ขอบคุณพี่ๆนะครับ คือผมเอง เขาสู่วงการนี้มาแป๊ปเดียวเองครับ โดยเริ่มต้นจากชุดโฮมก่อน แต่หลังๆมา ปันใจไปให้ชุดสองแชนเนลมากกว่า ยังไงขออณุญาตก๊อบ เอกสาร ชุดสองแชนเนลเก่าทีใช้อยู่มาลงให้ดูนะครับ
Sources
Inakustik AC2502 + Furutech FI-25M (G)+ FI 25 R=>C.E.C. TL 51XR Upsampling Belt Drive Compact Disc Player=>Kimber Timbre
Asus F8Sn Laptop=>Squeezebox Classic Music Server=>Kimber PBJ
Roksan Radius 5 Turntable + Clearaudio Aurum Beta Cartridge=>Audioquest Wildcat
Amplifiers
Supra Lorad with Furutech FI15R + FI 11M (G)=>TS Audio PH1 Phono Pre-Amplifier=>HGA Silverlace
Shunyata Venom with Furutech FI-25R=>Sonic Frontier SFL-1 Pre-Amplifier with Audio GD Moon=>Nordost Heimdall
AVbestbuy PC-1=>TS Audio KA 160 Mono Block Power Amplifier=>T+A Speaker 6
Speakers
Stella Opus
Power Outlets
Wooden Box with Cooper Sockets[/size]
แต่ตอนนี้ คิดใหม่ทำใหม่ครับ
เหลือแค่ Minimalistic System ที่พยายามให้เหลือน้อยขิ้นครับ
ก็ประกอบไปด้วย
Digital Source คือ Squeezebox SB3 และ Linn Classik Music ที่ใช้เป็นแอมป์ไปพลางๆ
แล้วก็ Turn Roksan Radius 5
ยังไงขออนุญาตแปะที่ผมเขียนเกีนวกัยแนวคิดมั่วๆซั่วๆของผมไว้ที่เวบอื่นหน่อย เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ
จริงๆแล้วต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นของโครงการนี้ ก็น่าจะมาจากความขี้เกียจมั้งครับ แล้วผมก็ลองหันกลับมาศึกษาวิถีการฟังเพลงของผมจริงๆจังๆอีกที
ถามตัวเองอีกสักครั้งว่า เราต้องการอะไรจากการเล่นเครื่องเสียง
คำตอบคือ
เวลาส่วนใหญ่ ผมมักจะฟังเพลงหร้อมกับการทำอย่างอื่นไปด้วยเช่น
อ่านหนังสือ เล่นเนต จู๋จี๋
แล้วเราฟังเพลงแบบไหน ส่วนใหญ่ก็ฟังเพลง Jazz ที่โหลดมาสะเปะสะปะไปเรื่อยๆ เพลงตลาดทั่วไปบ้าง นานๆทีฟังเพลงคลาสสิก
เทิร์นรึ เอาจริงๆแล้วได้ฟังสักเท่าไรกัน
เพลง(และชุด) ที่ฟังอยู่ทุกวัน มันเพราะไหม โห เพราะมากครับ แต่ว่า เราเอนจอยกับมันถึงแก่นหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องอินขนาดนั้นครับ
เล่นนู่นนั่นนี้ เปลี่ยนนู้นนั่นโน้น เสียงเปลี่ยน มันส์
แต่พอมาคิดอีกทีแล้ว บางทีก็รู้สึกรกๆ และในอนาคตกลับไปอยู่บ้านที่กทม. ก็มีโอกาสสูงที่ทุกอย่างจะรวมอยู่ในห้องผมอย่างเดียว
ประจวบกับความเชื่อในทฤษฎี DPoLS ของเฮียเม้ง ผมก็มั่นใจว่า มันน่าจะเซ็ตรวมกันเป็นชุดดูหนังฟังเพลงรวมกันได้ดีในระดับที่ตัวผมเองพอใจ
แล้วก็ขี้เกียจเปิดปิดหลายๆอย่างด้วยน่ะครับ ก็เลยลองกลับมาคิดดูว่า เราลองกลับมา Back To Basic กับเครื่องเล่นน้อยๆชิ้น ที่มีมาตรฐานในระดับหนึ่งดีไหม
ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปมกับลินน์มั้งครับ
ฮ่าๆ เม๊าท์บ้าบอคอแตกจริงๆ
