาก cd master หรือ cd copy ด้วยเครื่องเล่น cd ผมไม่มีความรู้ครับว่า จะเหมือนกันหรือไม่

[silicon]

เท่าที่ผมได้อ่านกระทู้มา ผมว่าน่าจะเข้าใจกระบวนการผิดไปในบางจุดหรือเปล่าครับ
การ copy แผ่น ต่อ แผ่น จะเหมือนกันทุกประการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ข้อมูลได้มีการสูญหายไปตอนไหน และมีการใช้ error corection ตอนไหนบ้าง ขั้นตอน
A. อ่านข้อมูลจาก แผ่น audio file (audiophile) มาเก็บไว้ในรูปของ bit (0,1)
B. รวบรวม bit ทั้งหมดให้อยู่ใน file เดียว เช่น iso , nrg เป็นต้น
C. ใช้ error corection ว่า A และ B เหมือนกันหรือไม่ (ตรงนี้ไม่เคยเห็นว่ามีการผิดพลาด)
D. เขียน แผ่น CD ใหม่ ที่มาจาก B  << ตรงขั้นตอนนี้แหละ ที่อาจมีการผิดพลาดได้ แต่จากที่มีความรู้มาผมไม่เห็นว่ามันผิดไปนะครับ
เพราะปกติมันก็มีการใช้  error corection ตอนเขียนเช่นกัน

มาถึงประเด็นถัดมาที่ว่า ถ้ามีการ loss ที่ D. นั้น แผ่น copy นั้นจะไม่มีปัญหาถ้าเป็น แผ่นโปรแกรม แต่จะมีปัญหาที่แผ่น audiophile นั้นไม่น่าจะมีผลถ้าอ่านจาก computer
เพราะการอ่านของ computer จาก cd นั้น มีการใช้ error corection อ่านซ้ำจนถูกต้องเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นโปรแกรม หรือ audiophile
ซึ่งจริงๆแล้วทั้งหมดก็อยู่ในรูปของ 0,1 เท่านั้น ไม่มีการแยกจากกัน ตัวโปรแกรมอื่นๆเท่านั้นที่จะทำการแยกเองว่าเป็นข้อมูลของอะไร
ดังนั้นการที่เสียงของแผ่นแท้ และแผ่น copy เสียงต่างกันนั้น ควรจะเป็นผลของการอ่านข้อมูล จากตัวเครื่องเล่นเองมากกว่า ว่าอ่านข้อมูลได้ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เพราะถึงแม้อ่านแผ่น copy ได้ไม่ถูกต้องแต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ก็ยังเล่นเสียงออกมาได้
มิใช่อยู่ในส่วนของการเขียนแผ่น copy เพราะเมื่อเอาแผ่น master และ แผ่น copy มา check แบบ bit ต่อ bit ใน computer อย่างไรมันก็เหมือนกัน 100%
ผิดถูกประการใด ท้วงติงไ้ด้ครับ 

เห็นด้วยครับ

ผมเคยลองเอาแผ่น CD Audio มา DUP แล้ว DUP อีกต่อๆ กันไป ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 3 ชุด (แผ่นต้นฉบับ -> A, A -> B, B -> C, C -> D) แล้วนำ แผ่นต้นฉบับ กับแผ่นสุดท้าย (แผ่น D)  RIP ออกมาเป็น WAV ไฟล์ นำมา compare กันก็เหมือนกัน 100% ใช้แผ่น pinco ธรรมดา

[wmm]

  งงเหมือนกันบิตต่อบิต copyเอามาหมดแล้วมันเสียงต่างกันได้ยังไง แต่มันต่างนะครับถ้าฟังดีๆ
ผมเคยcopy จากแผ่นแท้มาเป็นแผ่นcopyเสียงด็อปลงไปนิด อาจเป็นขั้นตอนการเขียนอาจมีการข้าม
เอาไปไม่หมด แต่ผมว่านะ คิดลึกๆถึงมันอ่านแล้วcopyมา บิตต่อบิตก็จริงแต่มันน่าจะมีการเข้ารหัสของไฟล์ไว้
copyอาจจะเอามาหมดแต่การเข้ารหัสของไฟล์ออดิโออาจไม่เหมือนหรือมีการข้ามบางส่วนที่เอามาไม่ได้
ไม่งั้น ระหว่างเราเอาแผ่น CD ธรรมดากับเอาแผ่นCDR AUDIO copy แผ่นเสียงมันยังแตกต่างกันเลย
ยิ่งถ้าcopy จาก แผ่นแท้--->แผ่นCDR AUDIO ----->CDRธรรมดาเสียงต่างกันกับแผ่นแท้มาก
คือมีการลดคุณภาพลงเรื่อยๆทุกครั้งที่มีการcopyต่อเป็นทอดๆ

แล้วทำไมล่ะ ? ในเมื่อcopy มาได้ บิตต่อบิต เป็น 010101010 ตลอดทำไมเสียงไม่เหมือนเดิม

แต่แผ่นแท้ใช้ใช้วิธีเอาไฟต้นแบบแล้วบั๊มดั๊มครั้งเดียวเลย สงสัยแบบนั้นไฟล์ถึงมีคุณภาพเหมือนเดิมตลอด

แต่ผมเคยเอาไฟล์ที่copy ออกจากcdแท้ แล้วเอามาปรับแต่งในโปรแกรมแต่งไฟล์wave เราสามารถเพิ่มลดเสียง
ได้ตามต้องการรวมทั้งบรรยากาศ ที่เราอยากให้เป็นตามแบบที่เราชอบ เราจะได้เพลงดีๆเพราะตามแบบเราเอง

แต่ทั้งหมดแต่เล่ามาสรุปแล้วผมว่าเอาเหอะยังไงก็copyเค้ามา แผ่นcopy ก็ต้องเป็นแผ่นcopy วันยังค่ำเสียงเหมือน
หรือต่างนิดหน่อยก็ทนเอาเพราะเราcopy เค้ามา

[อันดามัน]

  ผมสงสัยครับ..เขาฟังกันอย่างไรครับว่ามันแตกต่าง ผมเคยเอาหูฟังแบบครอบหูมิดชิดชนิดดี(ยืมเขามา) มาทดลองแบบ A,B ฟังเพลงเดียวกันที่คุ้นหูและชอบฟังบ่อยที่สุด พยามฟังพวกปลายเสียง มิติ แฮะๆ หูผมจับผิดไม่ได้ครับ หรือว่าผมแก่ประสาทหูเสื่อมแล้ว...

