HTG2.club

ถามเกี่ยวกับ LoadLine ของหลอด Output หน่อยครับ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
พี่ๆครับ ผมกำลังนั่งออกแบบวงจร EL34SE อยู่ครับ แต่นั่งนึกไปนึกมาก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้นว่า ถ้าจากรูปเรา Bias หลอด EL34SE ที่ 295V @ 80mA ที่ Vg= -19 V  LoadLine 3K  ถ้าผมใช้หม้อแปลงไฟ 290 V RMS จ่ายภาค Supply ให้มันโดยผ่านหลอด 5U4GB ซึ่งดรอปโวลท์ไปประมาณ 50V ครับ  ดังนั้นไฟที่ทางออกเต็มที่อย่างเก่งก็ 340V

ข้อสงสัยผมมีอยู่ว่า ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing ไป ที่ -30V ตามรูป ไฟที่หลอดต้องการจะมีค่าสูงมากถึง 380 V ซึ่งหม้อแปลงผมจ่ายได้ไม่ถึงอยู่แล้ว เนื่องจากการออกแบบถูกบังคับโดย  OPT ซึ่งก็คือ L  ดังนั้นที่ไฟ DC จึงมีค่า Impedance ต่ำมาก จึงทำให้ที่จุด Bias 295 V บังคับเราให้ออกแบบไฟ B+ แค่ประมาณ 325V
<ค่านี้มาจาก 295 + 19 + ไฟดรอปที่ OPT ซึ่งต่ำมาก รวมเท่ากับ 325V โดยประมาณ>  ซึ่งแตกต่างจากการออกแบบภาค Drive ที่มี Voltage สำรอง Drop ไว้ที่ R plate พอสมควร จึงสามารถให้ Volt ได้ตามความต้องการของหลอด


จุดสำคัญคือ ว่าถ้าเป็นอย่างงี้สัญญาณที่ Swing ทางด้านลบเยอะๆ <Vg ติดลบมากๆ> จากจุด Bias เดิม  เราจะเอาไฟสูงๆอย่างนี้จากที่ไหนมาให้มันครับเพราะจุด Bias เป็นตัวกำหนด Spec หม้อแปลงไฟเรามาแล้ว ยังไงก็ไปไม่ถึงแน่ๆ     แต่กลับกันส่วนเมื่อ Vg เป็นลบน้อยๆความต้องการกระแสมากขึ้นเราก็เพียงออกแบบหม้อแปลงให้จ่ายกระแสได้เพียงพอเท่านั้นก็สบายๆแล้ว 

พี่ๆท่านใดทราบช่วยตอบด้วยนะครับ ตอนนี้คิดยังไงก็คิดไม่ออกครับ K] K]

ขอบคุณครับ  :headphone :headphone
เส้นต่างใน plate curve ใช้โปรแกรมอะไรวาดครับ  :help

ผมใช้โปรแกรม Photoshop ครับ  การดึงพวกเส้นโค้งนี้ต้องสร้าง เส้นตรงขึ้นมาก่อน จาก Line Tool ครับ  จากนั้นไปที่ Edit>Transform Path>Warp ครับจากนั้นดึงได้ตามใจชอบเลยครับ
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ลองคิดเล่นๆ  

ถ้าแรงดันมันสามารถ up ขึ้นไปได้ถึง 2000V จริง ยิ่งแอมป์วัตต์สูง แรงดันสูงยิ่งมีโอกาสสูง

ผมว่านี่แหละที่เป็นสาเหตุที่ OPT พังขณะที่ไม่ต่อโหลด ถ้า OPT ออกแบบเรื่องฉนวนไม่ดีพอก็จะทำให้ฉนวนทะลุ (break down) แล้วนำไปสู่การช็อตระหว่างรอบ (shorted turn) ซึ่งทำให้เกิดความร้อนตามมาแล้วก็ไหม้ในที่สุด ลักษณะความเสียหายเหมือนกับกรณีที่ Open secondary circuit ของ Current transformer ครับ

  :yes
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ลองคิดเล่นๆ  

ถ้าแรงดันมันสามารถ up ขึ้นไปได้ถึง 2000V จริง ยิ่งแอมป์วัตต์สูง แรงดันสูงยิ่งมีโอกาสสูง

