HTG2.club

ระบบวัด Delay ของ AVR เชื่อถือได้แค่ไหน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ M.lex

  • M.Lex HTG (Home Theater GURU)
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,154
    • เพศ:ชาย
เมื่อวันก่อนเพื่อนโทรกริ๊งงง มาบอกว่า ซื้อเครื่องเสียงมาใหม่ ช่วยมา set เสียงให้หน่อย ลอง setup เองแล้วมันฟังดูแย่มาก
ผมก็บอกไปว่างั้น ก็ลองใช้ไมค์กับให้ AVR Auto setup ดูก่อนสิ เผื่อจะดีขึ้น ซักพัก โทรมาบอกว่าเออ เสียงมันดีขึ้นแต่
เสียงมันยังไงๆก็ไม่รู้  ดูหนังไม่ค่อยมันส์เลย น้ำหนักเสียงไม่ค่อยแน่นเลย  ไม่มีอิมแพค ผมก็...อืมมมม..... เด๊วไป

ไปถึงก็ดูการวางลำโพง อะไรทั่วๆไปก่อนก็ตั้งมาตรฐานดีทั่วไป ลองฟังดู ก็อย่างที่แกบอกว่ามันขาดน้ำหนัก  เก้าอี้นะสั่น แต่เบสมันบวม ช้า มั่วกระจาย
ก็เลยถามว่าไปทำอะไรกับมันบ้าง เขาก็บอกว่าไม่ไดทำอะไรเลย แค่ ใช้ Auto setup อย่างเดียว 
ผมก็เลยจัดการปรับ ระยะของลำโพงเองใหม่ ด้วยสายวัด ค่าที่ได้จาก Auto setup และระยะทางของลำโพงจริงๆ เพี้ยนไปค่อนข้างเยอะ
หายกันเป็น เมตรเลย  (อาจจะมาจากไมค์แถมที่คุณภาพไม่ดีนัก)
เลยจัดการปรับระยะจากที่นั่งถึงลำโพงใหม่ทุกช่อง  แล้วฟังใหม่ เสียงโดยรวมก็ดีขึ้นแต่น้ำหนักเสียงก็ยังไม่ค่อยดีอยู่เหมือนเดิม
ซึ่งน่าจะมาจากซับ ลองย้ายไปมาหลายจุดเสียงก็ไม่ต่างกันมาก โดยรวมยังขาดน้ำหนักเสียง เลยเข้ามาดู ที่ Delay ใหม่ ลองปรับแบบใช้หูและความรู้สึกฟัง
ค่อยๆลด ค่า Delay ของ Sub ลง ที่ละนิด จน Bingo!!  เสียงที่ขาดพลังมาจาก Delay ของ Sub นั้นเอง ซึ่งค่าที่ได้ต่างกับการวัดด้วยระยะ ค่อนข้างเยอะ
ซึ่งอาจจะมาจาก Speed ที่ช้าของตัว Sub เองด้วยที่ทำให้ค่าของ การตั้ง Delay ไม่สามารถระยะวัดจากตู้ถึง ที่นั่งได้อย่างควรจะเป็น 
และการเพิ่มหรือลดค่า Delay เพียงเล็กน้อยมีผลกับน้ำหนักเสียงค่อยข้างเยอะ เช่นอยากได้แรงกระแทก หรือ อยากได้นุ่มนวล ก็ปรับดึงจาก Delay ได้
ถ้าใครเล่น Dsp คงจะเข้าใจ เรื่องพวกนี้ไม่ยากเลย เพราะแค่ปรับแค่  0.1 Ms  เสียงก็เปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ที่มาบอกกว่ากันในที่นี้ก็คือใครอยากให้ลองปรับ Delay ด้วยหูกันอีกที่เพราะค่าที่เล่นๆกันอยู่โดยใช้ระยะห่างของลำโพงกับที่นั่งมันวัดได้ไม่ตรง 100%
เสียงกลางแหลมยังกล่อมแกล้มไปได้  ส่วนใหญ่จะปรับในลักษณะ  Sound State บรรยากาศโอบล้อมและก็การดึงเสียงพูดให้ตรงกับจอ  แต่กับ Sub นี้ลำบากพอดู
เพราะมันมีหลายปัจจัยเหลือเกิน เช่น จุดตัดความถี่ สโลบ เฟส Room mode และก็การจัดวาง  การปรับ Sub จึงค่อนข้างยากกว่า
เพราะต้องมาดูปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดประกอบด้วย  แต่เบื้องต้นที่ผมลองปรับใช้หลักการง่ายๆ เลย ก็คือลองหาแผ่น เพลงที่มีเบส ที่เป็นจังหวะและเสียงเบสคงที่นะครับ
แล้วก็ลองปรับ Delay ดูที่ละ .1 จะฟังลักษณะเบสออกได้ไม่ยาก หรือลองไปเพิ่มลดแบบ เวอร์ๆดูจะฟังออกได้ยิ่งง่าย เช่นเบสขาดน้ำหนัก บวม เบลอตีรวนกันมั่ว
อาจจะเริ่มจาก ค่าของระยะห่างลำโพง ก่อนแล้วปรับที่ละนิด ถ้าปรับ Delay น้อยไป เบสจะล้ำหน้า คือมาเร็วกว่าเสียงหลัก ถ้าปรับหน่วงไปเบสจะช้าและไม่เก็บตัว
ผมจะปรับให้ล้ำๆไว้ก่อนเพราะฟังง่ายกว่าหน่วงช้า  แล้วลดที่ละนิดจนน้ำหนักแรงปะทะ หรือเสียงที่เรียกว่าหัวเบส มันมาพร้อมกัน ก็เป็นกันใช้ได้
เพราะถ้าปรับ Delay ลงตัวแล้ว ทั้ง ไดนามิค แรงปะทะ อิมเพค มันจะมาครบ ดูหนังสนุกกว่าเดิมแน่นอนครับ