[dash07]

เท่าที่ผมได้อ่านกระทู้มา ผมว่าน่าจะเข้าใจกระบวนการผิดไปในบางจุดหรือเปล่าครับ
การ copy แผ่น ต่อ แผ่น จะเหมือนกันทุกประการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า ข้อมูลได้มีการสูญหายไปตอนไหน และมีการใช้ error corection ตอนไหนบ้าง ขั้นตอน
A. อ่านข้อมูลจาก แผ่น audio file (audiophile) มาเก็บไว้ในรูปของ bit (0,1)
B. รวบรวม bit ทั้งหมดให้อยู่ใน file เดียว เช่น iso , nrg เป็นต้น
C. ใช้ error corection ว่า A และ B เหมือนกันหรือไม่ (ตรงนี้ไม่เคยเห็นว่ามีการผิดพลาด)
D. เขียน แผ่น CD ใหม่ ที่มาจาก B  << ตรงขั้นตอนนี้แหละ ที่อาจมีการผิดพลาดได้ แต่จากที่มีความรู้มาผมไม่เห็นว่ามันผิดไปนะครับ
เพราะปกติมันก็มีการใช้  error corection ตอนเขียนเช่นกัน

มาถึงประเด็นถัดมาที่ว่า ถ้ามีการ loss ที่ D. นั้น แผ่น copy นั้นจะไม่มีปัญหาถ้าเป็น แผ่นโปรแกรม แต่จะมีปัญหาที่แผ่น audiophile นั้นไม่น่าจะมีผลถ้าอ่านจาก computer
เพราะการอ่านของ computer จาก cd นั้น มีการใช้ error corection อ่านซ้ำจนถูกต้องเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นโปรแกรม หรือ audiophile
ซึ่งจริงๆแล้วทั้งหมดก็อยู่ในรูปของ 0,1 เท่านั้น ไม่มีการแยกจากกัน ตัวโปรแกรมอื่นๆเท่านั้นที่จะทำการแยกเองว่าเป็นข้อมูลของอะไร
ดังนั้นการที่เสียงของแผ่นแท้ และแผ่น copy เสียงต่างกันนั้น ควรจะเป็นผลของการอ่านข้อมูล จากตัวเครื่องเล่นเองมากกว่า ว่าอ่านข้อมูลได้ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เพราะถึงแม้อ่านแผ่น copy ได้ไม่ถูกต้องแต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ก็ยังเล่นเสียงออกมาได้
มิใช่อยู่ในส่วนของการเขียนแผ่น copy เพราะเมื่อเอาแผ่น master และ แผ่น copy มา check แบบ bit ต่อ bit ใน computer อย่างไรมันก็เหมือนกัน 100%
ผิดถูกประการใด ท้วงติงไ้ด้ครับ 

[ลำน้ำ]

ได้ความรู้ ดีมากเลยครับ ถูกผิดอ่านแล้ว ตัดสินกันเองครับ ผมอ่านแล้วก็ได้ประเด็นเอามาคิดเป็นการบ้าน หลายอย่างครับ

สำหรับผมแล้ว ผมมองประเด็น เรื่องทางกลครับ ในการ write แผ่นนั้น จะต้องมีการหมุนของแผ่น ซึ่งต้องเป็นการหมุนแบบ รักษาความเร็วเชิงเส้นให้คงที่ (ต่างจากแผ่นเสียงที่ต้องรักษาความเร็วเชิงมุมให้คงที่) และการหมุนนั้น จะต้องใช้เป็น stepping mortor ซึ่งผมเชื่อว่า จะต้องมีความผิดพลาดอยู่บ้าง (เครื่องแพงๆ จึงเสียงต่างจากถูก)  แต่การอัดแผ่นจริง ไม่มีการหมุนของแผ่น (ผมก็เพิ่งรู้จากกระทู้นี้เอง) ทำให้ลดความผิดพลาดจากจุดนี้ไปได้ และการ write ด้วยความเร็วที่ต่ำที่สุด ส่วนนึงก็น่าจะเป็นการลดความผิดพลาดของการหมุนนี้ด้วย

[pisit]

ยังมีหลายท่านยังติดกับดักติจิตัล
ต้องอย่าลืมว่าในโลกความเป็นจริงไม่มีอะไรเป็นดิจิตัล สื่อบันทึกข้อมูลประเภท CDR ก็เช่นกัน
ในเนื้อวัสดุที่ไม่สมบูรณ์ถ้าค่า 1 ที่บันทึกลงไปมันไม่ตรงกับ 1 จริงๆ แล้วตอนอ่าน
มันจะแปลความว่าเป็น 0 หรือ 1 ดีละครับ
ดังนั้นในระบบคอมฯเขาจึงมีระบบการตรวจสอบความผิดพลาด การอ่านทวนซ้ำ
... คล้ายๆกับเลขตัวสุดท้ายของเลขบัตรประชาชน หรือตัวสุดท้ายของเลขที่บัญชีธนาคาร
ที่มีไว้ป้องกันการป้อนข้อมูลผิดนั่นแหละครับ

แต่การทำงานในลักษณะของเครื่องเล่นซีดีมันทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ ข้อมูลที่อ่านได้ต้องถูกส่งไปทันทีอย่างต่อเนื่อง
ผิดถูกอย่างไร แด็คก็ต้องแปลความไปตามนั้น

1.ทุกครั้งที่มีการ ก๊อปปี้ข้อมูล ข้อมูลจะสูญเสียไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าก๊อปปี้แบบแผ่นต่อแผ่น หรือก๊อปปี้ไฟล์ลงฮาร์ดดิสต์ หรือจากฮาร์ดดิสต์ทำเป็นซีดีออดิโอ ล้วนแต่สูญเสียไฟล์บางส่วนไปจากการไรท์ แต่การสูญเสียไม่ได้ทำใ้คุณภาพหายไปทั้งหมด เพราะการอ่านไฟล์เป็นการสุ่มอ่านข้อมูล

คลาดเคลื่อนนิดหน่อยครับ
การเข้าถึงข้อมูลมีสองลักษณะใหญ่ๆครับ sequential access กับ random access
(ที่จริงยังมีลักษณะอื่นอีก แต่ขี้เกียจรื้อฟื้นตำราครับ)

sequential access เป็นการเข้าถึงตามลำดับ เช่นจะไปหาสาวบ้านท้ายซอยก็ต้องเดินจากต้นซอยเข้าไป ผ่านทีละบ้าน
สื่อจำพวกนี้ก็เช่น เทป

random access เป็นการเข้าถึงแบบสุ่ม หมายความว่าสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ต้องการได้ทันที
เช่น โดดร่มลงหน้าบ้านสาวได้เลย สื่อจำพวกนี้ก็เช่น  harddisk, CD, DVD, diskette,...
ไม่ได้หมายถึงการสุ่มแบบสถิติที่เอาข้อมูลบางส่วนไปประมาณการหาข้อมูลทั้งหมดครับ

 

ขอบคุณมากครับ

เดี๋ยวไปถามเวนเดอร์ต่อ สงสัย   

[santi]

1.ทุกครั้งที่มีการ ก๊อปปี้ข้อมูล ข้อมูลจะสูญเสียไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าก๊อปปี้แบบแผ่นต่อแผ่น หรือก๊อปปี้ไฟล์ลงฮาร์ดดิสต์ หรือจากฮาร์ดดิสต์ทำเป็นซีดีออดิโอ ล้วนแต่สูญเสียไฟล์บางส่วนไปจากการไรท์ แต่การสูญเสียไม่ได้ทำใ้คุณภาพหายไปทั้งหมด เพราะการอ่านไฟล์เป็นการสุ่มอ่านข้อมูล

คลาดเคลื่อนนิดหน่อยครับ
การเข้าถึงข้อมูลมีสองลักษณะใหญ่ๆครับ sequential access กับ random access
(ที่จริงยังมีลักษณะอื่นอีก แต่ขี้เกียจรื้อฟื้นตำราครับ)

sequential access เป็นการเข้าถึงตามลำดับ เช่นจะไปหาสาวบ้านท้ายซอยก็ต้องเดินจากต้นซอยเข้าไป ผ่านทีละบ้าน
สื่อจำพวกนี้ก็เช่น เทป

random access เป็นการเข้าถึงแบบสุ่ม หมายความว่าสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ต้องการได้ทันที
เช่น โดดร่มลงหน้าบ้านสาวได้เลย สื่อจำพวกนี้ก็เช่น  harddisk, CD, DVD, diskette,...
ไม่ได้หมายถึงการสุ่มแบบสถิติที่เอาข้อมูลบางส่วนไปประมาณการหาข้อมูลทั้งหมดครับ

