อิ่มมาก ถึง บ้าน แย้วครับ หูเสียหายครับ
สู้ๆๆๆ ต่อไปครับ ฝากความคิดถึง พี่วุธฝังธน ด้วยครับ ขอบคุณ มากๆๆๆ ไว้พาพี่เค้ามาเยี่ยม ชาว กปห. ได้ครับ
ใช่ครับ กลับมาถึงบ้านกันประมาณ 20.30 น. แต่ละคนก็ตรงดิ่งเข้าบ้านตัวเองเพื่อไปเปิดชุดของตัวเอง ในเพลงและแผนเดียวกันที่เปิดที่ห้องน้อง pon บ้าง เพื่อเทียบดูว่าเป็นอย่างไร ครับ
วันนี้ขอบคุณน้อง pon ที่ต้อนรับคณะด้วยอาหารกลางวันอร่อยมากๆ ตั้งแต่ปูนิ่มทอดกรอบ, ปลากระพงแป๊ะซะ, หลนปูม้า (อันนี้อร่อยมากๆ), แต่ที่ทีเด็ดเล่นเอาคุณหนึ่งสะอึกไปหลายรอบคือผัดกระเพราะมูสับ เผ็ดได้ใจคุณจิตต์
วันนี้ได้ประสบการณ์หลายรูปแบบในการฟังเพลงจากอุปกรณ์ประกอบต่างๆ เช่นเครื่องกรองไฟ สายไฟ และการคร่อมระบบไฟในห้องด้วยสาย Fim
มาดูรูปที่ไปเยี่ยมห้องในวันนี้กันหน่อยครับ


ชุดลำโพงอันใหญ่โตตระหง่าน Duntech Sorverign 2001 เล่นกับแอมป์ McIntosh monoblock 1201 ปรี Audioresearch Ref 3

คณะ กปห ที่ว่างมาร่วมแจมที่ราชบุรีในวันนี้ มี ผม, พี่ไพรัช, หนึ่ง, Kenny, เอ๋, และขุนจิตต์ (วันนี้ขาดไปหลายคน ทั้งนัทฯ ที่ติดเฝ้าบ้านที่น้ำจะท่วม, อาจารย์ชาติที่ติดงาน, น้อง บี ก็ติดงาน, คุณวินัย ก็ติดงาน, หมอบอย ก็ติดงาน, คุณต๋อม ก็ติดงาน ฯลฯ )

