HTG2.club

ถามเรื่องกระแสกริด ที่หลอด Power

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
หลอด 6V6 triode มี Rp ประมาณ 2k ซึ่งถือว่าสูงเกินสำหรับ drive grid ของหลอดที่ต้องการกระแส ที่ผมเคยทำพวก A2 มา ควรจะต่ำว่า 1K ลงมาอีกครับ
หรืออีกวิธีนึงคือใช้ interstage transformer ที่เป็น step down อาจจะเป็น 2:1 ก็ได้ครับ impedance ขาออกจะลดลง 4 เท่า น่าจะใช้งานได้


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
รบกวนคุณ ออดิโอแมน ถอดวงจรคุณมด วงจรนี้ http://www.htg2.net/index.php?topic=60402.0 เฉพาะ EL34 เป็น Load Line ให้หน่อยซิครับ


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
มาถึงการเลือกไบอัสหลอดไดร์จะใช้หลักการอะไรประกอบการเลือกครับ
เลือกโหลดไลน์ 8K
1. เลือกจุดไบอัส แบบการไบอัสภาคปรี ภาคไดร์ทั่วๆไป คือเลือกกึ่งกลางระหว่าง Vg 0V ถึง -50V
2. เลือกจุดไบอัส แบบการไบอัสหลอดเพาเวอร์ คือเลือกไปทางขวามือได้เลย เพราะอินเตอร์สเตจก็เป็น inductive load เหมือน OPT ไม่ต้องกลัวว่าจะ cut off
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
มาถึงภาคไดร์ ผมเลือกหลอด 6v6 เนื่องจาก คาดว่าจะมีแรงดันและกระแสพอที่จะลากอินเตอร์สเตจไหว คือมีเรี่ยวมีแรงว่างั้นเถอะ
กริดของ 805 ต้องการแรงดันสวิงจาก +50V ถึง -40V รวม 90Vp-p  ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ หลอดทวินไตรโอดเล็กก็ทำแรงดันสวิงเอ้าได้ แต่ class a2 ต้องการกระแสกริดด้วย จึงต้องพึ่งอินเตอร์สเตจ

แต่ผมไม่รู้นะครับว่าช่วงที่กริดของ 805 สวิงไปบวก กลับไปลบ นี่ แหล่งจ่ายแรงดันไบอัสกริดจะจ่ายบวก จ่ายลบได้หรือเปล่า หรือจ่ายได้แต่บวกอย่างเดียว
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ถึงตรงนี้มีที่ผิดไหมครับ  ไปทีละจุดครับ
ถ้าไม่ผิด จะถึงตอน climax ต้องมีโฆษณาคั่นด้วย  :-*

จะเป็นการเลือกหลอดไดร์ครับ  ผมมองเอาไว้ที่ 6v6 หรือไม่ก็ el84 ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 ธันวาคม, 2012, 09:32:55 am โดย ออดิโอแมน »
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
หม้อจ่ายไฟทำ fixed bias ถ้าใช้หม้อแยก หรือขดแยก ต้องทำกราวน์ร่วมกับไฟสูง ไม่ยังงั้นกระแสไม่ไหลผ่านกริด
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
เรื่องกริดสวิงกระแสไม่คงที่ที่ 4mA ผมหาทางออกได้แล้วครับ
ผมมองเหมือนหม้อจ่ายไฟสูง กระแสไอเดิ้ลของหลอดก็ไม่คงที่แต่เราไปเผื่อหม้อจ่ายไฟให้จ่ายกระแสได้เกินกระแสไอเดิ้ล
ดังนั้น ภาคจ่ายไฟ fixed bias ให้กริดก็ตั้งแรงดัน +10V 4mA  แต่หม้อที่ใช้เราก็เผื่อไปเป็น 0-50V 60mA
แบบนี้ก็น่าจะได้นะครับ
อินเตอร์ฯ ทำหน้าที่สวิงแรงดันเอ้าพุท แต่หม้อจ่ายไฟมีหน้าที่จ่ายกระแสที่สวิงให้กริด
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณน้า Era ครับ
กระแสกริดก็สวิงเหมือนกันกับกระแสเพลต  แต่เราก็ต้องตั้งค่าไว้ซักค่า แล้วเตรียมภาคจ่ายไฟให้กริดโดยเผื่อกระแสให้สวิงได้ถึงค่าสูงสุด
ตามรูปของน้า Era กระแสกริดสวิงระหว่าง 10mA ถึง 30mA  ซึ่งภาคจ่ายไฟไบอัสกริดต้องจ่ายกระแสให้ได้ตามนี้
และขด sec. ของอินเตอร์ฯ ต้องทนกระแสได้ตามนี้ด้วย
ใช่ไหมครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676



ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
Ig ไม่ได้กินกระแสคงที่ 4mAนะครับ มันแปรผันตามโหลดไลน์ที่เราเลือกในแต่ละจุดแรงดันด้วยครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
แบบนี้หรือเปล่าครับ  ถ้ากำหนด voltage rating ไว้ 500V นั่นคือในกระบวนการพันหม้ออินเตอร์ฯ ก็เลือกใช้ฉนวนที่ทนแรงดันได้ 500V
เมื่อกริดใช้ไป -100V  จึงเหลือพิกัดที่ใช้ได้อีก 400V สำหรับขด primary

ถูกต้องครับ  :victory


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ทำ fixed bias นะครับ
กริดสวิงในช่วง +50V ถึง -40V สวิงได้รวม 90V
แรงดันที่เพลตสวิงได้รวม เกือบๆ 1,400Vp-p  โอยๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอามาลงวงจร ตามภาพครับ

ถึงตรงนี้ถูกไหมครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
พอจะหอมปากหอมคอแล้วก็เอาของจริงมาลองนะครับ ผมเลือกหลอด 805 เพราะมีกริดบวกด้วย เพลตดิส 100W
เลือก RL 7.5K , Vp 850V , Vg1 +10V , Ia 88mA , Ig2 4mA , plate diss. 75V
ได้ค่าต่างๆ ตามกราฟ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ปาท่องโก๋

  • รักหลอด ตอนแ่ก่
  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,127
    • เพศ:ชาย
 :secret
 สอบตก เลยเรา มึนตึ๊บ
 :black_eye
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่ที่ทำไม่ได้ เพราะไม่ทำ
http://www.htg2.net/index.php?topic=34935