 

[santi]

  ยังมีหลายท่านยังติดกับดักติจิตัล
ต้องอย่าลืมว่าในโลกความเป็นจริงไม่มีอะไรเป็นดิจิตัล สื่อบันทึกข้อมูลประเภท CDR ก็เช่นกัน
ในเนื้อวัสดุที่ไม่สมบูรณ์ถ้าค่า 1 ที่บันทึกลงไปมันไม่ตรงกับ 1 จริงๆ แล้วตอนอ่าน
มันจะแปลความว่าเป็น 0 หรือ 1 ดีละครับ
ดังนั้นในระบบคอมฯเขาจึงมีระบบการตรวจสอบความผิดพลาด การอ่านทวนซ้ำ
... คล้ายๆกับเลขตัวสุดท้ายของเลขบัตรประชาชน หรือตัวสุดท้ายของเลขที่บัญชีธนาคาร
ที่มีไว้ป้องกันการป้อนข้อมูลผิดนั่นแหละครับ

แต่การทำงานในลักษณะของเครื่องเล่นซีดีมันทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ ข้อมูลที่อ่านได้ต้องถูกส่งไปทันทีอย่างต่อเนื่อง
ผิดถูกอย่างไร แด็คก็ต้องแปลความไปตามนั้น

[Night_Angel]

มันมีวิธีปรับแต่ง EAC ให้copy ได้เทียบเท่าต้นฉบับ แต่เซตวุ่นวายเอาเรื่อง ลองหาดูนะครับ ใน help ของมันก็มี

[AMP150]

การไรท์ ต่อให้ไรท์อย่างไร ก็เสียงแย่ลงครับ เพราะเป็นการแปลงข้อมูลหลายชั้น ไม่ใช่ตรงๆ เหมือนข้อมูลตัวหนังสือครับ สังเกตง่ายๆ พื้นที่ที่ใช้ในการเขียน เทียบกับแผ่นแท้ จะน้อยกว่าเห็นๆ เคยมีเครื่องยามาฮ่าที่ไรท์ได้ใกล้เคียงแผ่นแท้ แต่เลิกผลิตไปแล้ว รุ่น cd1 อะไรเนี่ยแหละ ส่วนแผ่นไรท์ที่แนะนำ คือ ทีดีเค รุ่นธรรมดา ก็ได้เสียงที่ดีครับ โซนี่จัดไปหน่อย มิตซูออกแนวนุ่ม ส่วนปริ้นโก้ เอาไว้ไรท์คลิปเสียวแจกอย่างเดียว 3เดือนพัง

[paganini]

1.ทุกครั้งที่มีการ ก๊อปปี้ข้อมูล ข้อมูลจะสูญเสียไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าก๊อปปี้แบบแผ่นต่อแผ่น หรือก๊อปปี้ไฟล์ลงฮาร์ดดิสต์ หรือจากฮาร์ดดิสต์ทำเป็นซีดีออดิโอ ล้วนแต่สูญเสียไฟล์บางส่วนไปจากการไรท์ แต่การสูญเสียไม่ได้ทำใ้คุณภาพหายไปทั้งหมด เพราะการอ่านไฟล์เป็นการสุ่มอ่านข้อมูล

2.โปรแกรมในการก๊อปปี้ มีส่วนต่อคุณภาพเสียงอย่างแน่นอน รวมถึงความเร็วในการไรท์ ยิ่งต่ำเท่าไหร่ยิ่งดี

3.คุณภาพแผ่นที่นำมาไรท์มีส่วนสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ทั้งจากการบันทึก และการอ่านสำหรับเครื่องเล่น

4.TDK Audio, Mitsubishi Phono ผมเคยลองทดสอบการบันทึกเพลง โดยเทียบกับแผ่นซีดีเรคคอร์ดธรรมดา โดยเงื่อนไขในการบันทึกเหมือนกันทุกประการ ทั้งนี้ได้เลือกเวลาบันทึกในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟในบ้านน้อยที่สุด แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ (iMac) ใช้สายไฟออดิโอเกรดในการเชื่อมต่อไฟฟ้า เมื่อบันทึกแล้ว พบว่าแผ่นแต่ละแผ่นเมื่อเทียบกันแล้ว มีผลต่อเสียงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังได้ลองบันทึกแผ่นที่มีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ผลก็คือแผ่นที่บันทึกตอนใช้ไฟมาก มีผลต่อเสียงแย่ลงชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วน TDK Audio, Mitsubishi Phono ผมเทคะแนนเรื่องคววามเนียนของเสียงและเสียงโดยรวมเอนไปที่ Mitsu เล็กน้อย แต่ด้านความคมชัด TDK นั้นทำได้ดีทีเดียว ช่วงเสียงเบส และเสียงกลางอาจจะจับยาก แต่เสียงแหลมนั้น เป็นเสียงที่ทำให้ได้ยินความแตกต่างอย่างชัดเจน และที่สำคัญบรรยากาศของเพลงในแต่ละแผ่นก็แตกต่างกัน

แผ่นซีดี MOBILE FIDELITY - ULTRADISC 24K GOLD CD-R ผมกำลังหาโอกาสทดสอบต่อไปครับ

[ohm]

โปรแกรมมันสั่งยังไงก็ทำไปอย่างนั้นนี่ครับ  หากคุณเอาข้อมูลมาให้โปรแกรมได้ 100%  แล้วสั่งให้เขียนลงไปตรงๆ(บางโปรแกรมอาจมีการใส่ข้อมูลชดเชยความเพี้ยนในระบบซึ่งอันนั้นไม่นับ)  หากเครื่องเขียนคุณเขียนได้ 100% คุณถึงจะได้ตัวก๊อบปี้ 100%(แต่จริงๆทำไม่ได้)

ในกรณีแบคอัพด้วยสื่ออย่างอื่นอย่างฮาร์ดดิส ด้วยความที่กลไกปิดผนึกไม่ต้องเอาแผ่นเข้าออก  ทำออกมาให้ดีก็ยังขายได้ราคาสูง
กลไกจึงดีกว่าdrive CD ความเพี้ยนในการอ่านข้อมูลจึงน้อยกว่า drive CD มากครับ  แต่ในเมื่อไฟล์ต้นฉบับอยู่ใน CD ก็หลีกหนีความเพี้ยนในการอ่าน,เขียน CD ไม่พ้น

นอกจากคุณจะได้ file ต้นฉบับที่เอาไปปั๊มแผ่นในรูปฮาร์ดดิสมาไรท์แผ่น อันนั้นคงใกล้เคียงได้สุดๆ

อย่างที่บอกคุณไม่มีทางเอาข้อมูลเข้าไปได้ครบ 100%  เขียนได้100%

แต่ยังไงถ้าเอาข้อมูลเข้าไปแล้วเล่นกลับเลยผ่านขั้นตอนน้อยลง ข้อมูลก็เพี้ยนน้อยลงแน่

[BANJOB]

บังเอิญช่วงก่อนหน้านี้เล่นบ่อย ต้องบอกว่าต่างครับ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับ

1. ยี่ห้อ และ ประเภทของแผ่น ยี่ห้อเดียวกันแต่ต่างรุ่น โทนเสียงไม่เหมือนกันครับ
2. เรื่องมิติเสียงนี้ไม่แน่ใจครับเพราะไม่ค่อยได้ copy จากต้นฉบับ ส่วนใหญ่จะ download มาในรุป MP3 หรือ WMA แบบ bit rate สูงๆ แล้วมา โมใน SAMPLITUDE เป็น 24bit 48Kz แล้ว เผาแบบ ลดรูปเป็น AUDIO (เป็นการเผาแบบ 24bit ตามต้นฉบับแต่มีการเข้าระหัสเพื่อที่จะให้จำลองเพื่อที่จะให้อยู่ในรูป AUDIO ที่เป็น 16bits เขาบอกว่าคุณภาพยังคงเป็น 24bits เหมือนต้นฉบับ) รายละเอียดดีขึ้น แต่มิติแบนๆ แต่อันนี้ผมว่าเป็นเพราะต้นฉบับเป็น MP3 กับ WMA มากกว่า
3. อันนี้เทียบจากแผ่นที่พวกพี่เรียกว่าแผ่นแม่สาย audiophile ซึ่งผมก็ว่าเสียงดีนะ แต่ด้วยความยากรู้เลยไปซื้อแผ่นแท้มาเทียบ ในแง่ของมิติ แผ่นแท้ กับ แผ่นแม่สาย ความแตกต่างฟังไม่ยากมาก แต่เสียงไม่เหมือนกัน แต่บอกยากว่าอะไรดีกว่ากัน แต่เท่าที่รู้สึกแผ่นแม่สายจะทึบกว่านิดหนึง
4. อันนี้ไม่ยืนยัน แต่เป็นผลจากเปลี่ยนจากปรีทรานซิสเตอร์ มาเป็น Buffer หลอด พบว่ามีความเพี้ยนจากแผ่นแม่สาย บางแผ่นโดยเฉพาะเพลงที่มี Dynamic มากๆ เหมือนมี noise อยู่บาง

[pisit]

ประเด็นที่ผมยังสงสัย คือ การกอปปีระหว่าง แผ่นไปแผ่น

ผมเองก็ไม่รู้ว่า โปรแกรมใหนมันกอปปีแบบ บิต ต่อ บิต ต้นฉบับเป็น 0 ตัวกอปปีก็ต้อง 0 ด้วย

แต่ผมสังเกตจากโปรแกรมที่ผมใช้กอปปีแผ่นที่ผมใช้ติดตั้งโปรแกรม  แผ่นต้นฉบับเก็บไว้ เอาสำเนามาใช้งาน

มันติดตั้งได้ปกติ ถ้ากอปปีได้ไม่เหมือนกัน โปรแกรมก็ควรจะติดตั้งไม่ผ่าน

แต่จริงที่แผ่นสำเนาไม่ค่อยทน ไม่นานก็ลอกหลุด ต้องสำเนาใหม่

ซึ่งผมคิดว่าเครื่องเล่นซีดี สปีดเท่าไรไม่รู้ แต่คงไม่เร็วเหมือนแผ่นเพลง ไม่ได้ใช้สปีดเร็วแบบคอมพิวเตอร์

ขณะที่อ่านข้อมูลจากแผ่นที่เป็นดิจิตอล ต้องไปผ่านขบวนการแปลงให้เป็นเสียง

ตอนนี้ก็แล้วแต่เครื่องเล่น และคุณภาพของแผ่น ความหนาบางของ แผ่นข้อมูล ของแผ่นพลาสติกใส หรืออื่น ๆ

สรุป ผมคิดว่า

ประเด็นที่ 1 ต้นฉบับกับตัวกอปปี มีข้อมูลเหมือนกันหลังการกอปปี 

ประเด็นที่  2 ขบวนการอ่านแปลงเป็นเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องเล่น คุณภาพของแผ่น ทำให้คุณภาพต่างกัน

ช่วยแนะนำด้วยครับ

 

วงจร  error correction ทำงานทั้งการอ่านข้อมูลที่เป็นโปรแกรมครับ ที่แผ่นโปรแกรมมีปัญหาน้อยกว่าแผ่น audio

เพราะ โปรแกรมไม่ได้มีข้อมูลที่ต่อเนื่องกันตลอด เวลาทำzip file จะรู้ว่าถ้าเป็นโปรแกรมจะย่อได้มาก  แต่ถ้า file audio จะย่อได้ไม่เท่าใหร่เลยครับ

แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น  ก็ยังต้องมีวงจร error correction เอาไว้ นั่นเพราะการอ่านข้อมูลไม่มีทางอ่านได้ถูกต้อง 100%

แต่ถ้าข้อมูลเดาง่าย การแก้ไขข้อมูลก็จะทำได้สมบูรณ์  โปรแกรมนั้น ความหนาแน่นของข้อมูลจริงๆไม่สูง error correction แก้ไขได้สบายครับ

แต่กับ flieเสียงมันคนละเรื่องกันเลยครับ  เสียแค่นิดเดียวก็แทบจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเพราะข้อมูลมันจะหายไปมาก 

มองในแง่โปรแกรมไรท์แผ่น จริงครับ ต้นฉบับยังไง copy ก็ได้ยังงั้น  แต่คุณลืมไปว่าตัว hardware มันไม่ได้อ่าน 100% ไม่ได้เขียน 100%   แผ่นไม่ได้เขียนติด 100%   ได้เหมือนโปรแกรมไรท์ครับ

เมื่อมันอ่านมาสมมุติได้สัก 99% ตอนไรท์ได้สัก 99%  พอเอาไปเล่นกลับได้ 99%  ตอนนั้นคุณจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาแค่  97%ครับ

(0.99*0.99*0.99= 0.970299)
 

ขอบคุณมากครับ คุณ ohm

ถามต่อ แล้วทำไมในกรณีโปรแกรมถึงไม่มีปัญหา หรือแม้กระทั่งข้อมูลที่เราแบคอัพไว้

เพราะเท่าที่ผมทราบ ผิด 1 บิต ก็คือผิดความหมายไปเลย   

[xthaix]

TDK XA80 ได้เสียงดีมากจริงครับ แต่แพงไปหน่อย ตอนที่ผมซื้อสมัยนั้น 3X บาท/แผ่น ตอนนี้ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ 
แต่ที่สำคัญ ผมว่า...ถ้ายังไม่มีความพร้อมที่จะไรท์ได้ใกล้เคียงต้นฉบับ ใช้ TDK XA80 ออกจะสิ้นเปลืองไปหน่อยครับ

[SOUNDTUBE]

ลองแผ่น TDK XA80 กันหรือยังครับผมว่าเสียงดีกว่า PHONO R มิตซู อีกนาครับเห็นที่กล่องการันตีว่าเก็บได้100ปีครับ

ลองมาหลายยี่ห้อ TDK  ดีที่สุด

[ohm]

ประเด็นที่ผมยังสงสัย คือ การกอปปีระหว่าง แผ่นไปแผ่น

ผมเองก็ไม่รู้ว่า โปรแกรมใหนมันกอปปีแบบ บิต ต่อ บิต ต้นฉบับเป็น 0 ตัวกอปปีก็ต้อง 0 ด้วย

แต่ผมสังเกตจากโปรแกรมที่ผมใช้กอปปีแผ่นที่ผมใช้ติดตั้งโปรแกรม  แผ่นต้นฉบับเก็บไว้ เอาสำเนามาใช้งาน