ช่วยกันเอาท่อนไมรองฐานลำโพงออก หนักจริงๆ ครับ ลำโพงคู่นี้ใช้ 4 คนช่วยกันขยับเลย
วันนี้คณะมาถึงห้องของน้อง Pon ได้ทราบว่ามีพี่ๆ มาช่วยกันปรับช่วยกันเซ๊ทห้องเพื่อรอต้อนรับคณะของเราตั้งแต่เมื่อเย็นวันศุกร์เสร็จเอาตีสามของเช้าวันเสาร์เลยทีเดียว แต่พี่ที่มาช่วยเซ๊ทก็บอกกับพวกเราว่าเสียเบสยังไม่ได้ มีอาการบวมค้าง เลยต้องเอาเสียงร้องกับเสียงกลางไว้ก่อน พวกเราเองทุกคนก็ลงความเห็นว่าตำแหน่งการวางลำโพงห่างจากกันมากไปหน่อยเสียงร้องเลยจมหายลงตรงกลางเกิดช่องว่าง เวลาเพลงที่ส่ง แพนกันระหว่างซ็ยมาขวา ขวามาซ้ายจะเกิดอาการขาดช่วง จึงได้ช่วยกันปรับตำแหน่งลำโพง Duntech กันใหม่เล็กน้อย ปรากฏว่าเสียงที่ได้ดีขึ้น มีมิติและความต่อเนื่องของเสียงเพลงที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีอาการเสียงลอยโปร่งเกินไปเล็กน้อย มีอาการเสียงสูงค่อนไปทางแข็งแบบเสียดแทงหูพอสมควร เลยลองเอา Walker Audio กล่องปลั๊กออกแล้วลองเสียบด้วย Paradise Signature ดูบ้าง ปรากฏว่าเสียงมีหัวโน๊ตชัดเจนขึ้น สงัดขึ้น และเบสก็มีพลังและกระชับขึ้นทันที เรียกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องบอกว่าอันนี้แล้วแต่ละหูและความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันต้องถามเจ้าของห้องว่าชอบแบบไหนมากกว่ากันถ้าชอบเสียงกระชับ ชัดเจนทุกตัวโน๊ต กระฉับกระเฉงละก็ใส่ Signature ดี แต่ถ้าชอบลูกเอื้อน ลูกลากทอดปลายเสียงละก็ต้องใช้ Walker Audio
แต่พอพี่ที่มีช่วยเซ๊ท (ผมไม่ทราบชื่อจริงๆ) ลองเปิดแผ่น Eagles Hotel California แลวแอบเดินไปเปิดพัดลมด้านหลัง เอ๊ะ เสียงเปลี่ยนไปอีก มีมิติ มีทิศทาง และมีความสดกังวาลเพิ่มขึ้น พี่แกเฉลยว่าได้ลดขยะในระบบไฟของห้องน้อง Pon เพิ่มขึ้นด้วยการ cross jump ปลั๊กไฟในห้องด้วยสายไฟ Fim สั้นๆ เวลาเสียบปลั๊กพัดลมจะทำให้วงจรกระแสไฟที่มีสาย Fim ขั้นอยู่ทำงานครบ loop กระแสก็จะสะอาดขึ้น ทำมห้เสียงมีพลังเปิดโปร่งขึ้นทันที อันนี้ก็เป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าศึกษา ถ้าปรู๊ฟว่าดี ก็น่าเอาไปลองคร่อมตั้งแต่ปลายมิเตอร์ไฟที่วิ่งเข้าบ้านดูกันเลย เรียกว่าลดขยะตั้งแต่ต้นทางมันซะเลย อันนี้ยังไม่ได้ลองนะ
นอกจากเลื่อนตำแหน่งลำโพงบางส่วนดูแล้วยังเอาแท่นไม้ที่คุณน้อง pon เอามารองใต้ฐานลำโพงออกด้วย โดยจับลำโพงวางราบๆ บนพื้นเลย (เพราะตามสเป็คลำโพงคู่นี้เขาออกแบบมาให้วางราบกับพื้นห้องโดยตรง ไม่ต้องมีอะไรมารองใต้ฐานลำโพงเลย) ปรากฏว่าพอเอาท่อนไม้ออกเสียงเบสมาชัดเจนดีขึ้นไม่บวมลอยอย่างเช่นตอนแรก เบสกระชับมีน้ำหนักมากขึ้นทันที
ตอนนี้ห้องนี้อุปกรณ์ที่ใช้ทุกอย่างอยู่ในขั้นดีมากแล้ว เหลือแต่เพียงรีดศักยภาพของเสียงที่ควรจะได้ให้ออกมามากขึ้นอีก โดยการลองขยับลำโพงทีละเล้กทีละน้อยเพื่อหาตำแหน่ง DPols ให้ได้ก็จะฟังเพลงได้สนุกทุกแนวดนตรีและชวนให้นั่งฟังนานๆ ได้ คงต้องรอให้ระบบเซ๊ทตัวเองอีกสักสองสามสัปดาห์เสียงน่าจะนิ่งและชัดเจนขึ้นอีกครับ ใจเย็นๆ มาใกล้ๆ จะเป๊ะแล้วครับน้อง Pon
ข้อได้เปรียบของลำโพงขนาดใหญ่แบบนี้คือเวทีเสียงทีใหญ่มากๆ แต่วันนี้เสียงต่ำ พวกกลองใหญ่และดับเบิ้ลเบสยังคงดังอยู่ด้านหน้าใกล้ลำโพงมากไปหน่อย เสียงยังไม่อิมแพคคนนั่งฟังได้เท่าที่ควร ต้องหาจุดที่เหมาะสมของตำแหน่งลำโพงให้ได้อีกนิดนึงครับ สงสัยต้องให้เฮียเม้งมาช่วยเคาะช่วยดันลำโพงซะแล้วล่ะครับ