HTG2.club

OPT Tramformer ถ้าเราจะพันเอง

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เด็กโข่ง

  • *****
    • กระทู้: 831
    • เพศ:ชาย
มีอันนี้มาฝากครับ ไครเคยเห๊นแล้วก้อขออภัยด้วยครับ

ผมว่าเข้าใจง่ายดี

http://www.diyaudio.8m.com/Ot/ot_en.html
รางวัลของสิ่งที่เรียกว่ายอดเยี่ยม  คือการได้สร้างมันขึ้นมา


ออฟไลน์ สันติ

  • *****
    • กระทู้: 644
อีกนิคครับ  กระแสในเครื่องหลอด  กระแส AC-DC  ต่างกันไม่มากในทาง out put  เพราะกระแส  DC  คงที่ส่วน  AC  มีการเหนี่ยวนำ และสัญญาณที่ผ่านเข้ามามากน้อยครับ
ธ.กรุงเทพ จำกัด สาขา ชนเกษม  #  427-0-31099-0    สุราษฎร์ๆ
  
   โทร  0849949765


ออฟไลน์ สันติ

  • *****
    • กระทู้: 644
ผมคิดว่าการพันส่วนมากเค้าเผื่อให้ลวดใหญ่ขึ้น  25% จากกระแสที่อ้างอิงจริงเป็นการเผื่อ  Flux  ต่างๆรวมทั้งไฟ  DC ด้วยครับ
ธ.กรุงเทพ จำกัด สาขา ชนเกษม  #  427-0-31099-0    สุราษฎร์ๆ
  
   โทร  0849949765


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
DC flux density = 1.257 x μa x N x I / MPL

AC flux density = Vrms / (4.44 x f X N x A)

Flux รวม = DC flux + AC flux

คืออย่างนี้ครับ โดยปกติการใช้งาน OPT ในวงจรหลอด SE ค่า DC flux จะมากกว่า AC flux อยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้ารอบเพิ่มขึ้น การเพิ่มของ DC flux จะมากกว่าการลดของ AC flux ครับ ผลรวม flux จึงมากขึ้นครับ

ส่วนกรณีวงจรหลอด PP ผมเพิ่งมาคิดดู ก็เห็นด้วยกับคุณ prasan ว่าตามสูตรแล้ว DC flux จะไม่เปลี่ยนเพราะ cancel กันหมด แต่ AC flux จะลดลงตามสูตรครับ สูตรที่ผมมีต่างกับคุณ prasan เล็กน้อย แต่เรื่อง AC flux แปรผกผันกับจำนวนรอบนี่ตรงกันครับ ยังไงขอศึกษาเพิ่มเติมก่อนนะครับในประเด็นนี้ แล้วจะมาคุยต่อ ยังคาใจอยู่ครับ รู้สึกมันกลับกับที่ควรจะเป็นน่ะครับ ขอบคุณครับ  :)


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
อ้างถึง
ผมคิดว่าไม่เพียงพอครับ ในหม้อแปลง Power ทำงานแต่ AC แต่ใน OPT ทั้ง SE/PP จะมี DC อยู่ด้วยครับ เพราะฉะนั้นต้องนำปริมาณกระแส DC มาคิดร่วมกับ AC ตามที่คุณ prasan คิดด้วยครับ

ลองสมมุติ OPT ที่มีกระแส Idle 100mA แต่ AC Swing แค่ 30mA (70-130mA) ถ้า เราเลือกลวดแค่รองรับ 30mA แบบนี้ ลำพัง DC ก็เผาลวดได้แล้วครับ  :)

ใช่ครับต้องเอากระแส DC มารวมเข้าไปด้วยครับ

อ้างถึง
Flux Density ก็คือจำนวนเส้นแรงแม่เหล็ก ต่อขนาดพื้นที่
จำนวนเส้นแรงแม่เหล็ก เป็นผลคูณของจำนวนรอบกับกระแสที่ไหลผ่านในลวด
เพราะฉะนั้น ถ้าจำนวนรอบเยอะขึ้นในขณะที่ขนาดพื้นที่หน้าตัดแกนเท่าเดิม จำนวนเส้นแรงแม่เหล็กก็ควรจะมากขึ้น และค่า Flux Density ก็จะมากขึ้นด้วยครับ หรือคุณ prasan คิดยังไงครับ  ;)
ถ้าพื้นที่หน้าตัดของแกนเท่ากัน จำนวนรอบทีพันถ้ามากขึ้นจะทำให้ DC flux density สูงขึ้นแต่ AC Flux density จะต่ำลง คิดจาก

DC flux density = 1.257 x μa x N x I / MPL

AC flux density = Vrms / (4.44 x f X N x A)

Flux รวม = DC flux + AC flux

ตัว AC flux density นี้ผมว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หม้อแปลงเพาเวอร์ร้อน เท่าที่ผมเคยเอาหม้อแปลงจากที่พันขายในบ้านเราลองคำนวณย้อนกลับ มักจะพบว่าเค้าใช้ค่า Flux density ที่สูงมาก (จะทำให้ค่า core loss สูง) มาคำนวณรอบที่ใช้พัน รอบที่ได้จึงออกมาน้อยและอีกอย่างคือ ใช้ลวดเส้นเล็กกว่าปกติที่ควรจะเป็นหรืออาจจะไม่ได้เผื่อขนาดเส้นลวดเพื่อช่วยลด copper loss วิธีการแบบนี้จะช่วยลดต้นทุนของผู้ผลิตได้แต่เราขาดทุนครับ  :cry2
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
ถ้าเราพันรอบน้อยค่า Flux density ก็จะมาก ถ้าเราพันรอบมากค่า Flux density ก็จะน้อย

เอ อันนี้ไม่น่าถูกต้องนะครับ

Flux Density ก็คือจำนวนเส้นแรงแม่เหล็ก ต่อขนาดพื้นที่
จำนวนเส้นแรงแม่เหล็ก เป็นผลคูณของจำนวนรอบกับกระแสที่ไหลผ่านในลวด
เพราะฉะนั้น ถ้าจำนวนรอบเยอะขึ้นในขณะที่ขนาดพื้นที่หน้าตัดแกนเท่าเดิม จำนวนเส้นแรงแม่เหล็กก็ควรจะมากขึ้น และค่า Flux Density ก็จะมากขึ้นด้วยครับ หรือคุณ prasan คิดยังไงครับ  ;)


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
ผมว่าจุดเริ่มของการพิจารณาน่าจะมาจากหลักการของหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งจะได้ว่ากำลังไฟฟ้าด้าน primary เท่ากับกำลังไฟฟ้าทางด้าน secondary โดยถือว่าไม่มีการสูญเสีย (ในทางอุดมคติ) หลังจากที่คำนวณหากระแสทั้งด้าน primary และ secondary ที่กำลังกำลังไฟฟ้าสูงสุดของหม้อแปลงได้แล้วก็มาดูว่าลวดทองแดงขนาดเท่าไรที่สามารถทนกระแสนั้นได้แล้วค่อยมาเพิ่มขนาดของเส้นลวดให้ใหญ่กว่าที่เราได้มาจากการคำนวณเพื่อให้ชดเชยกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น

ผมคิดว่าไม่เพียงพอครับ ในหม้อแปลง Power ทำงานแต่ AC แต่ใน OPT ทั้ง SE/PP จะมี DC อยู่ด้วยครับ เพราะฉะนั้นต้องนำปริมาณกระแส DC มาคิดร่วมกับ AC ตามที่คุณ prasan คิดด้วยครับ

ลองสมมุติ OPT ที่มีกระแส Idle 100mA แต่ AC Swing แค่ 30mA (70-130mA) ถ้า เราเลือกลวดแค่รองรับ 30mA แบบนี้ ลำพัง DC ก็เผาลวดได้แล้วครับ  :)


