เกริ่นนำ เรื่องของเรื่องเป็นความบังเอิญที่ได้สายตัว Z300 มาเนื่องจากในครั้งแรกเพื่อนผมได้สายรุ่น Z200D มาแล้วติดใจ ก็เลยสั่งไปเพิ่มแต่ทางอมริกาส่งผิดรุ่นมาเป็นเจ้าตัว Z300 มา หลัง E-mail โต้ตอบกันไปมาก็ได้ความว่า เป็นรุ่นที่ไม่ได้ทำออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีให้เฉพาะ Dealer ที่อเมริกาบางรายเท่านั้น ก็เลยลองกันดู เพราะหากส่งสายกลับไปเปลี่ยนคำณวนค่าส่งสายกลับไปกลับมาแล้วไม่น่าจะคุ้ม แล้วอีกอย่างหากเป็นจริงที่เค้าบอกก็แสดงว่าสายรุ่นนี้นะจะเป็นรุ่นสูงกว่าด้วย ก็เลยจัดการลองซะเลย และตอนหลังเพิ่งมาทราบรายละเอียดของสายรุ่นนี้ว่าไม่มีขายตามท้องตลาดจริงๆจากคุณ ธวัชชัย ตามกระทู้นี้ครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=4559.0 ทั้งหมดก็เป็นที่มาของสายตัวนี้นะครับ�
เริ่มทดสอบ ตอนแรกเริ่มเลยผมได้เจ้า Z200D หัว WBT รุ่นธรรมดามาก่อนลองทดสอบแล้ว ยังให้ผลไม่แตกต่างจากสายที่ผมใช้อยู่ และหากเทียบราคาแล้วยิ่งทำให้ผมไม่สนใจ เนื่องจากสาย Z200D ได้มาตามราคาใน Web ที่อเมริกาบวกค่าส่งด้วยแล้วก็ไม่ต่างจากสายที่ผมใช้ด้วยดิ แต่ Z200D ได้เทียบแค่เรื่องความถี่ต่ำอย่างเดียว
ทำให้ผมไม่อยากลองเจ้า� Z300 หัว WBT Nextgen cu เอาซะเลย� แต่วันรุ่งขึ้นไม่มีอะไรทำ ก็เลยคิดว่าไหนๆ ก็เอามาแล้ว ก็ลองซักหน่อยหนะ� �ก็เลยลองซะ ผลออกว่าต่างจากที่คิดไว้มากครับ เนื่องจากเสียงต่างจากเจ้า Z200D มากโขอยู่ ตื่นเต้นซะบอกไม่ถูกเรียบโทรไปแจ้งผลกับเพื่อนทันที�
ด้วยความกังขาอยู่ในใจว่ามันดีจริง ก็เลยเอาไปลองที่บ้านพี่กัมปนาทซะเลย� ผลก็ไม่เลวครับเทียบกับสายพี่กัมฯ ราคาในนี้ประมาณ 1 หมื่นอัพ กับ Z300 เส้นนี้รวมหัวแล้วตกประมาณ 5000 บาท สู้ไม่ได้เรื่องรายละเอียดเสียงที่ยังไม่ระยิบระยับเท่า แต่เรื่องความถี่ต่ำเนี่ยไม่แพ้แน่นอน�
หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ผมได้ Z300 หัว WBT Nextgen Ag มาอยู่ในมือ ซึ่งผมได้ลองแล้วรายละเอียดทิ้งหัว Nextgen Cu ไปอีกระดับทีเดียว� ได้ประสบการณ์ใหม่ระหว่างหัว WBT Nextgen ทั้งสองรุ่นว่ามันต่างกันขนาดนี้� มิน่าราคาถึงต่างกันเยอะเหมือนกันแฮะ
