แกอ่านนี้ด้วยนะ 
แต่ถ้าสนPDPจริงๆ มี 65" ของPANA ที่เป็น Made in Japan แท้ๆ ขายอยู่เป็น 3 D ด้วย 
65VT20 ราคาคงเกิน 60LX900 
เต็มพิกัด จากประสบการณ์ตรงTV มันคือ การดูภาพเคลื่อนไหว หรือที่เราเรียกว่าดูภาพยนต์ จำพวก DVD , Blue-ray , HD Player ตอนนี้บางรุ่น เอามาเล่นเกมส์ หรือเป็นจอคอมได้แล้วครับ เพราะมันมีฟังก์ชั่นป้องกัน+ล้างจอไหม้(ฟังก์ชั่นป้องกันจอไหม้ คือภาพที่แสดงบนจอแต่ละพิกเซล จะถูกเคลื่อนที่โดยย้ายจากพิกเซลเดิมวนไปเรื่อยๆ จอจึงไม่เกิดอาการรอยไหม้ครับ)
LED LCDTV & LCDTV มันเหมาะกับการเล่นเกมส์เก่าๆ(เพราะฉากหลังมันชอบซ้ำๆ ไม่เปลี่ยนฉากสักเท่าไหร่) แล้วก็เป็นจอคอม(ซึ่งจอใหญ่ๆเอามาทำจอคอม ก็เมื่อยเปล่าๆ) หรือเอามาทำเป็นจอสำหรับ Present งานน่ะหรือ สูงสุดก็ 2MPixel(1920x1080) ซึ่ง Plasma ก็มี 2MPixel และเดี๋ยวนี้ Plasma มันมีฟังก์ชั่นป้องกันจอไหม้+ล้างจอไหม้ได้แล้ว จริงๆแล้วมันฆ่า LED LCDTV & LCDTV ซะราบคราบไปแล้วล่ะครับ 555+
LCD มันก่อกำเนิดมาเป็นจอ Monitor มาแทนจอ CRT Monitor(ทำงานแบบดิจิตอล ต่างจาก CRTTV ที่เป็นแบบอนาล็อค)ที่กินเนื้อที่ แล้วด้วยช่วงแรก Plasma มันทำจอ 42" เล็กสุด สายการผลิตยังไม่มี ต้นทุนจึงสูง ราคาขายจึงแพงตาม ผู้ผลิตต่างเล็งเห็นว่าต่อยอด LCD เป็น LCDTV ดีกว่า สายการผลิตมีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนในส่วนนี้ คุณรู้มั๊ยว่าเครื่องมือวัดบางอย่างราคาเท่ากับซื้อรถเก๋งญี่ปุ่นได้เลยนะครับ(เครื่องกำเนิดสัญญาณภาพ Video Pattern Generator ราคา 2xx,xxx เครื่องวัดค่าสี ค่าความสว่าง Color Analysys ราคา 8x,xxx) ใน 1 ไลน์ผลิตใช้มากกว่า 10 เครื่องเลยนะครับ สู้ต่อยอด LCD ดีกว่า แล้วโหมกระแส ข้อดีเข้าไว้ ทั้งที่จริงพูดกันคนละเรื่อง บอกว่า LCD ร้อนน้อยกว่า ประหยัดไฟกว่า ซึ่งตอนที่โหมกระแส LCDTV ที่ทำมาขายในตลาดนั้นมันแค่ 26-32" เท่านั้น ยุคแรกนั้นกินไฟประมาณ 100-140w ที่มันกินน้อยก็เพราะตอนนั้น Contrast ratio = 800-1000 , Brightness = 200-350 ยังต่ำมาก ตอนนี้เป็นไงครับปาเข้าไป Contrast จริง(ไม่ใช่ Dynamic contrast) = 15,000:1 , Brightness = 500cd/m2 เช่น LCDTV LG 32" 32SL80YR Dynamic contrast = 150,000:1 , Brightness = 500cd/m2 กินไฟไปที่ประมาณ 210w ครับเทียบเท่า PlasmaTV 42" LG 42PQ60R กินไฟ 200w เองครับ ทั้งที่ Plasma ทำ Dynamic contrast = 2,000,000:1 , Brightness = 1,500cd/m2 แล้วตอนนี้ก็โดนของกันอีกDอกแล้ว โดยการจับ LCDTV ที่ถึงทางตันมาโหมกระแสความบางแบบพิชซ่าแป้งกรอบ คือมันทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว LCDTV ทีดีที่สุด Response time แบบหลอกๆก็ 1ms น่าจะต่ำสุดแล้วนะ(Plasma ทำได้ที่ 0.001ms มาตั้งนานแล้ว) Dynamic contrast = 200,000:1(Plasma ทำได้ที่ 5,000,000:1 รุ่นใหม่ๆในตอนนี้) , Brightness = 500cd/m2(Plasma ทำได้ที่ 1,500cd/m2 มาตั้งนานแล้ว) ตอนนี้โหมกระแส LEDTV(จริงๆ มันคือจอ LCD ตัวเดิม ต้องเรียกว่า LED LCDTV) มันคือการเปลี่ยนหลอด Backlight จากหลอด CCFL(ที่คล้ายหลอดฟลูโอเรนเซนต์) เป็นหลอด LED แทนเพื่อที่จะให้มันควบคุมการเปิดปิด Backlight เป็นจุด เป็นกลุ่มได้ดีกว่า LCDTV แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่า Plasma(Plasma มันกำเนิดแสงได้ด้วยตัวเอง ในแต่ละพิกเซล) แต่หลอด LED มีผลทำให้ประหยัดไฟดีกว่า CCFL มีวลีที่เป็นสัจจะธรรม "รถมันจะแรง ต้องให้มันกินน้ำมัน ยิ่งเซฟมันก็วิ่งไม่ออก" เช่นกันครับ "TV จะชัด ดูสบายตา ต้องให้ไฟมันกิน" เห็นรีวิวไหมครับฟังก์ชั่น Energy saving ต้อง off หรือ low ถึงจะดูได้ middle หรือ maximum ไม่แนะนำ เพราะภาพมันจะมืดดูไม่รู้เรื่อง และ Response time ของ LED LCDTV ก็ยังทำให้ต่ำกว่า 1 ms ไม่ได้อยู่ดี Brightness ทำให้สูงกว่า 500cd/m2 ก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน แถมบางยี่ห้อทำเป็นจอกระจกซะงั้น ซึ่งเจ้ากระจกนี่แหละทำให้สีสันมันสดใสเพิ่มขึ้น เลยทำให้คิดว่า LED LCDTV มันดีกว่า LCDTV ซึ่งมันใช่รึเปล่าครับ คุณเอา LCDTV ธรรมดาเปลี่ยนเป็นจอกระจก สีสันมันก็สดใสขึ้นมาเองน่ะแหละ โดนหลอกอีกแล้ว ถ้าจะดูว่า LED LCDTV มันดีกว่า LCDTV แบบเดิมหรือไม่นั้น ผมว่าน่าจะดูของ LG ตระกูล LE5500 เพราะจอไม่ใช่กระจก เปลี่ยนแค่ Backlight เป็น LED และเพิ่ม Dynamic contrast = 5,000,000:1 , Birghtness คงจะเท่าเดิม เพราะไม่ระบุ , Response time 2.4 ms(แย่กว่าเดิมซะอีก) แต่มี 100/120Hz ต้องดูที่ตัวนี้ครับ เพราะไม่ได้ใส่จอกระจกหลอกเข้าไป มันคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มรึเปล่า LED LCDTV เนี่ย เพราะดูจากสเปคแล้วเพิ่มแค่ Dynamic contrast ให้แสบตาเปล่าๆ อ้อ.