เรียน Mr. Tube
ขอบคุณครับ ที่มาออกความเห็นว่าสามารถใช้ Equalizer แก้ปัญหาเสียงในห้องได้ พร้อม ไมโครโฟน ผมก็คิดแบบเดียวกันเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ผมใช้ห้องแถวที่ทำงานชั้นสามทำห้องฟังเพลง แม้นขนาดห้องไม่เล็กมาก 4x6เมตรผนังเป็นปูน ห้าด้าน พื้นกระเบื้องยาง มีหน้าต่างยาวตลอดด้านหนึ่ง อีกด้านเป็นประตูกระจก ตอนแรกที่ซื้อ Behringer DEQ2496
ไม่ใช่แต่มี pink noise มันมี Digital parametric EQ 24CH.
มาโดยตอนแรกผม วัดห้อง ด้วย pink noise แล้วปรับ EQ ให้ผลตอบสนอง ความถี่ไม่โด่ง แล้วก็เปิด เพลงเข้ามา สิ่งที่เห็นได้ชัดคือปัญหาความถี่ต่ำตั้งแต่ 250Hz. ลงไป แม้นลดEQ ลงไป 10dBแล้วอาการแบสบวมไม่หาย และที่สำคัญไม่มี Center กับเวที ความชัดของเพลงไม่มี คล้ายๆแอมป์หูฟัง(แอมปหูฟังยุคใหม่อาจจะดีกว่าก่อนมากก็ได้ เดียวยืมคุณใหญ่มาฟัง)ผมใช้เวลาหลาย ปีกว่าจะเจอความแตกต่างระหว่างห้องอัด โรงละคร และการแสดงสด คือผลของห้องฟังและการสะท้อนเสียงในห้องนั้น ไม่เกียวกับความถี่ ขึ้นกับ Size. And Volume .
Parameteric EQ มีประโยชน์มาก สำหรับที่กว้างและการแสดงสด หรือห้องที่ระบบเสียงค่อนข้างดี จะช่วยให้ เสียงเครื่องดนตรีหลายๆชิ้น หลายความถี่สมดุลย์กัน แต่ไม่สามารถแก้ปัญหา ในห้องขนาดเล็ก หรือห้องสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ที่มีเสียงดังได้ มันเป็นฟิสิกส์ของ Standing wave โดยเฉพาะยิ่งความถี่ 250Hz ลงไป
ที่ผมแนะนำไม่ใช่ Manual EQ ครับ คือ DEQ2496 มันเป็นได้ทั้ง G-EQ, P-EQ, D-EQ แต่มันไม่มีความสามารถชดเชยเฟส รวมถึง Auto-correction ในระบบ Multi-CH ครับ ถ้าเทียบกับที่ผมแนะนำ จะตรงกับ DCX2496 มากกว่าครับ เป็น Loudspeaker Management System ครับ ซึ่งในกลุ่มที่เล่นกันมีคนซื้อมาลองอยู่ และภายหลังพบ miniDSP ที่ถูกกว่า และทำได้แบบเดียวกัน
ถ้าเราเอาส่วนประกอบในระบบเรามาเรียงการทำงานกัน ก็จะได้แบบนี้ครับ
Source (CD) -> Amplifier -> X-over Network -> Speaker -> Room Response -> หูเรา
ซึ่งการจัดสภาพ Acoustic ของห้อง เป็นการแก้ปัญหา Room Response อย่างเดียว โดยสมมุติว่าส่วนอื่นๆ สมบูรณ์แบบ ทั้งหมด ส่วนแนวทางที่ผมเสนอ เป็นการปรับ Response ทั้ง System โดยไม่ต้องคำนึงถึง ความไม่สมบูรณ์แบบ ของแต่ละส่วนประกอบครับ อย่างแรก เราทำอะไรกับ หู ไม่ได้ จึงถูกตัดออกไปจากการพิจารณา และเอา Mic มาวางไว้แทน โดยอนุมานว่าเป็น หูที่สมบูรณ์แบบ แล้วระบบก็ยำรวมผลการตอบสนองตั้งแต่ Amp ->... -> Mic เป็น ผลการตอบสนองของระบบ แล้วก็ปรับชดเชย +/- ทั้งหลายให้เป็น 0 ทั้งหมด แนวทางนี้จึงมีขอบเขตกว้างกว่าการปรับเฉพาะ Acoustic เพียงอย่างเดียวครับ