ผมว่านี่แหละที่เป็นสาเหตุที่ OPT พังขณะที่ไม่ต่อโหลด ถ้า OPT ออกแบบเรื่องฉนวนไม่ดีพอก็จะทำให้ฉนวนทะลุ (break down) แล้วนำไปสู่การช็อตระหว่างรอบ (shorted turn) ซึ่งทำให้เกิดความร้อนตามมาแล้วก็ไหม้ในที่สุด ลักษณะความเสียหายเหมือนกับกรณีที่ Open secondary circuit ของ Current transformer ครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
พี่ๆครับ ผมกำลังนั่งออกแบบวงจร EL34SE อยู่ครับ แต่นั่งนึกไปนึกมาก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้นว่า ถ้าจากรูปเรา Bias หลอด EL34SE ที่ 295V @ 80mA ที่ Vg= -19 V  LoadLine 3K  ถ้าผมใช้หม้อแปลงไฟ 290 V RMS จ่ายภาค Supply ให้มันโดยผ่านหลอด 5U4GB ซึ่งดรอปโวลท์ไปประมาณ 50V ครับ  ดังนั้นไฟที่ทางออกเต็มที่อย่างเก่งก็ 340V

ข้อสงสัยผมมีอยู่ว่า ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing ไป ที่ -30V ตามรูป ไฟที่หลอดต้องการจะมีค่าสูงมากถึง 380 V ซึ่งหม้อแปลงผมจ่ายได้ไม่ถึงอยู่แล้ว เนื่องจากการออกแบบถูกบังคับโดย  OPT ซึ่งก็คือ L  ดังนั้นที่ไฟ DC จึงมีค่า Impedance ต่ำมาก จึงทำให้ที่จุด Bias 295 V บังคับเราให้ออกแบบไฟ B+ แค่ประมาณ 325V
<ค่านี้มาจาก 295 + 19 + ไฟดรอปที่ OPT ซึ่งต่ำมาก รวมเท่ากับ 325V โดยประมาณ>  ซึ่งแตกต่างจากการออกแบบภาค Drive ที่มี Voltage สำรอง Drop ไว้ที่ R plate พอสมควร จึงสามารถให้ Volt ได้ตามความต้องการของหลอด


จุดสำคัญคือ ว่าถ้าเป็นอย่างงี้สัญญาณที่ Swing ทางด้านลบเยอะๆ <Vg ติดลบมากๆ> จากจุด Bias เดิม  เราจะเอาไฟสูงๆอย่างนี้จากที่ไหนมาให้มันครับเพราะจุด Bias เป็นตัวกำหนด Spec หม้อแปลงไฟเรามาแล้ว ยังไงก็ไปไม่ถึงแน่ๆ     แต่กลับกันส่วนเมื่อ Vg เป็นลบน้อยๆความต้องการกระแสมากขึ้นเราก็เพียงออกแบบหม้อแปลงให้จ่ายกระแสได้เพียงพอเท่านั้นก็สบายๆแล้ว 

พี่ๆท่านใดทราบช่วยตอบด้วยนะครับ ตอนนี้คิดยังไงก็คิดไม่ออกครับ K] K]

ขอบคุณครับ  :headphone :headphone
เส้นต่างใน plate curve ใช้โปรแกรมอะไรวาดครับ  :help
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
ผมยังข้องใจเรื่อง induced voltage ที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงของกระแส น่าจะต้องมีเงื่อนไขที่มากกว่านี้ที่จะทำให้เกิดแรงดันมาก จากพื้นฐาน induced voltage, v = - L x (delta i) / (delta t) ดูจากสมการการก็จะรู้ว่า amplitude ของ induced voltage เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ผมคิดว่าการต่อโหลดกับไม่ต่อโหลดก็น่าจะมีผลต่อการ damp ค่า peak amplitude ลงด้วยครับ ท่านใดที่มีข้อมูลมากกว่านี้ช่วยแชร์ด้วยครับ

สมการมันคุ้นๆเหมือนตอนเรียนเลยครับ  ว่าแต่คุณสมบัติของ ตัว L มันมีอยู่ว่า

- พยายามรักษาค่าเดิมของกระแสไว้ ดังนั้นเมื่อกระแสลดต่ำลง<สัญญาณ swing ทำให้ Grid ติดลบมากขึ้น> ตัวมันเองจะพยายามทำให้กระแสงมีค่าคงเดิม  ดังนั้นมันเองจำทำหน้าที่จ่ายกระแสเพิ่มเข้าไปซึ่งถ้าเรามองมันในรูป Voltage ก็จะเหมือนมีแหล่งจ่าย Voltage อีกตัวนึงมาต่ออนุกรมกันอยู่กับ ไฟ B+ ครับ  จึงเหมือนกับ เดิมเรามีถ่านไฟฉาย 1.5 V 1 ก้อน แต่อยู่ดีๆก็มีมาอนุกรมอีก 1 ก้อน เลยกลายเป็น 3 V ครับ

ไม่รู้ถูกต้องป่าวนะครับ ลองช่วยๆกันเสนอแนะดูนะครับ

ขอบคุณครับ
นี่ถ้ามีรูปให้ดูด้วยจะดีมากเลย คนเรียนน้อย เข้าใจยาก ต้องใช้หลายวิธี  ;D