ส่วนใครใช้ฟังแบบ 2 Ch ไม่มี AVR คงต้องย้ายซับขยับหน้าหลังดูเอาครับ อันนี้ขอบอกว่าหินครับ ถ้าจะเล่น แบบนี้แนะนำ DSP สถานเดียวครับ
เพราะ สามารถปรับ  จุดตัดความถี่ สโลบ เฟส  Delay ได้ละเอียดกว่าครับ เคยลองฟังที่คุณโก้ Set ชุด  Hiend โดยใช้ Sub passive แล้วทึ่งมากๆ ครับ
เผลอๆเบสดีกว่าเบสที่ติดมากับตู้ด้วยซ้ำไป 

สำหรับมือใหม่ๆเริ่มต้น  set เสียงเอง 
น่าลองปรับเล่นดูไม่เสียหลายครับ ก่อนปรับก็จดค่าเดิมไว้ก่อน เพื่อไม่ถูกใจหรือฟังไม่ออกก็สามารถกลับมาใช้ค่าเดิมได้  แค่ถ้าจูนลงตัวดีดี ผมว่าดีขึ้นอีกเยอะเลย ครับ
 

 


เคยแนะนำเรื่องการปรับ Delay ไปหลายครั้งแล้ว ผมอยากจะบอกว่า Delay ไม่รู้ว่าจะปรับอย่างไร ก็อย่าไปแตะมันครับ เพียงแค่.5 Ft ทุกอย่างอาจแย่อย่างไม่น่าชื่อ ไม่รู้ก็ไม่ต้องทำก็ได้
สิ่งสำคัญที่สุด คือการปรับความดังให้เท่ากัน ทุกChannel และปับSub Woofer ให้ได้ดีที่สุดแค่นี้ก็พอแย้ว สำหรับ New Hand  8)
จิตอาสาพาเราเจริญ

โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน" width="190" height="58" border="0


ออฟไลน์ SK

  • ***
    • กระทู้: 168
การปรับเสียงนี่สำคัญมากเลยครับ โดยเฉพาะsubwooferเพราะเสียงย่านนี้มีการหน่วงค่อนข้างเยอะถ้าตั้งค่าจากการวัดระยะจริงๆรับรองเจอปัญหาเบสไปตกที่ห้องข้างๆแน่นอน(ถือว่าเผื่อแผ่เพื่อนร่วมบ้านละกันสำหรับชาวคอนโดหรือทาวเฮ้า) เคยรุ้มาว่าsubwoofer บางตัวหน่วงเสียงคิดเป็นระยะทางเกินจริง เป็นสิบยี่สิบเมตรก็มี จึงมีการแก้ในAVR ในการตั้งค่าระยะห่างชดเชย ดังนั้นก่อนซื้อก็ควรตวจสอบให้ดีว่าAVRนั้นๆตั้งค่าระยะห่างของsubwooferได้มาที่สุดเท่าไรยิ่งค่ามากความยืดหยุ่นในการตั้งค่าก็จะมีมากตามไปด้วย ที่จำได้yamaha ได้ระยะสูงสุดรู้สึก50ม ถ้าจำไม่ผิด ส่วนของผมใช้pioneer ได้แค่ 9ม เอง  N]



