ขออนุญาตตอบนะครับ R มีไว้ควบคุมเกนของโคลส ลูปเกน ส่วน C ทำหน้าที่ปรับการเลื่อนเฟสของวงจร ดังนั้นการที่เราจะใช้ C ค่าตามที่เขาให้มานั้น...ผิดครับ !... เนื่องจากเราไม่สามารถทราบได้ว่า เฟสระหว่าง อินพุต กับ เอาต์พุต นั้นต่างกันอยู่เท่าไหร่ การที่หลายท่านใส่แล้วไม่ชอบก็เป็นการยืนยันได้ครับว่า ใส่ไม่ถูกค่า ไม่ใส่เสียยังดีกว่า การทดสอบที่ดีต้องใช้โหลดเทียมกับ สโคป
ผมเองก็ไม่ทราบข้อมูลมากว่านี้นะ เพราะเพิ่งจับหลอดมาแค่ช่วงที่เรียน ปวช เท่านั้นเอง
ถามคุณ Nut_ty ต่อครับ รู้ได้อย่างไรว่าผิดครับ อะไรเป็นปัจจัย ในเมื่อทำทุกอย่างตามวงจรต้นแบบ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้วงจร โปรด ชี้แนะให้ความกระจ่างด้วยครับ 
ด้วยคำตอบที่เป็นคำถามซ้อนกันนะครับ อยากทราบว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าค่าที่เขาให้มานั้นถูกต้องครับ คำตอบของผมก็คือ ถ้าเรามีหม้อแปลงเอาต์พุตที่เป็นค่าอุดมคติ นั้นก็ไม่แน่ครับ มีส่วนที่จะทำให้วงจรดีแน่ๆ แต่ถ้าเราทำหม้อแปลงเอาต์พุตให้อุดมคติไม่ได้ ก็เป็ยการยากที่จะมานั่งเปิดตำราทำกันครับ มีหลายคนที่อ่านหนังสือญี่ปุ่นแล้วทำตามเขา ก็หลงประเด็นกันนาน จนกว่าเขาจะรู้ว่าลองเปลี่ยนค่าที่ "หูต้องการ" แล้วมันได้รับความพึงพอใจที่มากกว่า มิหนำซ้ำอาจจะยังได้รูปคลื่นที่เฟสถูกต้องกว่า
ผมไม่ได้พูดว่า ค่าที่เขาให้มานั้นผิด แต่ผมให้แนวคิดว่าจะทำตามเขาด้วยค่านั้น และ คิดว่าค่านั้นคือที่ค่าถูกต้องนั้น " ผิด"
ปัจจัยของการเลื่อนเฟสไม่ได้มาจากวงจรเพียงอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับวงจร + หม้อแปลงเอาต์พุตด้วย ทีนี้หากมีคำถามต่อว่าทำไมวงจรซิงเกิ้ลเอนด์ที่ไม่มีฟี้ดแบ็ค แล้วมันเฟสไม่เลื่อนหรือ ? คำตอบคือเลื่อนครับ แต่มันทำให้เราชอบสไตล์เสียงแบบนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมานั่งแก้ หากศึกษาเรื่อง BACK EMF จะทราบว่าคอซิงเกิ้ลเอนด์ เกลียดพวกนี้นักหนา จึงไม่ใช้ทั้ง R และ C ฟี้ดแบ็ค
การที่เราจะซื้อหลอดแพงๆ หม้อแปลงแพงๆ หรือ แม้แต่อะไหล่หรูหรา แล้วคิดว่ามันจะทำให้เรารู้ลึกวงจรมากขึ้นนั้น ผมว่าไม่ถูกต้องนะ ตราบใดที่เรายังไม่ทราบว่า R และ C ธรรมดามันทำงานอย่างไร ?