HTG2.club

วันนี้ผมรบกวนถาม impedance ของoutput

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
สัญลักษณ์ ^ ก็คือ ยกกำลังอย่างที่คุณ Jood ว่าครับ

ถ้าอยากรู้ที่มาก็ต้องว่ากันตามหลักการพื้นฐานของหม้อแปลงครับ
P = กำลังไฟฟ้า, E = แรงดันไฟฟ้า, I = กระแสไฟฟ้า, N = จำนวนรอบการพันลวด, Z = impedance
ตัวเลข 1 ที่ตามหลังตัวอักษร หมายถึงด้าน primary, เลข 2 หมายถึงด้าน secondary

กำลังไฟฟ้าด้าน prim (P1) = กำลังไฟฟ้าด้าน sec (P2) .....(1)
แรงขับเคลื่อนแม่เหล็กด้าน prim (N1 x I1) = แรงขับเคลื่อนแม่เหล็กด้าน sec (N2 x I2) ...(2)
กำลังไฟฟ้า (P) = แรงดันไฟฟ้า (E) x กระแสไฟฟ้า (I) ...(3)
แรงดันไฟฟ้า (E) = กระแสไฟฟ้า (I) x ควมต้านทาน (Z) ...(4)

จาก (1) และ (3) จะได้ (E1 x I1) = (E2 x I2) ...(5)
จาก (4) และ� (5) จะได้ (I1 x Z1) x I1 = (I2 x Z2) x I2 => Z1 = ((I2 / I1)^2) x Z2 ...(6)
จาก (2) จะได้ (I2 / I1) = (N1 / N2) ...(7)
แทน (7) ลงใน (6) จะได้ Z1 = ((N1 / N2)^2) x Z2 ...(๘)

ถ้าเราแบ่งขดลวดด้าน prim นั่นคือ N1 ในสมการ (๘) ก็จะเป็น (N1)/2 และเพื่อให้สมการสมดุลย์จึงต้องหาร Z1 ด้วย 4 (เพราะว่าด้านขวาของสมการมีการยกกำลังสอง)

ดังนั้นถ้าเราแบ่งครึ่งลวดด้าน prim จึงได้ ((Z1) / 4) =(((N1)/2) / N2)^2) x Z2
ที่มาก็เป็นอย่างนี้เองครับ  :)

***ที่ใส่เลข ๘ เพราะว่าถ้าใส่เลข 8 เวลา post จะกลายเป็นตัวการ์ตูนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 ธันวาคม, 2005, 02:19:17 am โดย prasan »
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Jood

  • An unlimited learning is DIY.
  • *****
    • กระทู้: 654
    • เพศ:ชาย
  • We just do it.
ขอบคุณ คุณพี่ทั้ง2ครับ พี่ประสานช่วยบอกที่มาของสูตรด้วยครับ N1,N2,E1,E2 ได้มาจากค่าอะไร R1 = ((N1/N2)^2) x R2 จากสูตรนี้เครื่องหมายก่อนเลข2คืออะไร หรือไม่ก็ขอสูตรทั้งหมด

ขออนุญาตตอบแทนคุณประสานครับ สัญลักษณ์ ^2 คือ ยกกำลัง 2 ขอรับ..
ศึกษา ฝึกฝน เพื่อความมัน กับสิ่งที่ชอบทำ..


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณ คุณพี่ทั้ง2ครับ พี่ประสานช่วยบอกที่มาของสูตรด้วยครับ N1,N2,E1,E2 ได้มาจากค่าอะไร R1 = ((N1/N2)^2) x R2 จากสูตรนี้เครื่องหมายก่อนเลข2คืออะไร หรือไม่ก็ขอสูตรทั้งหมด
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
แล้วที่ผมถามไว้ว่า คำนวณรอบแบบSE แล้วมาอนุกรมกันแบบPP ได้เหมือนกันแต่ต้องtabขดลวดให้ถูก ไม่งั้นสลับเฟสเสียงไม่ออก
อันนี้ถูกครับ ก็เหมือนเราพันหม้อแปลง power แหละครับถ้าเราพันขด sec แบบมี tap อย่าง 250-0-250V ถ้าพันขด 250-0V ไม่พันทิศทางเดียวกันกับขด 0-250V ก็จะไม่มีแรงดันออกมาครับเพราะสนามแม่เหล็กมันหักล้างกันหมดครับ ลองพิสูจน์ได้ครับบางครั้งอาจจะสงสัยว่าทำไมอีตอนวัดไฟที่ขด 250-0V มีไฟปกติแล้ววัดไฟที่ขด 0-250V ก็ปกติแต่พอวัดระหว่าง 250-250V ทำไมกลายเป็น 0V ก็เพราะที่ว่าแหละครับ ถ้าที่ถูกต้องวัดได้ 500V ครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
อ้างถึง
ตอนนี้ผมสับสนกับค่า impedance ของoutput transformer ที่เป็น push-pull จากรูปวงจรตัวอย่างกำหนดมาว่า 6.8K Primary ก็หมายความว่า ขั้วplateของหลอดหนึ่งไปถึงขั้วplateอีกหลอดหนึ่ง หรือ plate to plate  ใช่ไหมครับ แล้วถ้างั้นแบ่งครึ่งหนึ่งตรงกลางแท็บ ก็เท่ากับ 3.4K ใช่ไหมครับ

