ก่อนอื่นผมต้องขออนุญาต นำสิ่งที่ผมได้รับฟังมาจากข้างนอกเวป มีบางสิ่งบางอย่างผมก็ยอมรับ บางอย่างผมก็ไม่ยอมรับ มันก็เป็่นธรรมชาติของมนุษย์ครับ จะให้เหมือนกันได้ยังไง
ขออภัยด้วยสำหรับคนนอกเวปที่ให้ความเห็นกับผมมา สักวันท่านอาจจะมีโอกาสเข้ามาอ่านในนี้ อาจได้รับความเห็นที่ไม่ตรงกับท่านหรือตรงกับท่าน
ผมขอให้ท่านเปิดใจรับฟังความเห็นของทุกคนด้วย เราให้ความเห็นด้วยการสร้างสันติ์ มีได้.เอาชนะคัดคานกัน
ผมได้รับฟังมาว่า....สรุปเป็นข้อๆดีกว่าจะได้ง่ายต่อการแสดงความเห็น ผมขอความเห็นแบบตรงไปตรงมาอย่าอ้อมค้อมหรือเกรงใจกัน
1.เขาบอกว่า นัก diy หลอด ส่วนมากทำเป็น แต่ฟังไม่เป็น มีอีโก้สูง ทำแอมป์หลอดออกมาแล้ว แค่ให้มีเสียงดัง ก็พูมใจ ว่าของเราเสียงดีแล้ว
ทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่า เสียงดีเป็นอย่างไง ไม่เคยไปฟังด้วยซ้ำว่าแอมป์ที่เขายอมรับกันทั่วโลกว่าเสียงดีมีเสียงอย่างไร เขาบอกว่าหลอดทำยังไงก็มีเสียง แต่เสียงทำให้ดียาก
2.เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้จมปลักอยู่กับเสียงที่เราว่าดีอย่างนี้ ตลอดไป ใครจะว่ายังไง ก็ว่าของเราดีแล้ว จึงไม่เกิดการพัฒนาขึ้นเลย
3.นัก diy หลอด ควรจะได้ฟังเครื่องเสียงที่ดีๆเพื่อมา reference (ไม่ทราบเขียนถูกเปล่า ถ้าผิดช่วยแก้ด้วยครับ)จะได้มาแต่งเสียงให้ได้ใกล้เคียงกับเครื่องเสียงดีๆ
4.การปรับเครื่องเสียงควรแมทสิ่งต่างทีประกอบใน system ให้เสียงออกมา ครบทุกย่านเสียง ส่วนมากนัก diy หลอด จะทอดทิ้งเสียงด้านบนสุดกับล่างสุด ขอเอาแค่ตรงกลางดีพอใจแล้ว ว่าของเราดี อีโก้สูง
5.การปรับแต่งเสียงควรให้มันขึ้นไปครบหมดทุกย่าน ไม่ควรให้กลางโด่ง กลายเป็นกราฟรูปสามเหลี่ยม ควรจะให้เป็นเส้นตรงแนวนอน คือ ให้ขึ้นเท่ากันหมด
6.แอมป์ทีให้เสียงดีจะต้องให้เสียงดนตรีที่ออกมาหมด ไม่ใช่บดบังกัน ชิ้นดนตรีบางชิ้นหายไปเพราะ โทนบาลานซ์เสียหาย
7.เขาจึงหันไปเล่นออฟแอมป์ เพราะจูนง่าย จูนตรงไหนให้เสียงย่านสูง จูนตรงไหนให้เสียงย่านต่ำ
8.single end ให้ย่านเสียงกว้างกว่า push pull
single end ให้เบสทีลึกๆดีกว่า push pull แต่เบา
single end ให้เสียงย่านสูงดีกว่า push pull
push pull น้ำหนักเสียงดีกว่าเพราะกำลังดีกว่า
pse เสียงดีแต่ทำได้ยาก ต้องแมทหลอดให้ดี เสียงจึงจะดีได้
หลายท่านก็พูดที่มีประเด็นไปแล้ว อันไหนซ้ำๆผมคงจะไม่พูดถึงนะครับ