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
เรื่องการหาขนาดเส้นลวดที่จะนำมาใช้พัน ผมว่าจุดเริ่มของการพิจารณาน่าจะมาจากหลักการของหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งจะได้ว่ากำลังไฟฟ้าด้าน primary เท่ากับกำลังไฟฟ้าทางด้าน secondary โดยถือว่าไม่มีการสูญเสีย (ในทางอุดมคติ) หลังจากที่คำนวณหากระแสทั้งด้าน primary และ secondary ที่กำลังกำลังไฟฟ้าสูงสุดของหม้อแปลงได้แล้วก็มาดูว่าลวดทองแดงขนาดเท่าไรที่สามารถทนกระแสนั้นได้แล้วค่อยมาเพิ่มขนาดของเส้นลวดให้ใหญ่กว่าที่เราได้มาจากการคำนวณเพื่อให้ชดเชยกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นซึ่งก็คือ Copper loss หรือเป็นการสูญเสียกำลังไฟฟ้าที่เกิดจากความต้านทานของเส้นลวด ส่วนที่ว่าจะเพิ่มขนาดลวดขึ้นไปเท่าไรนั้นผมยังไม่ทราบเหมือนกันเพราะว่าลองคำนวณจากตัวอย่างของ OPT ที่จะใช้กับ 2A3 แล้วขนาดเส้นลวดที่ได้จากสูตรการคำนวณ OPT มันต่างจากหลักการพื้นฐานที่ผมว่าอยู่มาก การสูญเสียของกำลังไฟฟ้าในหม้อแปลงอีกอย่าง คือ การสูญเสียในแกนเหล็กหรือ Core loss ซึ่งเจ้า Core loss นี้จะไปเกี่ยวข้องกับ Flux density (ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็ก) ถ้าเราออกแบบให้มี Flux density มาก ค่า Core loss นี้ก็จะมาก (Core loss แปรผันกับค่า Flux density ยกกำลังสอง) แล้วเจ้า Flux density นี้ก็จะไปเกี่ยวข้องกับจำนวนรอบที่เราพัน ถ้าเราพันรอบน้อยค่า Flux density ก็จะมาก ถ้าเราพันรอบมากค่า Flux density ก็จะน้อยและเราจะต้องใช้ลวดเส้นใหญ่ด้วยไม่งั้นแล้วจะเป็นว่าเราพยายามจะเลี่ยง Core loss แล้วไปเจอ Copper loss   :think1
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ KORN

  • ****
    • กระทู้: 260
    • เพศ:ชาย
  • เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
 Y] Y] Y] ขอบคุณ คุณสันติ และ Mr.Tube มากครับที่ให้ความกระจ่าง จะลองดูครับ หากมีเพื่อน พี่ๆ ท่านใดจะเสริมอีกเชิญนะครับ ผมคิดว่าจะได้เพิ่มความรู้กับเพื่อนๆ ในนี้อีก รวมทั้งผมด้วยที่ไม่รู้อะไรเลย :nonono :nonono ไม่มากก็น้อยครับ 
ที่อยู่และเบอร์โทรทวงตัง

กดตรงนี้ครับ


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
รอท่านอื่นๆมาช่วยตอบด้วยครับ

มาช่วยตอบแล้วครับ ผมก็ไม่มั่นใจนักแต่ลองพิจารณาดูนะครับ  :P

อ้างถึง
ถามครับ พอได้จำนวนรอบออกมาแล้ว เราต้องใช้ลวดเบอร์อะไรครับ

กรณี Primary ผมคิดว่าควรพิจารณาใน 2 เรื่องครับ คือ
- ปริมาณกระแสสูงสุดที่ไหลผ่านลวด ค่านี้หาได้จาก Datasheet ของหลอดครับ ก็คือกระแสในสภาวะสงบ บวกกับ กระแสเมื่อ Swing สูงสุดครับ
- ปริมาณความหนาแน่นกระแสเมื่อพันเป็นขดลวด อันนี้ผมไม่ชำนาญแต่มีเพื่อนๆ หลายคนน่าจะให้ความเห็นได้ครับ

อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่จำเป็นแต่อาจจะสำคัญคือเรื่อง Skin Effect ครับ คือควรจะเลือกลวดให้บางกว่า Skin Dept ที่ความถี่ที่ใช้งานสูงสุดครับ ตอนนี้ผมทราบแต่หลักการ โดยนำมาจากหลักการออกแบบ Transformer สำหรับ SMPS (Switch Mode Power Supply) ในส่วนการคำนวณกำลังศึกษาอยู่ครับ

กรณี Secondary ผมคิดว่าน่าจะพิจารณาจากค่ากำลังสูงสุดที่เป็นไปได้ก็น่าจะพอแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่นแอมป์มีกำลังสูงสุด 16W ที่ Load 4 Ohm (กระแสจะสูงกว่า 8 Ohm) ก็จะมีกระแสไหล 2A ลวดก็ควรจะรองรับปริมาณกระแสนี้ได้ครับ  :)

เมื่อคำนวณได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดแล้ว ก็นำไปเทียบในตารางครับ หรือบางทีอาจจะนำปริมาณกระแสไปเทียบเลยก็ได้ครับ  8)


ออฟไลน์ สันติ

  • *****
    • กระทู้: 644
การเลือกขนาดของลวดเราต้องทราบโคลงสร้างของหลอดด้วยและที่สำคัญการจ่ายกระแสของหลอดทาง AC  เป็น PP และมาคำนวณแรงดันที่หลอดจ่ายออกมาที่แรงดันสูงสุดเหมือนการคำนวณหม้อแปลงแต่หม้อแปลงคำนวณเป็น RMS  แต่ทาง  OPT  คำนวณแบบ PP  ของแรงดันสูงสุดครับ  รอท่านอื่นๆมาช่วยตอบด้วยครับ
ธ.กรุงเทพ จำกัด สาขา ชนเกษม  #  427-0-31099-0    สุราษฎร์ๆ
  
   โทร  0849949765


ออฟไลน์ KORN

  • ****
    • กระทู้: 260
    • เพศ:ชาย
  • เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ต้องทราบว่า  Load  ใช้กี่แอมป์  แล้วเทียบลวดครับ
swg              จ่ายกระแสสูงสุด
10                    16.6
11                    13.63
12                    10.96
13                     8.57
14                     6.487
15                     5.254
16                     4.151
17                     3.17
18                     2.335

ขอบคุณครับคุณสันติ ผมไม่ถนัดครับเรื่อง OPT ถ้าหม้อแปลงไฟยังพอ OK
ถามต่อเลยนะครับ แล้วค่าโหลดดูได้จากตรงไหนครับ ดูจาก data ของหลอดหรือเปล่าครับ แล้วทางด้าน sec กับ pri ผมเห็นเบอร์ของลวดแตกต่างกัน เปรียบเทียบจากอะไรครับ

ยกตัวอย่าง ผมจะพัน OPT 5K 10W 8R สำหรับหลอด 6BQ5 ใช้บ๊อบบิ้น 32*32 เรื่องจำนวนรอบเข้าใจครับ Y]แต่การเลือกใช้ลวด pri และ sec ยังงงๆอยู่ครับ N]
ที่อยู่และเบอร์โทรทวงตัง

กดตรงนี้ครับ


ออฟไลน์ สันติ

  • *****
    • กระทู้: 644
ต้องทราบว่า  Load  ใช้กี่แอมป์  แล้วเทียบลวดครับ
swg              จ่ายกระแสสูงสุด
10                    16.6
11                    13.63
12                    10.96
13                     8.57
14                     6.487
15                     5.254
16                     4.151
17                     3.17
18                     2.335
ธ.กรุงเทพ จำกัด สาขา ชนเกษม  #  427-0-31099-0    สุราษฎร์ๆ
  