มันติดตั้งได้ปกติ ถ้ากอปปีได้ไม่เหมือนกัน โปรแกรมก็ควรจะติดตั้งไม่ผ่าน

แต่จริงที่แผ่นสำเนาไม่ค่อยทน ไม่นานก็ลอกหลุด ต้องสำเนาใหม่

ซึ่งผมคิดว่าเครื่องเล่นซีดี สปีดเท่าไรไม่รู้ แต่คงไม่เร็วเหมือนแผ่นเพลง ไม่ได้ใช้สปีดเร็วแบบคอมพิวเตอร์

ขณะที่อ่านข้อมูลจากแผ่นที่เป็นดิจิตอล ต้องไปผ่านขบวนการแปลงให้เป็นเสียง

ตอนนี้ก็แล้วแต่เครื่องเล่น และคุณภาพของแผ่น ความหนาบางของ แผ่นข้อมูล ของแผ่นพลาสติกใส หรืออื่น ๆ

สรุป ผมคิดว่า

ประเด็นที่ 1 ต้นฉบับกับตัวกอปปี มีข้อมูลเหมือนกันหลังการกอปปี 

ประเด็นที่  2 ขบวนการอ่านแปลงเป็นเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องเล่น คุณภาพของแผ่น ทำให้คุณภาพต่างกัน

ช่วยแนะนำด้วยครับ

 

วงจร  error correction ทำงานทั้งการอ่านข้อมูลที่เป็นโปรแกรมครับ ที่แผ่นโปรแกรมมีปัญหาน้อยกว่าแผ่น audio

เพราะ โปรแกรมไม่ได้มีข้อมูลที่ต่อเนื่องกันตลอด เวลาทำzip file จะรู้ว่าถ้าเป็นโปรแกรมจะย่อได้มาก  แต่ถ้า file audio จะย่อได้ไม่เท่าใหร่เลยครับ

แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น  ก็ยังต้องมีวงจร error correction เอาไว้ นั่นเพราะการอ่านข้อมูลไม่มีทางอ่านได้ถูกต้อง 100%

แต่ถ้าข้อมูลเดาง่าย การแก้ไขข้อมูลก็จะทำได้สมบูรณ์  โปรแกรมนั้น ความหนาแน่นของข้อมูลจริงๆไม่สูง error correction แก้ไขได้สบายครับ

แต่กับ flieเสียงมันคนละเรื่องกันเลยครับ  เสียแค่นิดเดียวก็แทบจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเพราะข้อมูลมันจะหายไปมาก 

มองในแง่โปรแกรมไรท์แผ่น จริงครับ ต้นฉบับยังไง copy ก็ได้ยังงั้น  แต่คุณลืมไปว่าตัว hardware มันไม่ได้อ่าน 100% ไม่ได้เขียน 100%   แผ่นไม่ได้เขียนติด 100%   ได้เหมือนโปรแกรมไรท์ครับ

เมื่อมันอ่านมาสมมุติได้สัก 99% ตอนไรท์ได้สัก 99%  พอเอาไปเล่นกลับได้ 99%  ตอนนั้นคุณจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาแค่  97%ครับ

(0.99*0.99*0.99= 0.970299)
 

[pisit]

ผมเชื่อว่าข้อมูลที่กอปปีจากต้นฉบับไปอีกแผ่นหนึ่ง ข้อมูลจะเหมือนกันครับ

ผมเคยเชื่ออย่างนั้นเหมือนกันครับ เพราะเชื่อมั่นในความรู้ด้านไอทีของตนเอง
จนกระทั่งได้ทดลองและพิสูจน์ถึงได้เปลี่ยนความเชื่อ

ในแง่การคัดลอกข้อมูลยังเชื่อเช่นเดิมครับว่าต้นฉบับและสำเนาเหมือนกันแน่นอน
แต่สำหรับแผ่น CD audio ทั้งกระบวนการคัดลอกและการเล่นกลับมันไม่ได้สมบูรณ์แบบครับ
digital streaming มันไม่สามารถตรวจสอบ/แก้ไขความถูกผิดของข้อมูลในขณะทำงานได้

เอาเป็นว่าลองยอมเสียแผ่น CDR ซักสองแผ่น แผ่นหนึ่งปรินโก้ยอดฮิต อีกแผ่นมิตซูโฟโนอาร์
หรือแผ่นทีดีเค ลองดูครับ

ใช่เลย ที่ผมยังสงสัย ถ้าเรา copy แบบ bit to bit ทำไมถึงได้ไม่เหมือนกัน 

ตอน ป๋ม เรียนมา รหัส digial มันมีแค่ 0 กะ 1  เพื่อถอดรหัส เป็น สัญญาณเสียง

ทีนี้ พอ copy เลขชุดเดียว กัน ทามายเสียงไม่เหมียนกานอ่ะคับ ช่วยบอกทีคับ

ใช่ครับถ้ามันเก็บ 0ิ 1 ได้ครบทุกบิทโดยไม่เพี้ยน มันคงเหมือนกัน  แต่ความเป็นจริงความเพี้ยนในระบบดิจิตอลมีอยู่ทุกที่

การแปลงสัญญาณกลับจริงๆนั้นถ้าไม่มีการแก้ไขความผิดพลาดเลย ฟังไม่ได้ครับ error มันมีอยู่ทุกที่ พอเล่นจริงๆฟังออกแน่นอน

ที่ชัดๆเลยคือ drive CD-ROM รู้ไหมครับทำไมถึงไม่ทำเครื่องเล่น/ไรท์ ให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่  ทั้งๆที่ถ้าทำเร็วกว่านี้ได้คนก็สนใจแน่

ที่เขาไม่ทำก็เพราะด้วยโครงสร้างกลไกแบบปัจจุบัน(จำกัดด้วยขนาดdrive)ทำให้มีความเร็วมากกว่านี้จะมี  error  มากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ครับ
 
เห็นไหมครับว่าในระบบ digital เองใช่ว่าจะปลอดความเพี้ยนนะครับ

ประเด็นที่ผมยังสงสัย คือ การกอปปีระหว่าง แผ่นไปแผ่น

ผมเองก็ไม่รู้ว่า โปรแกรมใหนมันกอปปีแบบ บิต ต่อ บิต ต้นฉบับเป็น 0 ตัวกอปปีก็ต้อง 0 ด้วย

แต่ผมสังเกตจากโปรแกรมที่ผมใช้กอปปีแผ่นที่ผมใช้ติดตั้งโปรแกรม  แผ่นต้นฉบับเก็บไว้ เอาสำเนามาใช้งาน

มันติดตั้งได้ปกติ ถ้ากอปปีได้ไม่เหมือนกัน โปรแกรมก็ควรจะติดตั้งไม่ผ่าน

แต่จริงที่แผ่นสำเนาไม่ค่อยทน ไม่นานก็ลอกหลุด ต้องสำเนาใหม่

ซึ่งผมคิดว่าเครื่องเล่นซีดี สปีดเท่าไรไม่รู้ แต่คงไม่เร็วเหมือนแผ่นเพลง ไม่ได้ใช้สปีดเร็วแบบคอมพิวเตอร์

ขณะที่อ่านข้อมูลจากแผ่นที่เป็นดิจิตอล ต้องไปผ่านขบวนการแปลงให้เป็นเสียง

ตอนนี้ก็แล้วแต่เครื่องเล่น และคุณภาพของแผ่น ความหนาบางของ แผ่นข้อมูล ของแผ่นพลาสติกใส หรืออื่น ๆ

สรุป ผมคิดว่า

ประเด็นที่ 1 ต้นฉบับกับตัวกอปปี มีข้อมูลเหมือนกันหลังการกอปปี 

ประเด็นที่  2 ขบวนการอ่านแปลงเป็นเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องเล่น คุณภาพของแผ่น ทำให้คุณภาพต่างกัน