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
แบบนี้หรือเปล่าครับ  ถ้ากำหนด voltage rating ไว้ 500V นั่นคือในกระบวนการพันหม้ออินเตอร์ฯ ก็เลือกใช้ฉนวนที่ทนแรงดันได้ 500V
เมื่อกริดใช้ไป -100V  จึงเหลือพิกัดที่ใช้ได้อีก 400V สำหรับขด primary
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
Voltage rating ในที่นี้คืออัตราทน DC bias voltage ระหว่าง primary กับ secondary ครับ พูดง่ายๆคือความสามารถที่ฉนวนทนแรงดันครับ จริงๆผู้ผลิตควรจะบอกตรงนี้ไว้ด้วย output transformer จะทนหน่อยเพราะใช้ฉนวนหนาได้ เนื่องจากขด secondary มันมีรอบน้อยกว่า primary มาก แต่ interstage จะน้อยหน่อยเพราะโครงสร้างที่ต้องพันขดแบบ 1:1 ครับ


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย

อีกข้อนึงที่ต้องถามด้วยคือ voltage rating ของ primaray/seconday ครับ บางเจ้าเป็นหลัก 1,000V บางเจ้าแค่ 400-500V ยิ่งใช้ bias ด้าน secondary แล้วด้วย สมมติว่า rating มัน 350V เราใช้ bias -100V ด้าน secondary หมายความว่า primary ไม่ควรเกิน 250V


สงสัยท่อนนี้ครับ ทำไมต้องเอาแรงดันลบกันครับ มันอยู่คนละขดกัน คนละด้านกัน มันไม่ได้อนุกรมกัน
แล้ว voltage rating นี้ คือพิกัดทนแรงดันสูงสุดที่อินเตอร์ฯ สามารถจะทนได้ หรือเป็น voltage swing ได้สูงสุดโดยไม่ขลิปครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
Interstage transformer ไม่มี spec ที่เป็นมาตรฐานครับ ผู้ผลิตแต่ละเจ้าก็ใช้คำอธิบายต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะใช้อัตราส่วน เช่น 1:1,  1:1+1, 1:1.5 เป็นต้น
ส่วน impedance นี่บางเจ้าบอก 10K:10K หมายถึงใช้กับหลอดที่มี Rp ไม่เกิน 10K หรือบางเจ้า 10K:10K หมายถึงให้ใช้หลอดที่ Rp ต่ำหน่อย เพราะมันมี impedance ประมาณ 10K ทางที่ดีที่สุดคือลองาถามไปยังผู้ผลิตครับ
อีกข้อนึงที่ต้องถามด้วยคือ voltage rating ของ primaray/seconday ครับ บางเจ้าเป็นหลัก 1,000V บางเจ้าแค่ 400-500V ยิ่งใช้ bias ด้าน secondary แล้วด้วย สมมติว่า rating มัน 350V เราใช้ bias -100V ด้าน secondary หมายความว่า primary ไม่ควรเกิน 250V

อ้างถึง
bass roll off เร็ว กับ bass roll off ต่ำ ที่อาจารย์อธิบาย เสียงมันเป็นยังไงครับ
น่าจะเป็นเร็วกับช้าครับ roll off เร็วหมายถึง roll off ที่ความที่ไม่ตำมาก อย่างที่ 100Hz เป็นต้น ปกติไม่ควรเกิน -6dB (gain เหลือครึ่งเดียว)ที่ 50Hz ถ้า roll off เร็วมากๆเสียงเบสหายครับ


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
อาจารย์ไปมองแต่หลอดยักษ์ใหญ่ซึ่งมีคนใจถึงกล้าเล่นน้อยคน
ยักษ์เล็กก็มีนะครับ อาจจะลืมนึกถึง  6080 ไงครับ ผมมีสองหลอด ทำ PP ได้เลย
จัดไปซัก 200V กริดก็ต้องสวิง 200Vp-p แล้วนะครับ
Pa มันต่ำนะครับ ไบอัสไปที่200V นี่ คงเล้น ABแน่นอน น่าสนดีครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
อ่านแล้ว ผมก็ยังมีหน้าที่ งง ต่อไป  2f

แต่ดีใจมากที่จุดหัวเทียนติดเครื่องอาจารย์ 2 ท่านมาให้ความรู้ คงต้องเอามาอ่านทบทวนหลายรอบกว่าจะหาย งงงงงงง  2f

ขอความกรุณาอาจารย์ฆริณ ขยายความหน่อยครับ ว่า bass roll off เร็ว กับ bass roll off ต่ำ ที่อาจารย์อธิบาย เสียงมันเป็นยังไงครับ จะได้เข้าใจที่อาจารย์บรรยายมากขึ้นครับ  :black_eye
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ธันวาคม, 2012, 08:59:58 pm โดย gai »


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
อาจารย์ไปมองแต่หลอดยักษ์ใหญ่ซึ่งมีคนใจถึงกล้าเล่นน้อยคน
ยักษ์เล็กก็มีนะครับ อาจจะลืมนึกถึง  6080 ไงครับ ผมมีสองหลอด ทำ PP ได้เลย
จัดไปซัก 200V กริดก็ต้องสวิง 200Vp-p แล้วนะครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
แบบที่สอง หลอดเพาเวอร์ทำ fixed bias ก็ต่อตามรูปใช่ไหมครับ ซึ่งก็ควรจะมีทั้ง Rgs และ Rg เช่นกัน ป้องกันการสะท้อนกลับของอิมพีแดนซ์ขด sec.

แบบนี้ถ้าวงจรถูก สเปคของหม้ออินเตอร์ฯ ควรจะกำหนดเท่าไหร่ครับ ทั้งอิมพีแดนซ์ , turn ratio , การทนวัตต์ ,การรับกระแส และที่เพิ่มเข้ามาคือแหล่งจ่ายไฟไบอัสกริด เพราะเป็นได้ทั้งไฟลบ และไฟบวก
กรณีไฟลบ ก็คือการจัดวงจรแบบ class a1, ab1, b1 ธรรมดาเพียงแต่ไม่ใช้ c couple ต้องการแต่แรงดันสวิงออก ไม่ต้องคำนึงถึงกระแสที่จะป้อนเข้ากริด ใช่ไหมครับ เอาแค่แรงดันเท่า Vg1 ก็ใช้ได้  แต่ในกรณีที่ต้องการให้กริดสวิงไปถึงแดนบวก โดยที่ตั้งจุดไบอัสไว้ที่แดนลบ จะทำยังไงครับ

กรณีไฟบวก คือการตั้งจุดไบอัสไว้ที่แดนบวก อันนี้ต้อจัดให้ทั้งแรงดันและกระแสใช่ไหมครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
พอจะเลาๆ แล้วครับอาจารย์