1. ผมเคยฟัง classe รุ่นomega ยกชุดขับ alexandria มาแล้ว ที่เซทโดยทางผู้ผลิตมาแล้ว คงหวังว่าผ่านกฎข้อนี้นะครับ ไม่นับรวมที่ไทยที่ได้มีโอกาสได้ฟังจากพี่ๆหลายๆท่านที่ได้ให้ความกรุณากับผมอย่างมาก โดยเฉพาะพี่(ขอสงวนนามเพราะกลัวเรื่องอาจจะบานปลาย แต่พี่เข้ามาอ่านแล้วคงรู้ครับ) ซึ่งได้ให้แนวทางก่อนผมมาทำDIYอีก ได้ฝึกผมให้รู้จักโลกที่ audiophile อยู่ นิยามambient หรือต่างๆนานา ก็ได้ถ่ายทอดมาให้ผม(แอมป์ผมเลยไม่เหมือนแอมป์หลอดที่เขาทำกันเท่าไร) [หลังจากนั้นก็ได้ Mr.Tube มาช่วยสอนเรื่องหลอดต่างๆ อีกทั้ง กลุ่มพี่ๆอีกหลายคนที่ได้สนทนากันผมก็ได้รับความรู้มากมายครับ]
2.อันนี้เป็นเรื่องfine tuningครับ ค่อยๆฟังปรับสิ่งต่างๆกันในแอมป์ต่อไป ไม่ใช่วันนี้ดีแล้ว วันหน้ารื้อทิ้ง หรือทำไม่ดีแต่ต้นแล้วโทษนั้นนี่ไม่หาสาเหตุให้ดี ไม่งั้น คงไม่เห็นว่า DIY มีโปรเจคใหม่ๆออกมากันหรอกครับ
3.ย้อนกลับไปอ่านข้อ1 แล้วขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผมพบว่าหลายท่านเคยเป็นเจ้าของชุดเครื่องดีดีมากันทั้งนั้นเลยครับ ทีนี้การฟังมันก็เหมือนกับการบันทึกภาพครับกล้องฟิลม์ก็แบบหนึง ดิจิตัลก็แบบหนึ่ง หรือแม้การวาดด้วยภู่กันก็แบบหนึ่ง การวาดก็ยังแตกลงไปอีก ว่า แบบrealisticที่สมจริง เป้ะๆๆๆ(เหมือนเครื่องcommercial) หรือimpressionist ที่จับเอาอารมณ์มาถ่ายทอด(แบบหลอด) อันนี้ก็แล้วแต่ทางใครทางมันแล้วครับ ว่าจะมีความสุขกับทางไหน สำหรับผม ผมมีความสุขทั้ง 2 แบบครับ
4.ผมว่าอันนี้คงตกประเด็นบางอย่างไปครับ อย่างที่ผมเรียนในข้อ 3. แล้ว แอมป์ที่ได้ยินนั้น อาจจะสร้างมาเพื่อถ่ายทอดทางอารมณ์ไม่ได้เพื่อความสมจริงครับ เช่น ภาพ water lilly ของโมเน่ ..ใครดูไม่รู้เรื่องก็บอกว่าให้ฟรีก็ไม่เอา คนที่รับรู้ทางอารมณ์ก็จะกล่าวว่า สมแล้วที่มูลค่าพันล้าน.. แน่นอนครับ impressionist ที่ไม่ได้เรื่องทำออกมามั่วๆภาพก็ไม่มีความหมาย กลับกัน การถ่ายภาพสมจริงแบบมือสมัครเล่น กับโปร ก็ย่อมต่างกันครับ ทีนี้เท่าที่ผมฟังมา แอมป์ทุกตัวจะออกวิ่งทางที่ต่างกัน จนสุดท้ายมันจะพัฒนาไปถึงจุดที่คล้ายกันแต่ต่างกันที่บุคลิกแต่ละคนครับ (เครล กับ มาร์ค ยังไม่เหมือนกันเลย แต่มันก็ถูกยอมรับเพราะมีสิ่งที่เหมือนกัน) แต่แน่นอนครับ ของไม่ดีก็จะว่าให้ดีก็ยาก แต่ทุกอย่างย่อมมีการพัฒนาไปเรื่อยๆครับ
5.หากเว้นเรื่องการถ่ายทอดทางอารมณ์ออกไปแล้ว แอมป์หลอดที่มีลักษณะดีจะมีคุณสมบัตินั้นๆอยู่แล้วครับ ซึ่งตามตำราที่เขียนไว้เป้ะๆ หากแต่เมื่อมองย้อนกลับกัน สิ่งที่ตำราไม่ได้บอกไว้ในเรื่องว่าเวลาแต่ละย่านต่างกันมันจะเป็นอย่างไร? และวัดกันจริงๆให้แบบต่อsystemโดยรวมแล้ว มีกี่systemที่จะเรียบเช่นนั้น? แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนได้กินพระกระโดดกำแพง แต่หากกินก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงกันเองมันก็แซบมีความสุขได้. ดีกว่าไปกินพระกระโดดกำแพงแต่หารู้รสความอร่อยของมันไม่.
