ถ้าไม่หวังค่า dcr ที่ลดลง ผมว่าการทำ bi-filar น่าจะช่วยเรื่อง leakege inductance ได้ เสียงแหลมน่าจะดีกว่ามั๊ยครับ
บังเอิญตอนที่พันไม่ได้วัดพวกรายละเอียดพวกนี้เลยครับ ผมไม่แน่ใจต้องรอท่านอาจารย์อาร์ตมาชี้แจงประกอบครับ
ขออภัยเจ้าของกระทู้ที่ต้องขอใช้พื้นที่คุยกันนอกเรื่องนะครับ

เสร็จแล้วจะรีบกลับเข้าเรื่องครับ
การ Bifilar ไม่ว่าจะเป็น Primary หรือ Secondary หรือทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ได้ช่วยเรื่อง Leakage เท่าไหร่ครับ คือ Single / Bifilar ทำให้ค่าในการคำนวณ Leakage ต่างไป ก็ย่อมได้ค่าต่างกัน แต่ผมพบว่าในการวัดจริงไม่ได้ต่างกันมากนักครับ การปรับ Air-gap ให้ผลแตกต่างทาง Leakage มากกว่าเยอะครับ และเนื่องจากค่า Leakage เราคุยที่ Maximum พอเราทำได้ต่ำกว่า Max จะต่ำกว่าเท่าไหร่ก็ไม่ได้สำคัญแล้วครับ ผมคิดแบบนี้ครับ
ส่วนเรื่อง DCR ที่ลดลง ผมเห็นตรงกับท่านอาจารย์ Tryman ครับ คือทำที่ Primary เสียงไม่ไต้ดีขึ้นจนเป็นสาระสำคัญ แต่ถ้าทำที่ Secondary นี่เห็นผลชัดเจนกว่าทำที่ Primary ครับคือ Bifilar ให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ชัดกว่า ผมเคยทำหม้อแปลง 4S โดยที่ S เป็น All Single Wire, All Bifilar และ Single+Bifilar อย่างละ 2 ขด ถึงจะทำต่างวาระกัน แต่มีโอกาสได้ฟังเทียบกันในวงจรเดียวกันก็รู้สึกว่าแตกต่างอย่างที่อธิบายไปครับ แต่น้ำหนักความต่างมีน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้ฉนวนต่างกัน เช่น กระดาษ กับ Mylar ครับ
อีกเรื่องที่ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวก็คือ Skin Effect ครับ Bifilar ย่อมมีพื้นที่ผิวลวดมากกว่า Single Wire เมื่อหน้าตัดลวดรวมเท่ากันครับ แต่พอคำนวณ Skin Depth ดูที่ 30kHz (~0.38mm สำหรับลวดทองแดง) ก็พบว่าลวดที่ใช้ไม่เกิด Skin Effect ทั้ง Primary / Secondary ครับ แต่ผมเคยใช้ Litz Wire ทำ Secondary แล้วก็รู้สึกถึงเสียงแหลมที่มากกว่าปกติ ซึ่งจุดประสงค์ของการใช้ Litz Wire โดยทั่วไป ก็คือการลด Skin Effect ผมก็เลยจับผูกเรื่องกันว่า Skin Effect น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุเป็นผลกันได้ครับ