HTG2.club

ถามเรื่องโช๊ค(L) ครับ

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณมากครับคุณ prasan  ยังงี้ถ้าพันแบบ bifilar ก่อนที่จะนำไปต่อขนานกันก็ควรทดสอบด้วยการป้อนไฟไม่สูงมากนักเข้าที่ primary แล้ววัดไฟที่ secondary ของทั้งสองขดให้ได้ใกล้เคียงกันก่อนจะเชี่อมเข้าด้วยกัน ก็จะไม่ทำให้เกิดการสูญเสียใช่ไหมครับ

การพัน bifilar ปกติก็พันสองเส้นไปพร้อมๆ กันอยู่แล้ว (สองเส้นชิดกัน พันไปพร้อมๆ กัน) ผมเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทดสอบตามที่คุณ gai สงสัยครับ  :)
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ขอบคุณมากครับคุณ prasan  ยังงี้ถ้าพันแบบ bifilar ก่อนที่จะนำไปต่อขนานกันก็ควรทดสอบด้วยการป้อนไฟไม่สูงมากนักเข้าที่ primary แล้ววัดไฟที่ secondary ของทั้งสองขดให้ได้ใกล้เคียงกันก่อนจะเชี่อมเข้าด้วยกัน ก็จะไม่ทำให้เกิดการสูญเสียใช่ไหมครับ
DCR ดูก็น่าจะพอทราบความเป็นได้ ในสมมติฐานของคุณ gai ได้นะ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า  :kicking
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณมากครับคุณ prasan  ยังงี้ถ้าพันแบบ bifilar ก่อนที่จะนำไปต่อขนานกันก็ควรทดสอบด้วยการป้อนไฟไม่สูงมากนักเข้าที่ primary แล้ววัดไฟที่ secondary ของทั้งสองขดให้ได้ใกล้เคียงกันก่อนจะเชี่อมเข้าด้วยกัน ก็จะไม่ทำให้เกิดการสูญเสียใช่ไหมครับ


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านครับ
แต่ เอ เกิดความคิดพิเรนทร์อีกแล้ว  ถามเพื่ออยากรู้นะครับ ไม่ได้กวน  ถ้าเกิดพันแบบไบฟิลล่า แล้วรอบไม่เท่ากันนี่ จะเกิดอะไรขึ้นครับ

แต่ละขดลวดจะสร้างแรงดันต่างกัน ถ้าเป็น Secondary มันก็จะ Load กันเองครับ ผมคิดว่าการพัน Bifilar โดยทั่วๆ ไปไม่สามารถควบคุมให้รอบเท่ากันเป๊ะได้อยู่แล้วครับ ยังไงเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้น แต่มันน้อยมากจึงไม่เกิดความเสียหายครับ แต่ถ้าต่างกันมากๆ เช่น 100 รอบไปขนานกับ 200 รอบ อะไรทำนองนี้ อาจจะเกิดเสียหายได้ครับ :)

ใช่ครับ ลองสมมติว่า ถ้าการพัน 1 รอบจะได้แรงดันที่เกิดจากการเหนี่ยวนำ 1 V ดังนั้นรอบต่างกันเยอะแรงดันที่เกิดจากแต่ละขดของ Bifilar ก็จะต่างกันมากด้วย ตามหลักการแล้วถ้าเรานำแรงดันหรือแบตเตอรี่ที่แรงดันต่างกันมาต่อขนานกัน ตัวที่แรงดันมากกว่าจะจ่ายกระแสไปให้อีกตัวที่แรงดันต่ำกว่า เราเรียกกันว่าเกิดกระแสไหลวนในแหล่งจ่ายที่แรงดันต่างกันแล้วนำมาต่อขนานกันครับ การเกิดกระแสไหลวนเป็นการสูญเสียแทนที่จะนำไปใช้งานได้

จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าแรงดันเท่ากันอย่างเดียวก็นำมาต่อขนานกันได้โดยไม่มีปัญหานะครับ ความต้านทานภายในของแหล่งจ่ายแรงดันต้องเท่ากันด้วย ถ้าเป็นขดลวดก็ต้องมีค่า DCR เท่ากัน ได้พูดถึงแบตเตอรี่ก็อยากจะบอกว่าเราจะเอาแบตเตอรี่มาขนานกันต้องเป็นยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ผ่านการใช้มานานเท่าๆ กัน ถึงแม้ว่าเราจะชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มวัดแรงดันได้เท่ากันแล้วแต่ความต้านทานภายในของแบตเตอรี่อาจไม่เท่ากันครับ  :)
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ได้ความรู้ที่น่าสนใจมากขึ้นจริงๆ ครับ  แต่เอ เมื่อไรผมจะมีปัญญาพันเองเสียทีนะ  2f  2f  2f