6.ตัดเรื่องประเด็นArtออกไปก็ต้องบอกว่าจริงครับ
7.อ่านจากที่กล่าวมาคงได้ข้อสรุปแล้วนะครับ หลอดก็เหมือนกันครับ เพียงแต่อาจอยู่คนละแนวทางเท่านั้นเอง ผมยังชอบเกนโคลนที่ใช้แอกทีฟฟิลเตอร์ตัดความถี่ของคุณอัคราเลยครับ
8.บอกยากมากครับเพราะไม่ได้กำหนดว่าหลอดเดียวกัน คนเดียวกันหรือเปล่า ผมจึงไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้หมดทุกอย่างครับ
ขอแยกเป็นหัวข้อครับ ผมขอ assumeว่า เป็นclass A ทั้งหมดแบบไม่มีglobal feedbackนะครับ
single end ให้ย่านเสียงกว้างกว่า push pull > มองมุมไหนครับ? frequency response? หรืออย่างอื่นครับ ข้อนี้ความเห็นผมแล้ว หลอด SE ให้ harmonic ของเสียงออกมามากกว่า จึงอาจทำให้รู้สึกว่าชัดกว่า มากกว่าครับ
single end ให้เบสทีลึกๆดีกว่า push pull แต่เบา> ผมต้องขอฟังแบบตัวต่อตัวครับ ว่า เบสลึกๆที่กล่าวกันคือ ความถี่ต่ำๆ หรือ ปริมาณ? เท่าที่เจอคือ คนฟัง SE ที่แด้มปิ้งแฟกเตอร์น้อยๆ จะบอกว่าเบสมากกว่า แต่ผมคิดว่านั้นคือแอมป์ไม่สามารถควบคุมกรวยลำโพงได้ครับ ถ้าไม่ใช่ประเด็นนี้ ก็ย้อนกลับไปประเด็น harmonic ครับ
single end ให้เสียงย่านสูงดีกว่า push pull หากมองที่Frequency responseแล้ว PP จะดีกว่า SE ครับ เพราะเนื่องจากไม่ต้องการแอร์แกปที่กว้าง จึงทำให้พันหม้อแปลงได้รอบที่น้อยกว่าเดิม ทำให้ค่า leakage inductance และ stray capacitance ต่ำกว่า เป็นผลให้การตอบสนองความถี่ไปได้ไกลกว่าครับ แต่!ที่รู้สึกว่า SE มากกว่าอาจเพราะฮาร์โมนิคเป็นหลักครับ ลองคิดถึงเรื่องกีต้าร์ดูนะครับ
push pull น้ำหนักเสียงดีกว่าเพราะกำลังดีกว่า ข้อนี้ผมไม่แน่ใจครับ แต่รู้ว่าที่เราๆออกแบบกันนั้น damping factor ของพุชพูลมีค่ามากกว่า SE อยู่น่าจะหลายเท่าครับ เช่น EL34, SE 3K, PP 7K แถมพุชพูลใช้ 2 หลอดอีก
pse เสียงดีแต่ทำได้ยาก ต้องแมทหลอดให้ดี เสียงจึงจะดีได้>ถ้าอย่างนั้น หาหลอด regulator พวก 6080 6336 6528 มาเล่นแล้วอัดกระแสซัก 150mA มาเล่น แล้วเปรียบเทียบกับพวกขนานหลอดดูครับ บางทีมันอาจแอบที่องค์ประกอบอื่น ไม่ใช่การขนานหลอดครับ แต่ขนานหลอดแล้วกระแสเพิ่มขึ้น Rp ต่ำลง หม้อแปลงเคน้อยลง พันง่ายขึ้น ค่าคุณสมบัติต่างๆดีขึ้น
**********ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ที่ผิดก็คิดว่าคงมี ช่วยกันแก้ไขจักเป็นพระคุณมากครับ*****
ปล. ยังอยากพูดอีกแต่เหนื่อยแล้ว ขี้เกียจ เรื่องคลาสเอบี ไปดูว่าdistortion 5%นั้น บางทีเห็นแบบน่าเกลียดมากๆเครื่องวัดยังบอกว่าแค่ 5 % ก็มีเลยครับ
ปล.2 อิดิทเป็น 10 รอบ เพราะผมรู้ว่าผมชอบพูดบางทีไม่ตรงจุดครับ