เดี๋ยวว่างๆจะหามาลงให้นะครับ วันนี้เดี๋ยวขอตัวไปดูหนังก่อนนะครับ  ;D ;D :headphone
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ผมยังข้องใจเรื่อง induced voltage ที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงของกระแส น่าจะต้องมีเงื่อนไขที่มากกว่านี้ที่จะทำให้เกิดแรงดันมาก จากพื้นฐาน induced voltage, v = - L x (delta i) / (delta t) ดูจากสมการการก็จะรู้ว่า amplitude ของ induced voltage เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ผมคิดว่าการต่อโหลดกับไม่ต่อโหลดก็น่าจะมีผลต่อการ damp ค่า peak amplitude ลงด้วยครับ ท่านใดที่มีข้อมูลมากกว่านี้ช่วยแชร์ด้วยครับ

สมการมันคุ้นๆเหมือนตอนเรียนเลยครับ  ว่าแต่คุณสมบัติของ ตัว L มันมีอยู่ว่า

- พยายามรักษาค่าเดิมของกระแสไว้ ดังนั้นเมื่อกระแสลดต่ำลง<สัญญาณ swing ทำให้ Grid ติดลบมากขึ้น> ตัวมันเองจะพยายามทำให้กระแสงมีค่าคงเดิม  ดังนั้นมันเองจำทำหน้าที่จ่ายกระแสเพิ่มเข้าไปซึ่งถ้าเรามองมันในรูป Voltage ก็จะเหมือนมีแหล่งจ่าย Voltage อีกตัวนึงมาต่ออนุกรมกันอยู่กับ ไฟ B+ ครับ  จึงเหมือนกับ เดิมเรามีถ่านไฟฉาย 1.5 V 1 ก้อน แต่อยู่ดีๆก็มีมาอนุกรมอีก 1 ก้อน เลยกลายเป็น 3 V ครับ

ไม่รู้ถูกต้องป่าวนะครับ ลองช่วยๆกันเสนอแนะดูนะครับ

ขอบคุณครับ
นี่ถ้ามีรูปให้ดูด้วยจะดีมากเลย คนเรียนน้อย เข้าใจยาก ต้องใช้หลายวิธี  ;D
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ผมขอยกตัวอย่างข้อมูลจาก datasheet ของ EL34 Mullard, Pentode connected, Class A, Va = 250 V, Ra = 2000 ohm, Pout = 11 watt

P = V^2 / Z
11watt = V^2/ 2000
V = 148.3 Vrms

ซึ่งสัญญาณนี้จะแกว่งบนแรงดัน DC 250V ซึ่งถ้าดูจากกราฟก็น่าจะเป็นแรงดันแกว่งจาก 250 -/+ 148.3 V ซึ่งก็ประมาณ 101.7 - 398.3 V
ถ้าดูที่ภาคจ่ายไฟที่รวมกับ voltage drop ที่ OPT แล้วก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 280 V

สมการมันคุ้นๆเหมือนตอนเรียนเลยครับ  ว่าแต่คุณสมบัติของ ตัว L มันมีอยู่ว่า

- พยายามรักษาค่าเดิมของกระแสไว้ ดังนั้นเมื่อกระแสลดต่ำลง<สัญญาณ swing ทำให้ Grid ติดลบมากขึ้น> ตัวมันเองจะพยายามทำให้กระแสงมีค่าคงเดิม  ดังนั้นมันเองจำทำหน้าที่จ่ายกระแสเพิ่มเข้าไปซึ่งถ้าเรามองมันในรูป Voltage ก็จะเหมือนมีแหล่งจ่าย Voltage อีกตัวนึงมาต่ออนุกรมกันอยู่กับ ไฟ B+ ครับ  จึงเหมือนกับ เดิมเรามีถ่านไฟฉาย 1.5 V 1 ก้อน แต่อยู่ดีๆก็มีมาอนุกรมอีก 1 ก้อน เลยกลายเป็น 3 V ครับ

ทั้งสอง post นี้ก็อันเดียวกันครับ

แต่ที่ฝรั่งเขียนไว้ว่าแรงดันที่เพลทของ EL34 สูงถึง 2000 V นี่งงครับ อย่างนั้นเลยเหรอครับ  :D :D ก็เลยคิดว่าน่าจะมีปัจจัยอ้างถึงด้วยว่าเป็นอย่างไรถึงได้แรงดันสูงขนาดนั้น
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
ผมยังข้องใจเรื่อง induced voltage ที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงของกระแส น่าจะต้องมีเงื่อนไขที่มากกว่านี้ที่จะทำให้เกิดแรงดันมาก จากพื้นฐาน induced voltage, v = - L x (delta i) / (delta t) ดูจากสมการการก็จะรู้ว่า amplitude ของ induced voltage เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ผมคิดว่าการต่อโหลดกับไม่ต่อโหลดก็น่าจะมีผลต่อการ damp ค่า peak amplitude ลงด้วยครับ ท่านใดที่มีข้อมูลมากกว่านี้ช่วยแชร์ด้วยครับ