ไม่ใช่ครับ ถ้าแบ่งครึ่งด้าน pri 6.8k plate-to-plate จะได้แต่ละขดมี impedance 1.7k ครับ (รายละเอียดดูได้จาก RDH4th Chapter5, page 201 หัวข้อ For an ideal transformer with a center-tapped transformer ครับ)
E1/E2 = N1/N2
R1 = ((N1/N2)^2) x R2
ถ้าแบ่งครึ่งด้าน prim และขดจะเป็น (E1)/2 และ (N1)/2 แล้วแทนลงในสูตรจะได้ (R1)/4 ครับ โดยที่ R1 ก็คือ plate-to-plate impedance ครับ R2 คือ secondary impedance

อ้างถึง
� �2. กล่าวถึงเหล็กEI ที่ใช้ในoutput เราต้องคำนึงถึงค่าPermeability ของเหล็กEIด้วย พี่ประภาพยกตัวอย่างoutput ของ dynaco ค่าPermeability ที่แทนลง
� � � �ในสูตรอยู่ที่ 600 ถึง 800 แต่เหล็กที่บ้านเรา ต้องใช้ค่า 1000 - 1200 เลยที่เดียว และจำนวนรอบของdynaco 3.4K P-P อยู่ที่ 1506รอบ แบ่งเป็น2ชุด

เหล็กในบ้านเราผมว่าค่า permeability ไม่น่าจะถึง 1000-1200 เลยครับ เพราะที่เคยคำนวณแล้วลองพัน ผมว่าไม่น่าจะถึงขนาดนั้น ที่คุณ Art แนะนำให้ใช้ 300 ก็น่าจะเป็นจริงครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
ความลับเรื่องหม้อแปลง OPT บ้างอย่างที่ผมไม่กล้าแนะนำเนื่องจากยังไม่ได้ทดลองทำด้วยตัวเอง หาผลสรุปได้ด้วยตัวเอง จึงไม่นำเรียนให้ทราบได้ แต่สิ่งที่ผมสาธยามานั้น เป็นเพียงพื้นฐานการคำนวณ opt เบื้องต้น ที่ผมและเพื่อน ๆ พากันพันเล่นเท่านั้นครับ ส่วนของจริงที่เป็นอภิมหาความลับในหม้อแปลงนั้น ผมเพียงทราบเท่านั้น แต่ยังไม่ได้นำมาปฏิบัติจริง และไม่แน่ใจว่าถูกวางยาหรือเปล่า รอให้ผมนำมาทดลองก่อนจึงจะรู้ว่านักคิดเรื่อง opt เขามีหลักคิดอย่างไร จึงได้หวงแหนกันเหลือเกิน แม้แต่คนไทยเราด้วยกันที่ล่วงรู้ความลับบางอย่าง เขาไม่ยอมเปิดเผยให้เราทราบเลยเช่นกัน เขาบอกเพียงว่า กว่าเขาจะมาถึงจุดจุดนี้ เขาต้องเสียทองแดงหนักเป็นตัน ๆ เราละเศร้าใจครับ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มีเพียงวิธีเดียวครับคือต้องทำเอง สรุปเหตุผลเอง ไม่รู้ชาตินี้จะไปถึงหรือไม่ เพราะเวลาที่จะใช้พันหม้อแปลงลูกหนึ่ง ๆ นั้น อย่างน้อยต้อง 3 วัน ในการพัน ชุบวานิชอีก 2 วัน เท่านี้เวลาว่างที่เหลือทั้งเดือนก็หมดแล้วครับ จึงได้อาศัยน้อง ๆ ช่วยพันให้หน่อย เพราะจนใจจริง ๆ สำหรับเวลาว่าง สำหรับเทคนิคอื่น ๆ นั้น หลายคนคงมีแนวทางของแต่คนคงไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่า ณ วันข้างหน้าใครจะเป็นผู้ที่พบความลับนี้ก่อน วันนั้นเราของมี tamura Thailand เกิดขึ้น ผมขอฝากไว้ด้วย ดังคำโบราณที่เตือนสอนใจว่า "พ่อไม่มีทรัพสินอะไรจะให้ลูก ถ้าลูกอยากได้ทรัพสินที่พ่อมี ให้ขุดหาเอา"