ช่วยแนะนำด้วยครับ

 

[Earth]

กระทู้ยาวขนาดนี้ยังไม่มีคนแก้ให้เลย
เขียนว่า audiophile ครับ

ถ้าแผ่น audio file คงเป็นแผ่น MP3 นะครับ

ผมอ่านบางกระทู้ ไม่แน่ใจว่าที่นี่หรือปล่าว
เค้าใช้แผ่นสีดำครับ
เท่าที่หาได้ด้านหน้ามันจะเป็นการ์ตูน
คล้ายกับว่าหัวอ่านจะอ่านดีขึ้น
ลองหาดูครับ

[wmm]

:)ใครเคยเห็นของ KODAK (แผ่นทอง) ขายที่ไหนบ้างครับ ตัวนี้ผลิตจากโรงงานเกรดปานกลางครับ

คงหายากแล้วครับ ผมเหมาไปเกือบ 20 กล่อง หมดพอดี ในนั้นมีแผ่นแตกรวมอยู่ด้วย 1 แผ่น เจอกล่องเดียวครับนอกนั้นดีหมด เขาบอกว่าข้อมูลจะอยู่ได้ 200 ปี ครับ เป็นแผ่นทอง 24K แท้ครับ 

แผ่นที่ว่าแผ่นนี้หรือปล่าวครับผมเคยซื้อมาพร้อมกับเครื่องเขียนCD EXTERNAL เขียนได้ 1X ซื้อมาตอนนั้นรู้ว่าแพงมากเมื่อ10กว่าปีที่แล้ว
จำได้ได้เขียนยังไม่หมดเหลือหลายสิบแผ่น ไปค้นมาเขียนดีกว่า

[bb]

ลองแผ่น TDK XA80 กันหรือยังครับผมว่าเสียงดีกว่า PHONO R มิตซู อีกนาครับเห็นที่กล่องการันตีว่าเก็บได้100ปีครับ

[แซม]

:)ใครเคยเห็นของ KODAK (แผ่นทอง) ขายที่ไหนบ้างครับ ตัวนี้ผลิตจากโรงงานเกรดปานกลางครับ

คงหายากแล้วครับ ผมเหมาไปเกือบ 20 กล่อง หมดพอดี ในนั้นมีแผ่นแตกรวมอยู่ด้วย 1 แผ่น เจอกล่องเดียวครับนอกนั้นดีหมด เขาบอกว่าข้อมูลจะอยู่ได้ 200 ปี ครับ เป็นแผ่นทอง 24K แท้ครับ 

[ohm]

ตอน ป๋ม เรียนมา รหัส digial มันมีแค่ 0 กะ 1  เพื่อถอดรหัส เป็น สัญญาณเสียง

ทีนี้ พอ copy เลขชุดเดียว กัน ทามายเสียงไม่เหมียนกานอ่ะคับ ช่วยบอกทีคับ

ใช่ครับถ้ามันเก็บ 0ิ 1 ได้ครบทุกบิทโดยไม่เพี้ยน มันคงเหมือนกัน  แต่ความเป็นจริงความเพี้ยนในระบบดิจิตอลมีอยู่ทุกที่

การแปลงสัญญาณกลับจริงๆนั้นถ้าไม่มีการแก้ไขความผิดพลาดเลย ฟังไม่ได้ครับ error มันมีอยู่ทุกที่ พอเล่นจริงๆฟังออกแน่นอน

ที่ชัดๆเลยคือ drive CD-ROM รู้ไหมครับทำไมถึงไม่ทำเครื่องเล่น/ไรท์ ให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่  ทั้งๆที่ถ้าทำเร็วกว่านี้ได้คนก็สนใจแน่

ที่เขาไม่ทำก็เพราะด้วยโครงสร้างกลไกแบบปัจจุบัน(จำกัดด้วยขนาดdrive)ทำให้มีความเร็วมากกว่านี้จะมี  error  มากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ครับ
 
เห็นไหมครับว่าในระบบ digital เองใช่ว่าจะปลอดความเพี้ยนนะครับ

[ngo]

ผมเคยก๊อปเพลงดีๆไปฟังในรถยนต์ ฟังได้ไม่กี่ครั้งเครื่องก็จะไม่อ่านแผ่นแล้ว
พอฟังในบ้านรู้สึกเสียงกลอง เสียงเบส มีนไม่เหมือนแผ่นแท้ต้นฉบับ มันอ่อนพลังกว่ากันยังไงไม่รู้ครับ
แต่บางแผ่น โดยเฉพาะเพลงไทยๆ ท่ีอัดมาเสียงจัดๆ แผ่นก๊อป ฟังสบายหูกว่าครับ

[อันดามัน]

 :)ใครเคยเห็นของ KODAK (แผ่นทอง) ขายที่ไหนบ้างครับ ตัวนี้ผลิตจากโรงงานเกรดปานกลางครับ

[wmm]

:)แผ่น CD ที่ขายในเมืองไทยเกรดสูงหาไม่ค่อยได้

ผมว่าไม่จำเป็นต้องหาเกรดสูงหรอกครับ เอาแค่แผ่น Audio ของ TDK ก็น่าจะพอครับ ไรท์กับคอมพ์ความเร็วต่ำๆ ก็ฟังไม่ออกแล้วครับ ยิ่งถ้ามี dac ด้วยไม่ต่างกันเลย ผมก็ใช้แผ่นรุ่นนี้ไว้ไรท์แผ่นเพลงแท้จากเพื่อนๆ หรือไรท์แผ่นแจกเพื่อนๆครับ ถ้าให้ดีสวยงามอีกหน่อยก็เอาปกไปprint หากล่องใส่ก็จะเรียบร้อยแล้วครับ บางแผ่นมีเงินก็หาซื้อยาก ก็ต้องใช้วิธีนี้ ประหยัดได้เยอะ  แผ่นรุ่นนี้เสียงที่ได้ชัดเจนสัญญานแรงดี ใกล้เคียงมาก  ราคาไม่แพงยกกล่องมี 10 แผ่น ประมาณ 280-300 บาท ขายปลีกแผ่นละ 30-35 บาทครับแล้วแต่ว่าไปซื้อโดนร้านไหนครับ

O0เห็นด้วยครับผมก็ใช้แผ่นนี้โคลนแล้วก็มีอีกแผ่นที่จะนำเสนอครับ ของmitsubishi เขียนดีแผ่นใช้ทนและไม่เสี O0ยง่ายเสียงก็ไม่ต่างจากต้นฉบับ(ในระบบผมนะครับ) c)ถือว่าคุ้มค่า

[xthaix]

http://www.exactaudiocopy.de/en/index.php/resources/download/

EAC เวอร์ชั่นล่าสุด น่าใช้มากครับ ผมห่างหายไปใช้ Burrrn ซะนานเชียว....
ปล. โปรแกรม Burrrn ก็ดีนะครับ เสียงที่ได้ นุ่มนวลกว่า EAC (EAC จะได้เรนจ์เสียงที่กว้างกว่า) ที่สำคัญ Burrrn จะสามารถไรท์เพลงได้ยืดหยุ่นดีครับ เราสามารถจะเอาไฟล์ .CUE มากกว่า 1 ไฟล์มาไรท์ร่วมกันได้ โดยยังสามารถลบเพลงบางเพลงที่ไม่ชอบออกจากลิสได้อีกด้วย จุดนี้ทำให้เราสามารถไรท์เพลงโดยใช้พื้นที่แผ่นซีดีได้เต็มที่ครับ คุณภาพเสียงก็ยอมรับได้ดีด้วยครับ 