สมการมันคุ้นๆเหมือนตอนเรียนเลยครับ  ว่าแต่คุณสมบัติของ ตัว L มันมีอยู่ว่า

- พยายามรักษาค่าเดิมของกระแสไว้ ดังนั้นเมื่อกระแสลดต่ำลง<สัญญาณ swing ทำให้ Grid ติดลบมากขึ้น> ตัวมันเองจะพยายามทำให้กระแสงมีค่าคงเดิม  ดังนั้นมันเองจำทำหน้าที่จ่ายกระแสเพิ่มเข้าไปซึ่งถ้าเรามองมันในรูป Voltage ก็จะเหมือนมีแหล่งจ่าย Voltage อีกตัวนึงมาต่ออนุกรมกันอยู่กับ ไฟ B+ ครับ  จึงเหมือนกับ เดิมเรามีถ่านไฟฉาย 1.5 V 1 ก้อน แต่อยู่ดีๆก็มีมาอนุกรมอีก 1 ก้อน เลยกลายเป็น 3 V ครับ

ไม่รู้ถูกต้องป่าวนะครับ ลองช่วยๆกันเสนอแนะดูนะครับ

ขอบคุณครับ
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ผมยังข้อง ใจ เรื่อง induced voltage ที่ เกิดขึ้นหลังการ เปลี่ยน แปลงของกระ แส น่าจะ ต้องมี เงื่อน ไขที่มากกว่านี้ที่จะ ทำ ให้ เกิด แรงดันมาก จากพื้นฐาน induced voltage, v = - L x (delta i) / (delta t) ดูจากสมการการก็จะ รู้ว่า amplitude ของ induced voltage  เกี่ยวข้องกับอะ ไรบ้าง ผมคิดว่าการต่อ โหลดกับ ไม่ต่อ โหลดก็น่าจะ มีผลต่อการ damp ค่า peak amplitude ลงด้วยครับ ท่าน ใดที่มีข้อมูลมากกว่านี้ช่วย แชร์ ด้วยครับ
  :D :D   ;D
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ผมยังข้องใจเรื่อง induced voltage ที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงของกระแส น่าจะต้องมีเงื่อนไขที่มากกว่านี้ที่จะทำให้เกิดแรงดันมาก จากพื้นฐาน induced voltage, v = - L x (delta i) / (delta t) ดูจากสมการการก็จะรู้ว่า amplitude ของ induced voltage เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ผมคิดว่าการต่อโหลดกับไม่ต่อโหลดก็น่าจะมีผลต่อการ damp ค่า peak amplitude ลงด้วยครับ ท่านใดที่มีข้อมูลมากกว่านี้ช่วยแชร์ด้วยครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ หลังเขา

  • ****
    • กระทู้: 481
    • เพศ:ชาย
  • I Want to Break Free
ของเก่ายังไม่เข้าใจของใหม่มาอีกแล้ว ขอบคุณที่มาแชร์ความรู้ครับ เดี๋ยวเข้ามาอ่านอีก  O0 O0 O0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
จริงๆ ไม่ถึง 3/4 ครับ สมมุต Vplate max  500v ผมจะใช้ B+ ประมาณ 300-330v
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
ดังนั้นการออกแบบไฟ B+ จึ่งควรจะมีค่าต่ำกว่า peak maximum anode voltage อย่างน้อย 2  เท่าครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวหลอดเอง

เวลาผมจะออกแบบ จะมองค่า vplate max  เป็นสำคัญ และส่วนใหญ่ที่ออกแบบ มักจะใช้แรงดัน B+ 3/4 ของค่า max
ขอบคุณ่ทาน  EaGLEViEW ที่ให้ความรู้


ยินดีครับพี่ มีความรู้อะไรก็ช่วยๆกันตอบครับ

ว่าแต่ แรงดัน B+ 3/4 ของค่า max  ระวังหลอดจะได้รับอันตรายนะครับพี่ เนื่องจากมันมี Voltage สะสมอยู๋ด้วยเพิ่มอีกเท่าตัวนึงเลยครับ

 :clap :clap
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ดังนั้นการออกแบบไฟ B+ จึ่งควรจะมีค่าต่ำกว่า peak maximum anode voltage อย่างน้อย 2  เท่าครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวหลอดเอง

เวลาผมจะออกแบบ จะมองค่า vplate max  เป็นสำคัญ และส่วนใหญ่ที่ออกแบบ มักจะใช้แรงดัน B+ 3/4 ของค่า max
ขอบคุณ่ทาน  EaGLEViEW ที่ให้ความรู้
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
เท่าที่ผมเข้าใจ