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
แล้วที่ผมถามไว้ว่า คำนวณรอบแบบSE แล้วมาอนุกรมกันแบบPP ได้เหมือนกันแต่ต้องtabขดลวดให้ถูก ไม่งั้นสลับเฟสเสียงไม่ออก
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
สงสัยคำถามผมยากไป ตอบเองก็ได้ ^-^
   เมื่อวานออกกะแล้วเข้าไปหาพี่ประภาส เอาสูตรที่ผมมี(ของart) ไปให้พี่ท่านดู สูตรผมนะไม่ผิดนะ แต่ว่า มันขึ้นกับอะไรหลายๆอย่างที่เราทำประกอบเป็นoutput
   1ลูก ผมจะสรุปเป็นข้อๆไปนะครับดังนี้
   1. หลอดที่เรานำมาใช้ในวงจร ยกตัวอย่างในที่ๆคุยกันเมื่อวาน EL34 นะครับ ในspec ของ EL34 Plate resistance = 15K ที่ 250V แทนค่าลงในสูตร จำนวน
       รอบได้สมตินะครับ 2000รอบ แล้วเรามาดูไฟที่จ่ายให้กับวงจรที่เราใช้ ถ้ามันมากกว่าที่specที่เขากำหนดมาให้ อย่าลืมว่าค่า Plate resistance จะต้องเพิ่ม
       ขึ้น เราต้องเพิ่มตามแรงดันที่วงจรกำหนดมา คุยกันอยู 350V - 450V ต้องRpไปประมาณอีก2เท่า ก็เป็น 45K แทนค่าลงในสูตร จำนวนรอบได้สมตินะครับ
       2500รอบ จะเห็นได้ว่า เมื่อแรงดันเพิ่มresistanceจะต้องเพิ่ม ฉะนั้น ในการคำนวณหารอบต้องคำนึงถึงแรงดันด้วย
   2. กล่าวถึงเหล็กEI ที่ใช้ในoutput เราต้องคำนึงถึงค่าPermeability ของเหล็กEIด้วย พี่ประภาพยกตัวอย่างoutput ของ dynaco ค่าPermeability ที่แทนลง
       ในสูตรอยู่ที่ 600 ถึง 800 แต่เหล็กที่บ้านเรา ต้องใช้ค่า 1000 - 1200 เลยที่เดียว และจำนวนรอบของdynaco 3.4K P-P อยู่ที่ 1506รอบ แบ่งเป็น2ชุด
       ชุดละ 753 รอบแต่เห็นวิธีการพันแล้วผมนั้งดูนั้งวิเคราะห์ อยู่นานกันยังงงอยู่เลย ว่าoutput ระดับโลกก็ว่าได้ วิธีการพันของเขาฉีกแนวคิดของเราๆท่านๆ
       (กระดาษแผ่นนี้ไม่เคยให้ใครดูง่ายๆนะ ถ้าอยากได้ต้องพันoutput ให้คู่หนึ่ง ผมก็ต้องพันเพื่อแลกกับความรู้) ในขณะที่แกนที่ใช้ขนาด 32mm X 32mm
       ถ้าเราพันนะต้องใช้แกน 32mm X 50mm - 60mm เลยที่เดียว 
   3. เราได้จำนวนรอบจากข้อ1 แล้ววิธีการพันจะพันแบบInterleaving หรือ แบบSectionalizing เพื่อจะลดค่า Capacitance และการถ่ายเทสนามแหล็กจากขด
       Primaryไป Secandary หรือจะเลือกพันแบบของDynaco และมีอีกหลายแบบให้เลือก และแต่ละแบบนั้นก็ให้เสียงแตกต่างกันไป และสิ่งสำคัญที่พี่ภาสบอก
       กับผมว่าจำนวณรอบกับเหล็ก มันจะไม่ Match กัน เรามาtabออกมา ลองฟังเสียงว่าที่เราtab ออกมานั้นเหมาะกับหลอดที่ใช้ไหม เสียงเบสเป็นอย่างไร
       หนาไปไหม บางไปไหม เสียงแหลมพริ้วไหม ปลายเสียงแหลมหายไปไหม บางครั้งต้องเพิ่มรอบ หรือ ลดรอบ อันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ ต่างกับหม้อแปลง
       ไฟมาก วิธีการพันไม่ตายตัวครับ
   4. ค่า DCR(ผมไม่ได้ถามต้วเต็มเดี๋ยวให้พี่เข้ามาบอกแล้วกัน) เราจะลืมไปได้เลย ค่าImpenanceของขดลวด ค่าDCR มากจะทำให้หลอดเคลียดมากตามไปด้วย
       ถ้าค่าDCRน้อยจะทำให้หลอดทำงานสบายโดยไม่เคลียดมาก โดยการเพิ่มลดขนาดลวดทองแดง ถ้าขนาดลวดทองแดงใหญ่ค่าDCR ก็น้อยลงด้วย เช่นกันถ้า
       ขนาดลวดทองแดงเล็กค่าDCR ก็มากขึ้น แต่ถ้าขนาดลวดทองใหญ่ แกนของoutput ก็ใหญ่ตามด้วย


