เรื่อง Coppy เครื่อง Commercial มีมาแต่นมนาน เหตุที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะเราบางคนหรือบางกลุ่มยังไม่สามารถออกแบบด้วยตัวเองได้ เครื่องมือก็ไม่ค่อยจะมีใช้กัน มีแต่ใจนักสร้างเท้านั้นที่เกินร้อย หากเราไปปิดกั้นตรงจุดนี้มันจะไม่เกิดการพัฒนา แล้วเมื่อไรล่ะ เราจึงจะทำเป็น จนวันนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าในบ้านเรามีคนที่ออกแบบวงจรโดยเริ่มจากศูนย์กันเป็นจริงๆ นั้นกี่คน แล้วที่ว่าเป็นนั้นทำถูกแล้วหรือยัง มีบางกลุ่มที่อ้างว่าออกแบบแอมป์เอง+ทำขายแล้วออสซิลเลตลำโพงไหม้นั้นหมายความว่าอย่างไร
นัก DIY มีนิสัยคล้ายๆกันอยู่อย่างนึงคือ อยากรู้อยากเห็นและอยากสร้าง พอได้สร้างก็จะเกิดความอยากรู้ว่าของแบรนด์เนมที่เขาว่าดีๆ แพงๆนั้นเป็นยังไง ก็จะไปเสาะหากันมาแล้วมาคุยในวงที่คอเดียวกัน เพื่อหาทางสร้าง+ปรับปรุงให้เหนือกว่าของต้นฉบับ ... มุมมองส่วนตัวผมกลับเห็นว่ามันเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ เพียงแต่ขอให้อยู่ในขอบเขตไม่ไปล้ำเส้นทางต้นสังกัดเขาก็น่าจะเพียงพอ (ไม่เผยแพร่แบบโจ่งแจ้ง ไม่ทำขาย และไม่ทำให้ต้นสังกัดเขาเสียหาย)
เมื่อ 6-7 ปีก่อน ทางภาครัฐเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ ถึงกับจัดให้บางหน่วยงานออกมาจัดการอบรมสัมนาในหัวข้อ Reverse Engineering ขึ้นโดยเน้นไปที่การก่อกำเนิดและต่อยอดองค์ความรู้จากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อเป็นทางลัดให้คนไทยได้เรียนรู้และก้าวทันโลก นอกจากนี้ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาออกมาให้ความรู้เรื่องสิทธิบัติ ว่าเราจะเรียนรู้จากงานที่คนอื่นเขาทำไว้แล้ว อย่างไรจึงจะเหมาะสมและไม่ไปละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ผมหนึ่งเสียงครับ ที่ไม่คัดค้านการก็อบปี้ แต่ขอให้ทำแบบเกิดการเรียนรู้เพื่อเป็นรากฐานไปสู่การพัฒนาอย่างแท้จริง (อย่าไปก็อบปี้ขาย+เผยแพร่ในที่สาธารณะก็แล้วกัน) ครั้นจะรอให้มีใครในบ้านเราคิดวงจรหรือเทคนิคขึ้นมาใหม่ อย่างสมัยหลอดเฟื่องฟูที่มีคนคิดเรื่อง Ultralinear ขึ้นมานั้น มันไม่ง่ายนะ