[DS]

แล้วโปรแกรมECAนี่หาดาวน์โหลดได้หรือเปล่าครับ และที่ไหนครับ

ผมได้มาจากเว็ปไหนก็จำไม่ได้ซะแล้ว แต่เป็น Free Download
หา Link เดิมไม่เจอแล้ว

PM E-mail ไว้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งให้

ชื่อเต็มของโปรแกรมว่าอะไรอ่ะครับ

ขอโทษทีครับ ตัวโปรแกรมที่ถูกคือ EAC ย่อมาจากตัวเต็มว่า
Exact Audio Copy

[คุณหมีน้อย]

แล้วโปรแกรมECAนี่หาดาวน์โหลดได้หรือเปล่าครับ และที่ไหนครับ

ผมได้มาจากเว็ปไหนก็จำไม่ได้ซะแล้ว แต่เป็น Free Download
หา Link เดิมไม่เจอแล้ว

PM E-mail ไว้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งให้

ชื่อเต็มของโปรแกรมว่าอะไรอ่ะครับ

[yowza]

ตอน ป๋ม เรียนมา รหัส digial มันมีแค่ 0 กะ 1  เพื่อถอดรหัส เป็น สัญญาณเสียง

ทีนี้ พอ copy เลขชุดเดียว กัน ทามายเสียงไม่เหมียนกานอ่ะคับ ช่วยบอกทีคับ

[DS]

แล้วโปรแกรมECAนี่หาดาวน์โหลดได้หรือเปล่าครับ และที่ไหนครับ

ผมได้มาจากเว็ปไหนก็จำไม่ได้ซะแล้ว แต่เป็น Free Download
หา Link เดิมไม่เจอแล้ว

PM E-mail ไว้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งให้

[SOUNDTUBE]

:)แผ่น CD ที่ขายในเมืองไทยเกรดสูงหาไม่ค่อยได้

ผมว่าไม่จำเป็นต้องหาเกรดสูงหรอกครับ เอาแค่แผ่น Audio ของ TDK XA80 ก็น่าจะพอครับ ไรท์กับคอมพ์ความเร็วต่ำๆ ก็ฟังไม่ออกแล้วครับ ยิ่งถ้ามี dac ด้วยไม่ต่างกันเลย ผมก็ใช้แผ่นรุ่นนี้ไว้ไรท์แผ่นเพลงแท้จากเพื่อนๆ หรือไรท์แผ่นแจกเพื่อนๆครับ ถ้าให้ดีสวยงามอีกหน่อยก็เอาปกไปprint หากล่องใส่ก็จะเรียบร้อยแล้วครับ บางแผ่นมีเงินก็หาซื้อยาก ก็ต้องใช้วิธีนี้ ประหยัดได้เยอะ  แผ่นรุ่นนี้เสียงที่ได้ชัดเจนสัญญานแรงดี ใกล้เคียงมาก  ราคาไม่แพงยกกล่องมี 10 แผ่น ประมาณ 280-300 บาท ขายปลีกแผ่นละ 30-35 บาทครับแล้วแต่ว่าไปซื้อโดนร้านไหนครับ

[di-wire]

แล้วแผ่นแท้บันทึกมาแบบไหน ใช้ laser เหมือนกันหรือเปล่า แล้วแต่ละแผ่นคุณภาพเท่ากันไหมครับ

[santi]

ใช่เลย ที่ผมยังสงสัย ถ้าเรา copy แบบ bit to bit ทำไมถึงได้ไม่เหมือนกัน 

แผ่นต่างยี่ห้อเนื้อวัสดุไม่เหมือนกัน ใช้ความเร็วในการเผาต่างกัน เครื่องเผาที่รอบการหมุนแม่นยำไม่เท่ากัน
จุดที่เลเซ่อร์เผาลงไปก็ไม่เหมือนกัน(มั๊ง)ครับ ถ้าเป็นไฟล์กระบวนการอ่านมันก็จะมีการตรวจสอบถูก/ผิดและทวนซ้ำ
แต่ถ้าเป็นการเล่นเพลง ข้อมูลที่อ่านได้จะต้องถูกส่งไปแปลความเป็นสัญญาณอนาล็อกโดยทันทีอย่างต่อเนื่อง
หากมีปัญหาจากจุดที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ชัดเจนกระบวนการตรวจสอบถูก/ผิดและอ่านทวนซ้ำจะทำไม่ได้
ถูกผิดอย่างไรก็เลยตามเลย

คงประมาณนี้ครับ ... แต่อย่าซีเรียสกับเนื้อหานะ เพราะผมก็อธิบายมั่วๆตามความเข้าใจของผม

[aphiphot]

แล้วโปรแกรมECAนี่หาดาวน์โหลดได้หรือเปล่าครับ และที่ไหนครับ

[kantang]

ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีเครื่อง copy หน้าที่เป็น SACD ซะที

[pisit]

ผมเชื่อว่าข้อมูลที่กอปปีจากต้นฉบับไปอีกแผ่นหนึ่ง ข้อมูลจะเหมือนกันครับ

ผมเคยเชื่ออย่างนั้นเหมือนกันครับ เพราะเชื่อมั่นในความรู้ด้านไอทีของตนเอง
จนกระทั่งได้ทดลองและพิสูจน์ถึงได้เปลี่ยนความเชื่อ

ในแง่การคัดลอกข้อมูลยังเชื่อเช่นเดิมครับว่าต้นฉบับและสำเนาเหมือนกันแน่นอน
แต่สำหรับแผ่น CD audio ทั้งกระบวนการคัดลอกและการเล่นกลับมันไม่ได้สมบูรณ์แบบครับ
digital streaming มันไม่สามารถตรวจสอบ/แก้ไขความถูกผิดของข้อมูลในขณะทำงานได้

เอาเป็นว่าลองยอมเสียแผ่น CDR ซักสองแผ่น แผ่นหนึ่งปรินโก้ยอดฮิต อีกแผ่นมิตซูโฟโนอาร์
หรือแผ่นทีดีเค ลองดูครับ

ใช่เลย ที่ผมยังสงสัย ถ้าเรา copy แบบ bit to bit ทำไมถึงได้ไม่เหมือนกัน 

[santi]

ผมเชื่อว่าข้อมูลที่กอปปีจากต้นฉบับไปอีกแผ่นหนึ่ง ข้อมูลจะเหมือนกันครับ

ผมเคยเชื่ออย่างนั้นเหมือนกันครับ เพราะเชื่อมั่นในความรู้ด้านไอทีของตนเอง
จนกระทั่งได้ทดลองและพิสูจน์ถึงได้เปลี่ยนความเชื่อ

ในแง่การคัดลอกข้อมูลยังเชื่อเช่นเดิมครับว่าต้นฉบับและสำเนาเหมือนกันแน่นอน
แต่สำหรับแผ่น CD audio ทั้งกระบวนการคัดลอกและการเล่นกลับมันไม่ได้สมบูรณ์แบบครับ
digital streaming มันไม่สามารถตรวจสอบ/แก้ไขความถูกผิดของข้อมูลในขณะทำงานได้

เอาเป็นว่าลองยอมเสียแผ่น CDR ซักสองแผ่น แผ่นหนึ่งปรินโก้ยอดฮิต อีกแผ่นมิตซูโฟโนอาร์
หรือแผ่นทีดีเค ลองดูครับ