อินเตอร์ฯ มีอยู่สองแบบ แบบแรก หลอดเพาเวอร์ทำ self bias ก็ต่อตามรูปใช่ไหมครับ ซึ่งก็ควรจะมีทั้ง Rgs และ Rg
ขออนุญาตยืมรูปมาดัดแปลงนะครับ

แบบนี้ถ้าวงจรถูก สเปคของหม้ออินเตอร์ฯ ควรจะกำหนดเท่าไหร่ครับ ทั้งอิมพีแดนซ์ , turn ratio , การทนวัตต์ ,การรับกระแส
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
เห็นมั้ยครับอาจารย์ มีคนสนใจ inter  stage พอสมควรนะครับ อาจจะเนื่องมาจากทำหลอดไดร์เอ้าพุทสวิง 60Vp-p มาเยอะแล้ว มือจะหนักขึ้น เลือกจุดไบอัสมาทางขวามือมากขึ้นเรื่อยๆ จนกริดของเพาเวอร์สวิงเกิน 80Vp-p คราวนี้จะถามหา inter stage กันเป็นแถว

ถ้า solve ตรงนี้ได้ ก็หาเด็กสร้าง มาทำ inter stage ถ้าทำราคาได้พอๆกับ OPT หนึ่งคู่ก็น่าสนใจครับ มีลุ้น
พวกหลอดเผาตรงเบอร์ใหญ่ๆ จะไม่เป็นปัญหาเลย เดี๋ยวปล่อยออกมาเพียบ
สำหรับคุณภาพของอินเตอร์สเตจก็เอาเท่าที่ได้ครับ ไม่ไปเทียบกับยี่ห้อดังๆ


80Vpp นี่ถือว่าไม่มากนะครับ หลอด directly heated อย่าง 2A3 ยังต้องการ 110Vpp ซึ่งหลอด medium mu อย่าง 6SN7, 12AU7 สามารถ drive ได้ไม่ยาก

ถ้าเป็น 300B นี่ยากหน่อย เพราะต้องการ 160Vpp หรือมากกว่า อันนี้ใช้ interstage ก็ช่วยได้ครับ

แต่ถ้างบไม่พออาจลองพิจารณา choke load หรือ CCS IC ก็ได้ครับ CCS IC อย่าง 10M45 นี่ผมใช้บ่อย เพราะมันสามารถ swing voltage ได้เยอะ เคยใช้ 6W6 ให้ 10M45 เป็น load มันสามารถทำงานได้ถึง 350Vpp สำหรับ drive 845 ได้ครับ


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
เข้าใจถูกทุกอย่างครับ  :clap วิธีใช้งานมันก็ให้ดู Rp ของหลอดที่ drive กับ reflection impedance ของ R ที่ terminate grid ด้าน secondary ให้ Rp มีค่าต่ำกว่าหน่อยซัก 4-10 เท่าครับ
เรื่องถัดไปคือ inductance ของ interstage ซึ่งค่า reactance ของมันควรจะมีค่าสูงกว่า Rp ของหลอด drive ซัก 4 เท่าขึ้นไป ไม่งั้น bass จะ roll off เกินไป

impedance ratio บอกค่า step up/down ซึ่งเกี่ยวข้องกับ inductance ของ transformer เหมือนกัน หม้อแปลง interstage สองตัวที่มี impedance ratio เท่ากัน ตัวที่มี inductance มากกว่าก็จะมี bass roll off ที่ต่ำกว่า แต่ถ้ามีมากเกินไปก็เกิด capacitance แฝงมากอีก ปกติผมจะดู spec คร่าวๆ จากนั้นก็ทดลองจริงและวัดผลจริงครับ

Rp ของหลอดที่ drive........ ไม่ใช่ RL ที่เราลากเส้นโหลดไลน์หรือครับ

reflection impedance ของ R ที่ terminate grid ด้าน secondary ..... ภาคเพาเวอร์ที่ผมเห็นวงจร ไม่มี Rg นะครับ ขาข้างหนึ่งของ inter stage ต่อเข้ากับกริดหรือ Rgs เลยครับ อีกด้านถ้าไม่ลงกราวน์ ก็ต่อเข้ากับไฟไบอัสกริดกรณีทำ fixed bias



ในกรณีที่มี R terminate ด้าน secondary ไว้ impedance reflection ที่เกิดขึ้นทางด้าน primary จะประมาณว่าเท่ากับ R ตัวนั้นครับ เพราะฉนั้น RL ที่หลอดมองเห็นจะเท่ากับ R ตัวนั้น ซึ่งบางครั้ง R terminate เราใช้ค่ามากกว่าหลอด driver พอสมควร เช่น 47K กับหลอด drive อย่าง 5687 ซึ่งมี Rp เพียงแค่ 2K

แต่ถ้าไม่มี R terminate ด้าน secondary หลอด drive จะเห็น impedance reflection สูงมาก เพราะ grid มี input impedance สูงอยู่แล้วครับ


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060

2. they balance and unbalance signals
 

ข้อสองนี่ผมยังไม่เข้าใจครับ บาลานซ์สัญญาณ กับ สัญญาณไม่บาลานซ์ คืออะไรครับ

บอกแค่นี้อาจจะแปลความหมายได้หลายอย่างเหมือนกันครับ ถ้าหมายถึงหม้อแปลง line level มันก็สามารถแปลงสัญญาณ single end (unbalance) ไปเป็น balance ได้
แต่ถ้าหมายถึง interstage transformer ก็หมายถึงใช้หลอด drive ทาง primary เป็นแบบ single end แต่ secondary ได้สํญญาณออกเป็น balance ครับ


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
เห็นมั้ยครับอาจารย์ มีคนสนใจ inter  stage พอสมควรนะครับ อาจจะเนื่องมาจากทำหลอดไดร์เอ้าพุทสวิง 60Vp-p มาเยอะแล้ว มือจะหนักขึ้น เลือกจุดไบอัสมาทางขวามือมากขึ้นเรื่อยๆ จนกริดของเพาเวอร์สวิงเกิน 80Vp-p คราวนี้จะถามหา inter stage กันเป็นแถว

ถ้า solve ตรงนี้ได้ ก็หาเด็กสร้าง มาทำ inter stage ถ้าทำราคาได้พอๆกับ OPT หนึ่งคู่ก็น่าสนใจครับ มีลุ้น
พวกหลอดเผาตรงเบอร์ใหญ่ๆ จะไม่เป็นปัญหาเลย เดี๋ยวปล่อยออกมาเพียบ
สำหรับคุณภาพของอินเตอร์สเตจก็เอาเท่าที่ได้ครับ ไม่ไปเทียบกับยี่ห้อดังๆ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
แต่ว่าไปแล้ว print ไปอ่านง่ายก่าเยอะเลยแฮะ  :P