ออฟไลน์ koh25008

  • ****
    • กระทู้: 289
I used Onkyo 876 odyssy setup then I find tune again.
From DynamicEQ mode in Onkyo bass level was very much then I turn volume down until it's OK.
For distance,I calibrated by measure from listening point to speaker.
I think setup mode from AVR is not too bad.It  guide us to good sound but finally we could fine tune again.
Hope every one enjoy with your system from your setup and you will be proud of your self setup skill.


ออฟไลน์ aouzaa

  • *****
    • กระทู้: 706
    • เพศ:ชาย
ผมใช้ไมค์ของ YAMAHA RX-v1800 ในการเ้ซ็ตค่าเช่นกัน
รู้สึกเสียงเซ็นเตอร์ค่อนข้างเบา เสียงสนทนาฟังไม่ค่อยได้ยิน
แต่พอเสียงเอฟเฟค ch.ซ้าย+ขวา+เซอร์ราวด์+Back Surround (7.1)
ดังมากจนต้องลดเสียงลง

เลยก็ต้องใช้ระบบ อัตโนมือ+หูเรา ปรับเสริมอีกรอบนึง

 :headphone


ออฟไลน์ Pete

  • *****
    • กระทู้: 786
เมื่อวันก่อนเพื่อนโทรกริ๊งงง มาบอกว่า ซื้อเครื่องเสียงมาใหม่ ช่วยมา set เสียงให้หน่อย ลอง setup เองแล้วมันฟังดูแย่มาก
ผมก็บอกไปว่างั้น ก็ลองใช้ไมค์กับให้ AVR Auto setup ดูก่อนสิ เผื่อจะดีขึ้น ซักพัก โทรมาบอกว่าเออ เสียงมันดีขึ้นแต่
เสียงมันยังไงๆก็ไม่รู้  ดูหนังไม่ค่อยมันส์เลย น้ำหนักเสียงไม่ค่อยแน่นเลย  ไม่มีอิมแพค ผมก็...อืมมมม..... เด๊วไป

