หัวข้อ: ขวัญใจชาว รีคล็อก Frequency Electronics FE-5680A Rubidium Oscillator Std

[พี่ดุ้น]

พี่อาร์ท ของผมดีนะพี่ ถูกหลักอนามัย ใส้ในทำจากใบตองซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติ phase jitter typ=0.3pS RMS Max=1 pS RMS ในเงื่อนไขที่ยังไม่ได้ใช้กับ PLL นะครับ 
ขายราคากันเอง 1600 บาท  ยังไม่รวมค่าเครื่องบินที่ไปหิ้วมาจากเมกา (ไม่รวมวงจรภาคจ่ายไฟแบบ low noise สุดๆ)

ของ tent lab ไม่มี datasheet นะเขาไปเอาของชาวบ้านมาแล้วก็ขูดเบอร์เขียนชื่อตัวเองลงไปเด๊ยวจะขูดมั่ง

[Mr. Tube]

อยากจะฟังความเห็นของท่านที่ ใช้ CD player ที่เปลี่ยน Osc. นะครับ ว่ามีผลจริงหรือเปล่า

ศราวุธ 

ผมเล่น Clock มาหลายประเภทและหลายวงจร ทั้งใน DAC และ CD Transport ซึ่งทุกครั้งมีผลให้รับฟังความเปลี่ยนแปลงได้ครับ แต่ผมไม่มีเครื่องมือวัด Jitter จึงเทียบเคียงกับผลการรับฟังไม่ได้ว่าเมื่อ Jitter เปลี่ยนไปแล้ว ผลการรับฟังจะมีแนวโน้มเปลี่ยนไปทางไหน แต่ผมเห็นว่าไม่ถึงกับเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์อย่างที่คุณ Tube Collector แสดงความเห็นไว้ครับ

อย่างไรก็ตาม Osc ที่ผมเคยเล่นมา บางตัวมีผลการวัดเป็น Spec Sheet มา หรือถ้าเป็นวงจร DIY ก็พอจะหาผลการวัดจากหมู่นักเล่นได้ ผมเห็นว่า Jitter (มักจะแสดงค่าในรูป Phase Noise) มีผลต่อการรับฟังในทำนอง Jitter ต่ำผลการรับฟังก็ดีขึ้นครับ เสียงชัดและรายละเอียดดีขึ้น ส่วน Freq Error นั้นไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ครับ เช่น Osc ที่มี Phase Noise -100dB เหมือนกัน แต่ตัวหนึ่ง 50ppm อีกตัว 1ppm (11.2896MHz จากผู้ผลิตรายเดียวกัน) ผมแยกแยะจากการรับฟังไม่ได้ครับ หรืออย่างเช่น Kwak Clock ซึ่งสามารถ Modify นิดหน่อยให้ Adj Freq ได้ (ประมาณ +/-150ppm) ผมลองปรับโดยไม่ต้องวัด Freq ก็ฟังความแตกต่างไม่ออกครับ 

[nopphong]

ผมว่ามันไม่เชิงไม่มีผลนะครับ ผลน่ะมีแน่ แต่มันน้อย จะ jitter หรือ phase drift เวลา DAC แปลงออกมาแล้วกระทบต่อเสียงน้อยมาก ประมาณว่าอย่างมากฟังเพลงทั้งเพลงแล้วมีเสียงแปลกปลอมออกมาจึ๊กนึง(สมมุตินะครับ จริงๆมันน้อยกว่านั้นมาก) มันไม่ได้มีผลในทำนองที่เสียงทุ้มมากขึ้น แหลมใสขึ้น หรือเสียงชัดเจนมากขึ้นเลยครับ

สิ่งที่มีผลมากๆเห็นจะเป็นวงจรที่ใช้แปลง d/a ภายในตัว DAC มากกว่า ทั้งในเรื่องของคุณภาพวงจร และเรื่องของคุณภาพของอุปกรณ์ภายนอกที่ต่ออยู่ในส่วนอนาลอค รวมทั้งภาคจ่ายไฟที่มีผลมาก โดยรวมจะกลายเป็นว่า เสียเงินเพิ่ม 400%(ของราคา dac ทั้งตัว) เพื่อให้ได้ผลดีขึ้น 0.1% น่ะครับ เอาเงินไปโมอุปกรณ์รอบๆ หรือเปลี่ยนเบอร์ dac ไปเลยเห็นผลกว่ามากครับ

