มันก็แค่สาย สัญญาณ transparent เฉยๆ สายยี่ห้อนี้มีข้อแปลกอย่างหนึ่ง คือจะให้ดีสุดต้องใช้ของมันทั้งชุด ไม่ว่าจะสายไฟและสายลำโพง เพราะมันเป็นสายที่ให้เสียงเป็นธรรมชาติ ตามธรรมชาติของเครื่อง ไม่ใช่เป็นการแต่งเติมเสริมแต่งเหมือนสายยี่ห้ออื่น เช่น เพิ่มเบส เพิ่มแหลม เพิ่มกลาง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในสาย transparent เลย สิ่งที่สายยี่ห้อนี้ให้คือว่าเป็นกลาง เสียงมาครบทุกย่าน มีความเป็นดนตรีมากขึ้น
สายตั้งแต่รุ่นเล็กถึงใหญ่ เสียงจะแบบเดียวกัน ต่างกันแค่ ความชัดเจน และความสงัด ยิ่งรุ่นแพงขึ้นก็จะชัดขึ้น แยกรายละเอียดชิ้นตนตรีได้ชัดชึ้น และสงัดขึ้น เพราะตัวสายถูกออกแบบมาให้ชดเชยและ ลด noise หรือสัญญาณรบกวนออกจากระบบ ทำให้สายมีความตอบสนองความถี่ที่ถูกต้อง และมีความเป็นธรรมชาติของ ดนตรีมากๆ
ถ้าใครเอาสายยี่ห้อนี้ไปลองแล้วพบว่า บาง หรือ เสียงเล็ก อะไรก็ตาม ตรงนี้อยากให้ตรวจสอบความ match ของ system คุณได้เลย เพราะสายยี่ห้อนี้ค่อนข้างฟ้อง system พอสมควร ยิ่งใช้ทั้งชุด เมื่อคุณเปลี่ยนเครื่องอะไรเข้าไปในระบบ ก็จะเป็นผลอย่างชัดเจนมากๆ ส่วนใครที่ใส่แล้วไม่ชอบก็อยากให้ลองทั้งระบบ แล้วกลับไปฟังสายเก่า ถูกใจอันไหนก็จ่ายเงินอันนั้น ไม่มีถูกผิด
และสาย transparent ใช้เดินภายตู้ในลำโพง ระดับโลกชั้นนำ อย่าง wilson magico rockpot ซึ่งเป็นลำโพง hiend และส่วนมากเวลา demo ที่เมืองนอกก็จะใช้ transparent เท่านั้น
ผมเองก็ได้หมดเงินกับสายไปเป็นล้าน แต่ก็ยังไม่จบ จนมาเจอ transparent รุ่นปัจจบัน ซึ่งเป็น MM2 ซึ่งเสียงดีกว่ารุ่นแรกมากๆ ใครที่คิดจะไปเล่นรุ่นเก่าหรือมือสอง เลิกได้เลยครับ เสียงสู้กันไม่ได้เลย
สำหรับรุ่นที่ผมเลือก็เป็นรุ่น reference ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า อ้างอิง ซึ่งในสาระระบบของสาย transparent นั้นก็เป็นรุ่นกลางของเขานั้นเอง
โดยถ้าเอารุ่นนี้เป็นอ้างอิง ก็จะมีรุ่นที่ดีกว่าขึ้นไปอีกสามรุ่น และ เล็กลงไปอีกสามรุ่น ซึ่งเสียงก็อย่างที่บอกคือ สไตร์เดียวกัน ซึ่งผมใช้สายรุ่นเล็กในระบบที่สำคัญน้อยกว่า ซึ่งเป็นข้อดีของมันก็ว่าได้
เพราะไม่ว่าจะรุ่นเล็กกลางใหญ่ เสียงจะไปทางเดียวกัน ผิดกับยี่ห้ออื่นที่ รุ่นเล็กกับรุ่นใหญ่นี่เสียง หน้ามือกับ หลัง ... เลย การที่ใช้สายยี่ห้อเดียวกันหมดทำให้เรา macth เครื่องได้ง่าย และลงตัว และได้ผลลัพท์ทีดี
เอาแค่ไม่หลงทางก็นับว่า ดีมากๆแล้ว ผมเคยเล่นสายหลายยี่ห้อในระบบ เปลี่ยนอะไรทีจับแทบไม่ได้ว่า อะไรให้อะไร หรือไปทางไหนถึงถูก วันนี้เอานี่มาก็ดังแบบนี้ อีกวันเอาอีกอันมาก็ดังอีกแบบ
แล้วไหนล่ะที่ถูกต้อง

โชคดีที่ผมได้ทำงานกับเครื่องเสียงคอนเสริทให้เช่า ทำให้มืข้อคิดอยู่ข้อเดียว เสียงดีเป็นแบบไหน มันก็ต้องเสียงเหมือนของจริงสิ ใครไม่รู้ว่าของจริงเป็นยังไง
ผมแนะนำง่ายๆ ถ้าอยู่บ้านมีกีต้า ให้ลองเอากี่ต้าโปร่งมาดีดดู เริ่มแรก คุณจะได้ยินเสียง ของ ลวดขึงกับไม้ อาจารย์ดนตรีผมบอกแบบนี้ ต่อให้เป็น gibson respual มันก็แค่ ลวดขึงกับไม้
จากนั้นให้ลองเอามือถูก ลวด จะได้ยินเสียงนิ้วสีสาย จากนั้นลองดีดดู จะได้ยินเสียง โน้ตหรือความถื่ที่เกิดขึ้น และจะมีเสียงของ เรโซแน้น ของไม้เกิดขึ้นตาม และความถี่ต่ำๆ ที่สั่นมาที่มือเรา
คราวนี้ลองไปเทียบกับ เครื่องเสียงที่เราเล่นอยู่ซิว่า ได้ยินเสียงเหล่านี้มั้ย ถ้าได้ยิน แสดงว่ามาถูกทาง แต่ได้ไม่ได้ยินก็แสดงว่าห่างไกลความจริงครับ
เพราะพวกบรรดาศิลปินเองเวลาเขาทำการบันทึกเสียง เขาก็ต้องการเก็บรายละเอียดเสียงที่เขาต้องการให้ได้มากที่สุด เพื่อถ่ายทอด จิตวิญญาณของความเป็นศิลปินของพวกเขาเหล่านั้น
เอาว่าก็เป็นเท็คนิคง่ายๆ ลองไปทำกันดู
ว่าชุดของท่านตอนนี้ มีความเป็นดนตรี จริงหรือ หรือให้รอแค่คนที่อ่างตนเป็นเซียนที่อาจจะไม่รู้เรื่องดนตรีเลย มาปรับนิดปรับหน่อย เอาของมาขาย มาวิจารณ์ แล้ว
มาชมว่า เครื่องท่านเสียงดี ไอ้แบบนี้ ไปจ้างวินแมงกะไซปาก มานั่งฟังสักเพลง ผมก็เชื่อว่า เขาก็ต้องบอกเสียงดี แต่ลองไม่จ่ายค่าเสียงเวลา รับรองนอกจากโดนด่าแล้ว อาจจะโดนวินแมงกะไซะมันตีเอา เหอๆผมเริ่มเชื่อคำว่า สติสตางค์ ว่าทำไมเขาเอามาพ้องเสียงกัน เพราะว่า เมื่อ สติเสีย ก็ย่อมเสียสตางค์ เพราะฉนั้นสองอย่างนั้มันคู่กันเลย
ดังนั้นใครอยากได้เครื่องเสียงดีๆ ก็ต้องมีทั้งสติ และสตางค์ ครับ ส่วนใครอยากได้เสียงดีแต่สตางค์ น้อยก็ย้อนกลับไปอ่านข้างบนอีกรอบ ว่าเสียงดีเป็นแบบไหน ไม่ใช่ว่าของแพงจะดีเสมอไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดในระบบเครื่องเสียง คือเรื่องของการ แมชชิ่ง ซึ่งผมเองก็เคยคุยกับพี่ชาวสวน และเห็นตรงกันว่า ทุกวันนี้สื่อต่างๆมีแต่เชียขายของ สอนวิชามาร 108 เล่มเกวียน ใส่ของสาระพัด แต่ไม่มีใครสอน วิธีการแมชชิ่งเลย
การแม็ชชิ่งคืออะไร คำตอบง่ายๆมันก็คือ การจับคู่นั่นเอง เช่น มีชาย ต้องมี หญิง ผัวใจร้อน เมียใจเย็น ประมาณนี้ ในเครื่องเสียงก็เช่นเดียวกัน เช่นลำโพงยี่ห้อ A เสียงแหลมเยอะ เจอแอมป์ ยี่ห้อ B เสียงแหลมดี ผลออกมาก็ไม่มีเบส มีแต่แหลมหนวกหู แต่ถ้าไปจับกับ แอมป์ ยี่ห้อ C ที่เบสดี กับสายสัญญาณที่ให้เสียงกลางดี คราวนี้ก็จะได้ครบสามเสียง ทุ้มกลางแหลม
แล้วเราจะได้ไง ว่าอันไหนเสียงแบบไหน คำตอบง่ายๆคือ ลองฟังครับ ยกของเราไปต่อที่ร้าน หรือ ร้านไหนยืมมาลองได้ก็จัดไป หรือจัดระบบให้ใกล้เคียงกับที่เราใช้งานที่สุด แล้วจำว่าทุกคั้งที่เปลี่ยนอะไรเปลี่ยนไป
เท่านี้คุณก็เป็นเซียนได้แล้ว แต่สำหรับผมไม่อยากเป็นเซียน เพราะเซียนต้องตายก่อน ถึงจะได้กินหัวหมูและธูป ก็เถอะ 55555