เปลี่ยน Backlight จาก CCFL เป็น LED ทำให้ประหยัดไฟขึ้นอีกนิด แต่จอยังเป็น LCD เหมือนเดิมนะครับ อย่าหลงคำโฆษณา และทำให้สีดำ ดำดีขึ้น แต่ไม่เท่า Plasma แค่ดีกว่า LCDTV มันคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วหรือ ทั้งที่ Plasma มันไม่ต้องทำอะไรเลย มีอย่างเดียวที่ Plasma ต้องทำก็คือ "ลดการสะท้อน" และ Plasma มันมีแต่ถูกลง หรือราคาเดิม แต่ได้สเปคสูงขึ้น สวยขึ้น เมื่อก่อนผมก็ไม่มอง Plasma เพราะทั้งหนา ทั้งเหลี่ยมแบบทื่อๆ ทรวดทรงเชยๆ LCD ดูแล้วสวย ใครๆก็ต้องหลง ตอนนี้ใครหลายคนก็ยังหลงอยู่ ผมน่ะใช้ LCDTV อยู่ รุ่น 37LG30R ชอบมากครับ และเสียก่อนหมดประกัน 1 อาทิตย์ LG เอา Plasma 42PQ60R มาสำรองให้ใช้ โอ้!แม่เจ้า มันดูแล้วทั้งชัด สบายตา ไม่แสบ ไม่เมื่อยตา ราคาก็ถูกกว่า เราซื้อ LCDTV มาทำไม คิดในใจนะครับ 3 วันครับ LG เอา LCD มาคืน เอา Plasma กลับไป โห. .บอกกลับตัวเองเลยครับ ต้องเอา Plasma มาเป็นของตัวเองให้ได้ 2 เดือนต่อมา LG42PJ650R ก็มาอยู่ในห้องนอนครับ ดูสบายตาครับ ชัดครับ สะท้อนแสงน้อยที่สุดในรุ่น 42" น้อยกว่า Pana(ยกเว้น 42V20นะ) น้อยกว่า SS ผมเทียบมาหมดแล้ว ราคาเบาๆด้วยครับ ความร้อนก็เหมือนกับ LCD ไม่เห็นจะต่าง
เหตุผลที่หลายยี่ห้อทำ LCD มากกว่า Plasma
LCD ถลำลงทุนกันไปเยอะแล้ว และกระแสยังแรงอยู่ เก็บกินตามกระแสดีกว่า อย่าง SS โหมอัดโฆษณา อัพรุ่นใหม่ๆมาเรื่อยๆ สเปคแบบเว่อร์ๆกว่าแบรนด์อื่น ตามด้วย LG ซึ่งโฆษณาน้อยกว่า แค่ออกดีไซน์แบบสวย โดนใจ เกาะกระแสขายดีกว่า SS อีก ที่บอกว่า LG ขายดีน่ะดูได้จากจำนวนคนเข้าแสดงความเห็น มาเข้าเรื่องดีกว่า ส่วน Plasma ต้องเพิ่มทุนในการทำให้หน้าจอมันไม่สะท้อน กำไรน้อยเพราะผลิตน้อยด้วย สร้างโมลด์ตัวนึงสำหรับฉีดหน้ากาก(Front cover) หรือแม่พิมพ์สำหรับปั๊มฝาหลัง(Rear cover) แล้วยอดผลิตขายมันน้อยนิด ก็ไม่คุ้มต้นทุน แต่ถ้าใครได้ใช้ Plasma สักครั้งจะเห็นความต่าง ทั้ง LCD และ Plasma ที่เป็น Full HD 1920*1080p มันไว้ใช้กับเล่นแผ่น Blue-Ray , HD Player และถ้าจะใช้ต่อคอม ขอบอกไม่จำเป็นเลยครับ ต่อคอมมันจะแสดงผลที่ 1920*1080 หรือ 2ล้านพิคเซล แต่เอาความจริง คนไม่ปกติเท่านั้นแหละที่ใช้จอใหญ่ๆมาเป็นจอคอม ต้องส่ายหัว กวาดสายตาจนคอเคล็ดเลยนะ จอคอมแค่ 22-23" ก็สุโค่ยแล้ว จอ Plasma 1024*768 HD Ready มีพอร์ต HDMI ก็เท่ากับว่าจอ Plasma ตัวนี้สามารถแสดงผลที่ 1920*1080p ได้โดยการดาวน์สเกลลงมาที่ 720p ภาพชัดพอๆกับ Full HD แยกแทบไม่ออกเช่นกัน เปิด Blue-Ray , HD Player กับ Plasma ที่มีพอร์ต HDMI ได้อย่างสบายๆ และถ้าเปิด DVD 720p ทั่วไป จอ HD Ready จะได้ภาพที่ชัดกว่าจอ Full HD นะครับ
ขนาดจอ(นิ้ว)เท่ากัน ดู TV ได้แบบสบายๆตา . . . . . Plasma สบายราคากว่า
ขนาดจอ(นิ้ว)เท่ากัน ดู TV ได้แบบสเปคเทพ . . . . . Plasma ราคาแพงกว่า แบบไม่อยากแตะ
ดู PIONEER สิ ทำแต่ PlasmaTV ขาย สเปคต่ำสุดของเค้าราคาร่วม 80,000บาท เวลารีวิวยังใช้ฉากพระจันทร์ตอนกลางคืนของ PIONEER รีวิวทุกครั้งเลย
PlasmaTV เหมาะกับการดู TV , DVD , Blue-Ray , HD Player และ Game หรืออะไรที่มันเคลื่อนไหวน่ะแหละ ให้ภาพที่สวย สมจริงเป็นธรรมชาติ สบายตา ไม่แสบตาแน่นอน รีวิวเล่นเกมส์กับ Plasma(
http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?desc=2¶m_id=638)
LEDTV(จริงแล้วก็คือจอ LCD) , LCDTV มันเหมาะที่จะเป็นจอคอมเท่านั้น ส่วนการเพิ่ม TV มันเป็นแค่ต่อยอดเท่านั้น ขอย้ำว่า "เท่านั้น" จริงๆ
จอกระจกสำหรับ LED LCDTV
จริงแล้วจอ LCD มันเป็นกระจกทุกตัวครับ แต่ขบวนการผลิตสุดท้ายเค้าต้องฉาบ(coating)ให้มันไม่สะท้อน เพื่อเป็นจุดขายตอนที่มาแทนที่ CRT Monitor และตอนนี้ LED LCDTV เกือบทุกรุ่นหันมาใช้จอกระจกเพราะคงต้องการเปลี่ยนจุดขาย ซึ่งต้นทุนจอถูกลงด้วยซ้ำ เพราะตัดขั้นตอนการฉาบ(coating)จอออกไป ทำให้แสงและภาพไปออกที่หน้าจอง่ายกว่าเดิมต่างหาก ส่งผลให้ Contrast Ratio สูงขึ้นแบบสุดลิ่ม บางรุ่นนะครับ Dynamic Contrast 10,000,000:1 ไปนั่นเลย และใน LCDTV ของ SS รุ่นที่เป็น Crystal Design ก็ใช้จอกระจกทำให้สีสันสดใส แล้วเพิ่มราคาเข้าไปซะ ทั้งที่ต้นทุนจอลดลง คนไทยตามไม่ทันครับ และในบางกระทู้มีคนบอกว่ามันมองด้านข้างแล้วสีสันซีดลงด้วย รุ่น 40B650 น่ะครับถ้าจำไม่ผิด ดูจากลิงค์นี้นะครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ดู (
http://www.lcdtvthailand.com/spec/compare-spec.asp) Dynamic Contrast ของ 40B650(จอกระจก) 100,000:1 & 40B610(จอด้าน) 80,000:1 และอีก2รุ่น LA40C650(จอกระจก) 150,000:1 & 40C630(จอด้าน) 120,000:1 จะเห็นว่าแค่ใส่จอกระจก Dynamic Contrast มันก็เพิ่มเองอยู่แล้วครับ
LED LCDTV ราคาควรถูกกว่า LCDTV เพราะตัด Process coating ออกไป เปลี่ยน Backlight เป็น LED , LED เป็น Semi-conductor ที่มีมานานแล้ว ไม่ใช่ของใหม่ หลอด LED ราคาปลีกที่บ้านหม้อน่าจะตัวละ 2 บ.ได้มั๊ง แต่ถ้าโรงงานซื้อมาผลิตราคาไม่เกิน 0.50 บ.แน่นอน
* ข้อสังเกตุ ทำไมจอ LED LCD Monitor กลับไม่ใช้จอกระจก
ถ้าเป็น OLED , AMOLED หรือ Super AMOLED ก็ว่าไปอย่าง นี่คือเทคโนโลยีใหม่ของจอจริงๆ แต่ที่เค้ายังไม่นำมาก็เพราะ อายุใช้งานของจอมันสั้นมาก และเสียง่ายไม่แน่นอน(not stable) และนี่คือความพยายามพัฒนาจอ OLED Mitsibishi 155" 
http://www.lcdtvthailand.com/news/detail.asp?param_id=640เรื่อง 100-600Hz