เดี๋ยวรอ จบ Lecture ก่อน จะ print เก็บเหมือนกันครับ

ช่วยตอบกันมาเรื่อยๆนะครับ  :bowdown


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
เข้าใจถูกทุกอย่างครับ  :clap วิธีใช้งานมันก็ให้ดู Rp ของหลอดที่ drive กับ reflection impedance ของ R ที่ terminate grid ด้าน secondary ให้ Rp มีค่าต่ำกว่าหน่อยซัก 4-10 เท่าครับ
เรื่องถัดไปคือ inductance ของ interstage ซึ่งค่า reactance ของมันควรจะมีค่าสูงกว่า Rp ของหลอด drive ซัก 4 เท่าขึ้นไป ไม่งั้น bass จะ roll off เกินไป

impedance ratio บอกค่า step up/down ซึ่งเกี่ยวข้องกับ inductance ของ transformer เหมือนกัน หม้อแปลง interstage สองตัวที่มี impedance ratio เท่ากัน ตัวที่มี inductance มากกว่าก็จะมี bass roll off ที่ต่ำกว่า แต่ถ้ามีมากเกินไปก็เกิด capacitance แฝงมากอีก ปกติผมจะดู spec คร่าวๆ จากนั้นก็ทดลองจริงและวัดผลจริงครับ

Rp ของหลอดที่ drive........ ไม่ใช่ RL ที่เราลากเส้นโหลดไลน์หรือครับ

reflection impedance ของ R ที่ terminate grid ด้าน secondary ..... ภาคเพาเวอร์ที่ผมเห็นวงจร ไม่มี Rg นะครับ ขาข้างหนึ่งของ inter stage ต่อเข้ากับกริดหรือ Rgs เลยครับ อีกด้านถ้าไม่ลงกราวน์ ก็ต่อเข้ากับไฟไบอัสกริดกรณีทำ fixed bias

ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย

2. they balance and unbalance signals
 

ข้อสองนี่ผมยังไม่เข้าใจครับ บาลานซ์สัญญาณ กับ สัญญาณไม่บาลานซ์ คืออะไรครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ เบน

  • ผู้สนับสนุน web 1ปี
  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,550
ฟามรู้ล้วน ๆๆๆ ขอจดจดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ d_d d_d d_d d_d d_d

แต่ว่าไปแล้ว print ไปอ่านง่ายก่าเยอะเลยแฮะ  :P
ตอนนี้ไม่ค่อยว่างจ้ะงานประจำกำลังทับหัวตาย  ถ้าเกิดปัญหาประการใดหรือต้องการตามตัวเนื่องจากหายหัวกรุณาติดต่อ  0897815564  ในเวลาราชการ(ถ้าไม่รับจะโทรกลับจ้ะ)

ที่อยู่ก๊าบ
http://www.htg2.net/index.php?topic=48864.0

my facebook ไปเป็นเพื่อนและส่องกันได้

https://www.facebook.com/ben.jom.12


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
เข้าใจถูกทุกอย่างครับ  :clap วิธีใช้งานมันก็ให้ดู Rp ของหลอดที่ drive กับ reflection impedance ของ R ที่ terminate grid ด้าน secondary ให้ Rp มีค่าต่ำกว่าหน่อยซัก 4-10 เท่าครับ
เรื่องถัดไปคือ inductance ของ interstage ซึ่งค่า reactance ของมันควรจะมีค่าสูงกว่า Rp ของหลอด drive ซัก 4 เท่าขึ้นไป ไม่งั้น bass จะ roll off เกินไป

impedance ratio บอกค่า step up/down ซึ่งเกี่ยวข้องกับ inductance ของ transformer เหมือนกัน หม้อแปลง interstage สองตัวที่มี impedance ratio เท่ากัน ตัวที่มี inductance มากกว่าก็จะมี bass roll off ที่ต่ำกว่า แต่ถ้ามีมากเกินไปก็เกิด capacitance แฝงมากอีก ปกติผมจะดู spec คร่าวๆ จากนั้นก็ทดลองจริงและวัดผลจริงครับ


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ถ้าหม้อมี the highest ratio มักจะมี coloration

Interstage transformers จะนำมาใช้เมื่อต้องการ transform the impedance of a signal ระหว่าง two tube stages  หรือเมื่อต้องการ convert between single-ended and differential signals (for example, feeding a single-ended input stage into a push-pull output amp)

ยังไงก็ตาม หม้อแปลงก็คือหม้อแปลง มักจะมี coloration ให้มาด้วยเสมอ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
เป็นนักเรียนต้องขยัน ให้อาจารย์หามาป้อนให้ไม่ดี ไปค้นมาแล้วครับ
อันหม้อแปลงนั้น ทำหน้าที่อยู่สามอย่าง
1. The couple AC without passing DC
2. they balance and unbalance signals
3. they transform signal levels and signal impedances

สำหรับข้อ 3. นั้น ขึ้นอยู่กับ turns ratio ของหม้อแปลง เช่น 1:1 สัญญาณอินพุทกับสัญญาณเอ้าพุทจะ same signal level และ same impedance
ถ้าเป็นหม้อแบบ step up เช่น 1:2 , 1:5 มันก็จะ step up both the signal and the impedance
ทำนองเดียวกันถ้าเป็นหม้อแบบ step down ก็จะ step down both the signal and the impedance


 
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
รบกวน อ.กะริน เล่าเรื่อง inter stage ด้วยครับ ผมอยากรู้ว่าดูกันยังไงบ้าง จะเอามาใช้งานมีกติกา กฎเกณฑ์ยังไง มีค่าทางไฟฟ้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อะไรบ้าง  สวิงแรงดันได้สูงสุดกี่โวลต์
พักหลังนี้เริ่มไบอัสกริดของเพาเวอร์สูงขึ้้นๆๆๆๆ จนหลอดหลอดไดร์เล็กๆ เอาไม่อยู่  และอยากลองทำ class a2 ดูมั่งครับ มันสวิงได้กว้างดี
ผมดูราคาหม้อ inter stage ของ sac thailand แล้วลิ้นห้อย คงจะหามือ diy ในเวบเราพันล่ะครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
หม้อแปลงเรากำหนดสเปค และสั่งพันเองครับ ทนได้แน่นอนครับ
หม้อขนาด 1.2KV ยังมีคนสั่งพันกันเลยครับ   :D
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
ถ้ายังงั้นการวางจุดไบอัสสำหรับภาคเพาเวอร์ ก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะ cutoff วางที่ตำแหน่งไหนทางขวามือก็ได้ ใช่ไหมครับ