ส่วนปัญหาเบสบวมที่พี่เคยเจอว่า EQ แก้ไม่ได้ เพราะมันมีปัญหาเฟสแฝงอยู่ด้วยครับ แบบนี้ DCX ปรับได้ครับ
ปัญหาใหญ่ของการฟังเพลงในโจทย์ของคุณ ออดิโอแมมีดังนี้
Room size and Volume
Too much energy too small room
ในห้องของ คุณAudioman ตกอยู่ในสองข้อนี้
จึงต้องสร้าง Wall in wall เอาพลังงานที่เกินของเสียงสะท้อนออกไปให้หมด (ปกติการดูดซับเสียงของห้องฟังเพลงคือ 50%) เพราะเวลาที่เสียงสะท้อนมาถึงหูเราช้ากว่าDirect sound ที่ถ้าเราลด EQ(ความถี่) ลงมาก เสียงจริง Direct sound จะลดลงไปด้วย ไม่สามารถแยกลดเฉพาะเสียงสะท้อนได้ ให้เฉพาะเสียงจริงไม่ลด
ปัญหาใหญ่ในห้องนี้ ดังข้างต้น แต่ถ้าเป็นห้องที่ใหญ่มากพอ
เปิดเพลงไม่ดังมากนัก การใช้ EQ เพื่อแก้ปัญหาความไม่ราบเรียบของหลายความถี่ที่มาจากเครื่องดนตรีหลายชนิด อาจจะช่วยให้การฟังมีสุนทรีย์มากขึ้น
ทุกอย่างเป็นความเห็นส่วนตัวและไม่ใช่ผู้เชียวชาญเรื่องระบบเสียง ถ้าความเข้าใจผมผิดก็ต้องขอโทษด้วยครับ
และขอบคุณจริงๆที่ทำให้กระทู้นี้ไม่เงียบเหงา
สำหรับเรื่องนี้ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมดครับ แต่รู้สึกว่ามันมีความย้อนแย้งกันอยู่
1. นัก Physco-Acoustic ทดสอบมาแล้วว่าหูคนรับรู้เสียงสะท้อนได้ตั้งแต่ 0.1s เป็นต้นไป เทียบเป็นระยะทางก็คือ 34m โดยไม่ขึ้นกับความถี่ แต่เราพยายามจะทำห้องให้ใหญ่ แล้วก็มานั่งกังวลกับเสียงสะท้อน ในขณะที่ห้องเล็ก กว่าเสียงจะสะท้อนครบ 34m อย่างกรณีห้องป๋าออฯ ก็ต้องสะท้อน 5-10 รอบ ซึ่งแน่นอนว่าคลื่นย่อมสูญเสียพลังงานมากกว่าการสะท้อน 1-2 รอบในห้องใหญ่ แต่เรากำลังพยายามทำให้ห้องใหญ่ ในขณะที่ถ้าเทียบกับการใช้หูฟัง เราไม่ต้องคิดเรื่องเสียงสะท้อนเลย
2. การทำอัลบั้มดนตรี โดยมากจะเป็นการบันทึกทีละเครื่องดนตรีแล้วเอามา Mix ทีหลัง การบันทึกก็เอาไมค์มาจ่อที่เครื่องดนตรีหรือปากนักร้องเอา เพราะฉะนั้น ตำแหน่งดนตรีที่เราได้ยิน มาจากการจัดโดย Sound Eng ไม่ได้มาจากสภาพจริง แต่พอเราเอามาฟัง เรากลับมานั่งสนใจว่า นักร้องอยู่กลางไม๊ เปียโนอยู่ทางซ้าย และเบสอยู่ทางขวา กลองอยู่ข้างหลังเยื้องขวาของนักร้องเล็กน้อย ผนังห้องอัดอยู่ห่างไป 3.25m ทำนองนี้ เราทึกทักเอาเองรึเปล่า ส่วนพวก Live to 2 Tracks อย่าง Belafonte at Carnegie Hall หรือ Lesley Olsher ที่อัดในโบสถ์คริสต์ อันนั้นถืงจะของจริง แต่ชุดของเราก็ไม่สามารถจำลองขนาดจริงของ Carnegie Hall และโบสถ์คริตส์ได้อยู่ดี ผมจึงมองเรื่องนี้เป็นจินตภาพไม่ใช่ Reality ครับ
พี่ Tube Collector มีความเห็นอย่างไรครับ