ตัวขดลวดหม้อแปลงมีการสะสมพลังงานแล้วปล่อยออกมาทีหลัง
ตามทฤษฎี มันสามารถสวิงได้ถึง สองเท่าของแรงดันไฟสูงที่ป้อนครับ

เป็นจริงอย่างที่พี่ Emmy's Daddyกล่าวไว้เลยครับ

อ้างอิงจากเวป http://www.freewebs.com/valvewizard1/se.html

         If you are wondering why it appears that the signal voltage can now swing higher than the HT voltage, it is because this is exactly what happens! Inductances abhor changes in current. When current through the transformer increases it stores energy, which is released when the current falls again, allowing up to twice the HT voltage to be developed. Because of this, the HT in a Class A amp must never be more than half the maximum peak anode voltage rating of the valve, given on the data sheet. For the EL34 this is 2000V so we are well within safe limits!
Now we have the load line we need to set the screen voltage before we can continue.

จากความรู้หางอึ่งขอผม จะลองแปลดูให้นะครับเพื่อเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านที่สงสัยเหมือนกัน

       เขาบอกว่า
               
                "ถ้าหากคุณสงสัยว่า ทำไมสัญญาณ Input สามารถ Swing ไปได้เกิน ค่าแรงดันไฟ B+นั้น  มันเป็นเพราะ Inductance <OPT ของเรา> ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงกระแส <เหมือนที่เราเคยเรียนตอน ม.ปลาย ที่เวลาเรานำแท่งแม่เหล็กไปแหย่ในตัว L พอเราจะแหย่เข้าไปมันจะมีแรงต้านผลักออกมา แต่พอเราจะเอาแท่งแม่เหล็กออกมามันกลับมีแรงดูดต้านเอาไว้ > ดังนั้นเมื่อมีกระแสค่ามากกว่าจุดที่ Bias ไหลผ่าน OPT ไปตัว OPT จะสะสมพลังงานไว้ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาเมื่อ กระแสะลดลงอีกครั้ง ดังนั้นมันจึงสามารถจ่าย V ในชั่วขณะได้สูงถึง 2เท่าของไฟเลี้ยงวงจร ดังนั้นการออกแบบไฟ B+จึ่งควรจะมีค่าต่ำกว่า peak maximum anode voltage อย่างน้อย 2 เท่าครับเพื่อความปลอดภัยของตัวหลอดเอง  "

ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ขอบคุณพี่ประสานที่เข้ามาอธิบาย เคลียร์ขึ้นเยอะ แต่ต้องอ่านทบทวนนิดหน่อย เป็นคนเข้าใจยาก  K]
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ผมขอยกตัวอย่างข้อมูลจาก datasheet ของ EL34 Mullard, Pentode connected, Class A, Va = 250 V, Ra = 2000 ohm, Pout = 11 watt

P = V^2 / Z
11watt = V^2/ 2000
V = 148.3 Vrms

ซึ่งสัญญาณนี้จะแกว่งบนแรงดัน DC 250V ซึ่งถ้าดูจากกราฟก็น่าจะเป็นแรงดันแกว่งจาก 250 -/+ 148.3 V ซึ่งก็ประมาณ 101.7 - 398.3 V
ถ้าดูที่ภาคจ่ายไฟที่รวมกับ voltage drop ที่ OPT แล้วก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 280 V

น่าจะพอเทียบเคียงเป็นคำตอบได้นะครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
เท่าที่ผมเข้าใจ

ตัวขดลวดหม้อแปลงมีการสะสมพลังงานแล้วปล่อยออกมาทีหลัง
ตามทฤษฎี มันสามารถสวิงได้ถึง สองเท่าของแรงดันไฟสูงที่ป้อนครับ

แล้วถ้าเป็นหลอดภาคDrive ที่ใช้เป็น Constant Current Sink หละครับที่เราใช้หลอดมาทำเป็น Load ซึงดรอป V น้อยกว่าการใช้ Rมาก แล้วอย่างนี้ในทำนองเดียวกันถ้าหลอดตัวหลักต้องการโวลท์เพิ่มสูงมากกว่านี้เราจะเอาจากไหมมาให้มันนะครับเพราะ CCS เองก็ดรอปไว้ไม่สูงมาก และเราไม่มีคุณสมบัติการสะสมพลังงานแบบหม้อแปลงให้มันแล้ว มึนมากๆเลยครับพี่ K] K] K]

ขอบคุณครับ
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
พี่ๆ ครับ ผมกำ ลังนั่งออก แบบวงจร EL34SE อยู่ครับ  แต่นั่งนึก ไปนึกมาก็มีข้อสงสัย เกิดขึ้นว่า ถ้าจากรูป เรา Bias หลอด EL34SE ที่ 295V @ 80mA ที่ Vg= -19 V  LoadLine 3K  ถ้าผม ใช้หม้อ แปลง ไฟ 290 V RMS จ่ายภาค Supply  ให้มัน โดยผ่านหลอด 5U4GB ซึ่งดรอป โวลท์ ไปประ มาณ 50V ครับ  ดังนั้น ไฟที่ทางออก เต็มที่อย่าง เก่งก็ 340V

