นอกจากวิทยุ ยังมีนาฬกา กับกล่อง ECUครับ ที่ต้องการไฟตรง(ไม่ผ่านสวิทกุญแจ)ตลอดเวลา แต่มันก็กินไฟน้อยมาก
- ใช่ครับแต่ถ้าสายไฟรั่วกระแสก็จะมากขึ้นทำให้แบตเตอรี่ดิสชาร์จทั้งคืน ลองดูครับเห็นค่ากระแสแล้วอาจจะช่วยประเมินสภาพได้ง่ายขึ้นว่าเกิดจากอะไร
- อย่าลืมประเด็นของไดชาร์จด้วยครับถ้าเราใช้รถระยะทางสั้นๆ การประจุไฟก็ไม่เต็มที่ แล้วถ้ายิ่งมาเจอกับปัญหาสายไฟฉนวนไม่ดีทำให้ไฟรั่วมันจะออกอาการเร็วขึ้น
- แบตเตอรี่ใช้มานานแล้วหรือยัง ถ้า 2 ปีแล้วก็ควรพิจารณาเปลี่ยนได้แล้วครับ ถ้ายังอยากจะใช้ต่อก็ลองชาร์จให้เต็มแล้วทำ Discharge test ดูครับถ้าได้ Amp-hour ใกล้เคียงกับ Spec ของแบเตอรี่ก็ใช้ต่อไปได้ แต่ถ้าจะหา Dummy load มาทดสอบก็คงจะยาก เปลี่ยนน่าจะเหมาะกว่า 2 ปีก็คุ้มแล้วครับ
การหาเครื่องชาร์จต้องพิจารณาด้วยนะครับ แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์เป็นแบบกรด-ตะกั่ว (Lead-Acid) ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบเติมน้ำ (Wet type) ซึ่งประเภทนี้ถ้าประจุด้วยกระแสมากตามที่ช่างทั่วๆ ไปเรียกว่าชาร์จเร็จจะทำให้เกิดความร้อนขึ้นมากจนทำให้น้ำกลั่นที่เป็นส่วนประกอบของสาร Electrolytic ระเหยออกมาแต่เราก็ยังสามารถเติมน้ำกลั่นทดแทนได้ และมีแบบ Maintenance-free จริงๆ แล้วยังสามารถเปิดฝาเติมน้ำกลั่นได้ แต่ถ้าเป็บแบบหุ้มมิด (Sealed type หรือ VRLA - Valve Regulate Lead acid) ผมไม่แน่ใจว่ามีใช้ในรถยนต์หรือเปล่าที่ฝาจะมีกระบวนการดักน้ำที่ระเหยออกและจะระบายแรงดันออกไปจากภายในแบตเตอรีประเภทนี้ถ้าชาร์จไฟแรงๆ เกิดความร้อนภายในทำให้น้ำกลั่นหรือ Electrolyte แห้งจะไม่สามารถใช้งานได้อีกเลย
การเลือกเครื่องชาร์จต้องเลือกให้เหมาะกับชนิดของแบตเตอรี่ด้วยครับ
เครื่องชาร์จแบตเตอรี่แบบ Wet type ปกติจะสามารถเลือกระดับแรงดันการชาร์จได้ 2 ระดับ คือ (1) Float charge แรงดันจะสูงกว่าแรงดันพิกัดของแตเตอรี่ไม่มาก เช่น แบตเตอรี่ 12V ค่าแรงดัน Float charge จะอยู่ที่ 13.8V และ (2) Equalizing charge หรือ Boost charge ระดับแรงดันอยู่ที่ 14.4V **ตัวเลขผมอาจจะแจ้งผิดพลาดถ้าอย่างไรจะมา update อีกทีครับ **
ถ้าเป็นแบบ Sealed type หรือ VRLA ปกติแล้วจะใช้แบบ Float charge แต่ผู้ผลิตบางรายก็ยอมให้ทำ Equalizing charge ได้แต่นานๆ ทำที
เครื่องชาร์จที่ดีต้องเป็นแบบ Constant current ในช่วงแรกของการชาร์จสำหรับแบตเตอรี่ Discharge ออกไปมากๆ จนแรงดันตกลงมากแต่พอชาร์จไประยะหนึ่งจะเปลี่ยนเป็นแบบ Constant voltage ครับ
การปรับตั้งกระแสในการชาร์จช่วงที่เป็น Constant current จะต้องดู Spec ของแบตเตอรี่ด้วยครับเช่น
10C5 0.1C5 หมายถึง ต้องตั้งกระแสไว้ที่ 10% ของ Capacity ของแบตเตอรี่
Capacity ของแบตเตอรี่ เช่น 120Ah C5 หมายความว่า ถ้าจ่ายกระแส 24A จะสามารถจ่ายได้นาน 5 ชั่วโมงโดยที่ระดับแรงดันไม่ตก
ถ้าเป็นแบตเตอรี่ 120AH C5 การปรับตั้งกระแสชาร์จต้องตั้งไว้ที่ 12 Amp.
ยังมีแบตเตอรี่ชนิดอื่นอีกครับ เช่น Ni-Cd, Ni-Mh แต่ตอนนีขี้เกียจแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กุมภาพันธ์, 2010, 10:31:44 am โดย prasan »
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein