สมัยก่อน (สมัยที่ยังทำเพลงส่งค่าย)
ผมจะบัญทึกเสียงร้อง หรือเครื่องดนตรีลงคอมโดยวิธีนี้ คือไลน์จากไมค์เข้ามิกซ์ และจากมิกซ์เข้า A/D (M-Box Pro)แล้วจึงเข้าซาวน์การ์ด ทีนี้เหตุที่ต้องเข้ามิกซ์ เพราะเราจะตัดเสียงฮีสเสียงรบกวนจากตรงนี้ ขณะเดียวกัน ใช้ชดเชยระดับเสียงที่ขาดหายไป
พอมาสมัยนี้ ผมจะแปลงเทปเป็น CD ผมทำดังนี้ครับ
เอาวิธีต่อก่อน เดค ---> A/D ---> Soundcard ---> โปรแกรมสำหรับบันทึก
1. เริ่มเทสปล่อยสัญญาณเสียงจากเดค แต่อย่าเพิ่งบันทึกนะครับ ปรับสัญญาณให้ดังที่สุดแต่ไม่แตะระดับขีดแดงคือจุดพีค ต้องคอยดูทั้งเพลงนะครับ อย่าไปดูแค่ช่วงหัวเพลงเพราะส่วนมากช่วงท่อนฮุคของทุกเพลงระดับมักจะดังกว่าปรกติ ดูจากมิเตอร์ที่เดคและจากโปรแกรมที่ใช้บัญทึกควบคู่กันถ้าล้นก็ค่อยๆปรับลง)
2. เริ่มบันทึก ก่อนจะบันทึก ควรดีเฟรกฮาร์ดดีสก่อนครับกันกระตุก ปิดโปรแกรมทุกตัวรวมถึง Utility ต่างๆด้วยครับ ระหว่างบันทึกคอยหมั่นมองระดับสัญญาณพีคด้วยครับ� ถึงขั้นตอนนี้แล้วถ้าไม่พิถีพิถันมากก็ข้ามขั้นตอน 3-6 ไปได้เลยครับ
3. ก๊อปปี้ไฟล์เสียงต้นฉบับไว้ก่อน 1 ชุด กันผิดพลาดครับ
4. แล้วไปใช้ โปรแกรม (มีหลายหลายค่ายมากส่วนตัวผมใช้ Logic Audio)ตัดเสียงฮีสออก โดยใช้ปลั๊กอินน้อยส์เกจ หรือฟิลเตอร์ฮัม ฯลฯ แล้วแต่ละโปรแกรมมันจะสรรหามาตั้งชื่อ หรือจะให้ดีใช้วิธีสแกนหาเอาเองดีกว่า ว่าเสียงฮีสนี่มันอยู่ที่ค่ากี่เฮิร์ต ในโปรแกรมจะง่ายมากครับ มีกราฟแสดงผลให้ดูครับว่าช่วงไหนโด่ง (ยอดแหลมๆผลุบๆโผล่ๆ )เหตุที่ให้สแกนหาเองเพราะตัวปลั๊กอินแม้มันจะเลือกค่าได้ก็จริงแต่ในแต่ละเพลงค่าฮีส ฮัมหรือน๊อยส์มักจะไม่เท่ากัน จะทำให้สูญเสียรายระเอียดเสียงสูงซึ่งมีน้อยมากอยู่แล้วในเนื้อเทปลงไปด้วย ทีนี้เมื่อเจอยอดแหลมๆแล้วฟังให้ดีครับ ว่ามันเป็นเสียงปลายฉาบหรือเสียงซ่า เมื่อเจอเสียงซ่าก็ให้บีบเกนเลือกค่าระหว่าเฮิร์ตให้แคบที่สุด(จะอธิบายยังไงดีเนี่ย) แล้วค่อยๆปรับลดทีละนิดๆนะครับจนกว่าเสียงที่ไม่พึงประสงค์จะเบาลงจนพอรับได้ (สังเกตุจากกราฟปลายแหลมๆจะค่อยๆกุดลง มนลง) แล้วจึงค่อยมาตัดเสียงแก๊ป แป๊ะๆ ฯลฯเหตุที่ต้องตัดเสียงซ่าก่อนเพราะบางทีเสียงซ่าส์ๆที่ได้ยินอาจไปซ้อนกับเสียงของเครื่องดนตรีบางตัวเช่นขอบกลอง ฯลฯ จนทำให้เรานึกว่าเป็นเสียงแก๊ป