ข้อสงสัยผมมีอยู่ว่า ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing  ไป ที่ -30V ตามรูป  ไฟที่หลอดต้องการจะ มีค่าสูงมากถึง 380 V ซึ่งหม้อ แปลงผมจ่าย ได้ ไม่ถึงอยู่ แล้ว  เนื่องจากการออก แบบถูกบังคับ โดย  OPT ซึ่งก็คือ L  ดังนั้นที่ ไฟ DC จึงมีค่า Impedance ต่ำ มาก จึงทำ ให้ที่จุด Bias 295 V บังคับ เรา ให้ออก แบบ ไฟ B+  แค่ประ มาณ 325V
<ค่านี้มาจาก 295 + 19 +  ไฟดรอปที่ OPT ซึ่งต่ำ มาก รวม เท่ากับ 325V  โดยประ มาณ>  ซึ่ง แตกต่างจากการออก แบบภาค Drive ที่มี Voltage สำ รอง Drop  ไว้ที่ R plate พอสมควร จึงสามารถ ให้ Volt  ได้ตามความต้องการของหลอด


จุดสำ คัญคือ ว่าถ้า เป็นอย่างงี้สัญญาณที่ Swing ทางด้านลบ เยอะ ๆ  <Vg ติดลบมากๆ > จากจุด Bias  เดิม   เราจะ เอา ไฟสูงๆ อย่างนี้จากที่ ไหนมา ให้มันครับ เพราะ จุด Bias  เป็นตัวกำ หนด Spec หม้อ แปลง ไฟ เรามา แล้ว ยัง ไงก็ ไป ไม่ถึง แน่ๆ       แต่กลับกันส่วน เมื่อ Vg  เป็นลบน้อยๆ ความต้องการกระ แสมากขึ้น เราก็ เพียงออก แบบหม้อ แปลง ให้จ่ายกระ แส ได้ เพียงพอ เท่านั้นก็สบายๆ แล้ว 

พี่ๆ ท่าน ใดทราบช่วยตอบด้วยนะ ครับ ตอนนี้คิดยัง ไงก็คิด ไม่ออกครับ K] K]

ขอบคุณครับ  :headphone :headphone
อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ใครก็ได้ ช่วยอธิบายให้ละเอียดอีกที

พี่เอกครับ  ผมจะลองอธิบายดูใหม่อีกทีนะครับ
ข้อสงสัยของผมตอนนี้คือ กรณีที่เราใช้ OPT เป็นโหลดให้กับภาค Output ที่ทำการออกแบบจุด Bias ในหลอดของเราใช้ไฟ B+ ไม่สูงมากกว่าจุดฺที่เรา Bias หลอดนั้นมากนะครับ  เช่นจากรูปเรากำหนดจุด Bias หลอด EL34 ไว้ที่ 295V @ 80mA แต่ไฟสูงเราต้องจ่ายผ่านขด OPT ซึ่งมีค่า DCR ที่ต่ำมากตามคุณสมบัติของตัว L สมมุติถ้ามีค่า DCR เท่ากับ 160 Ohm ไฟที่เราต้องสำรองไว้ให้ Dropที่ OPT คือประมาณ 80mA * 160 Ohm = 12.8V เอง ดังนั้นไฟ B+ ของวงจรเราจึงรวมแล้วประมาณ 295+19+12.8 = 330V   ปัญหาคือที่ 330 V เพียงแค่สัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า Swing ไปทางด้านขวาของ LoadLine จากจุด Bias ไม่มากนัก มันก็ต้องการ Voltage ที่สูงมากกว่า 330V แล้ว เราจะเอาจากไหนมาให้มันครับ เพราะเรามีไฟสูงสุดแค่ 330V
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing ไป ที่ -30V ที่ไบอัส -19V จุดทำงานของหลอดจะเป็น -19 - (-30) = 11V จากกราฟแสดงจุดทำงานของหลอดสูงสุดที่ 0V ซึ่งถ้าไปที่ 11V ก็จะกลายเป็น Class A2 ไปแล้ว แต่ถ้ามีสัญญาณเข้ามา +30V จุดทำงานของหลอดก็จะเป็น -19 - (+30) = - 49V ตอนนี้หลอดอาจจะไม่นำกระแส (cut-off) แล้วครับ เมื่อไม่นำกระแสก็จะไม่มีการสร้างแรงดันขึ้นที่ขด Primary ของ OPT ซึ่งตามหลักการเค้าก็ว่าเมื่อมีการแส i วิ่งผ่านขดลวดที่มีค่าความเหนี่ยวนำ L การเปลี่ยนแปลงของกระแสที่ไหลผ่านขดลวด (delta i) จากการที่มีสัญญาณเข้ามาทำให้ก็จะทำให้เกิดแรงดันเหนี่ยวนำที่ OPT, v = -L x (delta i / delta t) , delta t เป็นช่วงเวลาที่กระเกิดการเปลี่ยนแปลง