ไปถึงก็ดูการวางลำโพง อะไรทั่วๆไปก่อนก็ตั้งมาตรฐานดีทั่วไป ลองฟังดู ก็อย่างที่แกบอกว่ามันขาดน้ำหนัก  เก้าอี้นะสั่น แต่เบสมันบวม ช้า มั่วกระจาย
ก็เลยถามว่าไปทำอะไรกับมันบ้าง เขาก็บอกว่าไม่ไดทำอะไรเลย แค่ ใช้ Auto setup อย่างเดียว 
ผมก็เลยจัดการปรับ ระยะของลำโพงเองใหม่ ด้วยสายวัด ค่าที่ได้จาก Auto setup และระยะทางของลำโพงจริงๆ เพี้ยนไปค่อนข้างเยอะ
หายกันเป็น เมตรเลย  (อาจจะมาจากไมค์แถมที่คุณภาพไม่ดีนัก)
เลยจัดการปรับระยะจากที่นั่งถึงลำโพงใหม่ทุกช่อง  แล้วฟังใหม่ เสียงโดยรวมก็ดีขึ้นแต่น้ำหนักเสียงก็ยังไม่ค่อยดีอยู่เหมือนเดิม
ซึ่งน่าจะมาจากซับ ลองย้ายไปมาหลายจุดเสียงก็ไม่ต่างกันมาก โดยรวมยังขาดน้ำหนักเสียง เลยเข้ามาดู ที่ Delay ใหม่ ลองปรับแบบใช้หูและความรู้สึกฟัง
ค่อยๆลด ค่า Delay ของ Sub ลง ที่ละนิด จน Bingo!!  เสียงที่ขาดพลังมาจาก Delay ของ Sub นั้นเอง ซึ่งค่าที่ได้ต่างกับการวัดด้วยระยะ ค่อนข้างเยอะ
ซึ่งอาจจะมาจาก Speed ที่ช้าของตัว Sub เองด้วยที่ทำให้ค่าของ การตั้ง Delay ไม่สามารถระยะวัดจากตู้ถึง ที่นั่งได้อย่างควรจะเป็น 
และการเพิ่มหรือลดค่า Delay เพียงเล็กน้อยมีผลกับน้ำหนักเสียงค่อยข้างเยอะ เช่นอยากได้แรงกระแทก หรือ อยากได้นุ่มนวล ก็ปรับดึงจาก Delay ได้
ถ้าใครเล่น Dsp คงจะเข้าใจ เรื่องพวกนี้ไม่ยากเลย เพราะแค่ปรับแค่  0.1 Ms  เสียงก็เปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ที่มาบอกกว่ากันในที่นี้ก็คือใครอยากให้ลองปรับ Delay ด้วยหูกันอีกที่เพราะค่าที่เล่นๆกันอยู่โดยใช้ระยะห่างของลำโพงกับที่นั่งมันวัดได้ไม่ตรง 100%
เสียงกลางแหลมยังกล่อมแกล้มไปได้  ส่วนใหญ่จะปรับในลักษณะ  Sound State บรรยากาศโอบล้อมและก็การดึงเสียงพูดให้ตรงกับจอ  แต่กับ Sub นี้ลำบากพอดู
เพราะมันมีหลายปัจจัยเหลือเกิน เช่น จุดตัดความถี่ สโลบ เฟส Room mode และก็การจัดวาง  การปรับ Sub จึงค่อนข้างยากกว่า
เพราะต้องมาดูปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดประกอบด้วย  แต่เบื้องต้นที่ผมลองปรับใช้หลักการง่ายๆ เลย ก็คือลองหาแผ่น เพลงที่มีเบส ที่เป็นจังหวะและเสียงเบสคงที่นะครับ
แล้วก็ลองปรับ Delay ดูที่ละ .1 จะฟังลักษณะเบสออกได้ไม่ยาก หรือลองไปเพิ่มลดแบบ เวอร์ๆดูจะฟังออกได้ยิ่งง่าย เช่นเบสขาดน้ำหนัก บวม เบลอตีรวนกันมั่ว
อาจจะเริ่มจาก ค่าของระยะห่างลำโพง ก่อนแล้วปรับที่ละนิด ถ้าปรับ Delay น้อยไป เบสจะล้ำหน้า คือมาเร็วกว่าเสียงหลัก ถ้าปรับหน่วงไปเบสจะช้าและไม่เก็บตัว
ผมจะปรับให้ล้ำๆไว้ก่อนเพราะฟังง่ายกว่าหน่วงช้า  แล้วลดที่ละนิดจนน้ำหนักแรงปะทะ หรือเสียงที่เรียกว่าหัวเบส มันมาพร้อมกัน ก็เป็นกันใช้ได้
เพราะถ้าปรับ Delay ลงตัวแล้ว ทั้ง ไดนามิค แรงปะทะ อิมเพค มันจะมาครบ ดูหนังสนุกกว่าเดิมแน่นอนครับ

ส่วนใครใช้ฟังแบบ 2 Ch ไม่มี AVR คงต้องย้ายซับขยับหน้าหลังดูเอาครับ อันนี้ขอบอกว่าหินครับ ถ้าจะเล่น แบบนี้แนะนำ DSP สถานเดียวครับ
เพราะ สามารถปรับ  จุดตัดความถี่ สโลบ เฟส  Delay ได้ละเอียดกว่าครับ เคยลองฟังที่คุณโก้ Set ชุด  Hiend โดยใช้ Sub passive แล้วทึ่งมากๆ ครับ
เผลอๆเบสดีกว่าเบสที่ติดมากับตู้ด้วยซ้ำไป 

สำหรับมือใหม่ๆเริ่มต้น  set เสียงเอง 
น่าลองปรับเล่นดูไม่เสียหลายครับ ก่อนปรับก็จดค่าเดิมไว้ก่อน เพื่อไม่ถูกใจหรือฟังไม่ออกก็สามารถกลับมาใช้ค่าเดิมได้  แค่ถ้าจูนลงตัวดีดี ผมว่าดีขึ้นอีกเยอะเลย ครับ