       จากที่กล่าวมานี้ในการคำนวณหาจำนวนรอบต้องนำค่าparameterต่างๆ ของ หลอด,แรงดันที่ใช้ในวงจร,คุณสมบัติของเหล็ก EI,ขนาดของลวดทองแดง,
       ฉนวน ตอนนี้ให้พี่ภาสเขียนสูตรใหม่ซึ่งจะรวมค่าparameterต่างๆเหล่านี้รวมคำนวณเข้าด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ การ DIY output จึงมีคนล้มเลิก
       ความตั้งใจการพันoutput ถ้าไหนขาดหรือผิด พี่ภาสช่วยแก้ไขด้วยครับ

        ถึงคุยกันมา2ชั่วโมงครึ่งแล้วยังไม่จบครับ พอดีมองไปเห็นหลอด 6C33 ผลิตในรัสเซีย 4หลอด ได้จับดูโครงสร้างมันบึกบึนมาก พี่ท่านก็ให้ลองพันoutput
        ซักคู่เพื่อลองกับ6C33 จะมืดแล้วต้องขอลากลับก่อน 

        ลืมบอกไปกรุของพี่ภาสไม่ใช่แค่อยู่ในห้องที่postไว้ หลังบ้านพี่ท่านเต็มห้องเลย
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ตอนนี้ผมสับสนกับค่า impedance ของoutput transformer ที่เป็น push-pull จากรูปวงจรตัวอย่างกำหนดมาว่า 6.8K Primary ก็หมายความว่า ขั้วplateของหลอดหนึ่งไปถึงขั้วplateอีกหลอดหนึ่ง หรือ plate to plate  ใช่ไหมครับ แล้วถ้างั้นแบ่งครึ่งหนึ่งตรงกลางแท็บ ก็เท่ากับ 3.4K ใช่ไหมครับ ถ้านำไปคำนวณหาจำนวณรอบ เราคำนวณแบบSnigle Ended ก็จะเท่ากับ output transformer Single Ended มาต่ออนุกรมกันสองลูก คำนวณแบบนี้ได้ไหม ตามรูปที่แนบมา เพราะว่าสูตรที่มีอยู่คำนวณ SE กับ PP output คำนวณแบบ PP จะรอบน้อยกว่า output SE ถ้างั้นผมก็คำนวณผิดมาตลอดงาน หลงทางแล้ว นี้ตอนเดือนร้อนถึง คุณพี่ประสานอีกแล้ว หรือ พี่ประภาส หรือว่าพี่ๆน้องๆ ชาว Htg2 อีกแล้ว แต่ตัวล่าสุด ผมพัน output แบบ PP ใช้กับ EL34 impedance 5K ผมprimeryคำนวณได้2000รอบ แบ่งครึ่งได้ข้างละ1000รอบ Secandary 70 รอบ พันแบบSection 2 Section 
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0