   โทร  0849949765


ออฟไลน์ KORN

  • ****
    • กระทู้: 260
    • เพศ:ชาย
  • เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ถามครับ พอได้จำนวนรอบออกมาแล้ว เราต้องใช้ลวดเบอร์อะไรครับ ทั้งด้าน pri และ sec มีตารางที่บอกแต่กระแสของลวด(mA) หรือต้องเปลี่ยนเป็น watt ก่อน ต้องคำนวณอย่างไรครับ หรือมีวิธีอะไรช่วยอธิบายหน่อยครับ :help :help
ที่อยู่และเบอร์โทรทวงตัง

กดตรงนี้ครับ


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
แนวทางนี้ก็น่าสนใจครับสำหรับการพัน opt แบบมี tap 4 ohm, 8 ohm.
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
เดี๋ยวถ้าผมได้พันอีกผมจะถ่ายรูปมาดู ครับ
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
คุณ somtick มีวิธีการ tap ลวดออกมาอย่างไรโดยที่จะไม่ทำให้เสียพื้นที่ในการพันลวด เช่น ผมจะ tap ที่ 4 ohm แล้วพันต่อไป 8 ohm ถ้ามีภาพให้ดูด้วยจะดีมากเลยครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ตอนนี้ซุ้มทำorderอยู่ครับ จึงไม่มีเวลาDIYครับตามรูปที่1 ส่วนรูปที่2เป็นแกนที่พันลวดทองแดงจากร้านขายลวด กว่าผมจะได้ถึงขนาดนี้ต้องใช้ลวดเท่าไร จึงไม่แปลกเลยว่า ไม่ยอมบอกtipกันง่ายๆ
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


chandayot

  • บุคคลทั่วไป
ใช่ครับ  ผิวสีน้ำตาลหลุดออกมาได้เหมือนชแลค  คาดว่าเป็นการเคลือบเพื่อลด EDDY
Loss ผมคิดว่าอย่างนั้น เมื่อลองนำไปทำเอาทฺพุทแบบ SE เสียงที่ได้มา  มันต่างไปจากเหล็กที่มีขาย(H-14)จนรู้สึกได้ มันบอกไม่ถูกครับ พูดง่ายๆ ก็คือเสียงเหมือนแอมปืหลอดยุคโบราณ หรือแอมป์งานวัด  ทั้งๆที่ งานวัดร้อยทั้งร้อยเป็นพุชพุล แต่การเว้นแอร์แก็ปยังไม่แน่นอน อาจเว้นมากไปก้ได้   แต่หูของผมพอใช้ได้ ไม่อาจบอกว่าดีหรือไม่ดี(หูนะครับ ไม่ใช่หลอด)  แต่ฟัง 6L6  มันดูต่างกับ EL34 คือ 6L6 จะออกทางผู้ดี ทำตัวเรียบๆ  หยิ่งไว้ตัว แต่สง่างาม  EL34   จะฉับไวกว่า หวานกว่านิ้ดนึง ซึ่งหลายท่านก็เห็นด้วยกับผม


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ตอนนี้ผมเข้ากะดึกครับ ถ้าโทรมาตอน 16:00 ถึง 19:30 ครับ
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ bg_class

  • *
    • กระทู้: 45
เบอร์โทร ของผมครับ 06-2540014
ปีใหม่ยาวไปหน่อยครับ  ไม่ทราบว่าคุณsomtickสะดวกช่วงไหนครับ


ออฟไลน์ KVA

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,477
    • เพศ:ชาย
  • Do It Yourself if you can!
� �"ผมรื่้อแอมป์งานวัดเก่าๆ ก็พบเหล๋็กที่ว่านี้ บางมาก ผิวไม่เรียบ ขรุขระมาก มีสีน้ำตาลเคลือบอยู่� กรอบ เหมือนขนมปังกรอบเลยครับ� เป็นส่วนใหญ่นะครับ� �เนื้อเหล็กสีเทาๆ ใช้ทำทั้งเอาท์พุท ทั้งเพาเวอร์ ครับ� เจษฎา

 เหล็กแบบที่คุณ Jesdath กล่าวไว้ ผมเคยเจอในร้านรับทำ Transformer ทางร้านเค้าเรียกเหล็กชแลค ผิวมีลักษณะขรุขระ สีน้ำตาลเข้ม คล้ายๆมีชแลคเคลือบ ด้วยเหตุนี้ละมั๊ง ทางร้านถึงได้เรียกว่าเหล็กชแลค สอบถามดูเค้าก็ไม่ทราบว่าเป็นเหล็กเกรดใด รู้แต่ว่าเป็นการซื้อเหมาเหล็กของพวก Transformer ใหญ่ๆมาจ้างโรงงานตัดให้ได้ขนาดที่ต้องการอีกทีครับ


ออฟไลน์ สุรศักดิ์

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,234
    • เพศ:ชาย
ผมเคยถามที่ร้านแถวแยกบ้านแขก เขาบอกว่าน่าจะเป็น M4 หรือ M6 ครับ


chandayot

  • บุคคลทั่วไป
..แต่เหล็กตัวนี้จะมีลักษณะเปราะ,กรอบมาก โดยลองหักดูทีเดียวก็แตกออกจากกันได้ ไม่เหมือนพวก RG11 ที่จะเหนียวกว่ามากๆครับ..ก็เลยสงสัยว่ามันเป็นเหล็กเกรดอะไรครับ 
   "ผมรื่้อแอมป์งานวัดเก่าๆ ก็พบเหล๋็กที่ว่านี้ บางมาก ผิวไม่เรียบ ขรุขระมาก มีสีน้ำตาลเคลือบอยู่  กรอบ เหมือนขนมปังกรอบเลยครับ  เป็นส่วนใหญ่นะครับ   เนื้อเหล็กสีเทาๆ ใช้ทำทั้งเอาท์พุท ทั้งเพาเวอร์ ครับ  เจษฎา


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
ดังนั้นถ้าเราเอาแกนที่มีค่า permuability สูงๆอย่างในกลุ่ม M6/M19 ซึ่งมีค่าความหนาของแผ่นเหล็กไม่เท่ากัน มาใช้งาน ที่มีกระแสสูง ๆ มีโอกาส แกนเหล็กอิ่มตัวเร็วกว่า พวกกลุ่ม H-14, RG-9 หรือ RG-11 จริงหรือเปล่าครับ

ถ้าพื้นที่หน้าตัดเท่ากัน เหล็กที่ค่า Perm สูงกว่าก็มีโอกาสอิ่มตัวมากกว่าครับ คือด้วย Magnetizing Force ค่าเดียวกัน ตัวที่ Perm สูงย่อมมี Magnetic Flux มากกว่าด้วย ก็อิ่มตัวง่ายกว่าครับ แต่ผมมีแนวคิดว่าเหล่านี้ไม่ใช่ว่าต้องหาแกนอย่างโน้นอย่างนี้มาใช้ถึงจะดีหรือถึงจะไม่อิ่มตัว ประเด็นอยู่ที่เรารู้ข้อจำกัดของวัสดุที่เรามีและใช้งานอย่างถูกต้องมากกว่าครับ แบบที่คุณ Prasan ที่นำวิธีคำนวณมาเสนอครับ เพื่อที่เราจะใช้วัสดุได้บนข้อจำกัดของมัน


ออฟไลน์ Help !!!