วันอาคารก่อนโน้นมีโอกาสนำเจ้า Z300 หัว WBT Nextgen Ag ไปลองอีกทีที่บ้านพี่กัมฯ ทดสอบเหมือนเดิมครับ และหลังจากกลับจากบ้านพี่กัมฯ ก็มาทดสอบกับพี่ป่วน และก็เพื่อนผมอีกครั้ง รวม 3 ครั้ง ทั้งนี้ผมอยากได้ความเห็นของแต่ละท่านกับการลองครั้งนี้ครับ มิได้เป็นความเห็นของผมคนเดียว เนื่องจากจะลดการใช้รสนิยมส่วนตัวมาเป็นเกณฑ์ ทุกครั้งที่ทดสอบใช้เจ้าแผ่น DEMO. DTS 9 เนี่ยหละระยะหลังดูกันบ่อย เสียงค่อนข้างคุ้นหู
การทดสอบทั้ง 3 ครั้งใช้สายต่างยี่ห้อกันหมด� โดยสายที่หนึ่ง ราคาค่าตัวเฉพาะสายต่างกันประมาณ 3-5 เท่าตัว ส่วนอีก 2 เส้น ราคาไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งผมอ้างอิงในการคิดค่าสายที่คาดว่าจะได้มาในราคาแพงที่สุด คือ 3000 บาทนะครับ ไม่รวมหัว
ผมสรุปที่ทั้ง 3 ท่าน รวมผมด้วยเป็น 4 ท่าน สรุปตรงกันหมดคือ สายตัวนี้ให้ Tonal Balance ที่ดีมาก ไล่จากเสียงแหลม กลาง ไปจนถึงเบสต้น เลยจนถึงเบสช่วงลึกๆ� มันมีให้ได้ยินครับ เบสช่วงลึกอาจยังเป็นลองสายที่แพงกว่า แต่ในขณะเดียวกันเบสต้นเนี่ยมันกลับดีกว่าดูหนังได้ระทึกกว่า ตื่นเต้นกว่านะ� ส่วนรายละเอียดไม่ต้องพูดถึงครับกลาง แหลม อาจเป็นรองสายตัวแพงกว่าแต่ไม่มากครับ หากไม่นั่งจับผิดกันเนี่ยไม่รู้จริง อันนี้พี่กัมฯ เป็นคนบอกเองครับ ส่วนพี่ป่วนถึงกับงงครับ
� �HERO Arrow
เสียงม้าย่ำเท้า, เสียงตอนใช้เท้าง้างธนู, เสียงปะทะแรกของธนูกับหลังคาและกระถางไม้ที่มีทราย ได้อิมแพ็คแรกของเสียงเบสตอนต้นได้ดีครับ
Master & Commander
เสียงปืนใหญ่ ตลอดทั้งเรื่องเนี่ยสุดๆ� และรายละเอียดของเรือที่โดนยิงจนเรือพุน ได้ยินเสียงไม้แตกหักชัดเจนดีครับ
KILL BILL VOL.1�
อันนี้ผมใช้ไว้ทดสอบรายละเอียดของเสียงแหลมถึงกลาง จากโซ่ที่น้องสาวญี่ปุ่น เหวี่ยงไปมา หากสายให้รายละเอียดได้ดีจะได้ยินการเคลื่อนที่ของโซ่อยู่เกือบตลอดเวลาครับ (เสียงโซ่กระทบกันเอง)
ส่วนตอนเหวี่ยงโซ่จะรับรู้ได้ถึงเนื้อเสียงจากของตัวโซ่เอง (ขนาดโซ่) และเนื้อเสียงตอนโซ่ที่ถูกเหวี่ยงประทะกับอากาศ (ตอนเป็นหัว Nextgen Cu จะเห็นความต่างกันค่อนข้างชัด แต่พอเปลี่ยนเป็นรุ่น Ag พี่กัมฯ บอกแทบไม่ต่างเลยครับ หัวเนี่ยมีส่วนจริงๆ ด้วยแฮะ) ปลายเสียงก็ทอดตัวกำลังดีครับ
สรุปว่าคุ้มสตางค์มากครับ ทั้ง 3 ท่านรวมทั้งผมด้วยอดใจไม่ไหว สั่งกันมาคนละเส้น อิ อิ� �
(ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวและจากเพื่อนทั้ง 3 เท่านั้นนะครับ)�
