พอดีมีน้องเมล์ไปถามเรื่องการดูหลอดเก่า เราจะสังเกตุอย่างไร ก็ขอนำมาตอบที่นี่เลยครับ จะได้ทราบโดยทั่วกันครับ
การที่จะตัดสินใจซื้อหลอด ระหว่างหลอดที่ใช้งานแล้ว กับ หลอดที่ใหม่อยู่นั้น ถ้าเราพอมีกำลัง ขอแนะนำให้ซื้อหลอดใหม่เลยครับ เพราะถ้าเราซื้อหลอดใหม่นั้น อายุใช้งานอยู่กับเราประมาณว่า 2,000 ชม. ถ้าเป็นหลอดเกรดทหาร ถ้าเป็นหลอดทั่วไปก็ประมาณ 1,000 ชม.ขึ้นไป แต่ถ้าจะซื้อหลอดที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ก็ 50 ครับ เมื่อซื้อแล้วส่งไปคืนเขาเมื่อเราพบหลอดเสีย ก็อาจจะได้อะไรตอบโต้กลับมาจากพ่อค้าทำให้ชอกช้ำใจได้ครับ

ถ้าไม่มีโอกาสเลือกหลอดใหม่ ข้อสังเกตุ ดังนี้ครับ
1. สังเกตุที่โครงของหลอดว่า มีเศษอะไรหล่นอยู่ในตัวหลอดหรือไม่ (อยู่ในกระเบาะแก้วนะครับ) บางครั้งพบว่าในฐานหลอดมีพวกเศษวัสดุที่ใช้ติดยึดโครงสรางหลอด หมดอายุการใช้งานก็หลุดอยู่ในฐานหลอด หลอดใหม่ก็พบเห็นเสมอครับ ถ้าอยู่ในกระเบาะหลอดแก้ว สัญนิฐานว่าผ่านศึกสงครามมามากแล้ว จนมีเศษไมกล้า หรือหนักกว่านั้นเศษโครงสร้างพวกโลหะหล่นอยู่ภายใน ต้องชั่งใจละครับว่าจะเอาหรือไม่ ถ้าเป็นผมไม่เอาครับ ตามที่เรียนแล้วข้างต้นไม่อยากเกิดปัญหากับผู้ขาย
2. ดูที่วัสดุตัวแก้วว่ามีสีน้ำตาลหรือสีดำหรือไม่ (ยกเว้นสีดำปลอดนะครับ) ถ้ามีก็กำศึกมามากแล้ว ก็เช่นกันครับ จะเอาหรือไม่
3. อันนี้สำคัญหลอดที่ใช้งานมาแล้วใส้หลอดจะออกสีค้ำ ๆ สีขาวหมอง ๆ ปนดำหรือน้ำตาลเข้ม แน่นนอนหลอดผ่านการใช้งานมาแล้ว มาก ชม. เช่นกันครับ ถ้าเป็นหลอดใหม่ ใส้หลอดเป็นสีขาวครับ ลองสังเหตุหลอดที่เราซื้อมาใหม่ และหลังจากเราใช้งานไปแล้วระยะหนึ่งให้หลอดเราออกสีหมอง
ค่ำ
4. หลอดที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เมื่อเราเปิดฟังดูใช้เวลาไม่เกิน 10 ชม. หลอดเริ่มแสดงอาการดี ๆ ให้เห็นชัดเจน ไม่ต้องรอเบรินอิน อันนี้แน่นอนครับผ่านการใช้งานมามากว่า 50 ชม.แล้ว เปิดปั๊บเสียงใสปริ้งเลย
5. ประการสุดท้ายครับพกมิเตอร์ไปด้วย เช็คใส้หลอดดูว่าขาดหรือไม่ ไม่เว้นแม้แต่หลอดใหม่ด้วยนะครับ ผมเคยพบเห็นมาแล้ว หลอดใหม่ในกล่องไม่เคยแกะ แต่นำไปใช้งาน ไม่มีแสงให้เราเห็น ก็เสียสตังค์ฟรี เอาไปคืนมัหวังโดน.........

6. หมั่นสังเกตุโครงสร้างหลอดให้ดี ๆ ครับ ว่าหลอดใหม่กับเก่านั้น แตกต่างกันอย่างไร ถ้าท่านจบกระบวนการที่ผมแนะนำมาอย่างเคล้า ๆ นี้แล้ว โอกาสที่ท่านจะถูกพ่อค้าต่อว่าแทบไม่มีเลยครับ

สุดท้ายเราก็จะได้หลอดดีมาใช้