แล้ว ยิ่งวางขวามา B+ ก็ยิ่งสูงไปกันใหญ่ หม้อแปลงจะทนไหวใหมครับ

ถ้าอุปกรณ์รอบข้าง และวงจรอุดมคติครับ

แต่โลกเราไม่อุดมคติ ก็ต้องแก้ปรับกันเรื่อยๆครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
ถ้ายังงั้นการวางจุดไบอัสสำหรับภาคเพาเวอร์ ก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะ cutoff วางที่ตำแหน่งไหนทางขวามือก็ได้ ใช่ไหมครับ

แล้ว ยิ่งวางขวามา B+ ก็ยิ่งสูงไปกันใหญ่ หม้อแปลงจะทนไหวใหมครับ


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ถ้ายังงั้นการวางจุดไบอัสสำหรับภาคเพาเวอร์ ก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะ cutoff วางที่ตำแหน่งไหนทางขวามือก็ได้ ใช่ไหมครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
2) ค่า R plate load (RL) ขนานกับ R grid ของหลอดถัดไป รวมกันแล้วควรมีค่ามากกว่า Rp (plate resistance) ของหลอด drive ซัก 5 เท่าขึ้นไป หรือไม่ควรต่ำกว่า 3 เท่าครับ เช่น 6SN7 มี Rp 7K load ด้วย R 30K และ R grid ของหลอดถัดไป 150K เมื่อขนาน 30Kกับ 150K ได้ 25K เกือบสี่เท่าของ Rp ของ 6SN7 ถือว่าพอใช้ได้ครับ

กรณีนี้ หากใช้ rg ของ power 25 k แล้วความถี่ต่ำ Rolloff เร็วไป ก็เพิ่ม C Coupling ใช่ใหมครับ

หรือถ้าใช้ เกินจากที่คำนวน กรณีนี้คือ 25 k จะมีผลเสียอย่างไรครับ

เข้าใจถูกต้องแล้วครับ ถ้าใช้เกิน 25K ไปก็ไม่ควรจะมีปัญหาอะไรเช่นกันครับ

อ้างถึง
พากันเงียบไปเลย
ผมเข้ากระทู้ วงแตกไปเลย

คุณ Audioman ตอบได้ครบถ้วนพร้อมของแถมเลยครับ  :clap
O0
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
2) ค่า R plate load (RL) ขนานกับ R grid ของหลอดถัดไป รวมกันแล้วควรมีค่ามากกว่า Rp (plate resistance) ของหลอด drive ซัก 5 เท่าขึ้นไป หรือไม่ควรต่ำกว่า 3 เท่าครับ เช่น 6SN7 มี Rp 7K load ด้วย R 30K และ R grid ของหลอดถัดไป 150K เมื่อขนาน 30Kกับ 150K ได้ 25K เกือบสี่เท่าของ Rp ของ 6SN7 ถือว่าพอใช้ได้ครับ

กรณีนี้ หากใช้ rg ของ power 25 k แล้วความถี่ต่ำ Rolloff เร็วไป ก็เพิ่ม C Coupling ใช่ใหมครับ

หรือถ้าใช้ เกินจากที่คำนวน กรณีนี้คือ 25 k จะมีผลเสียอย่างไรครับ

เข้าใจถูกต้องแล้วครับ ถ้าใช้เกิน 25K ไปก็ไม่ควรจะมีปัญหาอะไรเช่นกันครับ

อ้างถึง
พากันเงียบไปเลย
ผมเข้ากระทู้ วงแตกไปเลย

คุณ Audioman ตอบได้ครบถ้วนพร้อมของแถมเลยครับ  :clap


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ครับ ระหว่างภาคปรี กับภาคเพาเวอร์
ที่กล่าวมาข้างบน ถ้าถูกทุกข้อนะครับ  ภาคปรีก็จะเป็นแบบข้างบน ทุกข้อด้วย

ส่วนภาคเพาเวอร์ เราใช้หม้อ OPT ซึ่งเป็นลวดพันรอบแกน เรียกว่า โหลดแบบอินดั๊กถีบ
จุดที่ 1 ไบอัสที่กริด -50V สวิงซ้ายได้เต็มที่ ไปจนถึง +50V โน่นแหละ  รวมแล้วสวิงไปทางซ้ายมือได้ 100V พอสวิงขวา หม้อที่เป็นคอยล์ อาจจะสวิงไปได้โดยไม่ cutoff เพราะว่าเหนี่ยวนำ สะสมพลังงานไว้ได้ อาจจะสวิงไปได้รวม 100V คือไปถึง -150V ตรงนี้ผมไม่ขอสรุป รอผู้รู้มาอธิบายครับ

แบบนี้ครับ จำได้ว่าน้า tube club เคยสอนผมอยู่ แต่ผมอาจจะจำผิดก็ได้ครับ

ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
พากันเงียบไปเลย
ผมเข้ากระทู้ วงแตกไปเลย
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
แต่ถ้าจะทำคลาสที่มีเลข 2 คือกระแสกริดไหล ภาคไดร์ต้องใช้ plate choke นะครับ 
ภาค์ไดร์ใช้ c coupling กระแสไหลผ่าน c coupling ไม่ได้นะครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
มาดูกราฟกัน เป็นกราฟของหลอด 801-A กริดสวิงได้ตั้งแต่ +100V ไปจนถึง -100V นั่นคือช่วงสวิงของกริด 200V
ผมลากเส้นโหลดไลน์ที่ 6K
ตั้งจุดไบอัสไว้ 5 จุด