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ขอบคุณครับ  O0
save กระทู้นี้ไว้ก่อน เดี๋ยวนานไปหาไม่เจอ 
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
อ้างถึง
อ้างถึง
ขอถามต่ออีกหน่อย พอดีมันพาดพิงไปถึงเรื่อง opt ครับ

ถ้าใช้ทฤษฎีเดียวกัน เราพัน primay เป็นหลายเส้นขนานกันก็ได้ค่า L ค่าเดียวกับพันเส้นเดียว ที่จำนวนรอบเท่ากันใช่ไหมครับ
ถ้าเป็น opt นี่พัน primary แบบ สองเส้นขนานกัน เมื่อเทียบกับเส้นเดียวจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ

กรณีเปรียบเทียบลักษณะนี้ผมจะคิดแบบที่ตอบในข้อ 2 คือ พื้นที่หน้าตัดลวดแบบ Single Wire และ Bifilar ควรจะเท่ากัน แบบนี้ก็ได้ Inductance และ DCR เท่ากัน แต่ Bifilar จะได้พื้นที่ผิวลวดมากกว่า Single Wire ครับ จริงๆ แล้วถ้าคิดความหนาของฉนวนเคลือบลวดด้วย Bifilar จะเสียเปรียบ Single Wire ในแง่ของการกินพื้นที่เพราะต้องคิดความหนาฉนวน 2 ครั้งครับ แต่ผมตัดประเด็นนี้ออกไปครับ

ตามมาตรฐานลวด AWG แล้ว เบอร์ลวดที่เล็กลง 6 เบอร์จะมีพื้นที่หน้าตัด 1/2 ของเบอร์ใหญ่ครับ ใครใช้ AWG พัน Sec ของ OPT อยู่ ลอง Bifilar ด้วยลวดที่เล็กลง 6 เบอร์ แล้วมาเทียบกับแบบ Single Wire ดูสิครับ หลังๆ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป ผมมักจะ Bifilar ครับ  :secret

 O0
ผมมีความเห็นว่าการพันลวดสำหรับ OPT แบบ Bifilar ควรทำที่ขด sec มากกว่าที่จะเป็นที่ขด prim เนื่องจากการที่ได้พื้นที่ผิวลวดที่ขด sec มากขึ้นย่อมทำให้มีโอกาสในการเหนี่ยวนำได้ดีขึ้น สัญญาณจาก prim จะถูกถ่ายทอดไปยังขด sec มากขึ้น ให้ลองคิดถึงว่าถ้าเราสมมติให้ขด prim เป็นผู้ยิงธนู (ลูกธนู = เส้นแรงแม่เหล็ก) ส่วนพื้นที่ผิวของขด sec เปรียบเหมือนผืนผ้ารับลูกธนู ผืนผ้าที่กว้างกว่าย่อมรับลูกธนูได้ดีกว่าผืนผ้าที่แคบ  Y]

เอ.. แล้วถ้าทำ Bifilar ที่ขด prim ด้วยล่ะจะเปรียบเหมือนมีผู้ยิงธนูหลายคนกว่า single wire หรือเปล่านะ  ;D

ผมก็ยังคิดว่าเรานำผลจากการเหนี่ยวนำซึ่งเกิดที่ขด sec ไปใช้งาน (ต่อเข้ากับลำโพงในกรณี OPT หรือต่อเข้ากับภาคต่อไปในกรณี Interstage) การทำให้ขด sec มีประสิทธิภาพในการรับที่ดีขึ้นน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ส่วนลูกธนูทั้งหมดหรือเส้นแรงแม่เหล็กทั้งหมด (Flux linkage) ที่เกิดขึ้นที่ขด prim ผมคิดว่ายังมีค่าเท่ากันอยู่ครับ   :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤษภาคม, 2010, 05:23:54 pm โดย prasan »
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านครับ
แต่ เอ เกิดความคิดพิเรนทร์อีกแล้ว  ถามเพื่ออยากรู้นะครับ ไม่ได้กวน  ถ้าเกิดพันแบบไบฟิลล่า แล้วรอบไม่เท่ากันนี่ จะเกิดอะไรขึ้นครับ

