การเอาวงจรที่เขาเคยออกแบบมาใช้แล้วมันไม่ผิด ใครๆก็ทำกัน ผมก็เคยทำมาเยอะ แต่ควรเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าคนออกแบบคนแรกเขามีจุดประสงค์อะไร ก่อนที่เราจะต่อยอดของเขาต่อ แต่ เราไม่สามารถตัดต่อพันธุกรรม เอาแต่ละวงจรที่เราชอบมารวมกัน แล้วคิดว่ามันจะทำงานได้ดี โดยไม่คำนวณถึงความสัมพันธ์ ทั้งหมดของทั้งสามภาค ผมยังไม่ต้องดู Plate Characteristic ของทั้ง L63 (6J5)กับ 27 แค่เห็นวงจรที่ตัดต่อพันธุกรรมมา ก็บอกได้แล้วว่ากลินมันตุๆ แต่ไม่รู้นะครับหูผมไม่ค่อยดีประสพการณ์ฟังน้อย เสียงมันอาจจะดีมากๆ ได้เพราะว่าคุณภาพในการฟังเสียงของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ถ้า สัญญาณออกมาจาก CD สูงสุดเท่ากับ 1VRMS = 2.828Vp-p หลอด L63 ไบอัสสูงกว่า 1.5V ก็ใช้ได้แล้ว มีเหตุผลใดที่ต้อง ไบอัสกระแสสูงขนานนั้น ช่วยตอบผมหน่อย

ถ้า L63 มีกำลังขยาย = 15 สัญญาณออกจาก L63 เมื่อบิดวัลลุมสูงสุด (วิศวกรที่ออกแบบวงจรต้องใช้จุดนี้เพื่อให้อุปกรณ์ทำงานสูงสุด ) สัญาณทีออกจาก L63 จะมีค่า = 15x 2.828 = 40-45Vpp
ดังนั้นหลอดภาคที่สฮงต้องมีไบอัสอย่างน้อย = -20Vdc ถึง -23Vdc ดูเหมือนผมได้อธิบายในกระทูนี้ไปครั้งนึงแล้ว แต่ หลอดที่สอง ไบอัสตำเกินไปกรณีย์นี้ ยังไม่คิดถึงภาคที่สามมันก็ขริบแล้ว
ในกรณีย์นี้ หมุน วัลลุมไปห้าสิบเปอร์เซนต์ก็ขลิบแล้ว ศรีธนชัยก็จะบอกว่า มันก็ใช้งานได้ แค่หมุนไปแค่หนึ่งนาฬิกาก็พอ ผมก็เลยอยากจะถามว่าถ้าหมุนไปเกือบรอบพึ่งขลิบ กับหมุนไปครึ่งรอบแล้วขลิบเลยอย่างไหนดีกว่ากัน ตอนนี้ยังไม่พูดถงหลอดที่สามคือ 2A3
จำไว้เสมอว่า เมื่อวงจรมีสามหลอด เวลาเราออกแบบต้องคิดถึงความสัมพันธ์กันทั้ง สามภาคครับ การจะเป็นวิศวกรที่เก่งได้ ต้องอ่านเยอะและคิดตามไปและเข้าใจให้ได้ว่าวงจรที่เราเห็นทำอย่างไร
เป็นวิศวกรที่เก่งทำได้ แม้ไม่จบวิศวะ จบ ม.สาม ก็เก่งกว่าวิศวกรในแผ่นปริญญาบัตร์ได้ ถ้าเราอ่านเยอะ และคิดตามเยอะๆ ผมเองก็ไม่จบวิศวะ แต่ผมทำงานเป็นวิศวกรทั้งในประเทศและในต่างประเทศมา 35ปี และปัจจุบันยังต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศเป็นระยะ ยิ่งยุคนี้มี อินเตอร์เน็ต ด้วยยิ่งง่ายใหญ่ทั้งหมดคือความเห็นสวนตัวผมเอง อย่าเชื่อ ขอให้เอาไปคิดต่อ