เจ้า Plasma ไม่มีฟังก์ชั่นเปิด-ปิด พวก Motion Plus , TruMotion , Motion Flow 100-480Hz ครับ มันบังคับ(Fix)600Hz Sub Filed Drive มาให้ใช้ไปเลยครับ พูดภาษาชาวบ้านก็ล้ำไปหลายขุมแล้วครับ ผมเคยอธิบายไว้ที่กระทู้ไหนจำไม่ได้แล้วครับ 600Hz Sub Filed Drive คือการแทรกเฟรมภาพ 12ภาพ/Hz ฉะนั้นไฟเมืองไทย 50Hz/วินาที X 12ภาพ = 600ภาพ/วินาที ส่วนฟังก์ชั่น Motion Plus 100Hz คือ การสแกนเส้นแนวนอนแบบเส้นคี่-เส้นคู่(1เส้นคี่+1เส้นคู่=1ภาพ) 50Hz = สแกนเส้นคี่ 25 เส้น แล้วสแกนเส้นคู่อีก 25 เส้น รวมกันเป็น 25ภาพ/วินาที สรุป 50Hz = 25ภาพ/วินาที ดังนั้น 100Hz = 50ภาพ/วินาทีเท่านั้น 200Hz = 100ภาพ/วินาที สูงสุดตอนนี้ก็ 400Hz = 200ภาพ/วินาที ส่งผลให้ Plasma 600Hzดูแล้วสบายตามากที่สุดในเทคโนโลยีตอนนี้ครับ
มิติภาพ Plasma เป็นแบบลึกเข้าไปครับ ไม่ได้ลอยออกมาครับ แต่ใกล้เคียง CRTTV
สีสันความเป็นธรรมชาติของภาพ และมิติภาพที่เป็นธรรมชาติ(ไม่หรอกตา) เรียงจากดีสุด --> น้อยสุด
CRTTV > PlasmaTV > LED LCDTV/LCDTV
ช่องต่อ USB
ควรจะใช้สำหรับเปิดพวกคลิปเล็กๆ สั้นๆ เพื่อไม่ให้เครื่องทำงานหนัก หลายท่านบอกขี้เกียจใช้เครื่อง HD , BD แต่ไปโหลดหนัง หรือแปลงหนังใส่ Flash Drive , HDD Ext ถามหน่อยครับ เพื่อนๆโหลดผ่าน PC หรือไม่ก็ NB อยู่แล้ว ก็เซฟไฟล์หนังเหล่านั้นไว้ใน PC & NB แล้วต่อเข้ากับจอ LED LCDTV & PlasmaTV ซะไม่ดีกว่าหรือครับ ภาพที่ได้เต็มจอแน่นอน แถมจอ TV ไม่ต้องทำงานหนักด้วย ไม่ต้องซื้อเครื่อง HD , BD , แผ่นหนัง , Flash Drive ให้เสียเงินด้วย เพื่อนๆลองกดเครื่องคิดเลขดูครับว่าหมดเงินไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าเอาเงินส่วนนี้ยอดกระปุกไว้ซื้อจอที่ใหญ่ขึ้นไม่ดีกว่าหรือครับ เดี๋ยวนี้ในเวป bit มีหนังใหม่ๆเยอะแยะ อยากดูเมื่อไหร่ก็ไปโหลดเอา ผมไม่ชอบโหลดครับ อยากดูก็ search youtube เอา ดูสดเลย เป็น HD ด้วย ไม่ต้องซื้อเครื่องเล่น ไม่ต้องซื้อแผ่น ไม่เกะกะพื้นที่ ส่วนท่านที่ดู TV หนวดกุ้ง ลองติดจานดูครับ มันมีช่องให้ดูฟรีๆตั้งแต่ 40 - 1xx ช่องเลยทีเดียว มีทั้งหนังให้ดู กีฬาจากทั่วโลก สารคดี ข่าวสารทั่วทุกมุมโลก จนเพื่อนๆอาจไม่มีเวลาดูพวกหนังแผ่นเลยก็ได้นะครับ ติดจานเดี๋ยวนี้ 2,xxx เองครับ ติดครั้งเดียวจบ ไม่ต้องไม่ซื้อเครื่อง HD , BD ไม่ต้องซื้อแผ่น พอแผ่นเยอะเข้าก็จะไม่มีทีเก็บ
Plasma ตอนนี้แก้จุดบอดหมดแล้ว