[Sarawut]

ผมเห็นด้วยกับ คุณ Nutty นะครับ สำหรับ RubOsc. ตัวนี้ ไม่ใช่เพราะว่ามันมี low Temp. & Time drift นะครับ
Rub.Osc. ตัวนี้จะมีค่า drift จะสูงกว่า RUb. Osc ตัวอื่่นๆ เพราะมี DDS อยู่ ทำให้ set ค่า ความถี่ Output ได้
แต่เพราะว่ามันมี Jitter น้อยกว่า Osc.ทั่วไปครับ ถ้าค่า Jitter มีผลกับเสียงของ  CD player ตัวนี้ก็น่าจะมีผลนะครับ.(แต่ผมคงฟังไม่ออก)
อยากจะฟังความเห็นของท่านที่ ใช้ CD player ที่เปลี่ยน Osc. นะครับ ว่ามีผลจริงหรือเปล่า

ศราวุธ 

[nut_ty]

ผมเห็นต่างประเทศเขามีโอกาสลอง แล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ก็เลยอยากให้ท่านผู้ชำนาญการทดลองซื้อหามาลองดูบ้าง ถ้าไม่เป็นการลำบากสะตุ้งสะตังค์ แต่สำหรับผมแล้วราคานี้เหนื่อยจริงๆ  แต่อีกหลายๆ ท่านอาจจะอยากลอง เพราะมีนักฟังหลายต่อหลายคน เปลี่ยนสายไฟสำหรับ D/A ไปในงบประมาณที่ซื้อ Clock ตัวนี้ได้หลายเครื่องแล้วได้ผลลัพธ์ ที่ดีขึ้นแบบจับต้องได้ การที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็ต้องการหนูลองยาก่อนผมเท่านั้นเอง และ หากมันดีจริงผมก็จะเก็บเงินสักครึ่งปีไปซื้อมันมาใช้บ้าง 

[Tube Collector]

ไม่ว่าเราจะใช้ Rubidium Clock หรือทียิ่งแพงกว่านี้คือ Ciecium Clock(Atomix Clock) ที่ส่วนใหญ่ให้ความถี่ 5MHz , 10MHz มาจ่ายให้ DAC จะทำให้เสียงดีขึ้น หรือเปล่าว ผมตอบได้เลยว่าแพงกว่าแต่ไม่ทำให้เสียงดีขึ้นใน DACมีแต่เสียเงินออก จากกระเป๋าโดยเปล่าวประโยชน์
ตัวมาตราฐานความถี่เหล่านี้มีความผิดพลาดน้อยมาก เป็น 1 /10  power 12 to 16 มีประโยชน์มากในวงจรสร้างความถี่สูง High Frequency Synthesizer ยิ่งความผิดพลาดของความถี่กำเนิดน้อยเท่าไร  ความถี่ที่เราต้องการสร้างขึ้นใหม่ ไม่ว่า PLL หรือ DSP (Digital Signal Processing ) ก็มีโอกาศถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น  โดยส่วนใหญ่ เขาสร้างความถี่เป็น 100MHz , 5000MHz จากความถี่ 10MHz

[nut_ty]

เมื่อความพอใจไม่ได้หยุดอยู่แค่ Tent Clock ก็สรรหามาเล่นได้เลยครับ ท่านใดรู้ตัวว่าล่ำซำ รบกวนสอยมาลองให้เป็นขวัญตา (หู) หน่อยเถอะครับ 

http://cgi.ebay.com/1-Hz-to-20-MHz-Programable-Rubidium-Frequency-standard_W0QQitemZ290301888238QQcmdZViewItemQQptZLH_DefaultDomain_0?hash=item43975746ee

เดี๋ยวของเขาจะหมดเพราะเป็นแบบ USED เซียน DAC ที่กล้าเล่นสายไฟเส้นละ 30000 ผมว่าลองตัวนี้น่าจะมันส์กว่านะ 

SUMMARY

Performance results for two new Rubidium frequency standard products have been reported. These products continue the trend toward small, robust, high-performance atomic frequency standards capable of operating in harsh non-laboratory environments, yet providing stabilities approaching those measured under controlled laboratory conditions. These devices are well suited to the demands of the telecommunications industry for the performance-limiting feature of these devices for CDMA increasingly precise time and frequency references capable of operating unattended in harsh environments.