เรียนคุณ Iwamac
ผมชักเริ่มงงครับ คือตกลงคุณ Iwamac จะใช้ Ares-13S Sig เพื่อมาเล่น Home Theater สำหรับ LFE Channel หรือจะนำมาใช้ร่วมกับลำโพง 4 ทาง ที่ทำขึ้น เพื่อเล่น 2 Ch Stereo ครับ
จริงๆ ผมอยากแนะนำอย่างนี้นะครับ สำหรับการจูนลำโพง 4 ทางของคุณ Iwamac เริ่มต้นผมแนะนำให้ใช้ Behringer DCX2496 แทน Active Crossover ที่ทำขึ้น เหตุผลคือไม่ใช่ Active Crossover ที่ทำขึ้นไม่ดีนะครับ แต่ใช้ DCX 2496 ปรับหาค่า Slope กับ dB level ในช่วงแรกง่ายกว่าเยอะ ครับ เนื่องจาก DCX2496 สามารถปรับให้ใช้เป็น 3 way Crossover ได้เลย โดยสามารถเลือก Slope ได้ตั้งแต่ 6 dB 48 dB/Octave และยังสามารถเลือกชนิด Crossover ได้ทั้ง Butter worth, Bessel, Riley-Linkwitz พร้อมทั้งปรับระดับความดังและ Parametric EQ ได้ละเอียดในระดับ 0.1 dB อีกทั้งยังปรับ Phase และ Time Delay ช่วยได้อีก ทำให้การจูนอัพหาค่า Slope และ Level matching ที่ถูกต้องได้ง่ายกว่าเยอะเนื่องจากปรับได้ On-The-Fly เลย
หลังจากได้ค่าที่แน่นอนแล้ว ค่อยเอาค่าที่ได้ไปทำเป็น Active Crossover ที่ต้องการได้ง่ายกว่าเยอะครับ
ตอนที่ผมปรับลำโพง Quintessence Stealth SV กับ Stealth Sub ในห้อง Home Theater ที่นำมาให้ดู ผมก้อเริ่มวิธีนี้เหมือนกัน หลังจากได้ค่าที่แน่นอนผมถึงไปสั่ง Crossover Viola Duet โดยกำหนดจุดตัดที่ 50 Hz Slope 18 dB/Octave เป็น Crossover 2 way ครับ แต่บอกจริงๆ นะครับผมชอบ Crossover Viola Duet มากเนื่องจากผมสามารถปรับ Level ได้ละเอียดในระดับ 0.01 dB และมีค่า Slope ที่ทำได้ตรงมากและไม่มีปัญหาเรื่อง Phase Shift เลย ซึ่งตรงนี้ทำได้ละเอียดกว่า Crossover ทั่วๆ ไปมาก รวมทั้งละเอียดกว่า Behringer DCX2496 ด้วยครับ ข้อเสียก้อเรื่องราคานี่แหละครับ
สำหรับเรื่องสายยังไม่ต้องไปสนใจเลยครับ ถ้าสายที่ใช้อยู่มีขนาดใหญ่พอและไม่มี Character มากเกินไป เช่นสายบางยี่ห้อ ที่นิยมเล่นกัน ถ้าอยากรู้โทรมาถามผมแล้วกันนะครับ ไม่ใช่สายพวกนี้ไม่ดีนะครับ แต่ต้องบอกว่าดีเกินไปจนเหมือน Distort เสียงบางความถี่ไปเลย ไม่รู้นักเล่น Hi-End บางคนเคยเจอไหมครับ ใส่สายเส้นนี้เข้าไป แหลมเพิ่มขึ้น เบสลด หรือใส่บางเส้น เบสท่วมห้องเลย พยายามใช้สายที่มีโทรกลางๆ คือ Flat ดีที่สุดครับ และปกติสายพวกนี้มักจะไม่แพงด้วยครับ

พอเราเล่นกับระบบที่ใช้ Active Crossover หลายๆ ทาง จริงๆ ก้อเหมือนกับเราเปลี่ยนสายนี่แหละครับ แต่ต้องยกความถี่ในแต่ละ Band ได้ละเอียดมากๆ เช่นในระดับ 0.1 dB เพื่อจะปรับแต่งโทนได้นั่นเอง
แต่งานนี้ยังไงๆ ก้อต้องใช้เครื่องมือวัดเสียงที่ละเอียดด้วยนะครับ ไม่งั้นแต่ง 3 ปีไม่เสร็จนะครับ ถ้าใช้หูฟังอย่างเดียว เผลอๆ จะเลิกเล่นไปเลย เนื่องจากปรับไม่ลงสักที แล้วยิ่งถ้าไปคิดมากจะใช้ Power หลายๆ ชนิดมาเล่นด้วยกัน ยิ่งไปใหญ่เลยเช่นใช้ Amp Transistor Bipolar ขับเสียงความถี่ต่ำ, Amp Transistor Mosfet ขับเสียงกลาง, Amp หลอดขับเสียงแหลม แบบนี้เสียงดีแน่ๆ ครับ แต่ในฝันเท่านั้นครับ ของจริงโอกาสเละมากกว่าดีครับ แล้วยิ่งถ้าเกิดโชคร้ายคำนวนค่าขนาดตู้ที่ใช้ผิดด้วย ลงเหวแน่นอนครับในกรณีนี้

คงพอเห็นภาพมากขึ้นนะครับ
โก้