วินาทีนี้ไม่มีจออะไรมาเทียบแล้วครับ คุณ yubaba ใช้ nx700 ยังดูหนังได้แค่เรื่องเดียว ต้องพักสายตา Plasma ดูได้ไม่มีล้าลูกตาแน่นอน ดูจนคุณหลับแล้วตื่นมาดูต่อจนหลับอีก ก็ยังสบายตา ผมก็เป็นเหมือนคุณ yubaba ครับ ยังมีท่านอื่นอีกนะครับ ที่เป็นแบบนี้ แต่ขี้เกียจหาลิงค์ ลองหาอ่านไปเรื่อยๆดูครับ ต้องคนที่เคยใช้ทั้ง Plasma & LED LCDTV นะครับ ประเภทที่ไม่เคยใช้ Plasma ตอบไม่ได้หรอกครับ แค่เอาความรู้สึกตอนไปดูตามห้างมาคิดว่า LED LCDTV ชัดกว่านั้น มันวัดกันไม่ได้ ถามว่าคุณซื้อเจ้า LED LCDTV หรือ Plasma ไปดูที่บ้าน คุณเปิดไฟดูสว่างเต็มที่เหมือนในห้างเหรอครับ แล้วคุณจะซื้อเจ้า LED LCDTV ที่มันสู้แสงได้เยอะไปทำไม หรือคุณๆท่านๆเอาไปดูในสวนหน้าบ้านท่าน ท่านไม่ได้ดูในบ้านหรือครับ เมื่อก่อนผมใช้ LCDTV ผมดูได้ 2 ชม.กว่าๆก็ล้าลูกตา แสบตาไปหมด ผมยังไม่เคยมี Plasma เป็นๆมาดูในบ้าน ก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุว่าทำไมชอบแสบตา ล้าลูกตา ยังคิดว่าเพราะเราเป็นภูมิแพ้ ไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะ LCDTV แต่พอ LG เอา Plasma มาสำรองให้ดูแทน LCDTV ที่ส่งซ่อม ก็เลยเข้าใจ และกล้าพูดได้เต็มปากครับ
PlasmaTV ปี 2009 บางรุ่น และรุ่นปี 2010 ขึ้นไป ดีกว่า LED LCDTV & LCDTV
*ปล. . . อยากให้ฉุกคิดสักนิดกับเงินที่ต้องจ่าย กับความสุขที่สมเหตุผล
หลักการเลือกซื้อ Plasma
จะยี่ห้อไหนก็ได้ที่เป็น Plasma เอาที่ท่านชอบ แล้วใช้ให้เป็น จริงแล้วมันมีแค่ 2 อย่างที่ต้องเลือก และ 1 อย่างเท่านั้นที่ต้องเรียนรู้
2 อย่างที่ว่าก็คือ . . . . . . . . 1.เลือกรูปทรงที่ท่านชอบ จะยี่ห้อไหนก็ได้ที่เป็น Plasma 2.เลือกที่สะท้อนน้อยเท่าที่ท่านรับได้
1 อย่างที่ต้องเรียนรู้ก็คือ . . . การป้องกันจอไหม้ กับการล้างจอไหม้
แค่นี้เท่านั้น ส่วนเรื่องกับปรับค่าสีสัน มันง่ายมาก ด้วยที่มันเป็น 600Hz(600ภาพ/วินาที)ปรับยังไงก็ดูสบายตาวันยังค่ำ คุณดูติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ยังไม่เมื่อย ไม่ล้าลูกตาเลยครับ ปิดไฟดูก็ชัด รายละเอียดก็มาครบ
หลักการพื้นฐานการปรับค่าต่างๆของ TV
1.ปรับ Brightness ให้สว่างมากที่สุด แต่อย่าให้จ้า
2.ปรับ Contrast ให้สีดำดำมากที่สุด แต่อย่าให้ดำจม และสังเกตุสีขาวก็อย่าขาวจ้าเช่นกัน
3.ปรับ Color ให้แจ๋น แต่อย่าให้เหลือมซ้อนกัน
4.ปรับ Sharpness ให้ตัวหนังสือคมมากที่สุด แต่อย่าให้ Noise มันออกมาด้วย
ส่วนฟังก์ชั่นอื่นพวก Dynamic Contrast , Dynamic Color มันเป็นลูกเล่นเพิ่มเติมครับ