แต่ละขดลวดจะสร้างแรงดันต่างกัน ถ้าเป็น Secondary มันก็จะ Load กันเองครับ ผมคิดว่าการพัน Bifilar โดยทั่วๆ ไปไม่สามารถควบคุมให้รอบเท่ากันเป๊ะได้อยู่แล้วครับ ยังไงเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้น แต่มันน้อยมากจึงไม่เกิดความเสียหายครับ แต่ถ้าต่างกันมากๆ เช่น 100 รอบไปขนานกับ 200 รอบ อะไรทำนองนี้ อาจจะเกิดเสียหายได้ครับ :)


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
แสดงว่าถ้าเราพัน L ด้วยลวดหลายเส้นน่าจะดีกว่าเส้นเดียวน๊ะครับ เพราะ
1) ลวดเล็กหลายเส้นกินเนื้อที่น้อยกว่าลวดใหญ่เส้นเดียว เพราะลวดเส้นใหญ่เส้นเดียวมันมีช่องว่างตอนเรียงลวดเยอะกว่า

ผมเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วเมื่อหน้าตัดลวดเหมือนกัน (วงกลม) มันจะกินพื้นที่เป็นสัดส่วนเท่ากันครับ พิสูจน์ง่ายๆ ครับ ถ้าเอาเหรียญห้าบาทใส่ลงในสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดพอดีตัวมัน มันจะกินพื้นที่ 78.54% ของสี่เหลี่ยมโดยประมาณ และถ้าเอาเหรียญบาท 2 เหรียญใส่ลงในสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่พอดีตัวมัน มันก็จะกินพื้นที่ 78.54% ของสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ดี ข้อนี้ก็เปรียบเหมือนการเรียงลวด Single Wire กับ Bifilar จะกินพื้นในอัตราส่วนเท่าๆ กันครับ ถ้าจะประหยัดพื้นที่ว่างได้ ต้องใช้ลวด 4 หรือ 6 เหลี่ยม ครับ

หรือถ้าใครจะกดเครื่องคิดเลขดู ก็เปรียบเทียบการเขียนวงกลม Dia 1cm ในสี่เหลี่ยม 1x1cm กับการเขียนวงกลม 2 วง Dia 0.5cm ในสี่เหลี่ยม 1x0.5cm ดูก็ได้ครับ

อ้างถึง
2) ค่า DCR ก็ลดลงมาก (มั๊ง)

ถ้าใช้ลวดขนาดเดิม พัน Single Wire มาเทียบกับ Bifilar แล้ว Bifilar ย่อมได้ DCR เพียงครึ่งเดียวของ Single Wire ครับ เพราะว่าหน้าตัดมันเพิ่มเป็น 2 เท่าครับ และแน่นอนว่ามันจะกิน Window ของแกนมากกว่าด้วย ถ้าจะเทียบให้แฟร์ควรจะใช้ลวด 2 เส้นที่คิดเป็นพื้นที่หน้าตัดเท่ากับเส้นใหญ่เส้นเดียวครับ แบบนี้จะได้ DCR เท่ากัน แต่ได้พื้นที่ผิวลวดมากกว่าครับ

อ้างถึง
ขอถามต่ออีกหน่อยขับ พอดีมันพาดพิงไปถึงเรื่อง opt ครับ

ถ้าใช้ทฤษฎีเดียวกัน เราพัน primay เป็นหลายเส้นขนานกันก็ได้ค่า L ค่าเดียวกับพันเส้นเดียว ที่จำนวนรอบเท่ากันใช่ไหมครับ
ถ้าเป็น opt นี่พัน primary แบบ สองเส้นขนานกัน เมื่อเทียบกับเส้นเดียวจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ

กรณีเปรียบเทียบลักษณะนี้ผมจะคิดแบบที่ตอบในข้อ 2 คือ พื้นที่หน้าตัดลวดแบบ Single Wire และ Bifilar ควรจะเท่ากัน แบบนี้ก็ได้ Inductance และ DCR เท่ากัน แต่ Bifilar จะได้พื้นที่ผิวลวดมากกว่า Single Wire ครับ จริงๆ แล้วถ้าคิดความหนาของฉนวนเคลือบลวดด้วย Bifilar จะเสียเปรียบ Single Wire ในแง่ของการกินพื้นที่เพราะต้องคิดความหนาฉนวน 2 ครั้งครับ แต่ผมตัดประเด็นนี้ออกไปครับ

ตามมาตรฐานลวด AWG แล้ว เบอร์ลวดที่เล็กลง 6 เบอร์จะมีพื้นที่หน้าตัด 1/2 ของเบอร์ใหญ่ครับ ใครใช้ AWG พัน Sec ของ OPT อยู่ ลอง Bifilar ด้วยลวดที่เล็กลง 6 เบอร์ แล้วมาเทียบกับแบบ Single Wire ดูสิครับ หลังๆ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป ผมมักจะ Bifilar ครับ  :secret
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤษภาคม, 2010, 01:08:39 pm โดย Mr. Tube »


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านครับ
แต่ เอ เกิดความคิดพิเรนทร์อีกแล้ว  ถามเพื่ออยากรู้นะครับ ไม่ได้กวน  ถ้าเกิดพันแบบไบฟิลล่า แล้วรอบไม่เท่ากันนี่ จะเกิดอะไรขึ้นครับ


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....

ออฟไลน์ bb

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,674
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณมากๆเลยครับ ผมเพิ่งรู้เรื่องนี้นะครับ เชื่ออยู่ตั้งนานว่าถ้าเอาลวดมาพันหลายเส้นบนแกนเดียวก็จะทำให้ค่า L ลดลงโดยการหารด้วยจำนวนเส้น
ความรู้ใหม่ที่ต้องจำใหม่ครับ ว่าไม่สนใจว่าจะกี่เส้น ถ้าวงจรแม่เหล็กเดียวกัน ค่า L เท่ากับเส้นเดียวเสมอ c) c)

แสดงว่าถ้าเราพัน L ด้วยลวดหลายเส้นน่าจะดีกว่าเส้นเดียวน๊ะครับ เพราะ
1) ลวดเล็กหลายเส้นกินเนื้อที่น้อยกว่าลวดใหญ่เส้นเดียว เพราะลวดเส้นใหญ่เส้นเดียวมันมีช่องว่างตอนเรียงลวดเยอะกว่า
2) ค่า DCR ก็ลดลงมาก (มั๊ง)

ขอถามต่ออีกหน่อยขับ พอดีมันพาดพิงไปถึงเรื่อง opt ครับ

ถ้าใช้ทฤษฎีเดียวกัน เราพัน primay เป็นหลายเส้นขนานกันก็ได้ค่า L ค่าเดียวกับพันเส้นเดียว ที่จำนวนรอบเท่ากันใช่ไหมครับ
ถ้าเป็น opt นี่พัน primary แบบ สองเส้นขนานกัน เมื่อเทียบกับเส้นเดียวจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ

 พันไบฟิล่า ได้ ดีซีอาร์ ต่ำลงรับ ถ้าใช้ลวดเบอร์เดี่ยวกันกับพันเส้นเดียว แต่โอกาสล้นแกนก็มากขึ้นครับ


ออฟไลน์ sapa2008

  • *****
    • กระทู้: 536
ขอบคุณมากๆเลยครับ ผมเพิ่งรู้เรื่องนี้นะครับ เชื่ออยู่ตั้งนานว่าถ้าเอาลวดมาพันหลายเส้นบนแกนเดียวก็จะทำให้ค่า L ลดลงโดยการหารด้วยจำนวนเส้น
ความรู้ใหม่ที่ต้องจำใหม่ครับ ว่าไม่สนใจว่าจะกี่เส้น ถ้าวงจรแม่เหล็กเดียวกัน ค่า L เท่ากับเส้นเดียวเสมอ c) c)

แสดงว่าถ้าเราพัน L ด้วยลวดหลายเส้นน่าจะดีกว่าเส้นเดียวน๊ะครับ เพราะ
1) ลวดเล็กหลายเส้นกินเนื้อที่น้อยกว่าลวดใหญ่เส้นเดียว เพราะลวดเส้นใหญ่เส้นเดียวมันมีช่องว่างตอนเรียงลวดเยอะกว่า
2) ค่า DCR ก็ลดลงมาก (มั๊ง)

