จริงๆ ผมสั่งของไปที่ยี่ปุ่นยี่สิบสองแผ่น กะจะเก็บเอาไว้เอง 1 แผ่น จึงยังเหลืออีก 4 แผ่น ฉะนั้นมีผู้โพสต์เข้ามาในหน้าที่ 100 จำนวน 17 ท่าน ยังเหลืออีก 4 ก็น่าจะตกเป็นของ
18. คุณ Zax ซึ่งcomment เรื่องการปรับจูนเสียงของชุดและห้องให้ผมมาอย่างยอดเยี่ยม ผมเห็นด้วยทุกประการกับข้อเสนอแนะที่มีค่า ไม่ต้องมาขออนุญาตผมก่อนหรอกครับที่จะให้คุณหนึ่งเริ่มโพสต์สิ่งที่คุณหนึ่งเริ่มปรับจูนเสียงในห้องให้เพื่อนๆ ได้เริ่มโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กัน เห็นด้วย 100% ครับ ผมจึงตัดสินใจมอบแผ่นซีดีไว้ให้เป็นที่ระลึกละกันนะครับ
ขอขอบคุณพี่ใหญ่ครับ

วันนี้เพิ่งจะเข้ามาเล่นเน็ตได้ ขออนุญาต วกเข้ามา เรื่องเคล็ดลับของการจูนอัฟชุดเครื่องเสียงหรือชุดโฮมฯหลายแชลแนลก็ตาม สัก 1 เรื่องนะครับ

คือผมคันใจ.. อยากทราบผลของท่านอื่นๆว่าถ้าทดลองทำดูแล้ว จะฟังออกว่ามันมีผลต่อระบบเสียงและภาพ
อย่างชนิดน่าตกใจ และมีผลเช่นเดียวกันหรือไม่ (โดยเฉพาะกับชุดที่มีการเดินระบบไฟฟ้าใหม่ได้ถูกทางไว้แล้วซึ่งจะช่วยให้ฟังออกได้ง่ายกว่า)
นั่นก็คือ เคล็ดลับของการใช้พวกตัวรองสายทั้งหลาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ สายไฟ ) ในทุกๆจุดที่มายังชุดเครื่องเสียงหรือภาพของเรา
สืบเนื่องเพราะ เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพิ่งฟังออกว่า การบิดหมุน การพลิกหงาย การเปลี่ยนจากวางนอนเป็นวางตั้ง การกลับทิศทาง หันหน้า หรือหันหลัง เมื่อเทียบกับต้นทางไฟเดินเข้าเครื่อง
ของวัสดุทุกประเภทที่นำมาหนุนรอง ยกสาย หรือวางทับบนสาย ทุกๆจุด ทุกๆชิ้น ล้วนส่งผลต่อคุณภาพของน้ำเสียงของชุดเครื่องเสียงของเรา ที่เปลี่ยนไป แบบน่าตกใจ ชนิดที่สามารถทำให้ ชุดแพงๆ กลายเป็นชุดถูกๆ หรือ ตรงข้ามสามารถทำให้ชุดถูกๆเสียงดีกว่าชุดเกือบล้าน เป็นต้น
และที่แปลกก็คือ ผมเอาวัสดุที่รองสายนั้นมาซ้อนกันหลายชั้นเพื่อยกสายให้ลอยเหนือพื้นมากขึ้น ก็ฟังออกว่ามีผลด้วย และที่ทำให้ตกใจมากก็คือ การวางสลับวัสดุแต่ละก้อนที่วางซ้อนกันนั้น ให้อันไหนอยู่บนหรือล่างก็พบว่ามีผลต่อเสียงไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงเช่นกัน