จุดที่ 4 Vg1 0V ส่วนใหญ่จะเป็นจุดอ้างอิง เพราะถ้ากริดสวิงข้ามผ่าน 0V ไปมา จะมี noise เกิดขึ้น เพราะกริดนำกระแส กับหยุดนำกระแส
                     ถ้าเลือกไบอัสให้กริดสวิงระหว่าง 0V ไปถึง -70V กระแสกริดจะไม่ไหล จะมีเลข 1 ตามหลังคลาส บางทีก็ไม่เติมเลข 1
                     ถ้าเลือกไบอัสให้กริดสวิงระหว่าง 0V ไปถึง +60V กระแสกริดจะไหล จะมีเลข 2 ตามหลังคลาส
จุดที่ 2 Vg1 -30V
                    ถ้ากำหนดให้กริดสวิงจากจุดไบอัส -30V ไปทางซ้ายถึง 0V แล้วสวิงกลับไปทางขวาถึง -60V คลื่นไซน์เวฟสวิงได้เต็มลูกคลื่น 360 องศา เป็นคลาส a และกระแสกริดไม่ไหล เป็น class a1
จุดที่ 1 Vg1 -50V
                    ถ้ากำหนดให้กริดสวิงจากจุดไบอัส -50V ไปทางซ้ายถึง 0V แล้วสวิงกลับไปทางขวา พอถึง -60V ยังได้อยู่ แต่พอถึง -70V จะเริ่ม cutoff แล้ว น่าจะเป็นคลาส b หรือจะเป็น ab ก็ได้ และกระแสกริดไม่ไหลเป็น class b1 หรือ ab1
จุดที่ 3 Vg1 -10V
                   ถ้ากำหนดให้กริดสวิงจากจุดไบอัส -10V ไปทางซ้ายถึง 0V แล้วสวิงกลับไปทางขวาถึง -20V คลื่นไซน์เวฟสวิงได้เต็มลูกคลื่น 360 องศา เป็นคลาส a และกระแสกริดไม่ไหล เป็น class a1
                   ถ้ากำหนดให้กริดสวิงจากจุดไบอัสไปทางซ้ายมือ ผ่าน 0V ไปถึง +50V แล้วสวิงกลับไปทางขวามือ ถึง -70V สวิงได้ข้างละ 60V สวิงได้เต็มคลื่น 360 องศา ช่วงที่สวิงผ่าน 0V ไปทางซ้ายกระแสกริดไหล ช่วงที่สวิงลงมาทางลบ กระแสกริดไม่ไหล
                       คราวนี้จะว่าคลาสไหน หรือว่าคลาสผสม บางคนบอกว่าจุดไบอัสอยู่แดนลบ ก็คลาส a1 นั่นแหละ บางคนว่ามันทำงานที่แดนบวกด้วย เป็นคลาส a2
                       บางคนว่าถ้าสวิงไม่ข้ามเส้น 0V ก็เป็นคลาส a1 พอเปิดวอลุ่มมากขึ้น เสียงดังขึ้น มันสวิงข้าม 0V ก็เป็นคลาส a2 คือทำงานได้สองคลาส
จุดที่ 4 Vg1 0V อีกซักครั้ง ไม่นิยมตั้งจุดไบอัสที่จุดนี้ เพราะว่า noise เยอะ แต่ก็มีคนทำได้อยู่ครับ
จุดที่ 5 Vg1 +20V
                  ถ้าสวิงอยู่แดนบวกก็เป็น class a2 แท้ๆ ล่ะครับ
                  ถ้าสวิงลงมาแดนลบด้วย ก็คงจะทำนองเดียวกันกับข้างบนครับ

ผมรวบรวมมาจากหลายๆท่านที่เคยปรึกษาหารือกัน หน้าดำคร่ำเครียด มาหลายปีแล้ว น่าจะตั้งแต่ผมเข้ามาในบอร์ด
น่าจะสรุปว่า
การเลือกจุดไบอัส จะเป็นการเลือกคลาสว่าจะเป็นคลาสไหน ส่วนการทำงานอาจจะทำงานได้หลายคลาส ขึ้นอยู่กับการเปิดดัง เบา

น้าหรั่งสรุปได้หรือเปล่าครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
เอาด้วย เหงาครับ
ถ้าเป็น class a กระแสกริดไม่ไหลครับ  ต้องการแค่แรงดัน Vg ไปโผล่ที่กริดเฉยๆ ครับ
   

 ขอเรียนถามแบบไม่ทราบจริงๆครับมีหลักการดูอย่างไรว่าอันไหนเป็น class a - class b ชว้ยแนะนำหน่อยครับอันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ :secret

มาดูนิยามกัน 
class a  = คลื่นไซน์เวฟสวิงได้เต็มลูกคลื่น 360 องศา (คลาสนี้จะเป็น single end)
class b  = คลื่นไซน์เวฟสวิงได้ครึ่งลูก 180 องศา  อีกครึ่งหนึ่งสวิงไม่ได้เพราะ cutoff หรือ saturateไปซะก่อน, สลับการทำงานครึ่งบวกกับครึ่งลบ (คลาสนี้จะเป็น push pull)
class ab = กึ่งๆ a กับ b คือสวิงได้ไม่ถึงกับเต็มคลื่น แต่ก็ไม่ถึงกับ cutoff เมื่อสวิงขวาสุด และไม่ saturate เมื่อสวิงซ้ายสุด
1 = ไม่มีกระแสกริด
2 = กระแสกริดไหล
เช่น
class a1  = คลื่นไซน์เวฟสวิงได้เต็มลูกคลื่น 360 องศา ไม่มีกระแสกริด
class a2  = คลื่นไซน์เวฟสวิงได้เต็มลูกคลื่น 360 องศา กระแสกริดไหล
ทำนองนี้ครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
น้าไก่ลองแล้วมาเล่าให้ผมฟังบ้างนะครับ ผมรู้อยู่แค่นี้ ทั้งจำทั้งลอก แต่รู้ไม่จริงครับ
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณป๋ามาก ก็งงๆ เหมือนกัน แต่พอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ขอเอาไปลองเล่นดูก่อนครับ  :clap


ออฟไลน์ ช่างหรั่งโรงต้ม

  • Super Star.
  • **
    • กระทู้: 2,510
เอาด้วย เหงาครับ
ถ้าเป็น class a กระแสกริดไม่ไหลครับ  ต้องการแค่แรงดัน Vg ไปโผล่ที่กริดเฉยๆ ครับ
   

 ขอเรียนถามแบบไม่ทราบจริงๆครับมีหลักการดูอย่างไรว่าอันไหนเป็น class a - class b ชว้ยแนะนำหน่อยครับอันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ :secret


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ผมมีหน้าที่วาดรูป  อ.กะรินมีหน้าที่อธิบาย  แบ่งงานกันทำ  น้าไก่มีหน้าที่งง

เมื่อ DC bias ได้ที่แล้ว มีเกน 20
มีสัญญาณสลับน้อยๆ 1Vp-p เข้ามา หลอดจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดแรงดัน ทำงานในโหมด AC bias (ให้มองว่าวงกลมที่มีหนอนอยู่ข้างในเป็นแบตเตอรี่จ่ายแรงดันก็ได้)
จะผลิตแรงดันได้เท่ากับ สัญญาณเข้าคูณเกน = 20Vp-p แรงดันค่านี้จะไปโผล่ที่เพลตของหลอด