ขอถามต่ออีกหน่อยขับ พอดีมันพาดพิงไปถึงเรื่อง opt ครับ

ถ้าใช้ทฤษฎีเดียวกัน เราพัน primay เป็นหลายเส้นขนานกันก็ได้ค่า L ค่าเดียวกับพันเส้นเดียว ที่จำนวนรอบเท่ากันใช่ไหมครับ
ถ้าเป็น opt นี่พัน primary แบบ สองเส้นขนานกัน เมื่อเทียบกับเส้นเดียวจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ


ออฟไลน์ bb

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,674
    • เพศ:ชาย
c)  เเจมด้วยคน L 2ตัวค่าเท่ากันขนานกัน ค่า L รวมที่ได้ จากการขนานกัน มีค่าเท่ากับ L/2  ความหมายของสูตรนี้หมายความถึงว่า L ที่นำมาขนานกันต้องเป็นLคนละตัวอิสระจากกัน ไม่ได้พันร่วมเเกนเดียวกัน ถ้าลวดสองเส้น พันร่วมเเกนเดียวกันเเบบไบฟิลาร์ นำปลายลวดทั้งสองเส้นของเเต่ละด้านต่อถึงกันเเล้ววัด ก็ได้เท่ากับ L เท่าเดิม สิบเส้นก็ได้ค่าเท่ากับ L หลายเส้นมากๆ อาจเต็มบอบบิ้นก่อนที่จะถึงรอบค่าที่เราออกเเบบไว้  :drunk

เคยลองพันดูแล้ว ผลก็ออกมาเป็นแบบนี้ครับ  ผมพัน 2ลูกแกนเท่ากัน รอบเท่ากัน ลวดเบอร์เดียวกัน ลูกนึงพันแบบลวดเส้นเดียว อีกลูกพันทบลวดคู่  ผลวัดได้ค่า L เท่ากันเลย  :clap :clap


ออฟไลน์ คุณโชค

  • *****
    • กระทู้: 567
สรุปก็คือ หากวงจรแม่เหล็กเดียวกัน ขนานลวด 2 เส้น(หรือมากกว่า) ค่า L จะยังคงเท่าเดิม  แต่ถ้าอยู่คนละวงจรแม่เหล็ก เอามาขนานกัน ค่า L/2  ถูกต้องตามนี้มั้ยครับ
O0
โทร มือถือ 081-4518741
โอนเงินมีสองบัญชี ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นาย สิทธิโชค เเก้วอุ่นเรือน   
เลขที่บัญชี 705-2-84220-9
ธนาคารไทยพานิชย์  ชื่อบัญชี นาย สิทธิโชค เเก้วอุ่นเรือน
เลขที่บัญชี 237-210890-0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
สรุปก็คือ หากวงจรแม่เหล็กเดียวกัน ขนานลวด 2 เส้น(หรือมากกว่า) ค่า L จะยังคงเท่าเดิม  แต่ถ้าอยู่คนละวงจรแม่เหล็ก เอามาขนานกัน ค่า L/2  ถูกต้องตามนี้มั้ยครับ
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ คุณโชค

  • *****
    • กระทู้: 567
 c)  เเจมด้วยคน L 2ตัวค่าเท่ากันขนานกัน ค่า L รวมที่ได้ จากการขนานกัน มีค่าเท่ากับ L/2  ความหมายของสูตรนี้หมายความถึงว่า L ที่นำมาขนานกันต้องเป็นLคนละตัวอิสระจากกัน ไม่ได้พันร่วมเเกนเดียวกัน ถ้าลวดสองเส้น พันร่วมเเกนเดียวกันเเบบไบฟิลาร์ นำปลายลวดทั้งสองเส้นของเเต่ละด้านต่อถึงกันเเล้ววัด ก็ได้เท่ากับ L เท่าเดิม สิบเส้นก็ได้ค่าเท่ากับ L หลายเส้นมากๆ อาจเต็มบอบบิ้นก่อนที่จะถึงรอบค่าที่เราออกเเบบไว้  :drunk
โทร มือถือ 081-4518741
โอนเงินมีสองบัญชี ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นาย สิทธิโชค เเก้วอุ่นเรือน   
เลขที่บัญชี 705-2-84220-9
ธนาคารไทยพานิชย์  ชื่อบัญชี นาย สิทธิโชค เเก้วอุ่นเรือน
เลขที่บัญชี 237-210890-0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ขอบคุณครับ Mr.tube ไม่เห็นนาน กำลังนึกถึงอยู่
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
แสดงว่า ถ้าเราใช้ลวดเส้นเดียว swg27 พันได้ 1500 รอบ กับแกนอันนี้
แต่เราเปลี่ยนมาใช้ ลวดswg34 ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง จำนวน 2 เส้นพันแทน
ทั้งสองเส้น  แต่ละเส้นก็น่าจะได้ประมาณ 1500 รอบ ก็จะได้ L แต่ละเส้น(swg34) เป็นค่าหนึ่ง สมมุติ 7H :)
แสดงว่า L รวมคือขนานกันสองเส้นก็มีค่าแค่ 3.5H (7H/2) ใช่ไหมครับ

