จับสาวใช้เนรคุณยกเค้า 2 ล้าน หาเงินลงทุนสนามยิงปืน!
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 3 พฤศจิกายน 2552 13:44 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
น.ส.ขวัญใจ เดือนไทยสงค์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์
รวบหลานยายคนรับใช้บ้านนายแพทย์ รพ.รามาฯ รับสารภาพทำมาแล้ว 5 ครั้ง เหตุร้อนเงินร่วมทุนทำสนามยิงปืนกับแฟนหนุ่ม ขณะที่เจ้าของบ้าน ชี้เกิดจากความไว้วางใจเพราะครอบครัวสนิทกันมาก เนื่องจากยายของผู้ต้องหาเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านมาก่อน แถมส่งเรียนถึงปริญญาตรี แต่สุดท้ายตอบแทนลักทรัพย์กว่า 2 ล้าน
วันนี้ ( 3 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. และร.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ รอง สว.กก.1 บก.ป. แถลงข่าวจับกุม น.ส.ขวัญใจ เดือนไทยสงค์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.ปะอาว อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลาง สร้อยคอโลหะ 7 เส้น แหวนโลหะ 10 วง จี้ 4 อัน ต่างหู 3 คู่ กล้องถ่ายรูป 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 320,000 บาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 4 เล่ม และทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายรายการรวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท จับกุมได้ที่บริเวณสนามยิงปืนบีบีกัน "ยูเอฟซี" ถนนนิมิตรใหม่ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. จึงกล่าวหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นคุ้มครองทรัพย์และบุกรุกเคหะสถาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางนิภา เจตน์สว่างศรี อายุ 74 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท สหตะวันออก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 335 - 339 ซอยราษฎร์บูรณะ 29 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม. พร้อมด้วยบุตรชาย ผศ.นพ.ธวัช เจตน์สว่างศรี อายุ 48 ปี สูตินารีแพทย์ รพ.รามาธิบดี เข้าแจ้งความกับ บก.ป. เพื่อให้จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบริษัทดังกล่าวซึ่งเปิดเป็นโรงงานทำสีและใช้เป็นที่พักอาศัยของครอบครัว เบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยว่าน่าเป็นฝีมือของ น.ส.ขวัญใจ หลานสาวของอดีตคนรับใช้ในบ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่งออกสืบสวนติดตามตัว น.ส.ขวัญใจ พร้อมของกลางหลายรายการ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวน
น.ส.ขวัญใจ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุลักทรัพย์มาจากบ้านพักของผู้เสียหายจริง โดยทำมาแล้ว 5 ครั้ง เนื่องจากต้องการเงินมาร่วมลงทุนทำสนามยิงปืนบีบีกันกับแฟนหนุ่มและแบ่งบางส่วนไว้ใช้จ่ายส่วนตัว โดยจะฉวยโอกาสลงมือในช่วงที่เดินทางไปหาน้าสาว ซึ่งเป็นคนรับใช้ในบ้านของผู้เสียหายและตนก็เคยทำงานดังกล่าวอยู่ด้วยระยะหนึ่ง แต่ช่วง 3-4 เดือนมานี้ตนได้ออกจากบ้านมาอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มแต่ก็ยังไป ๆ มา ๆ อยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ นางนิภา ให้การว่า ตนและครอบครัวผู้ต้องหาสนิทกันมากเพราะยายของเขาเคยเป็นคนรับใช้ที่บ้านมาก่อนเมื่อยายเขาทำงานไม่ไหว น้าสาวเขาก็มาทำงานแทน สำหรับ น.ส.ขวัญใจ ตนจ้างมาเลี้ยงดูหลานและเห็นว่ายายเขาเป็นคนเก่าแก่จึงเชื่อใจให้มาอยู่ด้วยเป็นเวลานับสิบปีโดยให้เข้าออกภายในบ้านได้เหมือนคนครอบครัวเดียวกัน
"ฉันเอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลานและส่งเสียให้เล่าเรียนจนถึงระดับปริญญาตรี แต่ไม่คิดว่าจะเนรคุณก่อเหตุลักทรัพย์สินของฉัน ช่วงเกิดเหตุครั้งหลังสุด เป็นวันหยุดไม่มีใครอยู่ในบริษัทมีเพียง น.ส.ขวัญใจ เท่านั้นที่เดินทางมาที่บ้านและอยู่ในบ้านจึงเชื่อว่าเขาเป็นคนขโมยทรัพย์สินแน่นอน"
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัว น.ส.ขวัญใจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ดำเนินคดีต่อไป