Rp1 ขนานกับ RL1 จะเป็น Rout
Rout อนุกรมกับ Rg2 แล้วลงกราวน์ 

โจทก์  ตามวงรอบเส้นสีแดง แรงดันจะตกคร่อม Rout และ Rg2 เท่าไหร่
ตอบ  20Vp-p = VRout + VRg2  หรือ 20Vp-p - VRout - VRg2 = 0

ก็เป็นรูปเก่าที่ อ.กะรินเคยอธิบายไว้ ผมเอามาวาดใหม่ไม่ให้จำเจ

ถ้าเป็นหลอดไตรโอดเรามักจะให้ RL เป็น 3 เท่า ของ Rp จะได้ Rout ประมาณเท่ากับ Rp หรือต่ำกว่า
ถ้าเป็นหลอดเพนโทด Rp มักจะสูงมากๆ จนไม่ต้องสนใจ จะได้ Rout ประมาณเท่ากับ RL

สำหรับ Rg2 เรามักจะใช้ค่าระหว่าง 220K - 470K 
ในหลอดทั้งสองแบบ โดยรวมแล้ว Rg2 จะมากกว่า Rout
นั่นหมายความว่า แรงดันที่ตกคร่อม VRg2 จะมากกว่า VRout

ถึงตอนนี้แล้ว Voltage gain จะเป็น VRg2/Vinput  ซึ่งจะไม่ใช่ 20 แแต่จะน้อยกว่า 20

คราวนี้ Rg2 มีผลต่อเกนมั้ย ตอบว่ามีครับ
ถ้า Rg2 = Rout แล้ว จะแบ่งแรงดันเท่ากัน คือ VRg2 = VRout = 10V แน่นอนว่า Voltage gain = 10
ถ้า Rg2 น้อยกว่า Rout แล้ว Rg2 จะแบ่งแรงดันได้น้อยกว่า Rout แน่นอนว่า Voltage gain จะต้องน้อยกว่า 10
ถ้า Rg2 มากกว่า Rout แล้ว Rg2 จะแบ่งแรงดันได้มากกว่า Rout แน่นอนว่า Voltage gain จะต้องมากกว่า 10 แต่จะน้อยกว่า 20
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
หลอดปรีที่ว่าหลอดไตรโอดหรือเพนโทดครับ?
ขอบคุณครับ อาจารย์ และ Mr.One

ผมมีปัญหาในการหัดทำแอมป์ผม ที่ผ่านมา ผมมีปัญหาเรื่อง gain ของหลอด drive ทำให้เสียงมักจะแตก (clip) เมื่อเร่งวอลลุ่มสูงๆ วิธีที่ผมใช้แก้และได้ผลที่พอใจ คือ ลด Rload หลอด drive ลงเพื่อลด gain และแก้ปัญหาได้ แอมป์ที่ผมทำผ่านมา Rload ลดลงค่อนข้างมาก และน้อยกว่า 3 เท่า Rp ของหลอด drive แต่ผมไม่เคยลดค่า Rgrid leak เลย สงสัยผมต้องหันไปลองเพิ่ม Rload และหันมาลองลด R grid leak นี้แทน

เรียนถามอาจารย์ต่อว่า ที่ผ่านมา ผมแก้ปัญหาได้ แต่น่าจะไม่ค่อยถูกต้อง ผลเสียของการแก้ปัญหาแบบผม มันมีด้านไหนกับวงจรบ้างครับ
ไตรโอดทุกเครื่องเลยครับ


ออฟไลน์ Era

  • *****
    • กระทู้: 975
    • เพศ:ชาย
หลอดปรีที่ว่าหลอดไตรโอดหรือเพนโทดครับ?
ขอบคุณครับ อาจารย์ และ Mr.One

ผมมีปัญหาในการหัดทำแอมป์ผม ที่ผ่านมา ผมมีปัญหาเรื่อง gain ของหลอด drive ทำให้เสียงมักจะแตก (clip) เมื่อเร่งวอลลุ่มสูงๆ วิธีที่ผมใช้แก้และได้ผลที่พอใจ คือ ลด Rload หลอด drive ลงเพื่อลด gain และแก้ปัญหาได้ แอมป์ที่ผมทำผ่านมา Rload ลดลงค่อนข้างมาก และน้อยกว่า 3 เท่า Rp ของหลอด drive แต่ผมไม่เคยลดค่า Rgrid leak เลย สงสัยผมต้องหันไปลองเพิ่ม Rload และหันมาลองลด R grid leak นี้แทน

เรียนถามอาจารย์ต่อว่า ที่ผ่านมา ผมแก้ปัญหาได้ แต่น่าจะไม่ค่อยถูกต้อง ผลเสียของการแก้ปัญหาแบบผม มันมีด้านไหนกับวงจรบ้างครับ
ข้อมูลติดต่อครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=90857.0


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
2) ค่า R plate load (RL) ขนานกับ R grid ของหลอดถัดไป รวมกันแล้วควรมีค่ามากกว่า Rp (plate resistance) ของหลอด drive ซัก 5 เท่าขึ้นไป หรือไม่ควรต่ำกว่า 3 เท่าครับ เช่น 6SN7 มี Rp 7K load ด้วย R 30K และ R grid ของหลอดถัดไป 150K เมื่อขนาน 30Kกับ 150K ได้ 25K เกือบสี่เท่าของ Rp ของ 6SN7 ถือว่าพอใช้ได้ครับ

กรณีนี้ หากใช้ rg ของ power 25 k แล้วความถี่ต่ำ Rolloff เร็วไป ก็เพิ่ม C Coupling ใช่ใหมครับ

หรือถ้าใช้ เกินจากที่คำนวน กรณีนี้คือ 25 k จะมีผลเสียอย่างไรครับ


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
อ้างถึง
ผลเสียของการแก้ปัญหาแบบผม มันมีด้านไหนกับวงจรบ้างครับ

ปกติถ้าลด R plate load ก็จะทำให้ gain ตกลง และ linearity ของหลอดลดลงไปด้วย คือ distortion เพิ่มขึ้นครับ แต่อาจะไม่มาก

อ้างถึง
ปัญหาเรื่อง gain ผมใช้วิธีลดแรงดันสัญญาณที่อินพุท ตรงตำแหน่ง โวลุ่ม กับ Rg ของหลอดแรกน่ะครับ
อยากทราบว่าการลดแรงดันสัญญาณตรงจุดนี้มากๆจะมี ผลเสีย ยังไงบ้างครับ

ถ้าใช้ R ค่ามากๆบางทีก็มี lost บ้างครับ เสียงก็อาจจะทึบลงไปบ้างเมื่อเทียบกับไม่มี