5. จากนั้นจึงทำการมิกซ์ใหม่อีก1ครั้ง เพิ่มหรือลดทุ้มแหลมกลาง(เทปแต่ละม้วนอายุไม่เท่ากันสัญญาณเสียงขาดหายไปบ้างยืดบ้าง เฟืองในแกนเทปฟืดบ้างทำให้สปีดคลาดเคลื่อนต้องทำการปรับแต่งตรงจุดนี้ ถ้ายากไปก็ตัดออกขั้นตอนนี้แต่ถ้ามีเวลาอยากให้ลองฝึกทำกันดูครับสนุกมากพอๆกับตอนสแกนหาฮีส ...อิอิ) อย่าลืมนะครับว่าเราทำขั้นตอนนี้เพื่อชดเชยส่วนที่มากไปหรือหายไปของเทปแต่ละม้วนตามกาลเวลาอย่ามิกซ์เพลินจนโครงสร้างเสียงของเพลงเดิมหายไป (ผมอ่ะเป็นบ่อยเลยมิกซ์เพลินแบบว่าชอบแนวไหนก็ดันมิกซ์ไปแนวนั้น...หุหุ

)
6. หลังจากนั้นก็มิกซ์ดาวน์ คือยกเกนเสียงแต่ละเพลงให้เท่ากัน เช่นกันครับ ดันสัญญาณเสียงแต่ละเพลงให้ดังที่สุดแต่ไม่แตะระดับขีดแดงคือจุดพีคเอาแค่ปริ่มๆพอครับอย่าให้ล้น กระบวนการทั้งหมดนี้จะไม่ใช้ คอมเพรสเซอร์เลยครับ (ผมเห็นโปรดิวเซอร์บางคนชอบใช้คอมเพรสเซอร์กับเอฟเฟคตัวอื่นๆตอนมิกซ์ดาวน์เพราะมันจะไปดันส่วนที่เบาให้ดังขึ้นแล้วกดส่วนที่ดังไปให้มาเสมอกันมันทำให้เพลงไม่มีมิติ แต่จะทำให้ทั้งเพลงดันเสียงได้ดังมากกว่าปรกติและง่ายต่อการมิกซ์ พวกเพลงเต้นเพลงแดนซ์มักจำเป็นต้องใช้ครับ แต่สำหรับคอเครื่องเสียงคิดว่าไม่เหมาะ) เพื่อคงรูปแนวเสียงแนวการมิกซ์ของต้นฉบับเดิมไว้ให้มากที่สุด
7. สุดท้ายจึงไลท์แผ่นโดยใช้เนโรใช้ค่า X ต่ำสุด ระหว่างไลท์ ปิดโปรแกรมทุกตัวรวมถึง Utility ต่างๆด้วยครับ (ส่วนตัวแล้วใช้ Toast Titanium ) เสียงที่ได้ถ้ามิกซ์ดีๆจะฉ่ำกว่าต้นฉบับแต่ก็ได้ความหนาของมวลเสียงจากเนื้อเทปครับ หัวใจอยู่ที่ A/D
ครับเสียงจะออกมาดีไม่ดีอยู่ที่ตัวนี้ผมไม่ทราบว่า DAC ที่เพื่อนๆกำลังทำกันอยู่ เช่นเวอร์ชั่นพี่วศิน มันจะใช้ได้หรือปล่าวแต่เข้าใจว่ามันแปลงจาก ดิจิตอลเป็นอนาลอคไม่รู้ว่าจากอนาลอคเป็นดิจิตอลได้หรือปล่าว ยังไงขอข้อมูลด้วยครับ
เอาคร่าวๆก่อนแระกันนะครับ ผิดถูกประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยครับ คือผมก็ทำแบบนี้กับแผ่นเสียงเก่าๆที่จะเอามาทำลูปในการแต่งเพลง