  • Guest (บุคคลทั่วไป)
  • Superstar...
  • *
    • กระทู้: 5,866
  • Please Help Thanks
แล้วสิ่งที่ควรคำนึงของการใช้แกนเหล็ก ที่ควรจะเป็นอยู่ที่ค่า Core saturation และ ค่าpermuability สมมติใช้ขนาดแกนเท่ากัน ดังนั้นถ้าเราเอาแกนที่มีค่า permuability สูงๆอย่างในกลุ่ม M6/M19 ซึ่งมีค่าความหนาของแผ่นเหล็กไม่เท่ากัน มาใช้งาน ที่มีกระแสสูง ๆ มีโอกาส แกนเหล็กอิ่มตัวเร็วกว่า พวกกลุ่ม H-14, RG-9 หรือ RG-11 จริงหรือเปล่าครับ  ผมเห็นโดยส่วนมากหม้อแปลง ราคาแพงๆส่วนใหญ่จะใช้ M4/M6 หรือ M19 พวกนี้พันลวดไม่ต้องมากก็สามารถถ่ายถอดพลังงานได้ดี พันลวดมากก็อิ่มตัวไวขึ้นอีก เท่าที่ลองฟังเบสดูมัน ตุบตับกว่าการใช้แกน RG ทั่วๆไปอีก แล้วรายละเอียด พวกเสียงเบาๆ มาครบกว่าครับ

UFO
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เพื่อนๆที่ยังไม่ได้สมัครสมาชิกฝากถามมา ก็ขอความอนุเคราะห์จากเพื่อนๆสมาชิก ช่วยตอบให้ด้วยนะคร๊าบผม...ขอบคุณมั่กๆครับ...


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
ไม่ทราบว่าเหล็ก Hi-B ที่ได้ตัวอย่างมา..พอจะทราบความหนาของแผ่นเหล็กไหมครับว่าเป็นกี่ mm ครับ

0.20mm ครับ

อ้างถึง
แต่เหล็กตัวนี้จะมีลักษณะเปราะ,กรอบมาก โดยลองหักดูทีเดียวก็แตกออกจากกันได้ ไม่เหมือนพวก RG11 ที่จะเหนียวกว่ามากๆครับ..ก็เลยสงสัยว่ามันเป็นเหล็กเกรดอะไรครับ

สี, ลักษณะผิว, เกรน, ความมันวาว เป็นอย่างไรครับ? ถ้าเห็นรูปหรือได้จับดู อาจจะพอรู้ว่าเป็นส่วนประกอบอะไรครับ


ออฟไลน์ tubeman

  • *****
    • กระทู้: 926
    • เพศ:ชาย
  • tubeman
แต่ถ้าเป็นพวกเหล็ก Hi-B ที่ผมได้ตัวอย่างจากเพิ่อนที่ JP อันนี้ต่างกัน 15-20% ครับ คือได้เพิ่มขึ้นครับ

เรียนถาม Mr.Tube ครับไม่ทราบว่าเหล็ก Hi-B ที่ได้ตัวอย่างมา..พอจะทราบความหนาของแผ่นเหล็กไหมครับว่าเป็นกี่ mm ครับ :) ที่ถามเพราะว่าผมเคยแกะ Choke นอกมาดูเล่นตัวหนึ่งข้างในเป็นเหล็ก EI96 (แกนกลาง 32mm) เรียงปึกหนา 40mm แต่ละแผ่นจะมีความหนา 0.34mm  โดยผมลองวิธีเดิมคือเอาไปใส่ใน opt ที่เป็นเหล็กพวก RG11,H14 แล้วใช้ airgap ตัวเดิม จะพบว่าได้ Inductance เพื่มขึ้น 15%-20% เหมือนกันครับ..แต่เหล็กตัวนี้จะมีลักษณะเปราะ,กรอบมาก โดยลองหักดูทีเดียวก็แตกออกจากกันได้ ไม่เหมือนพวก RG11 ที่จะเหนียวกว่ามากๆครับ..ก็เลยสงสัยว่ามันเป็นเหล็กเกรดอะไรครับ ;)
ข้อมูลติดต่อ http://www.htg2.net/index.php?topic=45068.0

tubemanth@yahoo.com

tubeman  ครับผม..ไม่ใช่  mr.tubeman


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ต้องขอบคุณ Mr. Tube มากเลยครับที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ผมรอให้ Mr. Tube เข้ามาช่วยให้ความรู้ด้านนี้มาหลายวันแล้ว
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
ก็พบว่าเหล็กพวก H-14,RG-11 จะได้ Inductance ใกล้เคียงกันประมาณ 8H-9H ที่ Air gap อันเดียวกัน

ผมได้ผลเหมือนกับคุณ Tubeman ครับ คือเหล็ก H-14 / RG-11 / RG-9 (ซื้อจากกรุงธนฯ) นำไปเปลี่ยนใส่ Coil เดียวกัน และคุม airgap ให้เท่ากัน ได้ค่า Inductance ไม่ต่างกันครับ คือต่างใน % ที่น้อยมากจนไม่ต้องสนใจครับ กรณีของผมรวมถึงเหล็กที่ได้รับจากคุณ P. Mcgyver เมื่อหลายปีก่อนด้วยครับ (เป็น Grain Oriented Silicon Steel) แต่ถ้าเป็นพวกเหล็ก Hi-B ที่ผมได้ตัวอย่างจากเพิ่อนที่ JP อันนี้ต่างกัน 15-20% ครับ คือได้เพิ่มขึ้นครับ ผมไม่รู้ว่า Hi-B มันไปตรงกับเกรดไหนครับ เค้าแบ่งกับเพิ่อนที่โน่นมาอีกทีก็เรียกแต่ Hi-B ครับ�:black_eye ไม่รู้เรียกตาม Audio Note รึเปล่า  :-\


ออฟไลน์ Mr. Tube

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,839
อ้างถึง
เอาละมาดูที่ฟลักซ์ที่จะเกิดขึ้นกันบ้าง
แกนเหล็ก H-14 อิ่มตัวที่ฟลักซ์ 9300 Gauss

ต้องขออภัยทุกๆ คนด้วยครับ ผมไม่ได้ Update ข้อมูลส่วนนี้เพราะไม่คิดว่าจะมีใครนำไปใช้ครับ อย่างไรก็ตามเท่าที่เทียบดูในเหล็กเกรดเดียวกัน ผู้ผลิตแต่ละรายก็มี Spec ทางแม่เหล็กต่างกันเล็กน้อย คือบอกเป็นช่วงของค่าครับ ผมไม่แน่ใจเรื่องการเทียบกับเกรดเหล็กที่เราเรียกกันในประเทศครับ ก็เลยแจ้งให้ทราบเป็นชนิดของวัสดุละกันครับ

กลุ่ม Silicon Steel 3% Si not anneal จะมีค่าอิ่มตัวทางแม่เหล็กที่ประมาณ 17000-18000 Gauss ครับ (H-14/H23/RG9/RG11 น่าจะตกในกลุ่มนี้ครับ)
กลุ่ม Silicon Steel 3% Si anneal ประมาณ 19000 Gauss ครับ จะเห็นว่าไม่ค่อยต่างกับ Anneal เท่าไหร่ ที่ต่างกันคือ Permability ครับ (เหล็ก M19/M6 น่าจะตกในกลุ่มนี้ครับ)
กลุ่ม Permalloy ที่มี Nickel Content 45% อิ่มตัวที่ประมาณ 15000 Gauss ครับ
ถ้าเพิ่ม Nickel Content เป็น 78% จะเหลือแค่ 8000 Gauss ครับ
กลุ่ม Iron-Cobalt นี่ค่าอิ่มตัวสูงมาก Cobalt Content 50% จะอิ่มตัวที่ 23000 Gauss ครับ ค่า Perm ใกล้เคียงกับ Si 3% ครับ
กลุ่ม Iron amorphous อิ่มตัวที่ประมาณ 15000 Gauss ครับ
กลุ่ม Nano Crystalline อิ่มตัวที่ประมาณ 12000 Gauss ครับ ตอนนี้กำลังศึกษา Material กลุ่มนี้กับเพื่อนๆ ที่ HK และ JP อยู่ เลยทราบรายละเอียดไม่มากนักครับ และอยู่ระหว่างการพัฒนากรรมวิธีผลิต ข้อมูลเลยยังไม่นิ่งครับ จุดนึงที่ได้เปรียบ Matl กลุ่มอื่นๆ ในทางแม่เหล็กคือ Magnetostriction = 0 ครับหรือไม่ก็ใกล้มาก ทำให้ Hysteresis Loop แคบมาก ขาขึ้นกับลงแทบจะเป็นเส้นเดียวกันครับ