[ohm]

1. เครื่องเล่นบางเครื่องต้อง เล่นแต่แผ่นจริงเท่านั้น ถ้าเป็นแผ่น copy เล่นไม่ได้ ถามว่าแผ่นจริงกับแผ่น copy มีอะไรที่ต่างกันครับ
***************************************************************************
แผ่นปั้มชั้นข้อมูลเป็นอลูมิเนียมครับ ซึ่งยังไงก็จะสะท้อนแสงเลเซอร์ได้ดีกว่าแผ่นไรท์ที่เป็นแค่สีย้อมแน่นอน

แต่จะdropลงไปเท่าใหร่ขึ้นกับคุณภาพของแผ่นครับ   เครื่องที่อ่านแผ่นไรท์ได้หัวอ่านต้องส่งแสงเลเซอร์ให้เข้มกว่าเดิม

จะได้สะท้อนกลับมาพอที่จะอ่านข้อมูลได้  

นอกจากนั้นแผ่นปั้มจะทำการปั้มชั้นข้อมูลทั้งแผ่นโดยตรงเลยครับ ต่างกับแผ่นไรท์ที่ต้องหมุนแผ่นไปด้วยตอนที่กำลังไรท์

การหมุนนี่ล่ะครับทำให้ยิ่งเขียนเร็ว ข้อมูลยิ่งตกหล่นเยอะ  ชั้นสีในแผ่นก็อาจจะยังไม่ได้เบิร์นเต็มที่ดี  แผ่นไรท์ด้วยความเร็วต่ำมากๆ

ถึงดีกว่าแผ่นที่ไรท์ด้วยความเร็วสูงๆ

[ใหญ่]

ขอถามด้วยครับ

1. เครื่องเล่นบางเครื่องต้อง เล่นแต่แผ่นจริงเท่านั้น ถ้าเป็นแผ่น copy เล่นไม่ได้ ถามว่าแผ่นจริงกับแผ่น copy มีอะไรที่ต่างกันครับ
2. โปรแกรม cd writer อะไร ที่ write ได้ช้าที่สุดครับ ตอนนี้ 10x (Nero) ช้าสุด มีช้ากว่านี้หรือเปล่าครับ

1. แผ่น write มีลักษณะของ Layer ที่ใช้สำหรับ Copy โดยใช้แสง Laser เขียนแผ่น ทำให้ต้องใช้วัสดุที่ง่ายต่อการเขียนแผ่น  ในกรณีนี้อาจจะทำให้รูปแบบการเขียนแผ่นจากหัวอ่านซีดีผิดพลาดได้มากกว่าปกติ  โดยเฉพาะการ Copy จากแผ่นที่มีคราบติดเพียงเล็กน้อย  ตัวโปรแกรมส่วนใหญ่จะชดเชยการสูญเสียที่เกิดจากการอ่านแผ่นที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดความผิดพลาดของข้อมูลได้มากขึ้นตามรอยที่มีในแผ่นต้นฉบับ  และมีผลทำให้เกิดความเพี้ยนเนื่องจากรหัสโค๊ดดิจิตอลในแผ่นถูกชดเชยซึ่งมักจะคลาดเคลื่อนออกไปบ้าง  แต่ปกติถ้าแผ่นไม่มีรอยก็น่าจะไม่เกิดความเพี้ยนได้  แต่โดยความเป็นจริงแล้ว แผ่นทุกแผ่นจะมีรอยที่เนื่องจากฝุ่นบ้างเล็กน้อยอย่างแน่นอนถึงแม้ว่าตาอาจจะมองไม่เห็น  ไม่เหมือนกับแผ่นแท้  ที่มีการผลิตแบบปั๊ม  และใช้วัสดุในชั้น Layer ที่แตกต่างกัน  ทำให้ Layer ที่ปั๊มลงไปมีความชัดเจน และมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกันมากมากในทุกแผ่นครับ

2. ต้องใช่ Nero รุ่นเก่าๆหน่อยครับ  อาจจะลงได้ถึง 4-8x ครับ หรือ โปรแกรม ECA ก็ได้ครับ

ผมเชื่อว่าข้อมูลที่กอปปีจากต้นฉบับไปอีกแผ่นหนึ่ง ข้อมูลจะเหมือนกันครับ

ข้อมูลเหมือนกันแน่นอน  แต่ก็ไม่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วแน่นอนเหมือนกันครับ

[อันดามัน]

 :)แผ่น CD ที่ขายในเมืองไทยเกรดสูงหาไม่ค่อยได้

[DS]

ขอความรู้ครับ

ถ้าแค่เรื่องมิติ น่าจะเหมือนเดิมครับ
ผมไม่มี CD  audio file  
แต่ที่เคยเอา LP Audio file  ให้คอมพ์ช่วยทำเป็น CD Audio
มิติไม่เสียเลยครับ

ขอถามด้วยครับ

1. เครื่องเล่นบางเครื่องต้อง เล่นแต่แผ่นจริงเท่านั้น ถ้าเป็นแผ่น copy เล่นไม่ได้ ถามว่าแผ่นจริงกับแผ่น copy มีอะไรที่ต่างกันครับ
2. โปรแกรม cd writer อะไร ที่ write ได้ช้าที่สุดครับ ตอนนี้ 10x (Nero) ช้าสุด มีช้ากว่านี้หรือเปล่าครับ

ตอบข้อ 2 ผมใช้โปรแกรม ECA เลือกเขียนได้ต่ำสุด 1X
แต่ยังขึ้นอยู่กับ แผ่นซีดีด้วยครับ อย่างที่เขียนไว้ว่า 2x-48x ก็จะเขียนได้ต่ำสุด 2x
ECA เป็นโปรแกรมเขียนแผ่น Audio CD โดยเฉพาะนะครับ

[tytyty50]

ผมว่า drop นะครับ มั่นใจ เพียงแต่ว่า drop จนเราสามารถรับรู้ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

[pisit]

ผมเชื่อว่าข้อมูลที่กอปปีจากต้นฉบับไปอีกแผ่นหนึ่ง ข้อมูลจะเหมือนกันครับ

[ลำน้ำ]

ขอถามด้วยครับ

1. เครื่องเล่นบางเครื่องต้อง เล่นแต่แผ่นจริงเท่านั้น ถ้าเป็นแผ่น copy เล่นไม่ได้ ถามว่าแผ่นจริงกับแผ่น copy มีอะไรที่ต่างกันครับ
2. โปรแกรม cd writer อะไร ที่ write ได้ช้าที่สุดครับ ตอนนี้ 10x (Nero) ช้าสุด มีช้ากว่านี้หรือเปล่าครับ

[ใหญ่]

ถ้าไรท์แผ่นด้วยแผ่นที่ดี ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้  แนวเสียงก็จะเปลี่ยนแปลงไปน้อยมากๆครับ  ยกเว้นพวกหูเพชรที่ชอบอุปทานไปเองครับว่าทำให้เสียงไม่ดี(ที่แม้แต่ขี้จิ้งจกตกบนหลังแอมป์แล้วพาลว่าทำให้เสียงแย่ลง)  แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นที่ชัดเจนว่า  การไรท์แผ่น  ต่างรุ่นต่างยี่ห้อก็ทำให้แนวเสียงเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย  รวมไปถึงเครื่องซีดีที่ใช้เขียนด้วยนะครับ  แต่มิติของเสียงแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงครับ 

[tudtoo]

ขอความรู้ครับ