* Source input คนละ Source สัญญาณภาพมาไม่เหมือนกัน และเครื่องเล่นคนละแบรนด์ก็มาไม่เหมือนกัน ต้องลองปรับละเอียดด้วยตัวเอง
เรื่อง Just ไม่ Just
Just มันไม่อ้วนตรงกลาง แต่ไปอ้วนซ้าย-ขวา เท่ากับว่าถ้าฉากที่คนอยู่ตรงกลางก็จะไม่อ้วนมาก แต่ก็อ้วนกว่าจอ 4:3 นิดหน่อย แต่คนที่อยู่ริมซ้าย-ขวาของจอ กลับอ้วนมากกว่าไม่เลือก just 
อย่ากังวลเรื่องนี้เลยครับ จอไวร์สกรีน 16:9 มันเหมือนกันหมดแหละครับ เพราะสัญญาณ TV บ้านเราเป็นระบบ 4:3 พอมาดูกับจอ 16:9 ยังไงก็ต้องยืด ให้มันยืดเท่ากันทั้งจอน่ะแหละ เดี๋ยวก็ชิน ตอนผมเปลี่ยนจากจอ CRTTV มาเป็น LCDTV ตอนแรกๆก็ไม่ชิน ดูไปๆสัก 1 - 2 เดือนก็ชินครับ ตอนนี้เวลาไปบ้านญาติที่ยังใช้จอ CRT 4:3 อยู่ ผมกลับมองว่ามันแปลกๆซะด้วยครับ
มุมมองของจอ
LED LCDTV/LCDTV
- Pana & LG . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ใช้จอแข็ง IPS & S-IPS . . . มองด้านข้างก็ยังชัด สีสันไม่ซีด
- SS , Sony , Toshiba , TCL , Sanyo , Pilips , อื่นๆ . . . ใช้จอนิ่ม PVA . . . . . . . . . มองด้านข้าง มีสีซีด เพี้ยนลง แต่มองตรงกลางสีจะสดกว่าจอแข็งเล้กน้อย
PlasmaTV
- ทุกแบรนด์ ใช้หลักการเดียวกัน . . . . . . . มองได้ทุกมุม เหมือนจอ CRT ไม่มีซีด สีสันไม่เพี้ยน
* Neo Plasma ก็แค่ไม่ใช้สารปรอทในการผลิตจอ แต่ไม่ได้มีผลอะไรกับภาพอย่างชัดเจน
* สีสันจะแหล่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับการออกแบบ Main Board และการเข้ากันได้กับจอที่ผู้ผลิตนั้นนำมาประกอบกัน รวมถึงการฉาบหน้าจอไม่ให้สะท้อนด้วย
เรื่อง Deep Color(bit)
LED LCDTV / LCDTV
Toshiba . . . . . . . . . . . . . . . . . 10-14bit
Pana , SS , LG , Sony , อื่นๆ . . . . 8-10bit
Plasma
SS . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 18bit
Pana , LG . . . . . . . . . . . . . . . . 16bit
* bit ยิ่งสูง ทำให้ภาพมีสีสันฉูดฉาด มีมิติ
การเลือกซื้อจานดาวเทียม
จานชัดกว่าเสาก้างปลา ติดตั้งง่าย ไม่ต้องขึ้นเสาให้สูง เวลามีปัญหาก็ง่ายในการซ่อมบำรุง
1.เลือกจานแบบที่ท่านชอบหลายๆรุ่นก่อน แล้ว
2.ดูว่าขนาดจานรุ่นไหนติดกับที่บ้านท่านได้
3.สำคัญที่สุด เลือกจานที่มันอัพเฟิร์มแวร์ได้ด้วยตัวเอง เพราะพวกจานมันจะอัพอยู่เรื่อยๆ เพื่อแก้ปัญหาสัญญาณที่ไม่ดี หรือเพิ่มช่องมาให้เรื่อยๆ ถ้าไม่อัพอัตโนมัติ ท่านก็ต้องยกไปที่ร้านเพื่อให้เค้าอัพให้ บางร้านก็คิดค่าอัพตั้งแต่ 100-300บ. แล้วแต่รุ่น แล้วแต่ยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่ร้านที่ท่านซื้อเค้าจะอัพให้ฟรี แล้วถ้าบังเอิญร้านที่ท่านซื้อเกิดเลิกกิจการ ทีนี้ท่านเอาไปอัพที่ร้านอื่นมีค่าใช้จ่ายแน่นอน ที่สำคัญมันเสียเวลาครับ