อย่างไรก็ตาม ช่วงค่า Flux Density ใกล้ๆ Saturation แกนจะมี Linearity ต่ำมาก ซึ่งไม่เหมาะกับ Audio Transformer ค่า Max Flux Density ที่ควรจะพิจารณาในการออกแบบอยู่ที่ประมาณ 70-80% ครับ เช่นกรณี 3% Si นี่ไม่ควรใช้เกิน 15000 Gauss เป็นต้น ถ้ามี DC Component อยู่ด้วย เช่นหม้อแปลง SE ก็ต้องคำนวณเผิ่อ DC Flux ด้วยนะครับ

รบกวนผู้เข้ามาอ่านกระทู้ทุกคน ถ้าทราบว่าใครได้รับบทความของผมไปอ่าน ช่วยแจ้งให้เข้ามา Update ข้อมูลส่วนนี้ด้วยละกันครับ แจกไปเยอะมากจนตามไม่ไหวแล้ว และขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ� K] K] K]


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
เสร็จแล้วครับสำหรับสูตรที่คุณประสานเขียนในexcel ขอขอบคุณพี่ประสานที่ให้คำปรึกษา ตามสูตรเป็นการคำนวณของหลอด2A3 SE แต่เป็นหลอดอื่น ผมขอเวลาคิดก่อนครับ แต่เสียดายexcel attach ลงe-mail ไว้แล้วกัน
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ สุรศักดิ์

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,234
    • เพศ:ชาย
แต่ที่ผมเคยลองกับ choke นะครับ โดยเปลี่ยนจากแกนเหล็ก H-14 เป็นเหล็ก RG-9 ค่าที่วัดได้เพิ่มจาก 7H เป็น 10H ก็ไม่เลวเลยนะครับ  O0


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
   สำหรับกระดานนี้ต้องบอกว่าเป็นภาคปฏิบัติของจริงครับ ที่แรกผมก็บ้าไปกับทฤษฎีอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อพันออกแล้วคิดว่ามันใช้ได้ ก็ทนใช้ไปเรื่อย ๆ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ โทษไปที่หลอดบ้าง อุปกรณ์เสริมตัวอื่น ๆ บ้าง ไปที่ตัวเองมือไม่ถึงบ้าง แต่กว่าจะถึงบ้างอ้อนี้ซิครับ ต้องพันหลาย ๆ แบบ หลาย ๆ แบบ ยังไม่พอครับ การแทปชั้น ซึ่งแต่ละชั้นนั้น มีผลต่อเสียงทั้งหมด ตอนแรกก็รู้สึกท้อใจเหมือนกัน ....ว่าแล้วจะทำแบบไหน....กันถึงจะดี ขณะนี้พอจะแก้ปัญหาได้บางส่วนแล้วครับ ก็คือทำแบบหม้อแปลงแบบยุโรป แทปออกมาหลาย ๆ ชุด ลองดูว่าชุดไหนมันเหมาะกับหลอดที่เราเล่นอยู่ ก็ไปได้ดีครับ อยากให้ทุกคนลองใช้วิธีผมดูบ้าง อย่างน้อยมันไม่ fix ตายตัว เมื่อไม่ดีที่แทปนี้  เราก็ลองเปลี่ยนแทปใหม่ดูครับ น่าจะแก้ปัญหาได้บ้างครับ
   สำหรับบทสรุปของคุณ tubeman ถูกต้องครับ ผมลองเปลี่ยนทั้งของไทย ของเมืองนอก ที่สำคัญของซึ่งเป็นซากของทหาร ผลแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดครับ ยากบอกอีกอย่างหนึ่งครับ ถ้าค่า Inductance สูง เนื่องจากหลายคนต้องการตอบสนองย่านความถี่ต่ำมาก ๆ ก็ควรระวังเรื่องการอิ่มตัวเร็วของหม้อแปลงนะครับ เพราะเห็นหลายคนบอกว่าพันอยู่ที่ 30-60 H. ถ้าเนื้อเหล็กไม่พอ ...แน่นนอนครับ ฟังไปได้ม่นานต้องพบกับเสียงแปลก ๆ ครับ เท่าที่ผมทดลองเกี่ยวกับค่า Inductance ผมพบว่าประมาณ 20 H น่าจะกำลังเหมาะครับ นี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับสำหรับย่านความถีต่ำ ผมเคยพัน Inductance ไปที่ 22-25 H ต้องพบกับการอิ่มตัวเร็วของหม้อแปลง ก็เลยเพิ่ม airgap ปรากฎว่าอาการกล่าวหายไปและ  Inductance ลดลงเหลือแค่ประมาณ 18-20 H ที่ผมชอบมาก ๆ คือ ช่วงไม่เกิน 20 H เพราะได้อะไรเพิ่มมาอีกเยอะเลยครับ โดยเฉพาะรายละเอียดที่เงียบ ๆ ไกล ๆ ชัดเจนมากขึ้นครับ


ออฟไลน์ tubeman

  • *****
    • กระทู้: 926
    • เพศ:ชาย
  • tubeman

น่าจะทดลองพันลวดหลายๆค่า แล้วถอดแกนเอาเทียบสลับกับกับหม้อแปลงอื่น


 :)สวัสดีครับ..ผมเคยแต่ลอง..ลวดชุดเดียวกันแต่เปลี่ยนเหล็กในหลายๆแบบครับ..ตอนนั้นจะลองกับเหล็กขนาด 45mmx70mm ก็พบว่าเหล็กพวก H-14,RG-11 จะได้ Inductance ใกล้เคียงกันประมาณ 8H-9H ที่ Air gap อันเดียวกัน
ครับทีนี้เกิดอยากลอง เหล็กนอกก็เลยยอมลงทุน ถอดเหล็กออกจาก Electra print 8K ที่ใช้อยู่กับหลอด 833A มาลองใส่ดูพบว่า ที่ลวดชุดเดิม Airgap เดิม Inductance ขึ้นมาถึง 15H-16H ครับ.. :clap ก็ได้ความรู้เพิ่มอีกแบบนึงครับ  ;)
ข้อมูลติดต่อ http://www.htg2.net/index.php?topic=45068.0

tubemanth@yahoo.com

tubeman  ครับผม..ไม่ใช่  mr.tubeman


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
จาก AC flux (มาจากการขยายสัญญาณ) Bac = (Vp*10^8) / (4.44* Np*Fmin*A) ได้ค่า AC flux ที่ 3 W, 10 Hz, แรงดันที่ plate 250V = 6464.22 Gauss
คุณพี่ประสาน ถามอีกรอบครับ ช่วยใส่ตัวเลขและที่มาของตัวเลข ในสูตรด้วยครับ เพราะว่าผมแทนค่าลงในสูตรแล้วค่ามันออกมาไม่ตรงกับของพี่ประสาน

Vp = Sqrt(Po * Zp) .... Vrms โดยที่ Po = 3 W, Zp = 2800 ohm.
ดังนั้น Vp = 91.65 Vrms
Bac = ((91.65)*10^8) / (4.44 * 3119 * 10 * (1.587104774/6.45)) = 6464.22 Gauss
ส่วนตัวเลขแรงดัน plate 250V จริงๆ ตามคำนวณต้องเป็น 256.6462 Vdc ครับ หามาได้จากแรงดัน Vp ทีคำนวณได้เป็น Vrms ซึ่งเป็น Vac ดังนั้นแรงดันที่ plate ที่เป็น Vdc ต้องมีค่าเป็นค่าแรงดัน peak-to-peak ของแรงดัน Vp หรือเท่ากับ 2*(1.414*Vp,rms)