ออฟไลน์ Gazzy

  • ***
    • กระทู้: 166
ขอบคุณครับ อาจารย์ และ Mr.One

ผมมีปัญหาในการหัดทำแอมป์ผม ที่ผ่านมา ผมมีปัญหาเรื่อง gain ของหลอด drive ทำให้เสียงมักจะแตก (clip) เมื่อเร่งวอลลุ่มสูงๆ วิธีที่ผมใช้แก้และได้ผลที่พอใจ คือ ลด Rload หลอด drive ลงเพื่อลด gain และแก้ปัญหาได้ แอมป์ที่ผมทำผ่านมา Rload ลดลงค่อนข้างมาก และน้อยกว่า 3 เท่า Rp ของหลอด drive แต่ผมไม่เคยลดค่า Rgrid leak เลย สงสัยผมต้องหันไปลองเพิ่ม Rload และหันมาลองลด R grid leak นี้แทน

เรียนถามอาจารย์ต่อว่า ที่ผ่านมา ผมแก้ปัญหาได้ แต่น่าจะไม่ค่อยถูกต้อง ผลเสียของการแก้ปัญหาแบบผม มันมีด้านไหนกับวงจรบ้างครับ
ขออณุญาตถามเพิ่มโดยอ้างโพสของ พี่gai นะครับ ปัญหาเรื่อง gain ผมใช้วิธีลดแรงดันสัญญาณที่อินพุท ตรงตำแหน่ง โวลุ่ม กับ Rg ของหลอดแรกน่ะครับ
อยากทราบว่าการลดแรงดันสัญญาณตรงจุดนี้มากๆจะมี ผลเสีย ยังไงบ้างครับ


ออฟไลน์ ออดิโอแมน

  • Superstar...
  • ****
    • กระทู้: 4,993
    • เพศ:ชาย
ปรี / ไดร์ / เพาเวอร์ สามภาคนี้ ผมว่าแบบนี้นะครับ
น้าไก่เอาหลอดแบบไหนทำปรี กับไดร์เวอร์ ครับ หลอดไฮมิว กับหลอดมีเดี่ยมมิว
ถ้าปรีใช้ไฮมิว ไดร์ใช้มีเดี่ยมมิว ผมว่าน่าจะแก้ปัญหาได้ครับ เพราะอะไร
1. ปรีใช้หลอดไฮมิว  หลอดไฮมิวกริดสวิงน้อย สังเกตุดูจากกราฟของหลอดไฮมิว กริดสวิงอยู่ที่ 1-5 Vp-p ก็ให้แรงดันเอ้าพุทสวิงออกมาค่าหนึ่ง
2. ไดร์ใช้หลอดมีเดี่ยมมิว  หลอดมีเดี่ยมมิวกริดสวิงมาก ดูจากกราฟสวิง 1-12 Vp-p คือรับแรงดันสวิงจากข้อ 1 ได้กว้าง
จัดหลอดแบบนี้น่าจะแก้ปัญหาการขลิปได้ เว้นแต่ กริดภาคเพาเวอร์ต้องการแรงดันสวิงสูง ตั้งแต่ 80 Vp-p ขึ้นไป อันนี้หาหลอดไดร์ยากหน่อย

เรื่องเกน เรื่องอะไรต่อมิอะไรน่าไก่รู้หมดแล้วล่ะ

เกี่ยวกันหรือเปล่า.....
ที่อยู่และเบอร์มือถือครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=57741.msg704676#msg704676


ออฟไลน์ gai

  • Super Star
  • *
    • กระทู้: 1,318
    • เพศ:ชาย
ขอบคุณครับ อาจารย์ และ Mr.One

ผมมีปัญหาในการหัดทำแอมป์ผม ที่ผ่านมา ผมมีปัญหาเรื่อง gain ของหลอด drive ทำให้เสียงมักจะแตก (clip) เมื่อเร่งวอลลุ่มสูงๆ วิธีที่ผมใช้แก้และได้ผลที่พอใจ คือ ลด Rload หลอด drive ลงเพื่อลด gain และแก้ปัญหาได้ แอมป์ที่ผมทำผ่านมา Rload ลดลงค่อนข้างมาก และน้อยกว่า 3 เท่า Rp ของหลอด drive แต่ผมไม่เคยลดค่า Rgrid leak เลย สงสัยผมต้องหันไปลองเพิ่ม Rload และหันมาลองลด R grid leak นี้แทน

เรียนถามอาจารย์ต่อว่า ที่ผ่านมา ผมแก้ปัญหาได้ แต่น่าจะไม่ค่อยถูกต้อง ผลเสียของการแก้ปัญหาแบบผม มันมีด้านไหนกับวงจรบ้างครับ


ออฟไลน์ Karin Preeda

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,060
1) ถูกต้องครับ
2) ค่า R plate load (RL) ขนานกับ R grid ของหลอดถัดไป รวมกันแล้วควรมีค่ามากกว่า Rp (plate resistance) ของหลอด drive ซัก 5 เท่าขึ้นไป หรือไม่ควรต่ำกว่า 3 เท่าครับ เช่น 6SN7 มี Rp 7K load ด้วย R 30K และ R grid ของหลอดถัดไป 150K เมื่อขนาน 30Kกับ 150K ได้ 25K เกือบสี่เท่าของ Rp ของ 6SN7 ถือว่าพอใช้ได้ครับ


อ้างถึง
Rp ของหลอดตรงนี้ หมายถึง Rp ของหลอดภาคหน้า หรือ ภาคหลังครับ

หลอดภาคหน้าครับ


ออฟไลน์ ปาท่องโก๋

  • รักหลอด ตอนแ่ก่
  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,127
    • เพศ:ชาย
 :headphone
 ตามมาเรียนด้วย  d_d d_d
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่ที่ทำไม่ได้ เพราะไม่ทำ
http://www.htg2.net/index.php?topic=34935


ออฟไลน์ Mr. One

  • Superstar..
  • ***
    • กระทู้: 3,226
ผมสรุปคำตอบ นะครับ

1)ถ้า ออกแบบหลอด Power ใน CLass A1 หลอด Drive ก็ไม่จำเป็นต้อง จ่ายกระแสสูงเพราะ ไม่มีผลต่อ Grid ของหลอด Power
2)Rg ใช้ค่ามากว่า 100 k เพื่อไม่ให้ Gain หลอด power ตกและส่งผ่านความถี่เต็มย่าน

ใช่ใหมนี่  :)


ต้องขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ถ้าคำถามผมเบี่ยงเบนไปจากจุดประสงค์เดิมของเจ้าของกระทู้ครับ

ไม่เป็นไรครับ ผมก็ได้ความรู้เพิ่มครับ