ไม่ใช่ครับ ประเด็นคือเราต้องมองว่าขดลวดนั้นเป็นวงจรแม่เหล็กเดียวกัน หรือคนละวงจรครับ กรณีแกนเหล็กอันเดียว มีลวดพันอยู่หลายๆ ขด อันนี้เรียกว่าวงจรแม่เหล็กเดียวกัน ค่า Inductance จะขึ้นกับจำนวนรอบเป็นหลัก เหตุผลก็อย่างที่พี่ prasan อธิบายไว้ครับ กรณี Choke 2 ตัว หรือแม้แต่ขดลวดแกนอากาศ 2 อัน แต่ละขดลวดอยู่คนละวงจรแม่เหล็ก ค่าเหนี่ยวนำรวมจะคิดตามสูตรการอนุกรม/ขนาน L ครับ ถ้ามองออกว่าเป็นวงจรแม่เหล็กเดียวกันหรือคนละวงจรก็จะไม่สับสนและเลือกใช้สูตรได้ถูกต้องครับ

กรณีวงจรแม่เหล็กเดียวกัน รอบเท่าไหน Inductance ก็เท่านั้นครับ การขนานขดลวดจะทำเฉพาะขดที่รอบเท่ากันเท่านั้นครับ และถือว่าจะขนานกี่ขดก็ตาม ก็เท่ากับขดลวดขดเดียวครับ ส่วนกรณีอนุกรมขดลวด Inductance จะเพิ่มเป็นสัดส่วนยกกำลัง 2 ของรอบครับ เช่น 10 รอบ = 10H, 20 รอบ = 2^2 x 10 = 40H ครับ

อ้างถึง
ถามเพิ่มเติมอีกครับ
ถ้าเราพันใช้ swg34 2 เส้นขนานกันไป แต่ใช้แยกกัน คือเส้นหนึ่งไป supply วงจรข้างขวา
อีกเส้นหนึ่งก็ไป supply วงจรด้านซ้าย ถ้าทำอย่างนี้ก็จะได้ L 7H แต่แยกไปคนละข้างเลยใช่ไหมครับ
แบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ ยกเว้นเปลืองจำนวน C rectify ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจากแยกsupply ซ้ายขวา :)

ถ้าแบบนี้ก็ได้ 7H 2 ชุด แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะทำตัวเป็นหม้อแปลงรึเปล่า? ไม่เคยลองดูครับ  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พฤษภาคม, 2010, 11:19:13 am โดย Mr. Tube »


ออฟไลน์ dekdek

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,261

ทีนี้สงสัยว่าค่า L ที่จะได้จากลวดเส้นเดียว swg27 กับ L รวมที่ได้จากลวด swg 34 สองเส้นขนานกัน มันจะเท่ากันหรือเปล่าครับ

แสดงว่า ถ้าเราใช้ลวดเส้นเดียว swg27 พันได้ 1500 รอบ กับแกนอันนี้
แต่เราเปลี่ยนมาใช้ ลวดswg34 ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง จำนวน 2 เส้นพันแทน
ทั้งสองเส้น  แต่ละเส้นก็น่าจะได้ประมาณ 1500 รอบ ก็จะได้ L แต่ละเส้น(swg34) เป็นค่าหนึ่ง สมมุติ 7H :)
แสดงว่า L รวมคือขนานกันสองเส้นก็มีค่าแค่ 3.5H (7H/2) ใช่ไหมครับ