น่าจะทดลองพันลวดหลายๆค่า แล้วถอดแกนเอาเทียบสลับกับกับหม้อแปลงอื่น

เป็นความตั้งใจของผมเลยครับที่จะใช้แกนเหล็กชุดเดียวกันแต่ลองเปลี่ยนขดลวดจากการพันหลายๆ รูปแบบมาใส่แล้วทดลอง อ. เจษฏา เดาผิดแล้วครับผมไม่ได้เป็นอาจารย์หรอกครับ ผมทำงานซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าครับ ไม่ได้เชี่ยวทางฟิสิกส์อะไรหรอกครับ สมัยเรียนก็เกือบเอาตัวไม่รอด  ;D ;D ;D ตอนนี้มาเล่นหลอดแต่ไม่ค่อยมีหลอดดีๆ ให้เล่นก็เลยหาสิ่งที่พอจะทำให้ตัวเองเพ้อฝันได้มาลองคิดเล่นๆ ครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


chandayot

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกว่าคุณประสานเป็นผู้ที่แม่นในวิชาการด้านฟิสิกส์เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเคริฟของ hysterisys loop ยังบอกได้ว่าขาขึ้นหรือขาลง ตรงหัวเข่าด้วย ถ้าจะให้เดา ผมว่า น่าจะเป็น อจ.อยู่ในสถาบันแห่งใดแห่งหนึ่ง  ข้อมูลที่บอกมา น่าทึ่งมากครับ ถ้ามีเครื่องมือวัดค่าอินดักแตนซ์ก็คงจะดี  DCR ตามความคิดของผม น่าจะอยู่ที่ 200 โอห็มขึ้นไป หรือ 170 โอห์ม และการสวิงสัญญาณ ก็แกนกลางอยู่ที่ค่านี้(โวลท์สวิง กระแสสวิงตาม)ไม่ใช่เหรอครับ อันนี้ตามที่คิดนะครับ  (ขออภัย คราวก่อน ที่ผมพูดถึงค่ามาร์จิ้น คือผมแปลออกมาว่า คือตรงขอบๆ ที่เรามักจะไม่พันลวดเข้าไป ซึ่งฝรั่งมันอาจจะพุดแบบนั้นก้ได้ ศัพทืดิ้นได้เหมือนกัน) โอ้โหเผื่อถึง 10 hz มันยังวิ่งหนีอีก
น่าจะทดลองพันลวดหลายๆค่า แล้วถอดแกนเอาเทียบสลับกับกับหม้อแปลงอื่น พอจะได้ค่ามิวของ H-10 บ้านเรามั่งไหมหนอ คือแกนที่มีขาย มักจะเป็นแกนเหล็กเปล่าของ VRK ซึ่งก็ไม่ยอมบอกอะไรเหมือนกัน


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
จาก AC flux (มาจากการขยายสัญญาณ) Bac = (Vp*10^8) / (4.44* Np*Fmin*A) ได้ค่า AC flux ที่ 3 W, 10 Hz, แรงดันที่ plate 250V = 6464.22 Gauss
คุณพี่ประสาน ถามอีกรอบครับ ช่วยใส่ตัวเลขและที่มาของตัวเลข ในสูตรด้วยครับ เพราะว่าผมแทนค่าลงในสูตรแล้วค่ามันออกมาไม่ตรงกับของพี่ประสาน
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
คำนวณละเอียดดีครับ� ถ้าความถี่ต่ำ 10 Hz หม้อแปลงจะใหญ่ ลวดจะเยอะไปไหม แม้แต่ลำโพงที่เรสปอนส์ 50Hzก็พอหาได้ 20เฮิทซ์แทบไม่มีเลยครับ� ผมสงสัยคำว่า Margin ผมดันไปแปลว่าช่องว่างตรงขอบๆ ที่เรามักเหลือเป็นช่องว่างไว้ คือผมอ่อนมาในแนวนีครับ ยังไงขอขยายความจุดนี้ด้วยครับ� โอโอ วิจัยกันยิ่งกว่ามหาลัย
เรื่องแกนยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีครับ แต่ผมห่วงเรื่องความต้านทานทาง Dc หรือว่าผมจะระแวงจุดนี้มากไปครับ

สำหรับผมแล้วคิดว่าเป็นการออกแบบตามหลักการ (ที่คนอื่นเค้าพิสูจน์มาแล้ว) แต่ต้องไม่ลืมไปอย่างนึงว่าบนพื้นฐานของ "ความเผื่อและน่าจะ" เพราะเราไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงของแกนเหล็กเลยได้แต่ประมาณว่า... แล้วก็ได้วัดจากผลที่ได้ทำขึ้นมาจริงแล้ว อย่างออกแบบตามสูตรไว้ที่ 10 Hz จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ response ขนาดนั้นแต่ค่า parameter ต่างๆ มันสัมพันธ์กันไปหมดและสัมพันธ์ไปจนถึงค่า L ที่จะส่งผลต่อการตอบสนองความถี่ต่ำด้วยซึ่งก็จะต้องพันลวดให้ได้จำนวนรอบเพื่อให้ได้ค่า L ตามนั้นอีก และก็บังเอิญ (ความจริง) พอได้ลองวัดรอบจาก OPT ที่คนอื่นเค้าทำไว้มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ยกตัวอย่างครับผมลองคำนวณรอบโดยใช้ parameter อย่างดีตามที่แกน H-14 ตอบสนองความถี่ 20 Hz (ที่หูคนพอจะรับฟังได้) ได้รอบออกมา 1800 กว่ารอบ ตามการคำนวณควรจะได้ L 10 H พอพันเสร็จวัดค่าได้ประมาณ 5 H แต่ใช้แกนขนาดเดียวกันซึ่งเป็น OPT ที่ซื้อเค้ามา จำนวนรอบ 2866 รอบ วัดได้ 19 H นี่มันอะไรกัน???

ไอ้เจ้า Margin นี่ก็ "ความเผื่อ" แหละครับ ทำใจให้เชื่อครับว่าแกนมันอิ่มตัวที่ 9300 Gauss ซึ่งมันก็น่าจะเป็นช่วงหัวเข่า (knee point) ถ้าดูจาก curve ของแกนเหล็ก ก็เป็นเอาว่าใช้ช่วงที่เป็นหน้าแข้งละกันเพราะว่ามันอยู่ตรงกลางๆ ดังนั้นก็น่าจะให้ฟลักซ์รวม (AC flux + DC flux) แล้วอยู่ที่ประมาณ 4000 แล้วให้ค่า parameter ต่างๆ ที่ไม่แน่นอนให้มันดิ้นได้อีกประมาณ 5000 Gauss

ถ้าห่วงเรื่อง DCR นะครับ พอปรับแกนเหล็กไปเป็น 45mm จะได้ช่วงกว้างของแกน 22 mm ที่จะลงลวดได้จะได้ใช้ลวดที่ใหญ่พอจะได้ค่า DCR ที่สวยงามได้ครับ ผมก็อยากสั่งแกน 45mm มาลองเหมือนกันครับ ตอนนี้ได้แต่ฝันกับตัวเลข ถ้ามีโอกาสแล้วจะมารายงานผลครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


chandayot

  • บุคคลทั่วไป
คำนวณละเอียดดีครับ  ถ้าความถี่ต่ำ 10 Hz หม้อแปลงจะใหญ่ ลวดจะเยอะไปไหม แม้แต่ลำโพงที่เรสปอนส์ 50Hzก็พอหาได้ 20เฮิทซ์แทบไม่มีเลยครับ  ผมสงสัยคำว่า Margin ผมดันไปแปลว่าช่องว่างตรงขอบๆ ที่เรามักเหลือเป็นช่องว่างไว้ คือผมอ่อนมาในแนวนีครับ ยังไงขอขยายความจุดนี้ด้วยครับ  โอโอ วิจัยกันยิ่งกว่ามหาลัย
เรื่องแกนยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีครับ แต่ผมห่วงเรื่องความต้านทานทาง Dc หรือว่าผมจะระแวงจุดนี้มากไปครับ


