ขอบคุณครับ แล้วมีใครพอทราบบ้างว่า เมื่อออกมาจากป่าครั้งแรก มาเล่นที่หอประชุม AUA ครั้งแรกเเลย นั่นชื่อว่าคอนเสริท์ อะไรครับ
ใครทราบบอกที 
ออกจากป่าครั้งแรกน่าจะเป็นคอนเสิร์ท
FORGET ME NOT ที่ธรรมศาสตร์นี้ครับ
เอาเรื่องเล่าของคนแก่ มาให้อ่านครับคอนเสิร์ต Forget Me Not ที่หนังสือพิมพ์มติชนจัดร่วมกับองค์การ Unicef เพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสทั่วโลก จัด 2 รอบ ตอนบ่ายและเย็นที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Hi- Light ของงานไม่ได้อยู่ที่องค์กรเอกชนต่างๆที่ส่งการแสดงเข้าร่วม ไม่ได้อยู่ที่พิธีกรชื่อดังอย่างคุณจันทรา ชัยนาม ที่ยอมเสียสละค่าตัวทั้งหมดเพื่อร่วมอุทิศให้กับงานกุศลครั้งนี้ แต่อยู่ที่วงดนตรีคนคุ้นเคยที่จากไกลไปสัญจรตามป่าเขาต่างแดน เพิ่งเดินทางกลับสู่อ้อมอกแผ่นดินไทยอีกครั้ง นั่นก็คือ วงคาราวาน (บางคนกล่าวว่านี่คือ The Return of Caravan แข่งกับภาพยนตร์ชุด Star War ตอน The Return of Jedi ที่กำลังโด่งดังขณะนั้น)
เป็นครั้งแรกที่ Caravan ได้กลับขึ้นเวทีในเมืองไทยอีกครั้ง หลังผ่านพ้นยุค ลุกขึ้นสู้ สู่ บาดแผลจากวนา
เพียงแค่ประกาศว่า คาราวานคืนรังเท่านั้น บัตรคอนเสิร์ตขายเกลี้ยงหมดในสัปดาห์แรก จนคณะผู้จัดเองก็คาดไม่ถึง มองหน้าตาคนซื้อบัตรก็ไม่ใช่วัยรุ่น วัยร็อคหรือเด็กแนวที่ไหน ผู้ใหญ่วัยทำงานปกติ ทั้งรุ่นแรกและแรกรุ่น ทุกคนพร้อมใจกันมาก่อนเวลา คุยทักทายระหว่างกันเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่หายไปนานก่อนจะเข้าไปคอยนาทีสำคัญอยู่ในหอประชุมใหญ่ สิ้นเสียงคำประกาศของพิธีกร ขอเชิญพบกับวงคาราวาน บรรยากาศคนดูเงียบกริบ เหมือนจะรอคอยอะไรบางอย่างที่ปะทุขึ้นมา เมื่อเสียงเพลง คืนรัง ดังขึ้น
โอ้ยอดรักฉันกลับมา จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไศล จากใบไม้ หลากสีสัน
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง......หลายคนจ้องเวทีเขม็งให้แน่ใจว่าคาราวานกลับมาแล้วจริงๆ หลายคนก้มหน้านิ่งซ่อนอารมณ์ หลายคนสะอื้นไห้ออกมา ไม่ปิดปังความตื้นตันใจอีกต่อไปแล้ว และอีกหลายๆคนร่ำไห้อยู่ในใจ บางคนร่ำไห้ที่เพื่อนกลุ่มหนึ่งได้กลับบ้าน บางคนร่ำไห้เพราะได้เยียวยาบาดแผลลึกๆอยู่ในใจ
เพราะคาราวานคือประสบการณ์แห่งยุคสมัยของคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่ร่วมชะตากรรม ต่อสู้กับความเชื่อและอุดมการณ์ด้วยกัน มันคือความอาดูรสูญสิ้นหลังจากคืนวันอันเลวร้ายผ่านพ้น ฉากชีวิตแต่ละคนที่เคยแตกกระจัดกระจาย แต่วันนี้ วินาทีนี้ กำลังจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอีกครั้ง
นานมาแล้ว เราจากกัน โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก
ดังทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก ดังภูสูงที่สูงสุดสอย ....จากเพลงแรกสู่เพลงที่สอง สาม สี่และต่อๆไป ยิ่งดึก เรื่องเล่าต่างๆก็พรั่งพรูออกมามากขึ้น เสียงหัวเราะเคอะเขินสลับเป็นระยะๆกับเพลงเก่าๆท่วงทำนองเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น เปิปข้าว คนกับควาย และบทเพลงใหม่ๆที่แต่งไว้ระหว่างเดินทัพไกล อย่างเช่น
กองเกวียนคนทุกข์ในยุคจักรกล สองขาดั้นด้นใต้โค้งฟ้าคราม
กำเนิดในยามพระเจ้าหลับใหล ภายใต้แสงฟ้าฟืนไม้บง...คาราวานคืนนั้นเล่นได้ไม่เต็มที่นัก ด้วยความห่างร้างจากเวทีเมืองไปนาน แต่แทบไม่มีใครจะใส่ใจข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ บทเพลงที่ขับขานยลยินได้รินหลั่งชโลมใจ สมานบาดแผลแห่งยุคสมัยซึ่งที่ผ่านมามีเพียงวันและเวลาเท่านั้นทำหน้าที่ช้าๆอย่างซื่อสัตย์
จบคอนเสิร์ต เดินออกมา ไม่กล้ามองหน้าใคร ดูเหมือนแต่ละคนจะก้มหน้าหลบๆ ไม่ยอมสบตากัน แม้บรรยากาศจะเนืองแน่นไม่แพ้ตอนเข้า แต่อารมณ์ที่คุกรุ่นกลับคลายและเบาบางลง เหมือนได้ทิ้งความหนักอึ้งที่ติดค้างในใจอยู่ในคอนเสิร์ต Forget Me Not ไปแล้ว คอนเสิร์ตเติมเต็มความโหยหาที่ขาดหายไปนานแสนนาน
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา ดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย เจ้านกน้อยโผคืนสู่รังใครบางคนยังพึมพำเนื้อเพลงนอกคอนเสิร์ต ขณะเดินทอดน่องต่อรถเมล์หน้าท้องสนามหลวงของกลางดึกคืนนั้น
<object width="425" height="344"><param name="movie" value="
http://www.youtube.com/v/66Su9qrLfNk&hl=en&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="
http://www.youtube.com/v/66Su9qrLfNk&hl=en&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>