กระแสที่ไหลผ่านหลอดคือ ตัวที่ทำให้เกิเกิดแรงดันที่ OPT ครับ

ถ้าผมเข้าใจผิดช่วยแย้งด้วยนะครับ

พี่ครับ ถ้าเรายังไม่มองการกลับเฟสของสัญญาณเนื่องจากผลของวงจรขยายนะครับ ที่ผมหมายถึง สัญญาณ Input swing ไปที่ -30V คือผมหมายถึงว่า สัญญาณที่เข้ามาที่ขา Gate ทำให้การสวิงจากจุด Bias เลื่อนไปที่ -30V บนกราฟนะครับ ซึ่งมันต้องการ Voltage สูงถึง 380V นะครับ

ขอโทษทีที่เขียนไม่เคลียร์ครับ  ขอบคุณครับ
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing ไป ที่ -30V ที่ไบอัส -19V จุดทำงานของหลอดจะเป็น -19 - (-30) = 11V จากกราฟแสดงจุดทำงานของหลอดสูงสุดที่ 0V ซึ่งถ้าไปที่ 11V ก็จะกลายเป็น Class A2 ไปแล้ว แต่ถ้ามีสัญญาณเข้ามา +30V จุดทำงานของหลอดก็จะเป็น -19 - (+30) = - 49V ตอนนี้หลอดอาจจะไม่นำกระแส (cut-off) แล้วครับ เมื่อไม่นำกระแสก็จะไม่มีการสร้างแรงดันขึ้นที่ขด Primary ของ OPT ซึ่งตามหลักการเค้าก็ว่าเมื่อมีการแส i วิ่งผ่านขดลวดที่มีค่าความเหนี่ยวนำ L การเปลี่ยนแปลงของกระแสที่ไหลผ่านขดลวด (delta i) จากการที่มีสัญญาณเข้ามาทำให้ก็จะทำให้เกิดแรงดันเหนี่ยวนำที่ OPT, v = -L x (delta i / delta t) , delta t เป็นช่วงเวลาที่กระเกิดการเปลี่ยนแปลง

กระแสที่ไหลผ่านหลอดคือ ตัวที่ทำให้เกิเกิดแรงดันที่ OPT ครับ

ถ้าผมเข้าใจผิดช่วยแย้งด้วยนะครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
พี่ๆ ครับ ผมกำ ลังนั่งออก แบบวงจร EL34SE อยู่ครับ  แต่นั่งนึก ไปนึกมาก็มีข้อสงสัย เกิดขึ้นว่า ถ้าจากรูป เรา Bias หลอด EL34SE ที่ 295V @ 80mA ที่ Vg= -19 V  LoadLine 3K  ถ้าผม ใช้หม้อ แปลง ไฟ 290 V RMS จ่ายภาค Supply  ให้มัน โดยผ่านหลอด 5U4GB ซึ่งดรอป โวลท์ ไปประ มาณ 50V ครับ  ดังนั้น ไฟที่ทางออก เต็มที่อย่าง เก่งก็ 340V

ข้อสงสัยผมมีอยู่ว่า ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing  ไป ที่ -30V ตามรูป  ไฟที่หลอดต้องการจะ มีค่าสูงมากถึง 380 V ซึ่งหม้อ แปลงผมจ่าย ได้ ไม่ถึงอยู่ แล้ว  เนื่องจากการออก แบบถูกบังคับ โดย  OPT ซึ่งก็คือ L  ดังนั้นที่ ไฟ DC จึงมีค่า Impedance ต่ำ มาก จึงทำ ให้ที่จุด Bias 295 V บังคับ เรา ให้ออก แบบ ไฟ B+  แค่ประ มาณ 325V
<ค่านี้มาจาก 295 + 19 +  ไฟดรอปที่ OPT ซึ่งต่ำ มาก รวม เท่ากับ 325V  โดยประ มาณ>  ซึ่ง แตกต่างจากการออก แบบภาค Drive ที่มี Voltage สำ รอง Drop  ไว้ที่ R plate พอสมควร จึงสามารถ ให้ Volt  ได้ตามความต้องการของหลอด