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย

ออฟไลน์ masterAT

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,918
    • เพศ:ชาย
  • ส่งกำลังใจ
อ้างถึง
Quote from: masterat on Yesterday at 11:21:02
ผมสนใจมากครับ อยากจะขอรบกวนมาศึกษาด้วยครับ


จะ mail ไปให้ครับ

ขอบคุณมากครับ
:D ชีวิตนี้มันสั้นนัก รีบๆๆเถอะ :D
"หนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ารู้ คือรู้ว่า ข้าพเจ้าไม่รู้อะไรเลย" โสคราตีสผู้กล่าว
 ที่อยู่ติดต่อ http://www.htg2.club/index.php?topic=10078.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
จากตัวอย่างที่ผมได้ post ไปเป็นการออกแบบ OPT ที่ใช้กับ 2A3 ผมใช้แกน 32x32 mm ในการเริ่มต้นใช้ค่า initial perm. (μa) ที่ 300 ตามที่คุณอาร์ตผู้มีประสบการณ์ได้แนะนำ ผมกำหนด Fmin ที่ 10 Hz เพราะว่าต้องการให้ได้รอบการพันประมาณ 3000 รอบ ผมมีเหตุผลตรงที่ว่าข้อมูลแกนเหล็กไม่มี ไม่แน่นอน ผมเคยวัด OPT ที่สั่งจากแสงทอง 2.5K/8 ohm แกน H-14 32x45 mm ซึ่งผมทดลองจ่ายไฟ AC เข้าไปแล้วคำนวณรอบได้ primary 2866 รอบ แล้ววัดค่า L ได้ 19 H ที่ 1 kHz และได้ 14.8 H ที่ 120 Hz นี่เป็นเครื่องวัด L ที่ไม่มี DC bias เพราะว่าถ้ามี DC bias จะได้ค่า L ที่วัดได้จากหม้อแปลงแสงทองต่ำกว่านี้อีก แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะลองฟังแล้วเบสเยอะกว่าความถี่อื่นซะอีก� ;D Lsp ของเค้าค่อนข้างสูง

เอาละมาดูที่ฟลักซ์ที่จะเกิดขึ้นกันบ้าง
แกนเหล็ก H-14 อิ่มตัวที่ฟลักซ์ 9300 Gauss
DC flux (มาจากกระแสไฟไบอัส) = Bdc = (1.257*μa* Np* I) / MPL
ที่กระแส 60mA บนแกน 32x32mm และค่า μa 300� ได้ DC flux = 3062.38 Gauss
AC flux (มาจากการขยายสัญญาณ) = Bac = (Vp*10^8) / (4.44* Np*Fmin*A)
ได้ค่า AC flux ที่ 3 W, 10 Hz, แรงดันที่ plate 250V = 6464.22 Gauss

รวม DC flux และ AC แล้วได้ = 9526.6 Gauss ==> แกนเหล็กอิ่มตัวไปแล้ว นี่ถ้าไปดูที่ μa ถ้ามันไม่ใช่ 300 ล่ะเอาเป็นว่าสูงกว่า 300 ก็จะทำให้ได้ค่า DC flux ที่สูงกว่านี้อีก ยิ่งกว่านั้นถ้า μa สูงขึ้นจะทำให้ Np ลดลงยิ่งทำให้ได้ AC flux สูงกว่านี้อีก

ทางออกนึงที่ผมคิดคือ ต้องเปลี่ยนแกนให้ใหญ่ขึ้น เอาประสบการณ์ของคุณมุมคนรักหลอดมาลองดูและที่ RDH 4th บอกไว้ว่าแกนเหล็กธรรมดาที่ขนาดใหญ่ดีกว่าแกนเหล็กดีแต่ขนาดเล็ก แต่คราวนี้ผมลองคำนวณที่แกน 45x60 mm แล้วให้ผลรวมของฟลักซ์อยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของ Spec ของแกน H-14 จะเห็นว่าพอเปลี่ยนมาใช้แกน 45x60 mm ค่าฟลักซ์รวมเหลืออยู่ที่ 4061.75 Gauss เผื่อไว้สำหรับค่า μa ที่ไม่ใช่ 300 แต่เป็นค่าที่สูงกว่า ผมว่าสภาพโดยรวมหลังจากที่ค่าต่างๆ เปลี่ยนแปลงยังไงก็ยังมี Margin อยู่เพราะออกแบบให้ฟลักซ์อยู่ที่ครึ่งหนึ่งของ Spec แกนเหล็ก

นี้เป็นแนวความคิดของผมถ้าท่านอื่นคิดเห็นอย่างไร ขอรับทราบด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ธันวาคม, 2005, 02:34:58 am โดย prasan »
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
ผมสนใจมากครับ อยากจะขอรบกวนมาศึกษาด้วยครับ

จะ mail ไปให้ครับ

อ้างถึง
คุณพี่ประสาน ค่าMean path of winding,Lm หาได้สูตรใดครับ จึงได้ 6.22 inch กับค่า Mag.part ที่ได้ค่า 365mm แล้วมุมบนด้านขวามันตกหล่นไปช่วยขยับนิดหนึ่งครับ

ค่า Lm เป็นความยาวเฉลี่ยต่อการพันหนึ่งรอบ  หาได้จากความยาวต่อการพันหนึงรอบวงในสุด บวกกับ ความยาวต่อการพันหนึงรอบวงนอกสุด ค่าที่ได้นำมาหารด้วย 2 ครับ ยกตัวอย่างครับ แกนขนาด 32 x 32 mm ความกว้างของช่องหน้าต่างที่จะลงลวดของแกน 32 mm นี้เท่ากับ 15 mm

จะได้ ความยาวของเส้นลวดที่พันวงในสุด = 32+32+32+32 = 128 mm
        ความยาวของเส้นลวดที่พันวงนอกสุด = (32+15)+(32+15)+(32+15)+(32+15) = 188 mm
ดังนั้น Lm = (128+188)/2 = 158mm = 158/25.4 = 6.22 inch

ที่ผมใช้แบบนี้เพราะว่าจะได้สะดวกเวลาที่จะหา Lm ของแกนขนาดอื่น เช่น 32x45 mm หรือ 32x60 mm

ค่า Magnetic path 365 mm ของแกน 45mm นี้ได้มาจากการวัดจากแกนเหล็กจริงครับ
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ bg_class

  • *
    • กระทู้: 45
ผมอยู่ อ.เมือง ครับ เอ..คงต้องขอเบอร์โทร.Somtick ล่ะครับจะได้ติดต่อสะดวกครับ


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ยินดีครับ ว่าเเต่คุณ bg_class อยู่ส่วนไหนของโคราช ผมอยู่สูงเนิน
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ สุรศักดิ์

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,234
    • เพศ:ชาย
ถ้าอยู่โคราชละก็ มีเพียบเลยครับ คุณ somtick คุณมุมคนรักหลอด เซียนๆทั้งนั้นครับ เชิญ PM ติดต่อโดยตรงเลยครับ


ออฟไลน์ bg_class

  • *
    • กระทู้: 45
สนใจอยากพันเองบ้างครับแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงผมอยู่โคราชไม่ทราบท่านใดพอเป็นอาจารย์ได้บ้างครับ :-[


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
คุณพี่ประสาน ค่าMean path of winding,Lm หาได้สูตรใดครับ จึงได้ 6.22 inch กับค่า Mag.part ที่ได้ค่า 365mm แล้วมุมบนด้านขวามันตกหล่นไปช่วยขยับนิดหนึ่งครับ
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ masterAT

  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,918
    • เพศ:ชาย
  • ส่งกำลังใจ
คุณ pasan ใช้โปรแกรมอะไรมาแบ่งกันเล่นมั่ง :help

ผมใช้ Excel ครับและให้สามารถเปลี่ยนค่าที่เราสนใจแล้วดูผลที่เกิดขึ้น มันจะช่วยให้เราพิจารณาอะไรๆ ได้ง่ายขึ้นครับ ถ้าสนใจจะลองเอาไปดูหรือเปล่าครับ จะได้ช่วยกันดูเผื่อว่าจะได้ปรับปรุงเป็นแนวทางที่ดีขึ้นครับ แต่ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่เซียน Excel นะครับ อิอิ..

