MPEG 1 เป็นระบบการบีบอัดข้อมูลแบบ Digital ที่ถูกคิดค้นมานะครับ ก็ส่วนใหญ่นำมาใช้ใน VCD ส่วนเพลง MP3 เป็น MPEG 1 Layer 3 ออกแบบมาบีบอัดเพลง (ยังเป็น MPEG 1 อยู่ครับ) ตัว MPEG 2 ยังใช้สมการแบบเดิม แต่ขยายให้ใช้ได้เป็นระบบ DVD สามารถเก็บเสียงได้ 5.1 Channel พอเป็น MPEG 4 ใช้สมการแบบใหม่การบีบอัดดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าขนาดข้อมูลที่เท่ากันคุณภาพจะดีกว่า MPEG 2 เยอะครับ ความที่ MPEG 4 นี้ไม่ฟรีเหมือน MPEG 1 ก็เลยมีหลายค่ายทำแข่งกันมีลิขสิทธิ์ พวก AAC , MP4, M4a หรือ การบีบอัดของเพลงรุ่นใหม่อื่น ๆ และ MKV DIVX AVI (ที่ใช้ codec บางแบบ) ของการบีบอัดหนังใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่มีรายละเอียดการเข้ารหัสที่แตกต่างกัน ทำให้หนังที่ปล่อยให้ load bit กันอาจจะดูได้บ้าง หรือไม่ได้บ้างสำหรับ HDPlayer บางตัว ก็เพราะเรื่องรหัสที่หลากหลายนี่แหละครับ พอคราวนี้จะส่งภาพแบบ HD ก็ต้องอาศัยระบบการบีบอัดใหม่แบบ MP4 นี่แหละไม่นั้น bandwidth หรือช่องส่งสัญญาณเต็มแน่ คราวนี้ถ้าใช้ MP4 กันหมดทุกช่อง ทาง True ก็จะส่งสัญญาณได้มากขึ้น ไม่ต้องเพิ่มช่องสัญญาณดาวเทียม แต่ต้องแลกด้วยพยายามให้ลูกค้าเปลี่ยนเครื่องรับ (reciever) เป็นรุ่นใหม่ตาม เนื่องจากการถอดรหัส MP4 ต้องใช้ความสามารถของ chip ประมวลผล ผมว่าจริงแล้วยังไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่เลย สังเกตคนที่ใช้ dreambox ที่รับ HD ได้เลยมักมีปัญหาเรื่องความเสถียรเครื่อง ผมยังจำที่สมัย VCD ออกใหม่ ๆ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยากดูต้องลงโปรแกรม บางที่ดูหนังได้ทำงานอื่น ไม่ได้เลย หรือฟังเพลง MP3 เครื่องก็ทำงานอื่นไม่ได้เหมือนกัน รุ่นน้องบางคนลงทุนไปซื้อ card mpeg มาเสียบเพื่อดูหนัง แต่ปัจจุบันเครื่องธรรมดาดูได้หมด คราวนี้พอจะดู MKV เหมือนกัน เครื่องเก่า ๆ หน่อยอาจจะดูไม่ได้ (ยกเว้น VGA Card รุ่นเก่าแต่ดีมาก) ดูแล้วกระตุก แต่เครื่องใหม่ดูได้เลยครับ คิดว่าคงพอให้เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เข้าใจว่าทำไม true จะส่งเป็นแบบ MP4 นะครับ