จุดสำ คัญคือ ว่าถ้า เป็นอย่างงี้สัญญาณที่ Swing ทางด้านลบ เยอะ ๆ  <Vg ติดลบมากๆ > จากจุด Bias  เดิม   เราจะ เอา ไฟสูงๆ อย่างนี้จากที่ ไหนมา ให้มันครับ เพราะ จุด Bias  เป็นตัวกำ หนด Spec หม้อ แปลง ไฟ เรามา แล้ว ยัง ไงก็ ไป ไม่ถึง แน่ๆ       แต่กลับกันส่วน เมื่อ Vg  เป็นลบน้อยๆ ความต้องการกระ แสมากขึ้น เราก็ เพียงออก แบบหม้อ แปลง ให้จ่ายกระ แส ได้ เพียงพอ เท่านั้นก็สบายๆ แล้ว 

พี่ๆ ท่าน ใดทราบช่วยตอบด้วยนะ ครับ ตอนนี้คิดยัง ไงก็คิด ไม่ออกครับ K] K]

ขอบคุณครับ  :headphone :headphone
อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ใครก็ได้ ช่วยอธิบายให้ละเอียดอีกที
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
ถูกต้องครับ  :clap เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของขดลวดเลย มันจะมีค่าความต้านทานทาไฟสลับหรือค่า reactance อยู่
และนี่คือสาเหตุที่หม้อแปลง output แต่ละยี่ห้อเสียงไม่เหมือนกันด้วย เพราะค่า reactance นี้จะเปลี่ยนไปตามความถี่
ซึ่งสูตรการพันของแต่ละเจ้าก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันครับ


ออฟไลน์ Emmy's Daddy

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,899
    • เพศ:ชาย
เท่าที่ผมเข้าใจ

ตัวขดลวดหม้อแปลงมีการสะสมพลังงานแล้วปล่อยออกมาทีหลัง
ตามทฤษฎี มันสามารถสวิงได้ถึง สองเท่าของแรงดันไฟสูงที่ป้อนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 ธันวาคม, 2009, 12:58:31 am โดย Emmy's Daddy »


ออฟไลน์ EaGLEViEW

  • ****
    • กระทู้: 466
    • เพศ:ชาย
พี่ๆครับ ผมกำลังนั่งออกแบบวงจร EL34SE อยู่ครับ แต่นั่งนึกไปนึกมาก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้นว่า ถ้าจากรูปเรา Bias หลอด EL34SE ที่ 295V @ 80mA ที่ Vg= -19 V  LoadLine 3K  ถ้าผมใช้หม้อแปลงไฟ 290 V RMS จ่ายภาค Supply ให้มันโดยผ่านหลอด 5U4GB ซึ่งดรอปโวลท์ไปประมาณ 50V ครับ  ดังนั้นไฟที่ทางออกเต็มที่อย่างเก่งก็ 340V

ข้อสงสัยผมมีอยู่ว่า ถ้าสัญญาณจาก Stage ก่อนหน้า  Swing ไป ที่ -30V ตามรูป ไฟที่หลอดต้องการจะมีค่าสูงมากถึง 380 V ซึ่งหม้อแปลงผมจ่ายได้ไม่ถึงอยู่แล้ว เนื่องจากการออกแบบถูกบังคับโดย  OPT ซึ่งก็คือ L  ดังนั้นที่ไฟ DC จึงมีค่า Impedance ต่ำมาก จึงทำให้ที่จุด Bias 295 V บังคับเราให้ออกแบบไฟ B+ แค่ประมาณ 325V
<ค่านี้มาจาก 295 + 19 + ไฟดรอปที่ OPT ซึ่งต่ำมาก รวมเท่ากับ 325V โดยประมาณ>  ซึ่งแตกต่างจากการออกแบบภาค Drive ที่มี Voltage สำรอง Drop ไว้ที่ R plate พอสมควร จึงสามารถให้ Volt ได้ตามความต้องการของหลอด


จุดสำคัญคือ ว่าถ้าเป็นอย่างงี้สัญญาณที่ Swing ทางด้านลบเยอะๆ <Vg ติดลบมากๆ> จากจุด Bias เดิม  เราจะเอาไฟสูงๆอย่างนี้จากที่ไหนมาให้มันครับเพราะจุด Bias เป็นตัวกำหนด Spec หม้อแปลงไฟเรามาแล้ว ยังไงก็ไปไม่ถึงแน่ๆ     แต่กลับกันส่วนเมื่อ Vg เป็นลบน้อยๆความต้องการกระแสมากขึ้นเราก็เพียงออกแบบหม้อแปลงให้จ่ายกระแสได้เพียงพอเท่านั้นก็สบายๆแล้ว 

พี่ๆท่านใดทราบช่วยตอบด้วยนะครับ ตอนนี้คิดยังไงก็คิดไม่ออกครับ K] K]

ขอบคุณครับ  :headphone :headphone
ข้อมูลส่วนตัวครับ

http://www.htg2.net/index.php?topic=53520.0