ผมสนใจมากครับ อยากจะขอรบกวนมาศึกษาด้วยครับ
:D ชีวิตนี้มันสั้นนัก รีบๆๆเถอะ :D
"หนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ารู้ คือรู้ว่า ข้าพเจ้าไม่รู้อะไรเลย" โสคราตีสผู้กล่าว
 ที่อยู่ติดต่อ http://www.htg2.club/index.php?topic=10078.0


ออฟไลน์ prasan

  • ...Back to the Basic...
  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 5,086
    • เพศ:ชาย
คุณ pasan ใช้โปรแกรมอะไรมาแบ่งกันเล่นมั่ง :help

ผมใช้ Excel ครับและให้สามารถเปลี่ยนค่าที่เราสนใจแล้วดูผลที่เกิดขึ้น มันจะช่วยให้เราพิจารณาอะไรๆ ได้ง่ายขึ้นครับ ถ้าสนใจจะลองเอาไปดูหรือเปล่าครับ จะได้ช่วยกันดูเผื่อว่าจะได้ปรับปรุงเป็นแนวทางที่ดีขึ้นครับ แต่ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่เซียน Excel นะครับ อิอิ..
"I haven't failed. I've found 10,000 ways that don't work." - Thomas Edison
"Anyone who has never made a mistake has never tried anything new." - Albert Einstein


ออฟไลน์ สันติ

  • *****
    • กระทู้: 644
ที่ผมพอจะทราบบ้างการพัน  o/ptran  ต้องคำนึงของความหนาเป็นตาราง เซนติเมตรด้วยและกระแสไฟที่ลวดทองแดงต้านทานได้
ธ.กรุงเทพ จำกัด สาขา ชนเกษม  #  427-0-31099-0    สุราษฎร์ๆ
  
   โทร  0849949765


ออฟไลน์ JAY

  • LOVE TO BE A DIYER
  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,414
    • เพศ:ชาย
คุณ pasan ใช้โปรแกรมอะไรมาแบ่งกันเล่นมั่ง :help
รักที่จะสร้างทั้งงานศิลป์และงานเสียงจึงเลือกหลอดครับ


ออฟไลน์ Jood

  • An unlimited learning is DIY.
  • *****
    • กระทู้: 654
    • เพศ:ชาย
  • We just do it.
ถ้ามี workshop คราวหน้าอยากให้แนะนำการพัน opt. ด้วยครับ  O0 คุณมด
ศึกษา ฝึกฝน เพื่อความมัน กับสิ่งที่ชอบทำ..


ออฟไลน์ xthaix

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,924
    • เพศ:ชาย
  • *** ความกลมกลืนของสิ่งที่แตกต่าง ***
หมายถึง NHT Super Zero ใช่ไหมครับ
ถ้าเฮียปังปอนด์มีพื้นที่บรรทุกไปไหว ผมเอาไปด้วยครับ...  :victory
จะได้ลองเสียงเลย ชอบก็จบ ไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาไป อยากให้พอใจมากกว่าครับ  :headphone

อ้อ สายลำโพงคงยืมแถวๆ นั้นนาครับ.... B)

ขอบคุณ อ. มดที่จะเอาหม้อแปลงไปพันให้ดูครับ ผมจะได้จินตนาการครบกระบวนความสักที 555  :kicking


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ต้องคุยกันยาวเลยแหล่ะ คุณพี่มุมคนรักหลอด ตอนนี้กำลังพันoutput แบบtapจำนวนรอบออกมาเพื่อหาค่าDCR กับ หาคุณสมบัติของเหล็ก ณ.จุด ที่match กับหลอดที่นำมาใช้ ผลเป็นอย่าง เดี๋ยวupdateครับ
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0


ออฟไลน์ DIY มด

  • DIY มด DIY หมด
  • Admin
  • Super Star.
  • *****
    • กระทู้: 2,664
    • เพศ:ชาย
  • ตัวจริง เสียงจริง
อ้างถึง
เอ่ งานวันที่ 24 นี้ใครจะเอาของไปพันให้ดูเป็น ตย. บ้างไหมน้อ.....


ผมเอาไปสาธิตให้ดูก็ได้ครับ แต่กลัวจะผิดจุดประสงค์ของงานมากกว่าครับ แต่คิดว่าถ้าจะพอให้เห็นภาพสักชั่วโมงเดียวก็เกินพอครับ อาจจะไปก่อนเวลาสักหน่อยจะได้ไม่ไปเบียดโปรแกรมปรกติของงานเขาน่ะครับ

บอกไว้ก่อนนะครับว่า ไม่ได้ไปสอนเทคนิคการพัน แต่ไปสอนการพันจริงๆ ให้กับผู้ที่ยังไม่เคยเริ่มพันมาก่อน ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะผมก็เคยให้ Mr.Tube มาสอนแบบดิบๆเหมือนกัน ไม่มีเครื่องพันด้วย มีแต่ bobin ลวด และ จินตนาการครับ

เรื่องเทคนิคพิสดาร ร้อยแปดกระบวนท่า คงต้องไปฝึกวิทยายุทธกันเอาเองครับ บอกได้เลยว่าไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ จะเหล็กดี ลวดดี หรือเทคนิคดี คงต้องไปว่ากันต่ออีกเยอะครับ

ว่าแต่คุณไทเอาลำโพงมาด้วยได้ไหมอ่ะครับ  :kicking อยากฟังเสียงน่ะครับ
ข้อมูลส่วนตัวครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=10172.0


ออฟไลน์ bird

  • *****
    • กระทู้: 832
    • เพศ:ชาย
ผมก็อยากทำเองเหมือนกันครับ  กำลังศึกษาอยู่หลายสำนักครับ  สมัยเรียน  ปวช. เคยพันแต่หม้อแปลงไฟ  แต่คืนอาจารย์ไปหมดแล้วครับ....O/P  กำลังครับ กำลัง.... :showoff 


ออฟไลน์ มุมคนรักหลอด

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,004
    • เพศ:ชาย
ผมกำลังศึกษาเรื่องแรงดันไฟที่จ่ายให้วงจร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ opt อย่างมากครับ แต่ยังไม่มีใครสนใจในเรื่องนี้ เป็นอีกที๊ปหนึ่ง ที่ผมเห็นว่าน่าจะนำมาพิจารณา ผมกำลังค้นหนังสือโบราญ เขียนโดยผู้รู้ของช่างสมัยก่อน ซึ่งได้พูดเรื่องแรงดันด้วย ผลสรุปเป็นอย่างไร จะหารือกับคุณ Somtick อีกที เพราะแกคำนวณเก่ง ว่าง ๆ คุณ Somtick มา sod กันต่อ


ออฟไลน์ Somtick

  • อนุลักษณ์ของเก่า(หลอดสูญญากาศ)
  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,648
    • เพศ:ชาย
ผมเองก็พันมาหลายลูก แต่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสูตรคำนวณหารอบครับ กำลังศึกษาครับ ส่วนตัวอย่างลองดูpostเก่าๆที่ผมเคยลงไว้ ตัวอย่างเต็มๆรอกล้องกลับมาก่อน
ข้อความส่วนตัว ===> http://www.htg2.net/index.php?topic=16461.0