ถูกรุ่น ผิดเวลา
ท่านที่เคยเห็น Plasma Pioneer ต่างบอกว่ามันเทพมาก(มากกว่า Sony Trinitron หรือเปล่าล่ะเนี่ย) ทุกคนอยากได้ แต่ราคา 8x,xxx - 3xx,xxx ---> ทุกคนบอกไม่เอาดีกว่า ถอยดีกว่า
ตอนนี้ LED LCDTV ตัวที่แพงสุด 2xx,xxx หลายท่านบอกว่าอยากได้มันเทพมากๆ ราคาไม่แพงเลย สมราคามาก แอบขำ
Pioneer เครื่องละ 1xx,xxx ภาพยังเหนือกว่า LED LCDTV ตัวเทพสุดแบบไม่เห็นฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
Pioneer ตอนนั้นมาแบบผิดจังหวะ ผิดเวลา มีคนบอกว่าตอนนี้ Pioneer ไม่ทำ Plasma แล้ว แอบเสียดาย กลับมาทำราคาเดิม แล้วเปลี่ยนรูปทรง ให้โดนใจเวลานี้ น่าจะเหมาะแล้วล่ะครับ
แอบลุ้น Pioneer อยู่ครับ
Pana --> Board ทุกชนิด ผลิตในไทย --> ไปประกอบเป็นเครื่องที่ Malaysia
Sharp -> made in Malaysia
Pilips --> made in Indonesia
TCL ---> made in China
LG ----> made in Thailand
SS ----> made in Thailand
Sony --> made in Thailand
JVC ---> made in Thailand
Toshiba --> รอผู้รู้
Dead pixel 3 dot อย่างต่ำ
เป็นมาตราฐานจากโรงงานผลิตจอครับ ผมอยู่โรงงานเจอ 1-2 ดอท ยังเคลมไม่ได้เลย และขนาดเจอเป็น 10 ดอท เค้าก็ซ่อมให้ ซ่อมแล้วเหลือ 2 ดอท ก็คืนไม่ได้เหมือนกัน จอใหญ่มันหนัก โรงงานผลิตจอเค้าไม่รับคืนง่ายๆครับ เค้าจะมี Engineer มาตรวจ+ซ่อมก่อนส่งคืนโรงงานผลิตจอของเค้าเอง
แล้วเครื่องที่เป็น 1 - 2 ดอท แล้วร้านเปลี่ยนตัวใหม่ให้ แล้วเครื่องนั้นจะวนไปที่ใคร ใครจะแจ็คพอต . . .
* อยากให้เพื่อนๆสมาชิก รู้เท่าทันเทคโนโลยี
* จะได้เหลือเงินไว้ให้ครอบครัว และคนที่ท่านรัก
* ไม่มีส่วนได้เสียกับยี่ห้อไหนเลยนะครับ
* มาด้วยใจครับ
ผมเคยไปลองฟังเสียงลำโพงรถยนต์ที่ร้าน Mirace ยี่ห้อ Performance ราคาคู่ละ 4,900 กับยีห้อ "จำไม่ได้" คู่ละ 9,900 ความนุ่มลึกของเบสราคา 9,900 ฟังแล้วนุ่มลึกกว่า แต่ 4,900 มันก็นุ่ม แต่ลึกน้อยกว่านิดนึง ผมถามเจ้าของร้านว่า"เสียงมันต่างกันแค่นิดเดียว ไม่ต่างจนเด่นชัด ทำไมราคามันต่างซะขนาดนั้น" เค้าตอบว่า "ก็มันแค่นิดเดียวนี่แหละ แต่ยี่ห้อนั้นทำไม่ได้น่ะสิ ยี่ห้อนี้เค้าทำได้ เค้าก็เลยมีสิทธิที่จะขายราคานี้" เป็นคำตอบที่เคลียร์จริงๆ
ขึ้นอยู่ที่ท่านแหละครับ เงินอยู่ในกระเป๋าท่าน ข้อมูลจะเคลียร์ชัดเจนแค่ไหน ก็ไม่สามารถง้างใจของใครๆได้ครับ 
คุณ fmt ได้แก้ไขข้อความนี้ ครั้งล่าสุดเมื่อ เมื่อวาน, 10:08 PM