ซึ่งพบว่า หากวางวัสดุเหล่านี้ โดยไม่คำนึงการสลับเรื่องทิศทางการวางเช่นนี้ เสียงจากเครื่องราคาเป็นล้าน ก็อาจเหมือนเครื่องราคาหมื่นก็เป็นไปได้ทีเดียว แต่ถ้าวางได้ถูกจังหวะและทิศทางแล้ว จะพบว่าเสียงทุกอย่าจะลงตัวอย่างมากยิ่งๆขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องโทนน้ำเสียงที่ดีกว่า เสียงเล็กเสียงน้อยด้านปลายแหลมที่ฟังได้ละเอียดชัดใสยิ่งขึ้น เสียงทุ้มที่ลงได้กระชับมีพลังขึ้น ความอ่อนแก่ ความฉับพลันของเสียงดีขึ้น ทำให้ไม่ฟังแล้วชวนเบื่อหน่าย ชวนง่วงนอนอีกต่อไป ด้านมิติของเสียงที่เปลื่ยนแปลงออกไปจากความเคยชินเดิมๆที่ได้เคยฟังกันมาจากชุดต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมา และจะต้องไม่ใช่จูนแล้ว ฟังได้ดีเฉพาะแผ่นนั้นๆ แต่ควรฟังได้ดีกับแทบทุกแผ่นเลยทีเดียว
จนชนิดที่เรียกว่า เครื่องของเรานั้น จากเดิมที่ฟังได้ดีมากแล้ว แต่ในใจลึกๆยังรู้สึกว่า ยังฟังไม่ได้เพลิดเพลินไปกับเพลง กับหนัง แบบยังไม่ลืมชุดลืมเครื่องเสียที พอจูนเรื่องนี้ได้ลงตัวแล้ว เราจะหลงไปอยู่ก้บ ความดื่มด่ำในเสียงเพลง ในบรรยากาศของหนังที่เราดู จะลืมเวลา อยากลองแผ่นนั้น แผ่นนี้เพิ่มยิ่งขึ้น และถ้าฟังแผ่นเดิมซำ้ๆ ก็ไม่เบื่ออีกแล้ว แต่ถ้าจูนผิด พอเปลี่ยนแผ่น กลับพบว่า มันไม่จูงใจให้ฟัง ให้ดูเลย ปิดเครื่องไปทำอย่างอื่นดีกว่า รวมไปถึงทำให้เกิดความคันในใจ อยากเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี้ขึ้นมาอีกไม่รู้จบ นี่คือเส้นผมบังภูเขาที่คาดไม่ถึงทีเดียว ซึ่งนี่ก็อาจเป็นความลับที่ทำให้ชุดแพงๆตายน้ำตื้นแบบไม่รู้ตัวก็ได้

ขอยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมสักหน่อย เช่น เดิมผมเคยใช้ก้อนไม้ของคาดาส 8 ก้อน หนุนรองสาย รองขาเครื่อง วางบนเครื่อง ตอนแรกๆก็เหมือนดี แต่นานไปพบว่าทำให้เสียงกลายเป็นนุ่มนวลไป เสียงยวบยาบลง จนต้องเอาออกหมด ไม่ใช้มาเกือบ 3-4 ปี แต่พอมาตอนหลังๆนี่ หลังจากที่ได้จูนให้ระบบบไฟดีขึ้น ขี้ฟ้องขึ้น เมื่อลองนำมันมารองสายตามเดิม แต่ก็ยังสู้ไม่ใช้ดีกว่า แต่ทว่าเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อพบว่า ได้เอาลองนำมันมาวางแบบแนวตั้งแทน โดยยึดเอาวงปีของลายไม้ให้วงในหันโค้งเข้าไปทางไฟเข้า โดยไม่สนใจความเป็นระเบียบสวยงาม หรือร่องที่บากไว้ หรือตราเครื่องหมายอะไรที่ทำมา พบว่ากับทุกๆก้อนยึดหลักนี้ สามารถทำให้เสียงดีขึ้นๆไปอีก ดีขึ้นมากจนแบบเอาออกไม่ได้ซะแล้ว
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ยกมา จึงคาดว่าในกรณีต่างๆของท่านอื่นๆที่ซื้อวัสดุ หนุน ยก รองพื้น หรือกดทับต่างๆมาใช้ กลับพบในตอนหลังว่ามันทำให้เสียงบางด้านแย่ลงไป ขอให้คำนึงถึงเรื่องดังกล่าวก่อนขายทิ้งด้วย อย่างเช่น ตัวรองซิมโพเซี่ยมที่พี่ใหญ่เคยใช้เป็นต้น และสังเกตุไหมว่า พวกถ้วยพ่อมดวิเศษราคาแพงที่ซื้อกันยังต้องมีการหมุนจูนเสียงจากตัวแทนจำหน่ายให้กับเฉพาะห้องนั้นๆ ถ้าไม่หมุนหาทิศแล้วแทบจะเขี้ยงทิ้งไปเลย (เพราะไม่ได้ผลสมกับราคาหรือเสียงบางด้านแย่ลง?) แต่ถ้าทำถูกทิศ เสียงที่ได้บางที่กลับหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ผมไม่เคยใช้แต่เดาสถานการณ์ได้จากกรณีทำนองเดียวกัน จึงต้องให้พี่ใหญ่ผู้ใช้งานจริงมาเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่ง ว่าทฤษฎีนี้พอมีเค้ามากน้อยแค่ไหน
มีประเด็นสำคัญที่ควรระวัง อยู่ที่ การที่(หูเรา)หลงทางของการจูนเสียง เพราะการทำให้จุดใดจุดหนึ่งดีขึ้น ถูกต้องขึ้น แต่มันกลับไปฟ้องในจุดอื่นๆที่ยังไม่ถูกต้อง ทำให้ดูเหมือน เสียงจัดขึ้น ไม่น่าฟัง จึงกลับไปจูนให้เสียงฟังได้ถูกหู แต่ทว่านั่นอาจทำให้หลงเข้าป่าไปอีกหลายบปีได้ทีเดียว นี่จึงเป็นเรื่องยาก และเสียเวลามากๆๆ แต่การได้ลองถูกลองผิด ทำบ่อยๆข้อดีก็คือ หูของเราจะได้รับการลับหู และพัฒนาการฟัง จับความแตกต่างได้มากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะดีกว่าการลงทุนซื้อหาเปลี่ยนใหม่ที่อาจไม่รู้จบ เพราะไม่ได้ไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุก็เป็นไปได้ ซึ่งบางครั้งการเปลี่ยนของใหม่ก็ฟลุ๊กทำมาแล้ววางลงตัวถูกทิศทางกับชุดของเรา ก็ทำให้เสียงดีขึ้น แต่กับชุดของท่านอื่นที่ซื้อของแบบเดียวกันทุกอย่างมาใช้กลับไม่ได้ผลเหมือนกัน เรื่องนี้จึงเป็นอีกข้อคิดหนึ่งที่อยากให้ตระหนัก และได้มีการทดลองแล้วรายงานผลกันในวงกว้าง ซึ่งจะช่วยทำให้วงการนี้ได้พัฒนานักเล่นให้ฟังเป็น ดูเป็นมากยิ่งๆขึ้นไปอีก
ปล. กับชุดใดที่ลองแล้ว ฟ้องว่า เสียไม่น่าฟังขึ้น ขอเดาว่า อาจจะมาจากการที่ เครื่อง สาย วัสดุอุปกรณ์ใดๆที่ท่านนำมาใช้ในชุด มีบุคลิกเฉพาะทาง ที่ไม่เป็นกลางทางเสียง ภาพ อย่างแท้จริง จึงทำให้ต้องหาเครื่องหาสายอะไรต่างๆ เพื่อแก้กันไปมาช่วยให้สามารถฟังดูได้ลื่นหู ลื่นตา แต่พอเราไปทำให้ชุดสามารถขุดขุ้ย แยกแยะชัดเจนขึ้น ก็อาจไปฟ้องจุดอ่อนต่างๆนั้นออกมา

เครื่อง อุปกรณ์ที่ดีเป็นกลางจริง พบว่าถ้าติดตั้งแบบปกติ จะดูเหมือนไม่มีอะไร จืดๆ แต่ถ้าสามารถเซ็ทจูนได้อย่างถูกต้องอย่างแท้จริง จนมันสามารถจะเปล่งประสิทธิภาพ (เอาชนะขยะทางสัญญาณไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อมที่มีผลลบต่างๆได้แล้ว) เสียง ภาพ ก็จะเป็นไปตามแผ่นซอฟแวร์ที่นำมาเปิดร่วม จะไม่มีบุคลิกและความจำเจ หรือมีลักษณะที่ตายตัวที่ทำให้ฟัง ดู ซ้ำๆแล้วเกิดความเบื่อหน่ายได้ ยกเว้นแต่ วันไหนระบบไฟดี เสียงก็ดีมากๆ แต่วันไหนระบบไฟแย่ เสียงก็แย่ลงไปมากด้วยเช่นกัน