มาหาเส้นโหลดกับช่วงสวิงกันก่อน จับยามสามตาแล้ว เป็นหลอดที่ให้แรงดันมาถึง 500V
เลือก VHT 350V ,Imax 8.75mA
RL = 350V/8,75mA = 40K ก็เลือก RL ให้ได้ค่ามาตรฐาน หาซื้อง่าย
ช่วงสวิงมาทางซ้ายมือมาชนเส้น Vg 0V ที่ 62V สวิงไปทางขวามือไปชนเส้น Vg -12V ที่ 327V
ช่วงสวิงของเพลตรวม 327-62 = 265V
ช่วงสวิงของ Vg รวม = 12-0 = 12V
อัตราขยายแรงดัน Av = 265/12 = 22 เท่า ได้เกนไม่น้อยถ้านับว่าได้จากหลอด medium mu
หาจุดไบอัส ควรอยู่กึ่งกลางของช่วงสวิงรวมสัญญาณจึงจะไม่ถูกขลิป
Vp = 327+62/2 = 194.5V ปัดเป็น 190V
ได้ Ia 3mA กว่าๆ ปัดเป็น 4mA
Plate diss. 190V*4mA = 0.76W แค่ครึ่งหนึ่งของอัตราสูงสุด
ที่จุดไบอัส ลากเส้นกริดเทียม สีน้ำเงิน แล้วมีค่าเท่าไหร่กันล่ะ
เดิมผมกะประมาณเอา เดาด้วย คราวนี้เอาใหม่ตามหลักคณิตศาสตร์ คิดแบบ Projection บนแกน X
เส้นสีเขียวลากดิ่งลงมาสองเส้น ที่ Vg-4V ดิ่งลงมาตัดแกนที่ 176V กับ Vg-6V ดิ่งลงมาตัดแกนที่ 225V
จาก -4v ไป -6v ห่างกัน 2V มีช่องเล็กๆ ประมาณ 10 ช่อง
จาก -4V ไปเส้นกริดเทียม มีช่องเล็กๆ ประมาณ 3 ช่อง
เทียบบัญญัติไตรยางค์
10 ช่อง เป็น 2V
3 ช่อง เป็น 2*3/10 = 0.6V
ดังนั้นเส้นกริดเทียม = -4V+(-0.6V) = -4.6V
Rk = 4.6V/4mA = 1150R จะยังไม่ปัดเพราะหลอดนี้น่าจะออกแบบมาให้ขนานเพลต มีแคโทดเดียว
ถ้าไม่ขนานเพลตเกิดใช้ Rk สองตัว Vg สองค่า อะไรจะเกิดขึ้น กระแส Ia จะไหลยังไง
ตกลงว่าต้องขนานเพลต เมื่อขนานเพลต
Ia คูณสอง = 4*2 =8mA
RL หารสอง = 40K/2 = 20K
Rk หารสอง = 1150/2 = 575R ค่ามาตรฐาน 560R ทนกำลัง 4.6V*8mA = 0.04W
B+ = 4.6V+190V+(8mA*20K) = 194.6+160 = 354.6V
อัตราทนกำลังของ RL = 160V*8mA = 1.3W
หาค่า Rp เพื่อดูว่าเป็นกี่เท่าของ RL ความจริงต้องหาค่านี้ก่อน
เส้นกริดเทียมสีน้ำเงินเส้นนี้ถือว่าเป็นความชันของเส้นกริด Vg-4.6V
Rp ก็คือความชันของเส้นกริด
Rp = 205-175V/5.4-2.6mA = 30/2.8 = 10.7 V/mA = 10.7K
RL/Rp = 40K/10K = 4 เท่า สูงขนาดนี้ใช้ได้ไหม น่าจะได้