ถามเพิ่มเติมอีกครับ
ถ้าเราพันใช้ swg34 2 เส้นขนานกันไป แต่ใช้แยกกัน คือเส้นหนึ่งไป supply วงจรข้างขวา
อีกเส้นหนึ่งก็ไป supply วงจรด้านซ้าย ถ้าทำอย่างนี้ก็จะได้ L 7H แต่แยกไปคนละข้างเลยใช่ไหมครับ
แบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ ยกเว้นเปลืองจำนวน C rectify ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจากแยกsupply ซ้ายขวา :)

   อันแรก ขนานกันแล้ว มองเป็น L ตัวเดียว ที่จำนวนรอบเท่ากับ 1500 รอบ ดังนั้น ค่า L ก็เท่าเดิมครับ คือ 7 H 


   อันสอง ผมไม่แน่ใจครับ แต่เข้าใจว่าเป็น 7 H 2 ตัวละ 
ข้อมูลส่วนบุคคล

http://www.htg2.net/index.php?topic=60285.0


ออฟไลน์ aphiphot

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,814
    • เพศ:ชาย
  • คุณพ่อขาอย่ามัวแต่ D.I.Y.จนลืมหนูนะคะ
ถามเพิ่มเติมอีกครับ
ถ้าเราพันใช้ swg34 2 เส้นขนานกันไป แต่ใช้แยกกัน คือเส้นหนึ่งไป supply วงจรข้างขวา
อีกเส้นหนึ่งก็ไป supply วงจรด้านซ้าย ถ้าทำอย่างนี้ก็จะได้ L 7H แต่แยกไปคนละข้างเลยใช่ไหมครับ
แบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ ยกเว้นเปลืองจำนวน C rectify ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจากแยกsupply ซ้ายขวา

อยากรู้เหมือนกัน
มองในมุมของคนพันหม้อแปลงครับมันจะทำให้การทนกระแสของโช๊คลดลงเนื่องจากขนาดของลวดเส้นเล็กลงครับ ถูกผิดยังไงยินดีน้อมรับครับ 
ข้อมูลส่วนตัวครับ==>> 
นายอภิภช เจริญกิจ
270 ม.3 ต.เนินทราย อ.เมือง จ.ตราด 23000
eptrattc@hotmail.co.th
Tel.08186220-เจ็ด-หนึ่ง
Line id: aphiphot


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ถามเพิ่มเติมอีกครับ
ถ้าเราพันใช้ swg34 2 เส้นขนานกันไป แต่ใช้แยกกัน คือเส้นหนึ่งไป supply วงจรข้างขวา
อีกเส้นหนึ่งก็ไป supply วงจรด้านซ้าย ถ้าทำอย่างนี้ก็จะได้ L 7H แต่แยกไปคนละข้างเลยใช่ไหมครับ
แบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ ยกเว้นเปลืองจำนวน C rectify ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจากแยกsupply ซ้ายขวา

อยากรู้เหมือนกัน
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ลวดต่างเบอร์ แต่พันรอบเท่ากัน ขนาดแกนเท่ากัน (แกนเดิม) แอร์แก็ปเท่ากัน ค่า L ก็เท่ากันครับ
ผมคิดว่า ลวดต่างกัน ค่า H ก็น่าจะต่างกัน (เข้าใจผิดอยู่นาน) :clap ขอบคุณครับพี่...

พิจารณาจากสูตรในการคำนวณค่า L ครับ ไม่มีตัวแปรใดที่เกี่ยวข้องกับขนาดลวดเลยครับ  :)
  Y]  O0
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ขอเสริมนิดเดียวครับที่จะต่างกันก็น่าจะเป็นค่า DCR ครับเพราะขนาดความโตของลวดคงไม่เท่ากันเป๊ะๆแน่ครับ อย่างอื่นไม่มีผลครับ
Y] Y]
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ sapa2008

  • *****
    • กระทู้: 536

ทีนี้สงสัยว่าค่า L ที่จะได้จากลวดเส้นเดียว swg27 กับ L รวมที่ได้จากลวด swg 34 สองเส้นขนานกัน มันจะเท่ากันหรือเปล่าครับ