พี่ๆก็รู้อยู่แล้ว ว่าผมซื้อของอะไรก็ไม่ค่อยได้ฟังจริงๆจังๆเท่าไรหรอก แต่ผมว่าเครื่องในระดับลินน์แล้ว เราน่าจะมั่นใจได้กับ Brand Standard ของมันในระดับนึง ว่าเค้าจะมีแนวเสียงซึ่งเป็น เอกลักษณ์ของเค้า
ทีนี้ เรามาว่าเรื่องเสียงครับ เท่าที่ผมจำได้เปรียบเทียบกับ CEC TL51XR ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าตัวมันเอง ถ้าเปรียบเทียบกับซีดีตัวเก่า ทั้ง Cambridge 840 C หรือแม้กระทั่ง CEC 3300R เองก็ตาม
ตอนนี้จะต่อกับชุดเดิมลองฟังนะครับ
TL51XR ไม่ได้เป็นเครื่องที่จงใจใส่รายละเอียดยัดเยียด ให้เราเท่าไร
แต่เสียงมันต่างกัตัวนี้เยอะเลยครับ
ลินน์นี่ผมรู้สึกว่าเค้าจูนเสียงออกมาให้มันออกแนวน่าฟังหรือเปล่า คือฟังไปได้เรื่อยๆ เนี๊ยบๆเนียน ยิ่งกว่า CEC ซะอีก
TL นี่ผมว่าในส่วนเสียงร้องนี่มันค่อนข้างจะออกประมาณ Well Presented กว่า หรือชัดเจนจะแจ้งกว่า แต่เหมือนว่าลินน์จะได้เปรียบเรื่องความต่อเนื่องมากกว่า
เบส ลินน์เยอะกว่าพอสมควร ส่วนเสียงปลายผมจำไม่ค่อยได้น่ะครับ แต่โดยรวม ผมก็พอใจในเสียงที่ได้ทีเดียวครับ
ผมมีความรู้สึกเหมือนว่า แผ่นที่บันทึกมาดีๆ น้องลินน์จะนำเสนอความพิเศษที่ผมจำไม่ได้จากซีดีตัวเดิมครับ
ในภาค Digital นี่ ผมชอบที่สุดคือภาค DAC ของมันเนี่ยล่ะ (จริงๆก็หวังไว้อยู่ เพราะจะได้ใช้ Squeezebox ต่อไป) ทำงานได้ดีทีเดียว คงความน่าฟัง ถึงแม้เสียงร้องจะรู้สึกล้ำหน้าขึ้นมากว่า เวลาฟังซีดี แต่โดยรวม พอใจครับ (ใช้ Squeezebox เป็น Transport)
โอเค สึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับเครื่องนี้ ก็แน่นอนว่าคงต้องเป็น ภาคแอมป์
ถามว่าขับโอปรู๊ดออกไหม ถ้าเป็นเพลงแนวป๊อปทั่วไป เพลงป๊อปร็อก เพลงแจ๊สน้อยชิ้น เพลงร้อง ผมว่า จริงๆ ฟังได้เลยนะครับ ไม่ได้รู้สึกน่าเกลียดเลย ไม่ได้มีอาการป้อแป้ออกมาให้รู้สึก เสียงที่ได้ออกมาถามว่าบางไหม แห้งไหม กับการเป็น Digital แอมป์ ต้องบอกว่า ใช้คำว่าบางกว่าดีกว่า แต่รู้สึกว่าหางเสียงจะถอดยาวไปได้ไกลกว่านะ แล้วมันก็มีความน่าฟังในอีกแบบนึง
ส่วนเสียงต่ำ ถ้าเป็นกระเดื่องที่มีในเพลงร็อกธรรมดา ถือว่าขับออกมาในระดับที่ผมพอใจนะครับ มวลจะน้อยกว่า แต่กระชับ เละเร้าใจกว่าครับ
แต่ถ้าเกิดเป็นอะไรนะครับ เรียกว่า Upright หรือเปล่า ที่เป็นอคูสติกน่ะครับ ผมว่ามันยังมีอาการมัวอยู่บ้าง คุมได้ไม่ดีเท่าไร
ทีนี้เสียงต่ำในเพลงคลาสสิกล่ะครับ แหะๆๆๆๆๆๆหายไปเลยครับ หิหิหิ
ก็ผมก็เขียนมั่วๆน่ะครับ ตามที่รู้สึก ตอนแรกที่ต่อ แคลร์บอกว่า เสียงแย่เลย แต่พอจัดไปเรื่อยๆ ฟังไปเรื่อยๆ เค้าก็มาบอกอีกทีว่า เอ รู้สึกเพราะเกือบเหมือนเดิมแล้ว
ที่ผมทดสอบตอนนี้ ใข้สายลำโพง Monitor รุ่นเมตรละไม่ถึงสองร้อยอยู่น่ะครับ เพราะยังไม่กล้าตัดเจ้า T+A น่ะครับ แต่ก็กะว่า ถ้าขายไม่ออก ก็คงตัดมาใช้ล่ะครับ
สรุปว่า ณ ตอนนี้ ผมพอใจครับ
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับครับ
ผมชื่อทอม ทำงานโรงแรมอยู่ที่ชะอำ ใครจะผ่านมาก็ติดต่อมาละกันนะครับ