แสดงว่า ถ้าเราใช้ลวดเส้นเดียว swg27 พันได้ 1500 รอบ กับแกนอันนี้
แต่เราเปลี่ยนมาใช้ ลวดswg34 ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง จำนวน 2 เส้นพันแทน
ทั้งสองเส้น  แต่ละเส้นก็น่าจะได้ประมาณ 1500 รอบ ก็จะได้ L แต่ละเส้น(swg34) เป็นค่าหนึ่ง สมมุติ 7H :)
แสดงว่า L รวมคือขนานกันสองเส้นก็มีค่าแค่ 3.5H (7H/2) ใช่ไหมครับ

ถามเพิ่มเติมอีกครับ
ถ้าเราพันใช้ swg34 2 เส้นขนานกันไป แต่ใช้แยกกัน คือเส้นหนึ่งไป supply วงจรข้างขวา
อีกเส้นหนึ่งก็ไป supply วงจรด้านซ้าย ถ้าทำอย่างนี้ก็จะได้ L 7H แต่แยกไปคนละข้างเลยใช่ไหมครับ
แบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไรครับ ยกเว้นเปลืองจำนวน C rectify ที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจากแยกsupply ซ้ายขวา :)


ออฟไลน์ aphiphot

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,814
    • เพศ:ชาย
  • คุณพ่อขาอย่ามัวแต่ D.I.Y.จนลืมหนูนะคะ
ขอเสริมนิดเดียวครับที่จะต่างกันก็น่าจะเป็นค่า DCR ครับเพราะขนาดความโตของลวดคงไม่เท่ากันเป๊ะๆแน่ครับ อย่างอื่นไม่มีผลครับ
ข้อมูลส่วนตัวครับ==>> 
นายอภิภช เจริญกิจ
270 ม.3 ต.เนินทราย อ.เมือง จ.ตราด 23000
eptrattc@hotmail.co.th
Tel.08186220-เจ็ด-หนึ่ง
Line id: aphiphot


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ลวดต่างเบอร์ แต่พันรอบเท่ากัน ขนาดแกนเท่ากัน (แกนเดิม) แอร์แก็ปเท่ากัน ค่า L ก็เท่ากันครับ
ผมคิดว่า ลวดต่างกัน ค่า H ก็น่าจะต่างกัน (เข้าใจผิดอยู่นาน) :clap ขอบคุณครับพี่...

พิจารณาจากสูตรในการคำนวณค่า L ครับ ไม่มีตัวแปรใดที่เกี่ยวข้องกับขนาดลวดเลยครับ  :)
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Eak-tubeamp

  • วันนี้ไม่เริ่ม ก็ไม่มีวันสำเร็จ
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,849
    • เพศ:ชาย
  • ....ด้วยใจรัก....
ลวดต่างเบอร์ แต่พันรอบเท่ากัน ขนาดแกนเท่ากัน (แกนเดิม) แอร์แก็ปเท่ากัน ค่า L ก็เท่ากันครับ
ผมคิดว่า ลวดต่างกัน ค่า H ก็น่าจะต่างกัน (เข้าใจผิดอยู่นาน) :clap ขอบคุณครับพี่...
tel 083-3887864


ข้อมูลส่วนตัว  http://www.htg2.net/index.php?topic=44962.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ลวดต่างเบอร์แต่พันรอบเท่ากัน ขนาดแกนเท่ากัน (แกนเดิม) แอร์แก็ปเท่ากัน ค่า L ก็เท่ากันครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ sapa2008

  • *****
    • กระทู้: 536
ผมจะพัน choke สัก 10H 250mA ครับ มีแกนแล้ว
กะว่าจะพันให้เต็มแกนน่ะครับ น่าจะได้สัก 7-8H ครับ
มาดูลวดที่ทนกระแสได้ 250A คือเบอร์ swg 27 แต่ผมไม่มีครับ
มีแต่ลวดเบอร์ swg 34 ซึ่งถ้าเอามาขนานกันก็ทนกระแสได้สัก 210 mA ซึ่งน่าจะพอต่อการใช้งานครับ

ทีนี้สงสัยว่าค่า L ที่จะได้จากลวดเส้นเดียว swg27 กับ L รวมที่ได้จากลวด swg 34 สองเส้นขนานกัน มันจะเท่ากันหรือเปล่าครับ